ตอนที่แล้วบทที่ 7 หนิงหลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 องค์ชายจิ้นเหอ

บทที่ 8 ทวีปมหันตภัยเหนือพิภพ


บทที่ 8 ทวีปมหันตภัยเหนือพิภพ

“คาราวะท่านพ่อ เหล่าผู้อาวุโส และเหล่าศิษย์พี่”

เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นพร้อมกับเก็บกลิ่นอายที่ไม่ได้ตั้งใจปลดปล่อยออกมา เมื่อผ่านไปสามลมหายใจ คนที่กำลังฝันกลางวันอยู่นั้น ก็ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง

เมื่อคนที่ไม่ได้หมดสติไป ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้ฟัง มันทำให้พวกเขาต่างตกตะลึง ก่อนจะหันไปมองกุนไท่อย่างพร้อมเพรียงกัน มันอธิบายได้ว่าเด็กหนุ่มที่อายุเพียงสิบห้าปีผู้นี้ เพียงกลิ่นอายก็ทำให้พวกเขาสยบแทบเท้าได้แล้ว ในสายตาพวกเขาปรากฏความหวาดกลัว เคารพ และอิจฉาขึ้นมา

กุนไท่ไม่ได้สนใจสายตาเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เขาหันไปหาบิดาของตนก่อนจะเอ่ยงัวเงียไปว่า

“ขออภัยท่านพ่อที่ทำให้รอคอย ข้าพร้อมออกเดินทางแล้ว!”

เมื่อหนิงหลงเห็นกริยาท่าทางที่แสดงความเกียจคร้านกับความง่วงตลอดเวลาของกุนไท่นั้น เขาพลันรู้สึกไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายขึ้นมา เพราะนี่คือการพบเจอกันครั้งแรกของพวกเขา แม้จะเป็นบุตรของท่านอาจารย์ก็ตาม แต่แสดงท่าทางที่ไร้มารยาทเช่นนี้ทำให้เขาไม่พอใจนัก!

เจ้าสำนักไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าไม่พอใจของหนิงหลง เพราะความสนใจเขาของคือกุนไท่ เขาเผยรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมาก่อนจะตอบกลับไป

“ข้ามาก่อนเจ้าเพียงไม่นานหรอก เจ้าอย่าได้คิดมาก ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ!”

เจ้าสำนักกุนจวินโบกมือคราหนึ่ง พลันปรากฏรถลากที่ใหญ่โตมโหฬาร เพียงมองปราดเดียวก็รู้ว่ามันสามารถจุคนได้ถึงห้าสิบกว่าคน นอกจากผู้ที่ถูกเลือกเป็นตัวแทนทั้ง 10 คนแล้วนั้น ยังมีเจ้าสำนัก และผู้อาวุโสที่ร่วมเดินทางอีกสี่สิบคน ตัวแทนทั้งสิบนั้นนอกจากหนิงหลงแล้ว อีกเก้าคนที่เหลือล้วนเป็นศิษย์พี่ที่มีพรสวรรค์ทั้งสิ้น

ทุกคนมีอายุไม่เกินยี่สิบห้าปี ระดับพลังบ่มเพาะที่ต่ำที่สุดอยู่ที่ระดับสร้างรากฐาน ขั้นร่างกาย มีบางส่วนที่อยู่ขั้นจิตใจ อีกสองคนอยู่ในขั้นวิญญาณ และมีเพียงหนิงหลงผู้เดียวที่สามารถไปถึงระดับหลอมรวมพลังได้

แท้จริงแล้วในสำนักมีศิษย์ที่มีการบ่มเพาะสูงกว่านี้ แต่เป็นเพราะว่ากฎของการแข่งขันนั้นอายุห้ามเกินยี่สิบห้าปี ถ้าหากไม่จำกัดอายุละก็คงส่งศิษย์ที่มีอายุห้าสิบปีขึ้นไป ซึ่งมีระดับการบ่มเพาะที่น่ากลัวออกมาเป็นแน่

เมื่อรถลากปรากฏขึ้นพร้อมกับสัตว์อสูรลากรถขนาดใหญ่สี่ตัวนั้น ทุกคนต่างเข้าไปในรถลากอย่างรวดเร็ว สัตว์อสูรทั้งสี่ตัวคำรามคราหนึ่งก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปบนอากาศ เพียงพริบตาเดียวก็หายวับไปในเส้นขอบฟ้าแล้ว

เหล่าศิษย์ที่มีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำจนถึงระดับกลางต่างก็ปรารถนาว่าสักวันหนึ่งจะเป็นตัวแทนของสำนักไปแข่งขัน และสร้างชื่อให้กับตนเองให้จงได้

ผ่านไปเจ็ดวัน การเดินทางราบรื่นเป็นอย่างมากไม่มีอุปสรรคใดเกิดขึ้น สถานที่จัดงานนั้นคือทวีปมหันตภัยเหนือพิภพ มันเป็นทวีปขนาดใหญ่ แต่ละทวีปนั้นก็มีการแบ่งระดับเหมือนกัน มีขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่

ทั้งยี่สิบทวีปที่เข้าร่วมงานด้วยล่วนเป็นขนาดกลางทั้งสิ้น ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าภาพนั้นคือ ทวีปขนาดใหญ่ หากเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของแต่ละขนาด ต่อให้ทวีปขนาดเล็ก 10 ทวีปร่วมมือกันก็ไม่สามารถเอาชนะทวีปขนาดกลางได้ ส่วนทวีปขนาดใหญ่นั้น ต่อให้ทวีปขนาดกลาง 5 ทวีปร่วมมือกันก็ไม่สามารถโค่นได้เช่นเดียวกัน

ทวีปมหันตภัยเหนือพิภพที่เป็นสถานที่จัดงานนั้น แน่นอนว่าเป็นทวีปขนาดใหญ่ อำนาจของพวกเขายิ่งใหญ่มาก เพียงแค่ส่งยอดฝีมือระดับสูงมาแค่คนเดียวก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของทวีปขนาดกลางแล้ว

เมื่อรถลากได้มาถึง มันก็มุ่งตรงเข้าไปตรงราชวังแห่งหนึ่ง มันเปล่งรัศมีสีทองเจิดจ้า หน้าประตูของวังหลวงนั้นมีทหารยามเฝ้าอยู่ พวกเขามีระดับการบ่มเพาะถึงหลอมรวมพลังเป็นอย่างต่ำ นี่แสดงให้เห็นว่าเพียงแค่ยามหน้าประตูก็มีความแข็งแกร่งน่าสะพรึง

“จงแสดงตัวตนของพวกท่าน!”

เสียงที่เหมือนจะให้ความเคารพแต่กลับราบเรียบฟังดูหยาบกร้าน ทันใดนั้นก็ปรากฏแผ่นกระดาษสีน้ำตาลม้วนคลี่คลายออกมาพร้อมกับตัวหนังสือสีทองที่เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ‘แขกพิเศษทวีปอรุณเบิกฟ้า’

เหล่าทหารยามต่างเต็มไปด้วยความเคารพมากขึ้นเมื่อรู้ตัวตนของผู้มาเยือน แม้ทวีปอรุณเบิกฟ้าจะเป็นเพียงแค่ขนาดกลาง แต่อำนาจของพวกเขากล่าวได้ว่า ใกล้ที่จะได้เป็นทวีปขนาดใหญ่แล้ว

หลังจากผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดายนั้น เบื้องหน้าปรากฏทหารองค์รักษ์ยืนทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตาราวกับพวกเขาเป็นขบวนเสด็จของราชวงศ์ผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นการให้เกียรติทวีปอรุณเบิกฟ้าเป็นอย่างมาก พวกเขาส่งคนมาเพื่อต้อนรับ และให้การดูแลเป็นอย่างดี

เมื่อพวกรถลากของพวกเขาจากไปแล้วนั้น ทางหน้าประตูของวังหลวงพลันมีรถลากสัตว์อสูรจากทวีปอื่นเดินทางมาถึง มันมีขนาดเล็กกว่าแถมสัตว์อสูรที่ลากยังอ่อนแอกว่า เมื่อพวกเขาถูกทหารยามที่เฝ้าหน้าประตูให้ยืนยันตัวตน ทหารที่เคยแสดงท่าทีที่ดีต่อทวีปอรุณเบิกฟ้านั้น กลับเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ

ทหารเหล่านั้นเพียงเห็นตัวอักษรว่า ‘ทวีปแดนสงครามหลั่งโลหิต’ ก็ไม่ได้แสดงความเคารพแต่อย่างใด เพียงกวาดตามองอย่างเย็นชาอยู่คราหนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้ผ่านไปได้ เมื่อผ่านมาแล้วทหารยามที่ยืนเรียงทอดยาวเป็นทางที่ต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เมื่อครู่นี้ แต่บัดนี้กลับเดินออกไปอย่างไม่สนใจ ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นกลายเป็นพื้นที่โล่งกว้างทันที

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีใครสังเกตเห็น ด้วยการนำทางของทหารที่ยืนเรียงกันนั้น ทำให้รถลากของพวกกุนไท่มาถึงพระราชวังที่ใหญ่โต

เมื่อเข้ามาแล้วก็พบกับพื้นที่กว้างใหญ่ ทั้งซ้าย และขวาเต็มไปด้วยเสาที่ตั้งปักหลักอย่างมั่งคงอยู่สี่ต้น ตรงกลางระหว่างเสานั้นมีพรมยาวสีแดงทอดยาวออกไป จุดที่สิ้นสุดของพรมนั้นมีพระที่นั่งตั้งอยู่

บนพระที่นั่งชายชราผมสีขาว รูปร่างผอม สวมมุงกุฎสีทองเฉกเช่นเดียวกับอาภรณ์ที่สวมใส่นั่งอยู่ พลังปราณที่แผ่ออกมายากจะหยั่งถึง ทำให้ทั่วท้องพระโรงเต็มไปด้วยแรงกดดัน แต่แรงกดดันนี้นั้นไม่ใช่มาจากความแข็งแกร่ง แต่มาจากความสูงศักดิ์ที่เป็นเชื้อพระวงศ์

ด้านข้างชายชรานั้น ทางซ้ายมีหญิงสาววัยกลางคนงดงามผู้หนึ่งสวมใส่อาภรณ์สีทองที่ประดับไปด้วยลายหงส์ ทำให้นางนั้นทั้งดูสูงศักดิ์ และสง่างาม

ส่วนทางด้านขวามือนั้น เป็นชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาวที่ตัดกับสีทอง ที่เอวมีกระบี่เล่มหนึ่งพกไว้อยู่ข้างกาย

เมื่อกลุ่มของกุนจวินมาถึงแล้ว ทุกคนยกเว้นกุนไท่ และกุนจวินไม่ได้คุกเข่าลง พวกเขากุมมือคาราวะเพียงอย่างเดียวพร้อมกับเปล่งเสียงออกมา

“กราบถวายบังคม ‘องค์จักรพรรดิมหันตภัยเหนือพิภพ’!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด