ตอนที่แล้วตอนที่ 52 ชื่อไม่เหมือนกัน แปลว่าไม่ใช่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 54 เกราะเหมยสะคราญ

ตอนที่ 53 สาวดาวเด่น


        ณ เรือนประทานพร

        เรือนประทานพรเป็นเรือนขนาดใหญ่ที่ถูกจัดเตรียมไว้รับรองผู้มีอำนาจ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาคารประมูล ด้านหลังเรือนอยู่ใกล้กับอาคารอาบน้ำสาธารณะ จึงสะดวกสำหรับคณะผู้มีอำนาจที่มีผู้ติดตามมากมาย

        เมื่อชายตาเหยี่ยวปรากฏกาย เหล่ายามขมังเวทย์ที่เฝ้าตรวจตราอยู่หน้าเรือนก็รีบออกมาต้อนรับเชิญชายคนดังกล่าวในทันที คล้ายกับว่าพวกเขาได้นัดหมายกับเจ้าของเรือนแห่งนี้มาก่อนแล้ว

        ชายตาเหยี่ยวขึ้นไปยังชั้นสาม ห้องในสุด จากนั้นก็ตรงดิ่งไปนั่งลงหน้าแท่นวาดรูปที่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้าราวกับรู้ใจเขา เขาค่อย ๆ บรรจงวาดภาพในความทรงจำ แล้วภาพของพราวจันทร์กลางสระน้ำร้อนก็ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างประณีต แล้วเขาก็พูดออกมาลอย ๆ ขณะที่ชายแก่ผมสีขาวเดินเข้ามาในห้อง

        “ดูเหมือนฉายากุนซือไร้พ่ายของท่าน คงสิ้นชื่อในวันนี้แล้ว”

        ชายสูงวัยได้ยินเช่นนั้นก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างคาดไม่ถึง แผนการทั้งหมดถูกวางเอาไว้อย่างดีและรัดกุม เริ่มจากชักนำให้หัวหน้ามือปราบเมืองหลวงที่รักในคุณธรรมอย่างขุนเจษออกโรงบีบให้เหนือภพหลบหนี จนถูกชายตาเหยี่ยวไล่ต้อนไปยังที่พักของสาว ๆ หอหมื่นบุปผา ที่นั่นมีกฎที่แม้แต่องค์ชายยังไม่อยากยุ่ง ผู้รุกล้ำจะถูกตัดสินด้วยความตาย กฎนี้ทุกคนรู้ทั่วกัน ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนสาว ๆ คนทั่วหล้าพร้อมใจกันกำหนดกฎนี้ขึ้นมาดังนั้นผู้ลงทัณฑ์ไม่ใช่คนหอหมื่นบุปผาแต่จะเป็นคนทั่วหล้า แน่นอนว่าพวกเขาคิดจะใช้ข่าวลือนี้เป็นการฆ่าเหนือภพทางอ้อม แต่ว่าทุกอย่างผิดถนัด

        เหนือภพรอดออกมาจากเรือนรับรองหอหมื่นบุปผาอย่างไร้รอยขีดข่วน ทั้งยังไม่มีข่าวคราวเรื่องคนบุกรุก นั่นทำให้เขาคาดเดาได้ว่าบางทีผู้หนุนหลังเหนือภพอาจจะไม่ได้มีแค่ กลุ่มภารดา หรือหอโลหิต ดังนั้นต่อให้ปล่อยข่าวลือออกไปแต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดคนที่ซวยกับการกระทำนี้จะเป็นพวกเขาเอง

        “มันก็แค่ความผิดพลาด”

        ที่ปรึกษาชราของชายตาเหยี่ยวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่กังวลใจ ก่อนจะพูดต่อด้วยแววตาลึกล้ำมากแผนการ

        “องค์ชายโปรดวางใจ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”

        ชายตาเหยี่ยวยิ้ม ไม่รู้ว่าเขายิ้มให้กับภาพที่เขาวาดจนเสร็จหรือว่ายิ้มให้กับความสำเร็จของเขาในอนาคตกันแน่

        ณ เรือนธารใส

        หลังจากที่เหนือภพหลบหนีออกมาได้สำเร็จเขาก็กลับมาที่เรือนธารใส เรือนรับรองของคนตึกลำธาร เมื่อถึงที่นี่แล้วก็ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัวอีกต่อไป

        เวลานี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว แต่เขาไม่จำเป็นต้องหลับนอน เหนือภพจึงมานอนไขว้ขาเล่นในห้องโถงกลางที่จัดเตรียมเอาไว้ให้กับกลุ่มภารดา กลางโต๊ะรับรองมีรายการรายละเอียดของสิ่งที่จะประมูลกันในวันนี้

----------------------------------------------

งานเทศกาลประมูลระดับแคว้น ครั้งที่ 60

วันที่ 2 สินค้าประเภทเครื่องแต่งกาย

- ชุดสวยงาม

- ชุดกันสภาพอากาศ

- เครื่องประดับ

- อัญมณี

- สินค้าปริศนาชั้นเลิศ

----------------------------------------------

        “น่าเบื่อ”

        พูดจบเหนือภพก็โยนกระดาษทิ้งอย่างไม่ไยดี ประจวบเหมาะกับอังกาบเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วกระดาษใบนั้นก็แปะเข้าที่หน้าผากของเธอทันที เมื่ออังกาบเอามาอ่านดูตาเธอก็เปล่งประกาย เธอมัวแต่สนใจงานอย่างอื่นจนไม่ได้สนใจตารางการประมูล ในเมื่อวันนี้มีการประมูลเสื้อผ้าและเครื่องประดับ มีหรือที่ผู้หญิงอย่างเธอจะพลาด

        อังกาบจ้องหน้าเหนือภพนิ่ง

        “นี่น้องเขย”

        “หืม ?”

        “ไปงานประมูลกับพี่เถอะ”

        “ไม่เอา น่าเบื่อ มีแต่ของไร้ประโยชน์ ทำไมพี่ไม่ไปชวนศิษย์พี่ใหญ่ล่ะ”

        “อย่าพูดถึงตาบ้านั่นเลย ไม่รู้ป่านนี้ไปเมาหัวราน้ำที่ไหน ตั้งแต่จบพิธีเปิดงานก็ไม่เห็นหัวอีกเลย ตายไปได้ก็ดี”

        เหนือภพแทบสำลัก พี่สะใภ้ช่างเป็นคนอารมณ์แปรปรวนนัก ยังไม่ทันที่เขาจะได้ปฏิเสธอีกครั้ง เธอก็ชิงพูดขึ้นก่อน

        “พี่ให้เจ้า 100 เหรียญทอง”

        อังกาบชูถุงเงินขึ้น แล้วแกว่งต่อหน้าเหนือภพ เสียงเหรียญทองกระทบกันมันช่างทำให้คนตื่นตัวดีนัก เหนือภพทะลึ่งตัวขึ้น พร้อมฉกถุงเงินมาอยู่ในมือตัวเอง เขานับมันขณะเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี

        “ไปสิ เจ้านาย”

        “หึหึ”

        อังกาบไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก แต่ก่อนพวกเธอจะออกจากห้อง อยู่ ๆ ราตรีก็มาปรากฏตัวขึ้นในห้องเช่นกัน และจุดหมายของเธอก็ไม่ได้ต่างไปจากอังกาบนัก เธอยื่นตั๋วเงินให้กับเหนือภพโดยไม่พูดอะไร

        เหนือภพมองกระดาษใบน้อยที่มีมูลค่า 1,000 เหรียญทองด้วยรอยยิ้มกว้าง

        “พี่สาวช่างมือเติบนัก”

        สำหรับเหนือภพนั้นเงินแค่ไหนมีค่า ดังนั้นเขาไม่คิดเอาเงินของทั้งสองคนมาเปรียบเทียบ เขาเก็บเงินเข้าอกเสื้อก่อนจะชวนเจ้านายทั้งสองคุย

        “พี่สาวแม้ข้าจะไม่ฉลาดนัก แต่ข้าก็รู้ว่าพวกพี่ต้องการจะทำอะไร อยากให้ศิษย์พี่ของข้าชมพวกท่านเวลาใส่เสื้อผ้า ใส่เครื่องประดับสวย ๆ ใช่ไหมล่ะ”

        เหนือภพกล่าวอย่างรู้ทัน เขาเข้าใจก็เพราะตอนเด็กแม่เขาก็เป็นเช่นนี้ เธอมักแต่งตัวสวย ๆ เพื่อให้พ่อของเขาชื่นชมเสมอ ดังนั้นเขาจึงพอคาดเดาความคิดของพี่สะใภ้ทั้งสองได้ แม้พวกเธอจะปฏิเสธ แต่ใบหน้าเขินอายแดงปลั่งนั้นทำให้เหนือภพมั่นใจว่าเขาเข้าใจไม่ผิด

        เหนือภพถือคติที่ว่า รับเงินมาแล้วเขาย่อมไม่ทำให้ผู้ว่าจ้างผิดหวัง หากผู้ว่าจ้างไม่พอใจแล้วยึดเงินคืนเขาก็คงเสียดายแย่เลย ดังนั้นเหนือภพจึงให้สองสาวไปรอที่ลานประมูลก่อนส่วนเขาขอเวลาไปเตรียมอะไรบางอย่างโดยที่ไม่ได้บอกรายละเอียด

        เหนือภพส่งข้อความไปหาพี่ทานธรรมและพี่วัฏจักร เพื่อตะล่อมถามความชอบของศิษย์พี่ทั้งสอง เมื่อได้ความแล้วจึงไปที่ลานประมูล

        ณ ห้องรับรองตึกลำธาร

        เหนือภพนั่งรอให้การประมูลสินค้าประเภทหมวกจบลง ขณะที่พี่สะใภ้ทั้งสองนั่งขนาบข้างคอยบอกเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง พวกเธอทั้งสองดูจริงจังมาก เพราะการประมูลในวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่หญิงสาวที่เป็นคู่แข่งของพวกเธอเพียงอย่างเดียว ยังมีคุณชายตระกูลชั้นสูงอีกจำนวนมากที่ใช้โอกาสนี้มาสังเกตความชอบหญิงสาวที่ตนหมายปอง ทั้งยังถือโอกาสซื้อใจพวกเธอด้วยการจ่ายเงินแย่งประมูลของที่พวกเธอชอบ

        ไม่เพียงเท่านั้นเหล่าคุณชายยังถือโอกาสนี้ใช้ทรัพย์สินของตัวเองอวดอ้างบารมีเพื่อแสดงให้คนอื่น ๆ รู้ว่าตนเองร่ำรวยเพียงใด มันเป็นสงครามขนาดย่อมของเหล่าตระกูลชั้นนำที่เดิมพันกันด้วยศักดิ์ศรีของตระกูล

        เหนือภพยิ้มแห้ง ๆ คนพวกนี้ช่างประหลาดดีนัก

        ก๊อก ก๊อก

        เสียงเคาะหน้าห้องรับรองตึกลำธารดังขึ้นพร้อมกับเสียงฮันเตอร์คุ้มกันที่กล่าวขึ้นอย่างมีมารยาท

        “ท่านเหนือภพขอรับ ท่านกมลนาคแห่งตระกูลนาคราชส่งของขวัญมาให้ท่าน”

        เหนือภพหันมองม่านหนาหนักที่ค่อย ๆ เปิดออก สิ่งที่เขาเห็นคือสตรีงามพิลาสนางหนึ่ง เขาเคยเห็นเธอในวันพิธีเปิดงาน ถ้าจำไม่ผิดศิษย์พี่ใหญ่เรียกเธอว่า ‘บุษบา’ หนึ่งในดาวเด่นของหอคณิกาอันดับหนึ่งของแคว้น

        เมื่อบุษบาย่างกรายเข้ามาใกล้ เหนือภพก็ต้องตะลึงไปกับความงามละมุนตา และท่วงท่านุ่มนวลชวนฝันของเธอ หากมีคนบอกว่าเธอคือองค์หญิง เขาก็คงเชื่ออย่างไม่แคลงใจ เธอดูเหมาะสมกับคำว่าองค์หญิง ยิ่งกว่ายัยบุษย์น้ำทองเสียอีก

        อังกาบและราตรีเห็นเช่นนั้นก็รู้หน้าที่ พวกเธอยกเก้าอี้ของตนให้บุษบา แล้วก็เขยิบไปนั่งริมห้องกันสองคน ปล่อยให้เหนือภพและสาวงามนั่งเคียงคู่กันอยู่ที่โต๊ะกลางห้อง

        “ขอไหว้เจ้าค่ะ ท่านเหนือภพ”

        แม้จะรู้สึกเสียดายที่ของขวัญนั้นไม่ใช่เงินหรือสมบัติล้ำค่า แต่ถ้าเป็นผู้หญิงสวย ๆ เหนือภพก็ไม่ขัดอยู่แล้ว เขายิ้มโบกมืออย่างใจกว้าง

        “ไม่ต้องมากพิธีขนาดนั้น เรียกข้าว่าภพก็พอ”

        “เจ้าค่ะ”

        บุษบานั่งลงเหนือภพด้วยท่าทีเรียบร้อย เธอแต่งกายมิดชิด ไม่แสดงท่าทีเย้ายวนเช่นพราวจันทร์ หากเทียบพราวจันทร์เป็นดอกไม้กลิ่นหอมที่ชวนให้คนรู้สึกอยากเด็ดดม บุษบาก็เปรียบเสมือนดอกไม้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นความรู้สึกที่คนอยากเทิดทูน ทะนุถนอม และเอาใจใส่ ดังนั้นจึงมีคนมากมายที่อยากปกป้องอยากดูแลบุษบามากกว่าจะคิดเรื่องความใคร่

        “ท่านกมลนาคส่งเจ้ามาทำไม ข้าไม่ได้รู้จักสนิทสนมกับเขาเสียหน่อย”

        เหนือภพถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ขณะที่บุษบาปรนนิบัติเขาด้วยการจัดเรียงสำรับอาหารเครื่องดื่มบนโต๊ะ

        “ข้ามีหน้าที่ปรนนิบัติให้ท่านพอใจ ขอแค่ท่านพอใจ ท่านกมลนาคก็ไม่ต้องการสิ่งใดอื่นเจ้าค่ะ”

        บุษบาตอบอย่างนุ่มนวล เธออยู่ท่ามกลางผู้มีอำนาจมามากมาย เรื่องการจ้างวานให้สาวสวยมาเชื่อมความสัมพันธ์เช่นนี้นับเป็นเรื่องปกติ

        “อ้อ”

        เหนือภพไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่แล้วเขาก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

        “ระดับดาวเด่นนี่ค่าตัวคงไม่น้อยสินะ หากข้าอยากจ้างดาวเด่นสักคนต้องใช้เงินเท่าไหร่”

        บุษบาเอียงใบหน้ามองเหนือภพ เธออมยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ รินชาร้อนให้เขาอย่างเบามือ

        “เรื่องแบบนี้ข้าคงพูดตรง ๆ ไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องไม่ต่ำกว่า 50,000 เหรียญทองต่อการร่วมโต๊ะอาหารหนึ่งมื้อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ว่าดาวเด่นคนนั้นอีกที เธอจะยินยอมร่วมโต๊ะกับคนที่เธอพอใจเท่านั้น”

        เหนือภพตกใจจนชาร้อนแทบจะหลุดจากมือ

        “แพงขนาดนั้นเชียว ถ้าเช่นนั้นทำไมท่านกมลนาคถึงทุ่มเทขนาดนั้นล่ะ”

        “เกรงว่าเรื่องนี้ ท่านคงต้องไปถามท่านกมลนาคเองเจ้าค่ะ”

        เมื่อเสียงใสของบุษบาจบลง เธอก็หยิบพัดขนนกมาพัดให้เหนือภพขณะที่เขากำลังชิมของว่างเลิศรส

        ณ ห้องรับรองเยื้องกับตึกลำธาร

        ตระกูลนาคราชกำลังพูดคุยกับเกี่ยวกับเหนือภพ พวกอยากรู้ว่าเหตุใดเหนือภพที่ไม่ใช่คนของตระกูลนาคราชถึงมีพญานาคห้าเศียรได้ แตกต่างจากตระกูลสุบรรณเวนไตยที่คิดว่าเหนือภพเป็นสายเลือดนอกสมรสของตระกูลนาคราช พวกเขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อกำจัด ไม่ให้เหนือภพมีโอกาสเข้าไปรวมตัวกับตระกูลนาคราช

        “แก้วจันทรกาล ข้าไม่ได้ยินชื่อนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ”

        ทวินาคเอ่ยขึ้นอย่างเลื่อนลอย เขาเป็นหนึ่งในทายาทผู้นำตระกูลนาคราชสามเศียรที่แข็งแกร่ง แต่พอได้ยินชื่อแก้วจันทรกาลก็ทำให้เขารู้สึกยำเกรงและก็เคารพอย่างมาก

        คนภายนอกอาจคิดว่ามันเป็นเพียงวัตถุอาคมทางธรรมชาติ แต่ในความเป็นจริงมันคือจิตพญานาคที่ฝึกฝนจนถึงขั้นละสิ้นสังขาร โดยการถอดจิตใส่ไว้ในหินแล้วซ่อนมันไว้ พญานาคที่ฝึกถึงขั้นนี้จะไม่แก่ไม่ตายไม่เจ็บ แต่เมื่อใดที่แก้วจันทรกาลถูกทำลายพญานาคก็จะตายเช่นกัน นี่ถือว่าเป็นความลับของตระกูลนาคราช

        แม้พวกเขาอยากได้แก้วจันทรกาลของเหนือภพ แต่พวกเขารู้ดีว่าเมื่อแก้วจันทรกาลเลือกนายแล้วจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นการแย่งชิงถือเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า สิ่งที่พวกเขาทำได้คือเอาเหนือภพเข้ามาอยู่ในตระกูลตน นี่เป็นวิธีดีที่สุด

        ดังนั้นพวกเขาจึงใช้วิธีสามัญที่สุด เด็กหนุ่มทุกคนมักพ่ายแพ้ต่อสาวงาม และยิ่งเป็นสาวงามที่ยากจะครอบครองด้วยแล้วพวกเขาไม่เชื่อว่าเหนือภพจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้ กมลนาคจ้องมองผลลัพธ์ของตัวเองด้วยรอยยิ้ม

        ขณะที่เกษมนาคผู้เป็นอา กล่าวขึ้นอย่างภาคพูดใจว่า

        “เป็นไงล่ะหลานอา ข้าบอกแล้วว่า บุษบาย่อมไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”

        “ความคิดของอาสุดยอดไปเลย ดีแล้วที่ไม่ทำตามน้องเก้า ที่บอกให้ส่งเนตรกัญญาไป ไม่งั้นข้าไม่รู้ว่า จะเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีหรือก่อสงคราม”

        ทวีนาคพูดยังไม่ทันขาดคำ พวกเขาก็ได้ยินเสียงสูงปรี๊ดดังมาจากห้องข้าง ๆ ซึ่งเป็นห้องรับรองของแม่ทัพใหญ่ผู้หนึ่ง

        “เจ้าพวกอ่อนหัด แค่นี้ก็แพ้ข้า แล้วจะไปทำอะไรกินกันห้ะ”

        เสียงนั้นดังมากพอจะทำให้เหล่าลูกหลานตระกูลนาคที่รวมตัวอยู่ในที่นี้นับสิบคนเสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว

        หากพูดถึงนางคณิกาดาวเด่นทั้งสาม พวกเธอล้วนเป็นสตรีที่มีความสามารถหลากหลายครบถ้วน แต่นิสัยนั้นช่างแตกต่างกันสุดขั้ว

        พราวจันทร์ เธอช่างลี้ลับเย็นชาคาดเดาได้ยาก เป็นนางงูพิษที่ชอบปั่นหัวผู้ชาย เสน่ห์แสนเย้ายวนทำให้ผู้ชายมากราคะจำนวนมากให้รู้สึกหลงใหลจนอยากร่วมอภิรมย์

        บุษบา เธอเป็นคนใจดีเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นสตรีที่ใครเห็นก็รู้สึกอยากปกป้อง ผู้ชายส่วนใหญ่มักคาดหวังอยากได้เธอมาเป็นแม่ของลูกมากกว่าจะเชยชมเพื่อระบายความใคร่

        เนตรกัญญา เธอเป็นสาวห้าวดุดัน แม้จะมีรูปร่างอ้อนแอ้นงามหยาดเยิ้มจนผู้ชายตกตะลึง แต่เธอกลับมีบุคลิกดังชายชาตินักรบ ทั้งห้าวหาญและก็แกร่งกร้าวราวม้าดีดกะโหลก ผู้ชายส่วนใหญ่ที่สนใจเธอมักเป็นเหล่าแม่ทัพ คุณชายที่คาดหวังอยากปราบพยศ แต่ยังไม่มีใครทำได้สำเร็จ

        ดังนั้นตระกูลนาคราชจึงจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่เชิญบุษบา สาวงามที่เป็นมิตรที่สุดเพื่อไปเอาใจเหนือภพ เธอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

        “เจ้ารู้จักกับนางด้วยหรอ”

        เหนือภพถาม เมื่อบุษบาเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับสามสาวดาวเด่นของหอหมื่นบุปผาที่ผู้คนกล่าวขานถึง เหนือภพสนใจมากโดยเฉพาะพราวจันทร์ หญิงสาวที่ทำให้เขารู้สึกใจเต้นรัวอย่างประหลาด อย่างน้อยในตอนนี้ก็ถือว่าเขาได้รู้อะไรมากขึ้นแล้ว

แต่ยังไม่ทันที่บุษบาจะได้ตอบอะไรอีก เหนือภพก็ถูกดึงความสนใจไปที่การประมูลข้างล่างเสียก่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด