ตอนที่แล้วบทที่ 48 โจรขวางทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 50 เมืองหลิวเฉออันแสนวุ่นวาย

บทที่ 49 เดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า


จัวอ้ายกั๋วเดินลงจากรถ  เย่โม่และคนขับรถเสี่ยวหยูก็ลงมาเช่นกัน  เย่โม่มองไปรอบๆ...นอกจากชายที่ใช้โทรโข่งและอีก 2 คนที่ถือปืนอยู่ข้างๆ แล้ว  ด้านหลังยังมีชายอีก 2 คนยืนขวางถนนเอาไว้  เมื่อรวมกับอีก 2 คนที่ยืนขวางด้านหน้าแล้ว  โจรที่ขวางทางพวกนี้มีทั้งหมด 7 คนด้วยกัน  โดย 6 คนในนั้นมีปืนอยู่ในมือ

“ส่งมาห้าหมื่น แล้วจะไปไหนก็ไป!” ชายร่างใหญ่ที่ถือโทรโข่งพูดต่อ

“ไม่ใช่หนึ่งหมื่นหยวนเหมือนแต่ก่อนแล้วหรือ? ทำไมอยู่ๆ ถึงกลายเป็นห้าหมื่นได้?” คนขับเสี่ยวหยูราวกับจะรู้ราคาดีจึงรีบทักท้วงขึ้น

ชายที่แต่เดิมยืนขวางหน้ารถเมอร์เซเดสอยู่นั้น  เมื่อได้ยินคำของเสี่ยวหยูเขาก็โบกปืนในมือแล้วตะคอกออกมาอย่างยโสโอหัง  “ทำไม!?  ลองพูดมากอีกทีพ่อจะเป่าสมองให้กระจุยเชียว!  จะเก็บเท่าไหร่พวกข้าเป็นคนกำหนด!”

“โอเค!  โอเค!  ผมมีเงิน... ห้าหมื่นหยวนใช่ไหม  ผมจะรีบไปเอาให้ทันที!”  ชายหนุ่มที่กลัวจนสีหน้าขาวซีดคนนั้นราวกับได้ยินเสียงจากสวรรค์ก็ไม่ปาน  เขารีบหันหลังขึ้นรถไปหยิบเงินห้าหมื่นหยวนออกมาทันที

ชายที่อยู่ข้างหน้ารับเงินไป  จากนั้นจึงโบกปืนในมือแล้วพูดขึ้น  “แกไปได้”

ชายหนุ่มรูปหล่อคนนั้นรีบขึ้นรถทันที  “เซียวเล่ย!  พวกเรารีบออกไปกันเถอะ!  ไม่ต้องไปหลิวเฉอแล้ว!”

หญิงสาวที่ชื่อเซียวเล่ยหันไปมองพวกเย่โม่  แล้วพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง  “แต่พวกเขา...”

แต่เธอพูดออกมาได้แค่นั้นก็ถูกชายหนุ่มร่างสูงบนรถตัดบท  “พวกเขาขับรถแพงขนาดนี้  แน่นอนล่ะว่าต้องมีเงิน  พวกเราไม่ต้องไปกังวลแทนหรอก!”

ชายหนุ่มยังไม่ทันได้รับคำตอบจากเซียวเล่ยก็ถูกคนอื่นพูดขัดจังหวะ  “ไอ้หนู!  แกไปคนเดียวพอ…พวกข้าจะเล่นกับนังนี่สักวันสองวัน จากนั้นแกค่อยมารับ…ส่วนเธอก็มานี่!”

“เอ่อะ!...ฉันก็ให้เงินพวกนายไปแล้ว  เพราะอย่างนั้น...เพราะอย่างนั้นปล่อยพวกเราไปเถอะ...”  เมื่อชายหนุ่มร่างสูงได้ฟังว่าต้องทิ้งเซียวเล่ยไว้ที่นี่  สีหน้าที่กลับคืนสู่ความปกติแล้วก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดอีกครั้ง

ชายที่เรียกเซียวเล่ยตัดบทชายหนุ่มรูปหล่อทันที  เขายกปืนในมือขึ้นแล้วพูดเสียงเย็น  “ข้าจะนับถึง 5 ถ้ายังไม่ไสหัวไปข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!”

“ไม่ต้อง!  ไม่ต้อง!  ผมไปแล้ว!”  ชายหนุ่มรีบขึ้นรถกลับไปทันที  เขาทิ้งกระเป๋าเล็กๆ ไว้แล้วรีบสตาร์ทรถอย่างว่องไว  เขากลับรถเป็นวงกว้างแล้วรีบขับกลับทางเดิมอย่างรวดเร็ว  ชายที่ถือปืนจ่อยังนับไม่ถึง 4 เสียด้วยซ้ำ  โชคดีที่ตรงนี้เป็นสถานที่เปิด  ไม่อย่างนั้นด้วยความเร็วขนาดนี้คงยากจะกลับรถได้

โจรพวกนี้รักษาคำพูด  ชายที่ยืนขวางอยู่ก็เปิดทางให้เขาขับออกไปได้  เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนั้นจากไปแล้ว  พวกมันก็หัวเราะกันยกใหญ่

หญิงสาวที่ถูกทิ้งไว้ยิ่งมีสีหน้าซีดขาวยิ่งขึ้น  ริมฝีปากสั่นระริก  ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีคำพูดออกจากปากของหญิงสาวคนนี้  เธอถอยหลังกรูดจนมาถึงรถออร์ดี้ของพวกเย่โม่

“ถึงตาพวกแกแล้ว!  รีบหยิบเงินของพวกแกออกมา  อย่ามาถ่วงเวลาเสพสุขของบิดาคนนี้”  โจรอีก 7 คนที่อยู่แถวนั้นก็เริ่มล้อมวงเข้ามา

“เซียวเล่ย?  หรือว่าเธอคือนักข่าวเซียวคนนั้น?”  เวลานั้นจัวอ้ายกั๋วก็มองเห็นหน้าของหญิงสาวที่ชายคนนั้นเรียกว่าเซียวเล่ยได้ชัดเจน  เขาจึงร้องเรียกเธอทันที  เห็นได้ชัดว่าจัวอ้ายกั๋วรู้จักหญิงสาวคนนี้

เซียวเล่ยหันมาด้านนี้ทันที  เมื่อเธอเห็นจัวอ้ายกั๋วก็รู้สึกคุ้นๆ ชายตรงหน้ามากแต่ก็นึกไม่ออก  แต่ในเมื่อมีคนรู้จักเธอแบบนี้ก็คล้ายกับเจอที่ให้พักพิงอย่างไรอย่างนั้น  เธอรีบถอยไปอยู่ด้านหลังของเย่โม่  กับเหล่าชายฉกรรจ์ที่เหล่สายตาจ้องมองเธอราวกับเสือหิวพวกนี้แล้ว  เซียวเล่ยรู้สึกกลัวจับขั้วหัวใจ

“คุณคือ...”  เซียวเล่ยมองจัวอ้ายกั๋วด้วยความกังวลใจ  ไม่ว่าจะยังไงจัวอ้ายกั๋วก็ยังดีกว่าโจรพวกนี้หลายเท่านัก

“ผมคือจัวอ้ายกั๋ว  จากบริษัทหลานเย่...”  จัวอ้ายกั๋วถูกเซียวเล่ยตัดบทด้วยอาการตื่นเต้นยินดี  “หรือว่าคุณจะเป็นประธานจัว?  ลุงสามของจัวยิ่งฉิง  คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะได้เจอคุณที่นี่...”

คำพูดของเซียวเล่ยชะงักลงกะทันหัน  เธอคิดถึงสถานการณ์ของตัวเองขึ้นมา  ถึงจัวอ้ายกั๋วจะนับได้ว่าเป็นคนคุ้นเคย  ต่อให้จัวอ้ายกั๋วไม่สลัดเธอทิ้ง...แต่ก็คงไม่มีทางที่จะคุ้มครองเธอจากกลุ่มโจรพวกนี้ได้  จิตใจของเธอกลับไปหนักอึ้งอีกครั้ง  ไม่มีท่าทีดีใจที่ได้เจอจัวอ้ายกั๋วเหลืออยู่แล้ว

หนึ่งในโจรที่จ้องเซียวเล่ยมาตั้งแต่ต้นโห่ร้องขึ้นมา  “ไม่คิดว่าจะเป็นคนคุ้นเคยกัน  รีบส่งเงินมาแล้วไสหัวไปซะ!  ส่วนเธอน่ะมานี่  ไม่งั้นพ่อจะยิงกราดมันให้หมดเลย!  อย่ามาโทษกันเชียวว่าข้าไม่ให้โอกาสแล้ว แม่งเอ๊ย!...”

จัวอ้ายกั๋วทำใจให้เย็นลง  เขารู้จักเซียวเล่ย  เธอเป็นนักข่าวจากปักกิ่งที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง  และยังเป็นสายเฉพาะทางที่ไปทำข่าวในสถานที่อันตรายๆ อีกด้วย  ยังไม่นับว่าเธอรู้จักกับหลานสาวของเขา ‘ยิ่งฉิง’ หรือต่อให้ไม่รู้จักจัวอ้ายกั๋วก็ไม่มีทางปล่อยให้หญิงสาวที่เขารู้จักถูกโจรพวกนี้ลากตัวไปปู้ยี้ปู้ยำต่อหน้าได้

“เย่โม่…คุณคิดว่ายังไง?”  จัวอ้ายกั๋วรู้ว่าเย่โม่นั้นมีฝีมือ  แต่ต่อหน้าพวกเดนตาย 7 คนพร้อมปืนแบบนี้  นี่มันอันตรายกว่าโจรกระจอกตอนในห้างมากนัก

“พวกมันเป็นใคร?”  เย่โม่ถามขึ้นเรียบๆ ราวกับไม่เห็นปืนที่กำลังจ่อเขาอยู่

“เป็นพวกเดนตายทั้งจากจีนและเวียดนามน่ะ  คนพวกนี้มักจะออกอาละวาดตามชายแดนของประเทศต่างๆ  ถ้าพูดไม่เข้าหูพวกมันก็ฆ่าเรียบ  แต่หลักๆ แล้วพวกมันจะปล้นเงิน”  จัวอ้ายกั๋วเองก็รู้มาบ้าง   ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เชิญให้เย่โม่มาด้วยกันแบบนี้หรอก

“พวกมันมีกี่คน?”  เย่โม่ถามอีกครั้ง

ครั้งนี้คนตอบคือเสี่ยวหยู  เขามาที่นี่หลายครั้งจนเรียกได้ว่าคุ้นเคยมากกว่าจัวอ้ายกั๋ว  “ได้ยินว่าพวกมันมีทั้งหมด 13 คน  เรียกกันว่า ‘13 ผู้พิทักษ์’  แต่ได้ข่าวว่ามีการต่อสู้กันระหว่างแก๊งทำให้พวกมันตายไป 6 คน  เพราะอย่างนั้นคงมีแค่ 7 คนนี้แหละ  ปกติแล้วพวกมันล้วนต้องการเงิน  แต่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือพวกมันก็จะลงมือฆ่าทันที  น้อยครั้งที่จะปล้นผู้หญิง  แต่ผู้หญิงสวยๆ ก็น้อยมากจะมาที่แบบนี้...”

ตอนที่เสี่ยวหยูพูดถึงผู้หญิงเขาก็มองไปทางเซียวเล่ยอย่างไม่ตั้งใจ  เขาไม่ได้พูดต่อแต่คนอื่นๆ ก็พอจะเดาสิ่งที่เขาคิดได้  ผู้หญิงอย่างเธอมาทำอะไรในที่แบบนี้

เย่โม่พยักหน้า “บอสจัว  ที่นี่ให้ผมจัดการเอง  พวกคุณ 3 คนขึ้นรถไปก่อนเลย”

ชายที่ถือโทรโข่ง  เมื่อเห็นพวกเย่โม่พูดคุยกันอยู่นานเขาก็รู้สึกรำคาญขึ้นมาทันที  “แม่แกสิ!  ทำให้พวกข้าเสียเวลาจริงๆ  หยางผียิงมันซะ!  ในเมื่อไอ้พวกนี้...”

ปัง!  เสียงปืนดังขึ้น  ก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบเพื่อนโจรอีกคนที่อยู่ข้างๆ เขาก็ยิงออกมาเสียแล้ว

เห็นได้ชัดเจนว่าทั้ง 2 นั้นคิดเหมือนกัน   ฆ่าก่อนสักคน  แต่คนที่พวกมันเลือกดันเป็นเย่โม่เสียนี่

เวลาเดียวกับที่เสียงปืนดังขึ้นนั้น  เย่โม่ก็กระโดดพุ่งทะยานออกไปแล้ว  เขาเตะไปที่หน้าของชายคนหนึ่ง  ชายคนนี้ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ร่วงลงไปนอนเสียแล้ว  ส่วนชายอีก 2 คนข้างกายเขาซึ่งรวมถึงชายที่ถือโทรโข่งก็ร่วงลงไปนอนกับพื้นเช่นกัน  โดยที่เย่โม่ไม่มีแม้แต่รอยกระสุนบนร่าง

เย่โม่ถีบชายทั้ง 3 อย่างต่อเนื่องก่อนที่เขาจะร่อนลงพื้นเสียด้วยซ้ำ  เขาถีบไปที่ด้ามปืนของชายทั้ง 2 คน  เย่โม่เรียนรู้วิธีนี้มาจากเหวินตง  ปืน 2 กระบอกนั้นลอยข้ามหัวจัวอ้ายกั๋วไป  มันลอยไปกระแทกหัวของชายอีก 2 คนที่อยู่ด้านหลังของจัวอ้ายกั๋วจนพวกมันสลบเหมือดไปทันที

เหลือชายอีก 2 คนที่เพิ่งจะได้สติ  พวกมันยกปืนขึ้นมายิงทันที

ปัง! ปัง!  เสียงปืนดังขึ้น

มีเสียง  กร๊อบ! กร๊อบ!  ดังขึ้น 2 ครั้ง  จัวอ้ายกั๋วและคนที่ซึ่งกำลังหวาดกลัวเห็นได้อย่างชัดเจน   ชายที่เหลืออยู่ 2 คนนั้นถูกเย่โม่คว้าข้อมือเพื่อเบนวิถีกระสุนให้ยิงขึ้นไปบนฟ้า  หลังจากนั้นที่เกิดเป็นเสียง  กร๊อบ!  ก็คงจะเป็นเสียงที่เย่โม่หักข้อมือพวกเขานั่นเอง

เย่โม่ไม่อยากฆ่าคนต่อหน้านักข่าว  เพื่อเลี่ยงไม่ให้นักข่าวสาวคนนี้เอาไปพูดต่อโดยไม่คิด  ด้วยเหตุนี้เย่โม่จึงไม่ได้ใช้ตะปูที่เขาเตรียมไว้  ไม่อย่างนั้นเพียงแค่ตะปูไม่กี่ตัวก็จบปัญหาได้แล้ว

จัวอ้ายกั๋วจ้องมองเย่โม่ด้วยอาการตกตะลึง  เขารู้ว่าเย่โม่เก่งมาก…แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้  จัวอ้ายกั๋วรู้สึกว่าเย่โม่เหมือนจะหลบกระสุนนัดแรกก่อนที่โจรคนนั้นจะยิงออกมาด้วยซ้ำ  เขาเผชิญหน้ากับปืนถึง 6 กระบอก  แต่ก็สามารถจัดการคนพวกนี้ได้ด้วยท่าทีราวกับกำลังเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า  นี่มันไม่ใช่การต่อสู้แล้ว นี่มันเป็นการแสดงโชว์ชัดๆ

คนขับรถเสี่ยวหยูเองก็อ้าปากค้าง  เขาไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อสายตาตัวเอง  เขาคิดไม่ถึงว่าชายท่าทางไร้พิษสงที่มากับบอสของเขานั้น  ที่แท้จะเป็นยอดฝีมือแบบนี้

เซียวเล่ยหลังจากหายตกตะลึงแล้ว  เธอก็รีบจ้องมองด้วยอาการตื่นเต้นยินดี  นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นคนที่มีศิลปะการต่อสู้เหมือนกับในหนังแอคชั่นแบบนี้  เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ถ่ายเอาไว้  เธอกลับมาได้สติทันทีหลังจากลืมสถานการณ์รอบตัวไปครู่หนึ่ง  ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณเย่โม่  ถ้าเขาไม่ลงมือล่ะก็...บางทีชีวิตเธอหลังจากนี้อาจจะกลายเป็น ‘อยู่ไม่สู้ตาย’ ก็ได้  ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เธอคงไม่อาจทำตามอำเภอใจแบบนี้ได้แล้ว

เมื่อคิดถึงหวังเฉียนจุนที่หนีไปก่อนหน้า  เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ  คนเราเมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายจึงจะเผยธาตุแท้ออกมาให้เห็น  แม้แต่จัวอ้ายกั๋วเองยังดีกว่าหวังเฉียนจุนที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาไม่รู้ตั้งกี่เท่า!

ผัวะ!  เย่โม่เตะไปที่ท้องของโจรทีหนึ่งจนเขาลอยกระเด็นไปหลายเมตร  เมื่อโจรคนนั้นร่วงลงพื้นเขาก็สลบเหมือดทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด