ตอนที่แล้วคาถาที่ 37 : อิฐคนเดิม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคาถาที่ 39 : ตัดสินใจ

คาถาที่ 38 : ลัทธิบูชาซาตาน


หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ไล่ลิเวียธานออกจากร่างไอ้อิฐได้

พวกเราต้องช่วยกันทำความสะอาดและเก็บข้าวของที่พังกระจัดกระจายรอบห้องยกใหญ่ แน่นอนว่าผู้จัดการคอนโดขึ้นมาว่ากล่าวตักเตือนด้วย เพราะมีคนโทรไปร้องเรียนหลายคนเลย เล่นเอาไอ้แมทแถแทบไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้นกับห้องมันบ้าง

ส่วนไอ้อิฐเองก็เพิ่งตื่นขึ้นมาในช่วงสาย ๆ ของวันนี้ นอนหลับไปเกือบสองวันเต็ม ๆ ที่คอนโดของไอ้แมท ตื่นขึ้นมาผมก็ได้ยินเสียงมันร้องโวยวายดังลั่นออกมาจากข้างในของห้อง ผมที่นั่งดูหนังกับไอ้คีย์อยู่ที่โซฟาถึงกับต้องเดินเข้าไปดู และถ้าผมเดาไม่ผิด สาเหตุมันต้องมาจากกลิ่นเหม็นเขียวชวนอ้วกที่ลอยมาจากโซนครัวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้แน่ ๆ

ผมกับไอ้คีย์เดินเข้าไปในห้องก็เจอไอ้แมทกำลังเอายาให้ไอ้อิฐกินจริง ๆ ด้วย ดูท่าทางคนป่วยจะไม่ยอมกินง่าย ๆ ก็แหงล่ะ เห็นสภาพยาผมก็รับรู้ได้ถึงรสชาติว่ามันจะเป็นยังไง

“ไม่ ไม่เอา กูไม่มีวันกินไอ้นี่เด็ดขาด ให้ตายยังไงกูก็ไม่กิน !” ไอ้อิฐร้องขึ้นมาพร้อมทำหน้าชวนอ้วกเมื่อมองไปยังแก้วกาแฟที่ภายในมีของเหลวสีเขียวข้น ๆ กับกลิ่นที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับจมูกมนุษย์เท่าไร

“กินหน่อย มึงจะได้หายไว ๆ ตอนมึงหลับ กูเอามาให้มึงจิบตั้งหลายรอบ” ไอ้แมทพูดพลางขยับแก้วที่อยู่ในมือไปจ่อที่ปากของไอ้อิฐ

“ไม่เอาอะ มึงหายาพารายาอะไรก็ได้มาให้กูกินแทนดีกว่า” มันพูด

“มึงก็กินตามไอ้แมทมันบอกแหละดีแล้ว จะได้หายไว ๆ” ไอ้คีย์พูดเสริมไอ้แมท

“รับรองไอ้อิฐ มึงจะจดจำรสชาตินี้ไปจนวันตาย” ผมพูดแกล้งมันพร้อมใช้นิ้วทำท่าปาดไปที่ลำคอของตัวเองแล้วหัวเราะขำ ตามมาด้วยมือของไอ้คีย์ที่ลอยมาตบหัวผมที่ไปทำให้ไอ้อิฐไม่อยากกินยานั่นมากขึ้นไปอีก

“ไอ้คีย์ ไอ้ชา มึงมาช่วยกูจับตัวมันหน่อยดิ” ไอ้แมทพูด มันคงเริ่มหงุดหงิดที่ไอ้อิฐไม่ยอมอ้าปากสักที หึ ๆ ผมรอเวลาแบบนี้มานานแล้วล่ะ ไม่รอช้าผมกับไอ้คีย์รีบตรงเข้าไปล็อคตัวมันทันที

“เฮ้ย ๆ พวกมึงทำกับคนป่วยแบบนี้เหรอวะ เฮ้ยอย่า ไม่เอา ! กูหายเองได้” ไอ้อิฐร้องพร้อมกับขัดขืน นี่ขนาดมันป่วยแรงมันยังเยอะขนาดนี้เลย มือไม้กระแทกผมจนเจ็บไปหมด

“ไอ้ เอา” เสียงมันพูดขึ้นมาพร้อมกับปากที่ปิดสนิท

หึ ๆ จะเล่นแบบนี้ใช่ไหมไอ้อิฐ ได้ !

ว่าแล้วผมก็รีบเอามือไปบีบจมูกมัน ไอ้แมทกับไอ้คีย์ถึงกับมองหน้า ประมาณว่ามึงแค้นอะไรไอ้อิฐรึเปล่า ก็ทำไงได้ ไม้อ่อนไม่ได้ผล ก็ต้องใช้ไม้แข็งแบบนี้แหละ ไม่ถึงห้าวินาทีไอ้อิฐก็ต้องอ้าปากออกเพราะไม่มีอากาศหายใจ

“จังหวะนี้แหละ มึงเอายากรอกปากมันเลย” ผมรีบพูด

ของเหลวสีเขียวหนืด ๆ ค่อย ๆ ไหลลงไปในปากไอ้อิฐอย่างช้า ๆ กันมันสำลัก เห็นหน้ามันตอนนี้แล้วผมก็ถึงกับขำ ผมรู้ดีว่าความรู้สึกมันเป็นยังไงที่ต้องกินยาที่ไอ้แมททำ เพราะผมเคยโดนมาแล้ว วันนี้จะได้มีคนอื่นรู้บ้างว่ารสชาติมันน่าสยดสยองขนาดไหน จนในที่สุดไอ้แมทก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจที่คนไข้ได้รับยาตามปริมาณที่ต้องการสักที พอไอ้แมทยกแก้วกาแฟออกจากริมฝีปากมัน ผมก็รีบเอามือมาตะครุบปิดปากไอ้อิฐต่อทันที กลัวมันจะรีบปล่อยของที่เพิ่งจะเข้าไปในปากออกมา

“อึบ ! อึบ กลืนลงไปเพื่อน” ผมพูดพร้อมมองหน้าไอ้อิฐที่จ้องผมตาขวาง ฮ่าฮ่า แบบนี้ค่อยรู้สึกเหมือนมันคนเดิมกลับมาแล้วจริง ๆ ไม่ใช่ถูกปีศาจเข้าทำตาขวางเหมือนจะฆ่าผม

“อ่ะน้ำ” ไอ้คีย์พูดพร้อมยื่นแก้วน้ำส่งให้ไอ้อิฐ มันรีบคว้าไปดื่มอึก ๆ จนหมดแก้วอย่างรวดเร็ว พร้อมขอเพิ่มอีกแก้วมายกดื่มอย่างรวดเร็วอีกรอบ

“มึงจำไว้เลยนะไอ้ชา แค้นนี้ต้องชำระ” ไอ้อิฐพูดขู่ แน่ะ มีขู่ด้วย เอาไว้ให้หายดีก่อนค่อยมาเก่งกับพี่ไอ้น้อง ...

ผมยิ้มขำ ยักไหล่ให้มันเป็นเชิงท้าทาย ก่อนเสียงสยองข้างตัวจะดังขึ้นมา

“เออ ลืมบอก กูทำเผื่อมึงด้วยนะไอ้ชา มึงไม่ได้กินนานแล้วนี่หว่า ธาตุในตัวมึงจะได้สมดุล”

หูฟาด ผมหูฟาดหรือเปล่า ...

“มองไรกูกัน เดี๋ยวกูลงไปซื้อของกินที่เซเว่นก่อนนะ” ผมรีบบอกพร้อมกับจะเดินเลี่ยงออกไปที่บริเวณประตูของห้อง แต่ไอ้คีย์จับไหล่ผมไว้ก่อน หน้ามันนิ่งมาก แต่ผมกลับเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับความอยากเอายานั่นกรอกปากผมใจจะขาด เหลือบตามองไปที่ไอ้แมท ตอนนี้มันหยิบแก้วกาแฟแก้วเดิมที่เคยให้ไอ้อิฐกินยานั่นจนหมดขึ้นมา พร้อมกับเทของเหลวหนืด ๆ สีเขียวนั่นในกาน้ำชาใส่ลงไป ไอ้แมทเงยหน้ามองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่เหมือนเอาปีศาจทั้งนรกสิงไปในตัวมัน

ไม่นะ ... พวกมึงจะทำกับกูแบบนี้ไม่ได้นะ

“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้เพื่อน ไม่ต้องทำหูทวนลม ไอ้คีย์จัดการ”

“เฮ้ย ! ไม่เอาเว้ย” ผมเริ่มร้องโวยวาย เมื่อถูกพลังอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นลากผมไปบนเตียง ตามมาด้วยมือของไอ้อิฐที่รีบมาล็อคคอไว้อย่างรวดเร็ว

“ไอ้อิฐ ! ยาไอ้แมทมันวิเศษขนาดมึงลุกมาล็อคคอกูได้เลยเหรอ !” ผมร้องถามมันที่ตอนนี้เอามือมาล็อคคอผมไว้ทางด้านหลังอย่างแน่นหนา

“เออ มึงต้องลอง”

เสียงไอ้อิฐพูดกลับมาราวกับปีศาจในคราบมนุษย์ พร้อมกับใบหน้าของมันที่แสยะยิ้มออกมาชวนเอาเท้าไปกระทืบมาก ๆ

ไอ้พวกเพื่อนเวร !

“ไม่อาวววว !”

ผมแกะขนมสี่ห้าถุงที่ซื้อมาจากเซเว่นยัดใส่ปากอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อให้รับรู้ถึงรสชาติที่มันหลากหลายมากยิ่งขึ้น ลิ้นผมตอนนี้มันยังไม่ลืมรสชาติอันสุดแสนเลวร้ายนั่นเลย ในชีวิตนี้กินยานั่นไปครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว นี่ผมยังต้องมากินอีกครั้ง แทบอยากจะบ้าตาย

ตอนนี้มีไอ้คีย์กับไอ้แมทที่นั่งพิมพ์งานกลุ่มที่เราไปทำมาพร้อมกับหัวเราะขำมองผมที่นั่งกินขนมอยู่ ส่วนไอ้อิฐกินยาเสร็จก็ออกมากินข้าวแป๊บหนึ่งมันก็เข้าไปนอนหลับต่อแล้ว พวกผมเลยมานั่งเล่นอยู่ด้านนอกห้องกัน

“ของดีทั้งนั้นเลยที่มึงกินไป ทำอย่างกับยากูเป็นยาพิษซะได้” ไอ้แมทพูดขำ ๆ ขณะก้มหน้าก้มตาตัดต่อวีดีโอที่พวกเราไปสัมภาษณ์งานกลุ่มที่วัดกัน จริง ๆ หน้าที่นี้เป็นของไอ้อิฐ แต่สภาพมันตอนนี้คงไม่สามารถทำอะไรได้สะดวก ไอ้แมทมันเลยช่วยทำแทนเพราะมีฝีมือด้านนี้อยู่เหมือนกัน อีกอย่างกำหนดส่งงานชิ้นนี้ก็ภายในสิ้นเดือนนี้ด้วย ต้องรีบทำให้เสร็จ

“เออแมท กูถามไรอย่างซิ กูก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้” อยู่ ๆ ไอ้คีย์ก็พูดขึ้นมา หลังจากต่างคนต่างนั่งทำงานกันไปเงียบ ๆ สักพัก ผมเองหลังจากกินขนมเสร็จก็เดินไปยกแล็ปท็อปของตัวเองมานั่งช่วยไอ้คีย์พิมพ์งานเหมือนกัน

“ว่าไงวะคีย์” ไอ้แมทเงยหน้าขึ้นมาถาม

“พิธีที่มึงทำให้ไอ้อิฐ มึงทำให้ไอ้ชาบ้างไม่ได้เหรอวะ”

เฮ้ย ! จริงของมัน สถานการณ์ของไอ้อิฐกับผมแทบจะไม่ต่างกันเลย พวกเราโดนสิงทั้งคู่ ถ้าไอ้แมทมันทำพิธีให้ไอ้อิฐสำเร็จได้ ของผมมันก็ไม่น่าจะมีปัญหานี่หว่า

ไอ้แมทนิ่งไปนิดหนึ่ง มันทำหน้าเครียด ๆ ก่อนพูดออกมา

“ไม่ได้ว่ะ ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่อยู่ในตัวไอ้อิฐกับตัวไอ้ชาก็คือ มีตัวตนกับไม่มีตัวตน ลิเวียธานคือปีศาจที่มันยังมีตัวตนอยู่ในนรก แต่สิ่งที่อยู่ในตัวไอ้ชามันคือพลังงานความชั่วร้ายที่เกิดจากซาตาน สิ่งที่อยู่ในตัวมันก็ไม่ต่างอะไรจากร่างโคลนของตัวมันเองแล้วมีพลังของซาตานอยู่ในนั้น”

“ถ้ากูทำพิธีแบบนั้นไอ้ชาตายแน่ มันเหมือนกับส่งวิญญาณไอ้ชาไปลงนรกแทน แต่พลังความชั่วร้ายนั่นก็ไม่ได้หายไปไหนอยู่ดี มันยังอยู่ในร่างของไอ้ชารอเวลาส่งผ่านไปสู่คนอื่น พูดง่าย ๆ ก็คือตอนนี้ร่างไอ้ชาเป็นเหมือนภาชนะที่บรรจุพลังความชั่วร้ายอันนั้นเอาไว้แทนหนังสือที่มันทำลายไป ตามความเข้าใจของกูตอนนี้อ่ะนะ”

ไอ้แมทพูดอธิบายออกมายาวเหยียดจนผมพอเข้าใจ คิดแล้วก็อยากย้อนเวลาไปแก้ไขอดีตจัง ผมไม่น่าทำลายหนังสือเล่มนั้นตั้งแต่แรกเลย ตอนนี้ผมเลยกลายเป็นภาชนะที่บรรจุความชั่วร้ายนั้นแทน และถ้าแม่มดดำทำพิธีที่จะเกิดในวันจันทรุปราคาได้สำเร็จ ร่างของผมได้กลายเป็นอีกคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้อย่างสมบูรณ์แน่ ๆ แล้วถึงตอนนั้นอะไรจะเกิดขึ้นบนโลกเราบ้างก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือ

ผมจะกลายเป็นปีศาจ ... ที่อยู่บนโลก

“เวลามันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้วนะไอ้แมท พวกเราจะทำไงดี มึงยังไม่เจอวิธีที่บรรพบุรุษมึงกักขังพลังนั่นไว้ในหนังสือเหรอ”

“กูรื้ออ่านจนหมดชั้นหนังสือแล้ว กูยังไม่เจอวิธีเลยว่ะ” ไอ้แมทตอบกลับมาเซ็ง ๆ เครียด ๆ ไม่ต่างอะไรจากใบหน้าของไอ้คีย์

ผมนั่งฟังไปเงียบ ๆ ไม่รู้จะพูดอะไร เปิดจอแล็ปท็อปไปที่หน้าปฏิทินที่ได้โน้ตเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ไว้เตือนความจำ สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมามีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นเยอะแยะ ทั้งทะเลาะและวุ่นวายกับเรื่องไอ้อิฐ รวมถึงงานที่มหาวิทยาลัยด้วย จนผมไม่ได้นับวันเวลาเลย บนหน้าจอปฏิทินในแล็ปท็อปผมโน้ตไว้อย่างดีว่าวันที่เกิดจันทรุปราคาคือวันที่เท่าไร และจำนวนวันที่เหลือมันน้อยจนน่าตกใจ

อีกสามวันสินะ ...

เที่ยงคืน

ภายในห้องนอนของแมทธิว ร่างของผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสงบ แต่ไม่นานใบหน้าของเจ้าตัวก็เปลี่ยนแปลงไป ใบหน้านั้นกลายเป็นใบหน้าที่แสนเศร้าแทน คล้ายกับว่าเขากำลังฝันอยู่ และเป็นฝันที่ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย

ใช่แล้ว ... เขากำลังฝัน และเขาเองก็รู้ตัวด้วยว่ากำลังฝันอยู่ มันเป็นฝันที่เกิดจากเวทมนตร์ของใครบางคน

ในนั้นเป็นสถานที่มืด ๆ เขากำลังเดินไปเรื่อยอย่างไม่รู้ทิศทาง อยู่ ๆ เสียงเรียกชื่อเขาก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงเรียกของคนที่เขาคิดถึงมากที่สุด คนที่จากเขาไปโดยที่เขายังไม่ได้กล่าวคำล่ำลา

เสียงของแม่ ...

“แมท”

แมทธิวเดินตามเสียงนั้นไปจนเห็นวิญญาณของแม่ตัวเอง สภาพวิญญาณแม่ตัวเองทำให้เขาน้ำตาไหลออกมา ขาทั้งสองข้างของแม่เขาถูกล็อคล่ามโซ่ตรึงไว้กับพื้นไม่ให้ออกไปไหน

“แม่ ! แม่จริง ๆ ด้วย แม่เป็นไงบ้างครับ มันทำกับแม่แบบนี้ได้ยังไง แม่บอกมาวิญญาณแม่อยู่ที่ไหน ผมจะไปบอกกับพวกยมทูตให้ไปช่วยแม่” เขาพูดพลางก้มตัวลงเข้าไปกอดวิญญาณของแม่ตัวเองทั้งน้ำตา

“แม่สบายดีลูก แม่ไม่ได้ทรมานอะไร มันแค่พันธนาการและซ่อนแม่เอาไว้ ที่ไม่ยอมให้ยมทูตมารับตัวไป ก็เพราะความแค้นที่แม่เอาหนังสือหนีมันไปได้เท่านั้นเอง มันจะให้แม่รอเห็นความสำเร็จของพวกมัน” ร่างที่ถูกพันธนาการพูด

“แม่บอกมาว่าวิญญาณแม่อยู่ที่ไหน ผมจะไปช่วยแม่เอง” แมทธิวพูด ยิ่งเขามองใบหน้าของแม่ตัวเองก็ยิ่งเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรช่วยแม่ได้เลย แม่ตายมานานขนาดนี้แล้วกลับถูกพวกแม่มดดำขังไว้ไม่ยอมให้ยมทูตมารับตัวไปสักที

“แม่ไม่เป็นไร ตอนนี้แม่มีเวลาไม่มาก แม่รวบรวมพลังที่ยังเหลือยู่พาลูกมาในโลกของความฝัน เพราะแม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ตอนนี้แม่มดดำเรียกตัวมนุษย์ที่นับถือลัทธิบูชาซาตานมารวมตัวกันเพื่อจะทำพิธีที่จะเกิดขึ้นในวันจันทรุปราคาแล้ว”

“ลัทธิบูชาซาตานเหรอครับ ?” แมทธิวถามออกไป เขาเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้าง แต่ไม่เข้าใจว่าพวกแม่มดดำต้องการตัวคนพวกนี้ไปทำไม

“คนพวกนี้พร้อมจะเปลี่ยนแปลงโลก พวกเขาพร้อมจะเป็นเครื่องบูชายัญให้กับแม่มดดำในวันที่เกิดจันทรุปราคา ลูกจะต้องขัดขวางพวกมันให้ได้ พิธีนี้ต้องล้มเหลวเหมือนเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา”

“ผมต้องทำยังไงครับแม่” แมทธิวถาม

“พลังชั่วร้ายนั่นหลุดไปอยู่ในตัวเพื่อนของลูก คนที่แม่ฝากหนังสือไว้กับเขาใช่ไหม”

“ใช่ครับ ผมกำลังหาวิธีทำให้พลังนั่นกลับไปอยู่ที่ที่ควรจะเป็นของมัน แม่รู้พิธีกรรมที่จะทำให้ไอ้ชากลับไปเป็นเหมือนเดิมไหมครับ” แมทธิวถามอีกครั้ง แม่ของเขาคงเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดแล้ว เพราะตอนนี้เขาแทบจะหาทางออกให้กับปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เจอ ไม่มีตำราเวทมนตร์เขียนพิธีกรรมที่เคยทำไว้เมื่อหลายร้อยปีก่อนขึ้นมาเลย มันต่างสูญหายไปตามกาลเวลา

“แมทฟังแม่ดี ๆ นะ พลังนั่นต้องการที่สิงสถิต เราไม่มีวันทำลายมันได้ นับวันสายเลือดแม่มดขาวพลังยิ่งด้อยลง ไม่สามารถทำพิธีนำมันกลับเข้าไปในภาชนะอื่นได้อีกแล้ว”

“มีทางเดียวที่จะหยุดเรื่องนี้ได้ ...”

วิญญาณแม่ของแมทธิวนิ่งไปสักพักก่อนมองหน้าแมทธิวด้วยความแน่วแน่

“ทำยังไงครับแม่ บอกผมมาเลย”

ฆ่าเพื่อนของลูกก่อนถึงวันจันทรุปราคาซะ ปล่อยให้พลังนั่นอยู่ในร่างไร้ลมหายใจของเพื่อนลูก ร่างนั้นจะกลายเป็นภาชนะที่ขังพลังนั่นไว้ไปตลอดกาล เพราะร่างที่มีพลังนั่นจะไม่มีวันเน่าเปื่อย แล้วเอาศพของเพื่อนลูกไปฝังให้ลึกที่สุด อย่าให้ใครหาเจอได้อีก”

ทันทีที่วิญญาณตรงหน้าของแมทธิวพูดจบ มันก็เหมือนมีคนเอาไม้มาตีที่ท้ายทอยจนเขามึนไปหมด นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน นั่นเป็นวิธีที่เขาทำได้อย่างงั้นเหรอ

“แม่ ...” แมทธิวเรียกชื่อของแม่ตัวเองออกมาเบาหวิวจนแทบจะไม่ได้ยิน

สิ่งที่แม่ของเขาบอกเป็นอะไรที่มันทำให้เขาเจ็บเหลือเกิน จะให้เขาฆ่าเพื่อนตัวเองงั้นเหรอ เขาจะทำแบบนั้นได้ยังไง แมทธิวค่อย ๆ เดินถอยหลังออกห่างจากแม่ของตัวเอง แม่เขาไม่ใช่คนโง่ แม่เขาฉลาด เป็นนักวางแผน และเป็นผู้รักษาหนังสือของตระกูลอย่างดีเยี่ยม

“แม่รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าเรื่องแบบนี้มันจะต้องเกิดขึ้น ... แม่ไม่ได้แค่ฝากหนังสือไว้กับไอ้ชา แต่แม่จงใจให้มันเป็นภาชนะสำหรับขังพลังนั่นแล้วรอให้ผมไปฆ่า แม่ทำแบบนี้กับคนที่เขาไม่รู้เรื่องได้ยังไง แม่วางแผนนี้ไว้ตั้งแต่ต้น !” แมทธิวตะโกนออกมาเสียงสั่น น้ำตาไหลออกมาเป็นทางยาว

“แม่รู้ไหม ผมพยายามแค่ไหนที่จะคิดว่าแม่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้พ่อต้องตาย แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกว่า ผมคิดแบบนั้นถูกแล้ว แม่ … แม่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนที่ผมรักต้องตาย !”

ใบหน้าของคนเป็นแม่มองร่างของลูกชายตัวเองด้วยความสงสาร สงสารที่ลูกต้องมารับชะตากรรมแบบนี้ต่อจากเธอ แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว หน้าที่ก็คือหน้าที่

“แมทจะว่าแม่ยังไงก็ได้ แต่แมทต้องทำเพื่อส่วนรวมนะลูก ตระกูลแม่มดขาวของเรามีหน้าที่ต้องกำจัดพวกมัน”

“ทำไม ทำไมผมต้องเกิดมาในตระกูลแม่มดขาวบ้าบอนี้ด้วย ทำไม !”

ร่างวิญญาณของแม่แมทธิวดึงตัวเขามากอดด้วยน้ำตา เมื่อเห็นลูกชายตัวเองร้องไห้ออกมาอย่างโกรธแค้นในชะตากรรมของชีวิต เธอยอมให้เขาตะโกนพร้อมร้องไห้ใส่เธออย่างบ้างคลั่ง รู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ชีวิตลูกต้องเป็นแบบนี้

“แม่ขอโทษ ...”

นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่แมทธิวได้ยิน ก่อนเขาจะลืมตาขึ้นมา

ร่างของเขาค่อย ๆ ลุกยืนขึ้นมา น้ำตาไหลอาบแก้ม ประตูห้องนอนถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของเขาที่เดินออกไปช้า ๆ ท่ามกลางความมืดด้านนอกห้อง ยังมีร่างหนึ่งที่นอนอยู่ที่โซฟาพร้อมกับผ้าห่มผืนหนา ร่างนั้นเป็นของชาบู เพื่อนของเขาที่กำลังนอนหลับสนิท แมทธิวเดินเข้าไปไกล้ ๆ ชาบูเรื่อย ๆ เขามองหน้าเพื่อนตัวเองก่อนพูดขึ้นมาเบา ๆ

“กูขอโทษ ไอ้ชา”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด