ตอนที่แล้วบทที่ 41 เธอควรจะเชื่อในตัวเย่โม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 เงินก้อนนี้ช่างได้มายากเย็นจริงๆ

บทที่ 42 หยกสามเม็ด


ซูจิ้งเหวินยังไม่ได้ไปถามหลี่มู่เหมยก็มีหญิงสาวคนหนึ่งโทรมาหาเธอ  คนที่โทรมาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนที่แต่งงานกับเย่โม่...หนิงชิงเชวี่ยนั่นเอง

แน่นอนว่าซูจิ้งเหวินรู้ถึงสาเหตุที่หนิงชิงเชวี่ยแต่งงานกับเย่โม่  แต่ด้วยสัญชาติญาณของผู้หญิงทำให้เธอไม่ได้รู้สึกชอบหนิงชิงเชวี่ยนัก…แล้วทำไมหนิงชิงเชวี่ยถึงได้โทรหาเธอกัน?

ตอนที่ซูจิ้งเหวินมาถึงร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง  หนิงชิงเชวี่ยนั่งรออยู่นานแล้ว  เมื่อเห็นซูจิ้งเหวินเดินเข้ามาเธอก็รีบลุกขึ้นทันที

“ชิงเชวี่ย  เธอตามหาฉันหรือ?”  ซูจิ้งเหวินพอเห็นหนิงชิงเชวี่ยก็รีบถามขึ้น

“ใช่แล้ว...นั่งสิจิ้งเหวิน  เธออยากจะดื่มอะไรไหม?”  หนิงชิงเชวี่ยถามอย่างเรียบเรื่อย

“ฉันไม่ชอบดื่มกาแฟ  ขอน้ำผลไม้ก็แล้วกัน”  พอซูจิ้งเหวินพูดจบเธอก็เพิ่งจะสังเกตุว่าตรงนี้หนิงชิงเชวี่ยก็มีน้ำผลไม้วางอยู่แก้วหนึ่งเช่นกัน  หญิงสาวสองคนสั่งน้ำผลไม้มาดื่มในร้านกาแฟ...ฟังแล้วก็น่าตลกอยู่บ้างจริงๆ

“ชิงเชวี่ย  คือว่า...ชีวิตคู่ของพวกเธอดีไหม...”  เดิมทีซูจิ้งเหวินอยากจะถามว่าเย่โม่เป็นยังไงบ้าง  แต่คำพูดที่ออกจากปากกลับเปลี่ยนเป็น ‘พวกเธอ’

“อ่า... ก็ถือว่าดี...”  หนิงชิงเชวี่ยดื่มน้ำผลไม้ไปอึกหนึ่ง  เธอไม่รู้ว่าจะพูดถึงเรื่องนี้ยังไงดี  ผ่านไปครู่หนึ่งหนิงชิงเชวี่ยจึงตัดสินใจพูดขึ้น  “จิ้งเหวิน…ที่จริงแล้วมีอยู่เรื่องหนึ่ง  ฉันอยาก...ฉันอยากจะรบกวนเธอหน่อย  ก็แค่  นั่นแหละ...”

อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่ครึ่งวัน  หนิงชิงเชวี่ยก็ยังไม่พูดจุดประสงค์ของเธอออกมาเสียที ราวกับฟันของเธอแข็งค้างไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น

“ชิงเชวี่ย  มีอะไรเธอก็พูดมาตรงๆ เถอะ  ถึงยังไงหลี่มู่เหมยก็เป็นเพื่อนของฉันแล้วก็เป็นญาติของเธอด้วย  ถึงแต่ก่อนพวกเราจะไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมาก  แต่ฉันคิดว่าอีกหน่อยพวกเราก็คงสนิทกันแล้ว”  เจตนาของซูจิ้งเหวินนั้นชัดเจน  พวกเราก็ไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน  มีอะไรก็พูดมาไม่ดีกว่าหรือ?

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะขอพูดตรงๆ เลยก็แล้วกัน  เธอเล่าเรื่องของเย่โม่ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?  แล้วอีกอย่าง...”  หนิงชิงเชวี่ยพูดไปได้ครึ่งเดียวเท่านั้น  ส่วนอีกครึ่งประโยคเธอยังไม่ได้พูดออกไป

ซูจิ้งเหวินยิ้มออกมา  “ที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรหรอก  ฉันรู้จักกับเย่โม่โดยบังเอิญ  เขาถูกพาตัวเข้าโรงพัก  ฉันไปช่วยประกันตัวเขาออกมา  เขาคล้ายกับคนที่ฉันรู้จักอยู่คนหนึ่ง  หลังจากนั้นเราเลยได้รู้จักกัน  พวกเรากินข้าวด้วยกัน  จากนั้นฉันเลยชวนเขามางานวันเกิด”

ซูจิ้งเหวินไม่ได้บอกไปว่าเขาคล้ายกับอาจารย์ขายยันต์คนนั้น  ถึงยังไงหนิงชิงเชวี่ยและหลี่มู่เหมยก็แสดงท่าทีว่าไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้อยู่แล้ว  เธอจึงไม่จำเป็นต้องพูดอีก

คิดไม่ถึงว่าเขาจะเคยเขาโรงพักด้วย  ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรกันแน่  แต่หนิงชิงเชวี่ยก็ไม่ได้ถามต่อในเรื่องนี้  เธอพูดต่อไปว่า  “จิ้งเหวิน  เออ... ครั้งที่แล้วตอนเย่โม่ไปงานวันเกิดเธอ  เขาให้สร้อยข้อมือกับเธอเส้นหนึ่ง  ถ้าเธอไม่ชอบล่ะก็  ฉันอยากจะ...”

หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกอายที่จะพูดขอสร้อยข้อมือจากซูจิ้งเหวิน  ถึงยังไงสร้อยข้อมืออันนั้นเย่โม่ก็เป็นคนให้ซูจิ้งเหวิน  ถ้าไม่ใช่เพราะเธอได้ยินมาจากหลี่มู่เหมยว่าเย่โม่กับซูจิ้งเหวินเจอกันเพียงไม่กี่ครั้งล่ะก็  เธอคงจะขอซื้อสร้อยข้อมือนั้นต่อจากซูจิ้งเหวินไปแล้ว  เธอคงไม่ต้องมาเอ่ยปากถามซูจิ้งเหวินแบบนี้  แต่ในเมื่อตอนนี้ซูจิ้งเหวินเองก็ยอมรับแล้วว่าเธอกับเย่โม่ก็แค่คนรู้จักกันทั่วๆ ไปเท่านั้น  นี่ทำให้หนิงชิงเชวี่ยกล้าจะเอ่ยปากออกมา  แต่สุดท้ายเธอก็พูดไม่จบเสียที

แม้ว่าหนิงชิงเชวี่ยจะไม่พูดออกมาแต่ซูจิ้งเหวินก็รู้ดี  หนิงชิงเชวี่ยอยากได้สร้อยข้อมือของเธอเส้นนั้น   หรือว่าระหว่างหนิงชิงเชวี่ยกับเย่โม่จะเกิดความรักใคร่ชอบพอกันแล้ว?  ไม่ถูกสิ...ถ้าเกิดชอบพอกันจริงๆ ล่ะก็  ในเมื่อสร้อยเส้นนี้เขาทำให้เธอได้  แน่นอนว่าต้องทำให้หนิงชิงเชวี่ยได้เช่นกัน  แล้วหนิงชิงเชวี่ยจะถามหาสร้อยเส้นนี้จากเธอไปทำไมกัน?

พูดกันจริงๆ แล้วสร้อยที่เย่โม่ทำให้เธอนั้นถือว่าทำออกมาได้ไม่ประณีตสวยงามเลยสักนิด  แต่สาเหตุที่ซูจิ้งเหวินชอบสร้อยเส้นนี้มากนั่นก็เพราะเธอรู้สึกว่ามิตรภาพระหว่างเธอกับเย่โม่นั้นเรียบง่ายบริสุทธิ์  แม้จะไม่ได้พบเจอกันบ่อยแต่ความสัมพันธ์นี้ก็ไม่มีสิ่งใดมาเจือปน

เพียงแต่วันนี้ซูจิ้งเหวินได้ยินคำพูดของซูเหมย  เมื่อรวมกับทัศนคติที่หยุนปิงมีต่อเย่โม่แล้วก็ทำให้เธอรู้สึกสับสนอยู่บ้าง  ตอนนี้เธอไม่รู้แล้วว่าตกลงเย่โม่เป็นคนยังไงกันแน่  ถึงเธอจะเชื่อใจเย่โม่แต่ลึกๆ แล้วก็ยังมีความสงสัยเจืออยู่เช่นกัน

“เย่โม่ยังสบายดีอยู่ไหม?”  ซูจิ้งเหวินไม่ได้ตอบหนิงชิงเชวี่ยตรงๆ แต่กลับถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกันขึ้นมาแทน

เดิมทีหนิงชิงเชวี่ยคิดว่าซูจิ้งเหวินจะบอกว่าขอไปหาก่อน  หรือไม่ก็บอกว่าเอาวางไว้ที่ไหนก็ไม่รู้  เธอไม่เชื่อว่าสร้อยหยาบๆ ที่เย่โม่ทำให้นั้นซูจิ้งเหวินจะใส่มันจริงๆ  จากที่เธอคิดไว้สำหรับซูจิ้งเหวินนั้นสร้อยเส้นนี้จะมีก็ได้ไม่มีก็ได้  เพราะคิดแบบนี้หนิงชิงเชวี่ยถึงได้เอ่ยปากขอ  แต่เธอกลับคิดไม่ถึงซูจิ้งเหวินจะถามเธอกลับเรื่องเย่โม่ตรงๆ แบบนี้  นั่นทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

“เย่โม่ไปแล้ว… เขาคงจะออกจากหนิงไห่ไปแล้วล่ะ  ส่วนจะไปที่ไหนตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่รู้เลย  ฉันไม่ได้เจอเขามา 2-3 วันแล้ว  คืนนี้ฉันกับหลี่มู่เหมยก็อาจจะออกจากหนิงไห่เหมือนกัน  พวกเราจะไปหยูโจว”  หนิงชิงเชวี่ยตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

“เย่โม่ไปแล้ว?  เขายังไม่จบจากมหาวิทยาลัยหนิงไห่เลยนะ”  ซูจิ้งเหวินถามด้วยความตกใจ  แต่เธอก็ตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว  เธอรู้มาจากปากของซูเหมยถึงสถานการณ์ที่มหาวิทยาลัยหนิงไห่ของเย่โม่  ต่อให้ตอนอยู่ปี 4 นี้เขาสอบผ่านทุกวิชาคาดว่าก็คงจะไม่มีทางเรียนจบ

ทันใดนั้นซูจิ้งเหวินก็หัวเราะออกมา  เธอพูดตรงๆ โดยไม่รอให้หนิงชิงเชวี่ยตอบกลับ  “ที่จริงแล้วสร้อยข้อมือเส้นนี้ก็ไม่เลวเลย  ฉันรู้สึกชอบมันอยู่บ้าง…เธอเป็นภรรยาของเขานะ  หรือว่าขอแค่สร้อยนี้แล้วเขาจะไม่เต็มใจทำให้กัน?  ถ้าเธอบอกฉันว่าทำไมถึงอยากได้สร้อยเส้นนั้นล่ะก็  บางทีฉันอาจจะแบ่งให้เธอครึ่งหนึ่งก็ได้นะ”

แน่นอนว่าหนิงชิงเชวี่ยเข้าใจความหมายของซูจิ้งเหวิน  แต่เธอก็ยังตอบกลับไป  “เธอรู้ใช่ไหมว่าที่ฉันแต่งงานกับเย่โม่ก็เป็นแค่เรื่องหลอกตา  เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะไม่จำเป็นอีกแล้ว  ตอนที่เย่โม่ไปเขาก็ยังไม่ได้ให้ของอะไรกับฉันเลย  อีกอย่างฉันรู้สึกว่าติดค้างเขาอยู่บ้าง  เพราะงั้น...”

เหตุผลที่หนิงชิงเชวี่ยไม่ได้บอกอีกอย่างก็คือ...เธอรู้สึกอิจฉาที่เย่โม่ให้สร้อยนั้นกับซูจิ้งเหวิน  อีกอย่างสร้อยก็ดูหยาบขนาดนั้น  ซูจิ้งเหวินรวยขนาดนี้...เธอไม่มีทางชอบแน่นอน  ไม่แน่ว่าอาจจะโยนทิ้งไว้ที่ไหนแล้วก็ได้ ในเมื่อซูจิ้งเหวินไม่ชอบ  การที่ตัวเธอจะเอามันกลับมาก็ไม่ถือว่าผิดตรงไหน

แท้จริงแล้วมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่เธอเก็บซ่อนเอาไว้  นั่นก็คือถึงแม้เย่โม่จะไม่ได้ให้อะไรกับเธอเลย แต่ตอนที่เขาจากไปตอนนั้น  เขารีบร้อนมากจนลืมกระเป๋าพยาบาลใบเล็กนั้นเอาไว้  แต่เรื่องนี้เธอจะพูดไม่ได้ กระเป๋าใบนั้นได้กลายเป็นของๆ เธอแล้ว

“ที่จริงสร้อยเส้นนั้นก็อยู่ที่ข้อมือฉันนี่แหละ...”  ซูจิ้งเหวินพูดขณะที่ถอดสร้อยเส้นนั้นออกมา  จากที่เธอเห็นดูเหมือนว่าหนิงชิงเชวี่ยจะรู้สึกผิดต่อเย่โม่ก็เพราะใช้งานเขา  ที่จริงหนิงชิงเชวี่ยก็ถือว่าเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง  ดูท่าว่าเย่โม่คงโกรธหนิงชิงเชวี่ยเอามาก  ถึงกับจากไปโดยไม่บอกลาสักคำ

“อา...”  หนิงชิงเชวี่ยส่งเสียงออกมาคำหนึ่ง  เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าซูจิ้งเหวินจะใส่สร้อยที่เย่โม่ให้เอาไว้กับตัวแบบนี้  เรื่องนี้ทำให้เธอประหลาดใจอยู่บ้าง  นี่หมายความว่ายังไง  มันหมายความว่าซูจิ้งเหวินชอบสร้อยเส้นนี้  ไม่เหมือนกับที่หนิงชิงเชวี่ยคิดเอาไว้ว่าซูจิ้งเหวินคงจะโยนทิ้งที่ไหนสักที่  ทันใดนั้นความรู้สึกอันแปลกประหลาดก็ผุดขึ้นในใจของหนิงชิงเชวี่ย  เป็นความรู้สึกที่เธอเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

“ฉันให้เม็ดหยกกับเธอ 3 เม็ด  เม็ดหยกพวกนี้เย่โม่ทำขึ้นมาเองกับมือ  เธอกลับไปก็ร้อยสร้อยใหม่เอาเองนะ”  ซูจิ้งเหวินพูดพร้อมกับแกะสร้อยในมือออก  เธอหยิบเม็ดหยก 3 เม็ดยื่นให้กับหนิงชิงเชวี่ย

ถ้าเป็นช่วงบ่ายก่อนหน้านี้  ตอนที่เธอยังไม่ได้ยินหยุนปิงด่าเย่โม่ต่อหน้าเธอหรือคำพูดของซูเหมยล่ะก็  บางทีเธออาจจะไม่เต็มใจมอบเม็ดหยกทั้ง 3 เม็ดในมือนี้ให้กับหนิงชิงเชวี่ยก็เป็นได้  เมื่อผ่าน 2 เหตุการณ์นั้นมาแล้วก็เหมือนกับว่าเธอจะเกิดความรู้สึกขึ้นมาอย่างหนึ่ง  ความรู้สึกที่ว่าหยกในมือเธอเหมือนจะไม่ได้มีความสำคัญเท่าแต่ก่อนแล้ว

ในเมื่อวันนี้หนิงชิงเชวี่ยถามขึ้นมา  เธอก็ยื่นให้หนิงชิงเชวี่ยจริงๆ  ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมยังเหลือไว้ 3 เม็ดนั้น... บางทีอาจเพื่อจดจำมิตรภาพอันบริสุทธิ์ครั้งนี้เอาไว้  หลังจากกลับไปแล้วเธอก็อาจจะเก็บหยกทั้ง 3 เม็ดนี้เอาไว้... ไม่กลับมาใส่ต่ออีกแล้วก็ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด