ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 ความเงียบสงัด (ฟรี)

ตอนที่ 1 คืนเเดงเดือด (ฟรี)


ในทวีปเเห่งรัตติกาล เวลาค่ำคืนอาจเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต่างตกอยู่ในห้วงความฝัน ขณะที่บางชีวิตต้องดำรงอยู่อย่างหวาดหวั่น วงโคจรของทวีปนี้ถูกกั้นผ่านเพียงแสงอาทิตย์ก่อนที่เช้าวันใหม่จะปรากฏขึ้น

ค่ำคืนที่เเทบมองไม่เห็นดวงจันทร์บนท้องฟ้า

ดวงจันทร์ขนาดยักษ์ ขนาดของมันใหญ่โตจนสามารถมองเห็นหลุมอุกาบาตขนาดใหญ่บนพื้นผิวดวงจันทร์ ทั้งมีภูเขาสูงตระหง่านสับไปมาอย่างเห็นได้ชัด

พระจันทร์สีเลือดสาดเเสงกระทบกับพื้นดิน ราวกับผ้าชีฟองผืนบางพริ้วไหวที่ขยับไปมาอย่างมีชีวิต แต่แล้วจู่ๆมันก็มีเงาสีดำปรากฏขึ้นกลางแสงจันทร์ที่กำลังสาดส่อง ดูราวกับรอยแผลขนาดใหญ่ ทว่าในเวลาเดียวกันมันก็ส่องประกายระยิบระยับ

ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนเเละเสียงกรีดร้องจากเหล่าอสูรดังที่สะท้อนขึ้นมาเป็นระยะๆ ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกหดหู่เหลือเกิน

หนึ่งในตำนานของเมืองเเห่งรัตติกาลเคยกล่าวไว้ว่า...ดวงจันทร์สีเลือดนั้นคือสัญลักษณ์เเห่งความหายนะ ลางร้าย เเละความโกลาหล เมื่อพระจันทร์ได้ถูกกลืนกินเป็นสีเลือดจนเต็มดวงเมื่อไหร่ เทพผู้อารักษ์ขาโลกโลกาทมิฬจะเปิดประตูเเห่งหายนะที่เต็มไปด้วยความรุนเเรงเเละภัยพิบัติขึ้น

ตำนานยังได้เล่าต่ออีกว่าภายใต้พระจันทร์สีเลือด ทุกสรรพสิ่งชีวิตจะกลายแปรเปลี่ยนเป็นความรุนแรงบ้าคลั่งและกระหายเลือด อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงหรือเปลี่ยนเเปลงไปได้เลย

เเละเมื่อบนดวงจันทร์มีจุดสีดำเล็กๆปรากฏขึ้นในแสงจันทร์สีเลือด จุดสีดำนั้นบินไปตามเส้นขอบฟ้าที่ดูเหมือนจะเริ่มขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อขนาดใกล้เข้ามาจนชัดขึ้น นั่นมัน...เรือบินที่มีความยาวหลายพันเมตร!

สภาพของมันดูทรุดโทรมอย่างมาก เรือบินลำนี้ถูกประกอบขึ้นจากโลหะสนิมต่อๆกัน สภาพของมันคล้ายกับว่าจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ

เหมือนกับว่าเรือบินลำนี้ล่วงรู้ถึงความคิดคนที่มองดู มันส่ายไปมาอย่างรุนเเรง เพียงชั่วครู่ชิ้นส่วนต่างๆร่วงหล่นไปทั่วบริเวณรอบ

ท่อโลหะชั้นนอกของเรือบินที่กำลังลอยอยู่ในอากาศเกิดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ไอน้ำถูกพ่นออกมาเเบบไม่หยุดยั้ง ใบพัดทั้ง 8 ใบพัดส่งเสียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด มันพยายามหน้าที่ของมันจนเกือบจะเกินขีดจำกัด เพื่อรักษาเสถียรภาพของเรือบินเอาไว้

ภายใต้เรือบินนั้นมีสายเคเบิลหนาสิบสายแขวนระโยงระยางพันกันยุ่งเหยิง ดูเเล้วราวกับว่ามันคือเรือเก็บขยะ เเต่จะพูดให้ถูกมันดูเป็นขยะลอยได้เสียมากกว่า

เรือบินที่สึกกร่อนนี้เปรียบเสมือนสัตว์ที่เซื่องซึมไร้พลัง แต่แล้วในที่สุดมันก็ได้มาถึงเป้าหมายเเห่งการเดินทาง ทั้งยังสร้างความตกอกตกใจให้กับใครทั้งหลายที่มอง

เพราะมันเป็นเรือบินขนาดใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเคยพบเห็น!

ขณะนั้นผู้คนหลายพันคนต่างหลั่งไหลออกมาจากที่ซ่อนตัว ละทิ้งความกลัวที่มีต่อพระจันทร์เลือดไว้เบื้องหลัง โบกไม้โบกมือไปที่เรือบินซึ่งลอยอยู่ด้านบนขณะทุกคนร่วมกันส่งเสียงร้องดีใจ

ดินแดนที่ถูกลืมเลือนโดยจักรวรรดิ พวกเขาเปรียบเสมือนมดตัวเล็กๆที่ต่ำที่สุดบนโลกใบนี้ ทุกคนต่างต้องดื้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในทุกๆวัน

เเละสำหรับผู้คนในดินเเดนแห่งนี้...เรือบินที่เปรียบเสมือนขยะลอยได้ลำนี้ก็เปรียบดั่งความหวังที่จะมาช่วยปลดความอดยากของพวกเขา

เดี๋ยวก็พรุ่งนี้เเล้ว คำว่าพรุ่งนี้...คือคำที่สวยหรูสำหรับพวกเขา เพราะทุกคนต่างพยายามที่จะมีชีวิตรอดต่อไปเพื่อวันพรุ่งนี้

เรือบินลอยอยู่ในอากาศส่งเสียงครวญครางเสมือนกับมันกำลังเจ็บปวดและจะหมดพลังแล้ว

ขณะที่ใบพัดก็หยุดหมุนลงในที่สุด ทำให้เรือบินยักษ์ส่ายกระดอนไปมา ทันใดนั้นผนังด้านซ้ายของเรือถูกเปิดออกเป็นช่อง ห่างออกไปไกลเกือบสิบเมตร  ตามมาด้วยเรือบินลำเล็กๆหลายลำบินลอยออกมา

ทว่าเรือบินขนาดเล็กมีรูปลักษณ์ที่ดูสะอาดสะอ้านและดูดีกว่ามาก มันบินวนเป็นวงกลมรอบๆเรือบินยักษ์ก่อนจะเริ่มลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า

หลังจากนั้นเรือบินยักษ์ก็สูญเสียพลังงาน มันเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ ตัวเรือเริ่มเอนเอียงไปมาและในที่สุดมันก็เริ่มตกลงสู่พื้น

ความเร็วในการตกลงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดมันก็ตกลงกระแทกพื้นจนเกิดเสียงคำรามสนั่นก้องไปทั่ว เศษขยะ ชิ้นส่วนต่างๆของเรือบินแตกกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เสมือนว่ามันเกิดฝนขยะลงมายังดินแดนแห่งนี้

“เย้ๆ เย้ๆ เฮ้!!!” เกิดเสียงร้องดีใจดังก้อง!

ผู้คนตะโกนร้องขณะวิ่งกรูกันไปที่เรือบินที่ตกลงมา

ชิ้นส่วนโลหะยักษ์จำนวนมากหล่นลงมาจากท้องฟ้า บ้างก็ตกใส่คนที่หนีไม่ทันจนตายคาที่ หากบางคนกลับเลือกที่จะวิ่งไม่คิดชีวิต มุ่งหน้าไปยังเศษซากของเรือบินยักษ์

ในฝูงชนมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง ผู้สูงอายุและเด็กๆ สำหรับดินแดนแห่งนี้อายุและเพศของพวกเขาไม่มีความหมาย ทุกคนถูกเเบ่งเเยกตามลักษณะรูปร่างและความแข็งแกร่งของพวกเขาซึ่งเป็นเกณฑ์เดียวที่ใช้กำหนดความแตกต่างของดินแดนแห่งสุสานแห่งนี้

ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในสุสานทั้งหมดมาถึงเรือบินยักษ์ก่อนใคร ตามด้วยผู้ชายและผู้หญิงทั้งหลาย สุดท้ายก็คือผู้สูงอายุและเด็กๆ

ผู้คนรวมตัวกันเป็นวงกลมหลายชั้น โดยมีศูนย์กลางเป็นเรือบินยักษ์ โดยมีลำดับชั้นวงตามอันดับคนที่มาถึงก่อน

วงนอกสุดเป็นเด็กๆที่หิวโหยซึ่งพยายามขุดคุ้ยหาอาหารจากกองขยะอย่างไม่หยุดยั้ง

เเละหนึ่งในนั้นก็คือเด็กหนุ่มผอมโซที่พยายามคุ้ยหาอาหารอย่างสุดความสามารถไม่เเพ้กับเด็กๆที่หิวโหยคนอื่น

เด็กหนุ่มคนนี้อายุประมาณ 7-8 ขวบ ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบสกปรกมอมแมมอย่างที่ไม่สามารถจะบรรยายได้ เขาสวมเสื้อตัวใหญ่หลวมโคร่งที่สภาพแทบจะไม่เหลือเคล้าเดิมให้เห็น มันขาดรุงริ่งราวมอมแมมไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้ว

เด็กชายผอมโซผู้นี้ใช้มือข้างหนึ่งกดปิดบาดเเผลสดที่เริ่มเกิดหนองเอาไว้ ขณะที่อีกข้างกับตะเกียจตะกายหาอาหารไปราวกับไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดๆ

สามวันมาเเล้วที่อาหารไม่ได้ตกถึงท้องเขาเลย หากจะให้รอเรือบินลำต่อไปมา เขาต้องตายเพราะความหิวโหยเเน่ๆ

เเต่ไม่ว่าเขาจะพยายามค้นหาอาหารสักเพียงใด มันก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถกินได้เลย...

สถานที่แห่งนี้มีผู้ที่เเข็งเเกร่งมาเยือนนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อหาอาหาร และเมื่อหาไม่ได้ แววตาที่เต็มไปด้วยความหิวกระหายก็จะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เด็กๆและเหล่าคนแก่แทนทันที

ที่นี่ในดินแดนร้างที่ไม่ต่างกับสุสาน ผู้คนที่อยู่ที่นี้ต่างพร้อมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดจนไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้าย แม้แต่สัตว์ก็อาจจะมีศักดิ์ศรีมากกว่าคนเหล่านี้ด้วยซ้ำไป!

ทว่าเด็กชายก็ไม่คิดยอมเเพ้ต่อความเจ็บปวด เเม้การหาอาหารจะทำให้เเผลของเขาเปิดจนเลือดไหลออกมา เเต่เขายังคงหาอาหารต่อไปอย่างมุ่งมั่น

เเละแล้วในตอนนั้นมันก็มีถุงขยะใหญ่ใบหนึ่งตกมาที่ข้างๆตัวเด็กชาย

ถุงใบนั้นมีรอยขาดรั่ว เด็กชายรีบหยิบมันขึ้นมาดูทันที มันมีอาหารอยู่!

เด็กชายตัดสินใจรีบเก็บมันขึ้นมายัดใส่ไว้ในเสื้อตัวหลงโครกของเขาทันทีโดยไม่แม้แต่จะตรวจเช็คและรีบหาที่ที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อจะเปิดดูมันในภายหลัง

ในเวลาเดียวกันเด็กบางกลุ่มก็ยังคงต่อสู้อย่างบ้าคลั่งเพื่ออาหาร ความโหดร้าย โหดเหี้ยมของพวกเขาไม่ต่างไปจากการต่อสู้ของเหล่าผู้ใหญ่เลย

เด็กหนุ่มถือว่ายังพอมีโชคอยู่บ้าง เขาสามารถหลบหนีสายตาของเด็กๆโหดร้ายพวกนั้นออกมาได้ในที่สุด เนื่องมาจากความฉลาดเเหลมคมของเขาที่มีติดตัวมาตั้งเเต่เกิด มันทำให้เค้าสามารถที่จะหลบหนีสถานการณ์อันน่ากลัวมาได้

เขาวิ่งไปหลบในกองขยะกองโตกองหนึ่งเเละซ่อนตัวอยู่ในลังกล่องอีกที ที่แห่งนี้คือที่ซ่อนตัวของเค้าจากเหล่าเด็กโหดเหี้ยมพวกนั้น จากนั้นไม่รอให้เสียเวลาเด็กหนุ่มก็ค่อยๆเปิดถุงที่เก็บมาได้ออก เเละก็พบกับขนมปังก้อนหนึ่งที่เเม้ว่าจะเป็นขนมปังที่มีรอยกัดอยู่ก็ตาม!

เขาเเทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย...นี่คือขนมปัง! 

เเม้จะเป็นเเค่ขนมปัง เเต่มันคือสิ่งที่เขาเฝ้าตามหามาตลอด

ในความเป็นจริงมันเป็นแค่ขนมปังก้อนกลมธรรมดาซึ่งเป็นอาหารประเภทหนึ่งที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปบนแผ่นดินใหญ่ตอนบน บางคนเลือกที่จะกัดกินเพียงแค่คำเดียวและโยนทิ้งขว้างด้วยซ้ำ แต่สำหรับในดินแดนสุสานแห่งนี้มันมีค่ามากขนาดที่สามารถต่อชีวิตใครหลายๆคนได้

พอลองสูดดมก็จะได้กลิ่นจางๆของข้าว ความเจ็บปวดที่เด็กชายรู้สึกพลันสลายหายไปในทันที เขาจะเก็บขนมปังชิ้นนี้ไว้อย่างระมัดระวังโดยแทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะได้พบสิ่งล้ำค่าเช่นนี้

นี่เป็นความฝันใช่ไหม?

เลือดหนึ่งหยดจากบาดแผลของเขาตกลงไปบนขนมปัง เด็กชายตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจและรีบปาดมือลงบนตัวเพื่อเช็ดเลือดและเหงื่อทั้งหลายออก ใบหน้าที่แสนเศร้าของเด็กหนุ่มมองไปยังขนมปังราวกับได้ว่าของที่ล้ำค่าที่สุดของเขาถูกทำลายอย่างไรอย่างนั้น

ท้องของเขาส่งเสียงร้อง ในที่สุดเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจค่อยๆกัดขนมปังกินอย่างช้าๆ เเต่เเล้วไม่นานเขาก็ต้องหยุดชะงัก

เพราะมีเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 4-5 ขวบคนหนึ่งโผล่เข้ามา ใบหน้าของเธอดำเปื้อน เช่นเดียวกับเนื้อตัว เธอจ้องมาที่เด็กหนุ่มไม่วางตา จากนั้นก็เบนสายตาไปที่ขนมปังในมือเด็กหนุ่ม

ในดินแดนสุสานแห่งนี้ หากมีใครเห็นอาหารของอีกฝ่าย แน่นอนว่ามันจะเกิดการต่อสู้แลกชีวิตกันขึ้นมาทันที แต่เด็กหนุ่มกลับเลือกที่จะส่งขนมปังไปให้เด็กผู้หญิงช้าๆด้วยมือที่สั่นเทิ้มและเต็มไปด้วยคราบเลือดและเหงื่อ

เด็กผู้หญิงเเทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอรีบหยิบขนมปังกินเข้าไปด้วยความรวดเร็ว แถมยังเลียส่วนที่ติดตามนิ้วของเธออีกด้วย จากนั้นก็มองสบตาของเด็กหนุ่มและรีบวิ่งหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

เด็กหนุ่มเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะให้ขนมปังกับเธอไป หรือเพราะสายตาคู่นั้นที่ทำให้เค้าเกิดความสงสารขึ้นมาก็เป็นได้...แต่ความสงสารคืออะไร?

ความรู้สึกประหลาดนี้คืออะไร? เด็กชายนอนชิดกับลัง ค่อยๆฉีกขนมปังใส่เข้าปาก หากเขาไม่ได้กลืนมันลงไปทันที เขาอมมันเก็บไว้ในปากเพื่อจะลิ้มรสชาติของขนมปังให้เต็มที่

ช่างมีความสุขเหลือเกิน~

แต่แล้วในตอนนั้นเอง เสียงเด็กผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านนอกกล่องลัง “เขาของอร่อยในมือของเขา! เธอสัญญาแล้วนะว่าจะให้ฉันครึ่งหนึ่ง!”

หัวใจของเด็กชายตัวแทบเล็กร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อมองเห็นภาพเด็กตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างนอกที่ซ่อนตัวของเขา

-------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด