ตอนที่แล้วบทที่ 40 หาเงินเหมือนจะง่ายดายนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 หยกสามเม็ด

บทที่ 41 เธอควรจะเชื่อในตัวเย่โม่


ณ หนิงไห่  เวลา 2 วันได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  แม้หนิงชิงเชวี่ยจะกวาดสายตาเฝ้ารอเย่โม่อยู่ตรงประตูสวนอยู่ทุกวัน  อย่าว่าแต่ตัวเย่โม่เลย…แม้แต่เงาของเขาเธอก็ไม่เห็น  ผ่านมา 2 วันในที่สุดหนิงชิงเชวี่ยก็เข้าใจ…เย่โม่ได้จากเธอไปแล้ว  จากไปเงียบๆ โดยไปบอกลาเธอสักคำ  แม้แต่ข้าวของๆ เขาก็ไม่เอาไปด้วย  ถ้าไม่ใช่ว่าเขามีเรื่องด่วนก็คงเป็นเพราะในสายตาของเขาตัวเธอไม่มีค่าอะไรเลย  บางทีในสายตาของเขา...เธอคงจะเป็นคนไร้มารยาท  ไร้หัวใจ  หรือไม่ก็เป็นพวกที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอ  เขาคงจะคิดแบบนี้แน่นอน

หลี่มู่เหมยมองท่าทีราวกับไร้วิญญาณของหนิงชิงเชวี่ยแล้วเตือนสติอีกครั้ง  “ชิงเชวี่ย…นี่ก็ผ่านมา 2 วันแล้ว  คุณลุงกับคุณป้าโทรหาฉันว่าพวกท่านจะมาที่นี่  ฉันบอกไปว่าพวกเราจะตรงไปหยูโจวกันเลย”

2 วันที่ผ่านมาท่าทีของหนิงชิงเชวี่ยแปลกไปจากเดิมมาก  กระทั่งดูราวกับจะไร้วิญญาณ  เหมือนเธอจะใส่ใจเอามากว่าเย่โม่จะกลับมาหรือเปล่า  หลี่มู่เหมยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่เธอก็เข้าใจอยู่บ้างว่าหนิงชิงเชวี่ยกับเย่โม่คงจะมีเรื่องราวบางอย่างต่อกัน  เพียงแต่เธอไม่รู้เท่านั้น

แต่ถ้าจะพูดว่าหนิงชิงเชวี่ยชอบเย่โม่ล่ะก็  หลี่มู่เหมยจะไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน

“2 วันแล้วหรือ?”  หนิงชิงเชวี่ยตอบกลับมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ผ่านไปครู่หนึ่ง  หนิงชิงเชวี่ยจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง  “มู่เหมย… ฉันอยากจะซื้อสวนแห่งนี้ ใช่แล้ว  ซื้อสวนแห่งนี้  ไม่ว่าจะเท่าไหร่ก็ตาม”

“ชิงเชวี่ย  เธอเป็นอะไรไปกันแน่เนี่ย?”  หลี่มู่เหมยรู้สึกว่าการกระทำของหนิงชิงเชวี่ยดูจะตามใจตัวเองอยู่บ้าง  ซื้อสวนนี้  อย่าพึ่งพูดถึงว่าอีกฝ่ายจะขายหรือเปล่าเลย  สวนนี้ซื้อมาจะให้ใครอยู่กันล่ะ?

“มู่เหมย...เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน  ซื้อสวนนี้ให้ฉันหน่อย  บอกเจ้าของไปว่าอย่าย้ายแปลงดอกไม้นี้”  หนิงชิงเชวี่ยตัดสินใจแล้ว

“ทำไมล่ะ?  ชิงเชวี่ย  เธออยากจะซื้อสวนแห่งนี้อย่างน้อยก็ควรมีเหตุผลสักหน่อยหรือเปล่า  อีกอย่างคุณลุงกับคุณป้าต้องถามเรื่องนี้แน่ๆ”  หลี่มู่เหมยถามอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่มีเหตุผลหรอก  มู่เหมย...ฉันก็แค่รู้สึกว่าที่สวนแห่งนี้ฉันได้ทำบางอย่างหายไป  ฉันคิดว่าบางทีถ้าซื้อที่นี่ล่ะก็  อาจจะมีโอกาสหามันคืนมาก็ได้  ถ้าไม่ซื้อสวนแห่งนี้ล่ะก็  บางทีทั้งชีวิตนี้ฉันอาจจะไม่มีทางหามันคืนได้อีกแล้ว  มู่เหมย...เรื่องนี้ฉันตัดสินใจไปแล้ว  ถ้าพ่อของฉันไม่เห็นด้วยล่ะก็  ฉันจะไปพูดกับท่านด้วยตัวเอง”  เสียงของหนิงชิงเชวี่ยแผ่วเบาราวกับดังมาจากที่อันแสนไกล

..........

“รีบมาดูเร็ว!  สาวสวยที่มาหาเย่โม่ครั้งก่อนเธอมาอีกแล้ว”

“เย่โม่คนนี้ดวงดีจริงๆ ถึงกับรู้จักสาวสวยแบบนี้ด้วย  อีกอย่างเขาก็ไม่มาเข้าเรียนอีก  เธอคนนี้ถึงได้หาเขาไม่เจอแบบนี้”

“สุดยอดเลย!  ตั้งแต่เข้าเรียนจนถึงตอนนี้ฉันเห็นเขาแค่ 2-3 ครั้งเท่านั้นเอง”

“ฮึ!...”

เสียงพูดคุยภายในห้องเรียนดังเซ็งแซ่  ส่วนเสียงไม่พอใจดัง ‘ฮึ’ นั้นเป็นของเยี่ยนเยี่ยนนั่นเอง  เธอรู้สึกไม่ชอบใจหญิงสาวที่สวยกว่าเธอไม่รู้ตั้งกี่เท่าคนนี้เป็นอย่างมาก  อีกอย่างครั้งที่แล้วก็ทำให้เธอต้องอับอายด้วย ซูจิ้งเหวินมาที่มหาวิทยาลัยหนิงไห่ 2-3 ครั้งแล้วแต่ก็ไม่เจอเย่โม่เลย  เธอรู้ว่าหลี่มู่เหมยรู้ที่อยู่ของเย่โม่  แต่ซูจิ้งเหวินก็ไม่อยากให้หลี่มู่เหมยรู้เรื่องที่ตัวเธอเองตามหาเย่โม่อยู่  ส่วนเรื่องที่ว่าตัวเธอคิดอะไรอยู่  ซูจิ้งเหวินรู้ตัวเองดี...ว่าที่เธอต้องการตามหาเย่โม่ก็เพราะรู้สึกว่าอยู่กับเย่โม่แล้วสบายใจและรู้สึกดีเป็นอย่างมาก  ไม่รู้สึกกดดันอึดอัดแม้แต่น้อย

ตั้งแต่วันนั้นที่ซูจิ้งเหวินเต้นรำกับเย่โม่ในงานวันเกิดของเธอ  ซูจิ้งเหวินก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย  วันนี้ก็เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เธอมาหาเย่โม่ที่มหาวิทยาลัยหนิงไห่แห่งนี้  เธอตัดสินใจแล้วว่าถ้าครั้งนี้เธอไม่เจอเย่โม่ในห้องเรียนล่ะก็  เธอคงต้องถามใครสักคนแล้ว

ขณะที่ซูจิ้งเหวินเพิ่งจะตัดสินใจได้นั่นเอง  ตรงหน้าก็มีหญิงสาวหน้าตาเย็นชาเดินเข้ามา

ซูจิ้งเหวินรู้ทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นใคร  ครั้งที่แล้วตอนที่เธอกับเย่โม่เดินออกมาแล้วเจอกับอาจารย์คนหนึ่ง  เธอจึงรีบเข้าไปถามด้วยความดีใจ  “สวัสดีค่ะอาจารย์  ขอโทษนะแต่คุณรู้ไหมว่า 2-3 วันมานี้เย่โม่ไปไหน?”

“เย่โม่? ฉันไม่รู้จักไอ้คนไร้ยางอายแบบนั้น”  พูดจบหญิงสาวคนนั้นก็หันหลังเดินจากไป

แน่นอนว่าหญิงสาวคนนี้ก็คือหยุนปิงนั่นเอง  ตอนนี้คนที่เธอเกลียดที่สุดก็คือเย่โม่  ถ้าเย่โม่มาโผล่ตรงหน้าเธออีกครั้งล่ะก็  ตัวหยุนปิงเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอเองจะเอาหนังสือในมือทุ่มใส่หน้าเขาทันทีที่เจอหรือไม่

คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมีคนมาถามเธอว่าเย่โม่ไปไหน  รวมถึงยังเป็นสาวสวยระดับนี้เสียด้วย  หยุนปิงจำได้ว่าเธอคนนี้คือคนที่อยู่กับเย่โม่ครั้งที่แล้วนั่นเอง  คนที่อยู่กับเย่โม่ได้แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนดีเด่อะไร  แน่นอนว่าหยุนปิงไม่มีแก่ใจจะไปแสดงท่าทีดีๆ ต่อซูจิ้งเหวิน

ซูจิ้งเหวินมองอาจารย์สาวที่เดินจากไปด้วยอาการตกตะลึง  คิดในใจว่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยสมัยนี้ทำไมมารยาทถึงได้แย่ขนาดนี้  บอกว่าไม่รู้จักแถมยังบอกว่าไร้ยางอายอีกด้วย  เย่โม่ไปทำอะไรเธอไว้กัน?  ต่อให้คนอื่นไม่รู้อาการของเย่โม่  แต่เหตุใดตัวเธอซูจิ้งเหวินจะไม่รู้เล่า?  ชายไร้ค่าที่ถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลเย่แห่งปักกิ่ง  อีกทั้งยังเสื่อมสมรรถภาพอีกด้วย

การที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะเกลียดผู้ชายได้ก็ต้องเป็นเรื่องนั้นใช่ไหม?  เดิมทีด้วยร่างกายของเย่โม่ก็ทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว  แล้วผู้หญิงคนนี้เอาอะไรมาเกลียดเย่โม่กัน?  ความประทับใจของซูจิ้งเหวินที่มีต่อหยุนปิงหมดลงทันที

“พี่ซูจิ้งเหวิน! พี่มาที่นี่ได้ยังไง?” เสียงของซูเหมยดังขึ้น

“อ่า...ซูเหมยนี่เอง  อาจารย์ข้างหน้านี่เป็นใครกันทำไมมารยาทถึงได้แย่ขนาดนี้  ฉันถามคำถามไปแต่เธอกลับด่าคนอื่นเสียนี่”  ซูจิ้งเหวินชี้ไปทางหยุนปิงที่ตอนนี้เห็นได้เพียงด้านหลังของเธอเท่านั้น

ซูเหมยมองตามไปแล้วพูดอย่างประหลาดใจอยู่บ้าง  “เธอเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษชื่อว่าหยุนปิง ถึงเธอจะมีนิสัยเย็นชาไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติอะไรนะ  มีอะไรหรือเปล่า?  หรือว่าหยุนปิงพูดอะไรไม่ดีเอาไว้?”

“ไม่ใช่หรอก  ฉันแค่ถามว่าทำไมเย่โม่ถึงไม่อยู่ที่นี่แล้วเขาไปไหนกัน  เธอกลับด่าเย่โม่ว่าไร้ยางอาย   คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะมีอาจารย์แบบนี้อยู่”  เห็นได้ชัดว่าซูจิ้งเหวินไม่พอใจเอามากๆ ที่หยุนปิงด่าเย่โม่

“พูดถึงเย่โม่… อ้อ!  ไม่แปลกหรอก  เพราะเย่โม่ไปลวนลามอาจารย์หยุนปิงไว้  ฉันเห็นกับตาเลยนะว่าวันนั้นเย่โม่ทำอะไรอาจารย์หยุนปิงเอาไว้  เธอจะตบเย่โม่แต่ถูกเขาจับมือได้เสียก่อน  สุดท้ายอาจารย์หยุนปิงยังด่าเย่โม่ว่าอันตพาล  ไร้ยางอาย  พี่จิ้งเหวิน…ต่อไปพี่ไม่ต้องมาหาเย่โม่แล้ว  เขาก็เป็นแค่ผู้ชายหน้าด้านคนหนึ่ง  ที่เขารู้จักกับพี่ก็คงเพราะเงินเท่านั้นแหละ”  แน่นอนว่าซูเหมยไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อเย่โม่เลยแม้แต่น้อย  เธอจึงยิ่งสุมไฟให้เย่โม่ดูเป็นคนไร้ค่า

ซูจิ้งเหวินฟังคำพูดของซูเหมยอย่างสับสนมึนงง  ผ่านไปครู่หนึ่งเธอจึงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น  “เย่โม่ไม่ใช่คนแบบนั้น  ฉันเชื่อในความรู้สึกครั้งแรกของตัวเอง  อีกอย่างฉันกับเขาก็เจอกันมาหลายครั้งแล้ว  เขาไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ฉันเกลียดเลย  ซูเหมย...ไม่ใช่ว่าเธอมองผิดไปหรอกนะ?  ฉันว่าบางครั้งเธอก็ไม่ควรตัดสินคนด้วยความลำเอียงแบบนี้นะ”

“อะไร?  พี่จิ้งเหวิน...ฉันจะดูผิดไปได้อย่างไร  วันนั้นภายในป่าริมทะเลสาบมหาลัยหนิงไห่  ฉันเห็นกับตาว่าเย่โม่กับอาจารย์หยุนปิงทำอะไรกัน  อีกอย่าง...ถ้าฉันมองผิดไปจริงๆ ล่ะก็  หรือว่าอาจารย์หยุนปิงที่เพิ่งด่าเย่โม่ไปเมื่อกี้ก็เสแสร้งอีก?”  ซูเหมยรีบร้อนพูดอธิบายด้วยอาการโอเวอร์

ซูจิ้งเหวินเองก็รู้สึกว่าคำถามของตัวเองที่ถามออกไปดูจะมีปัญหาอยู่บ้างจริงๆ  ถ้าหากซูเหมยดูผิดไปแล้วทำไมหญิงสาวคนนั้นถึงได้ด่าเย่โม่โดยไร้สาเหตุแบบนั้น?  หรือว่าเป็นตัวเธอเองที่คิดผิดไป?  แต่เย่โม่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีหรืออะไรเลยนะ  ถึงแม้เขาจะจนไปบ้างแต่เย่โม่ตอนที่อยู่ต่อหน้าเธอตลอดมาก็ไม่ได้เป็นคนที่หยิ่งยโสหรือถ่อมตัวเลยสักนิด  ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

‘รู้หน้าไม่รู้ใจ’  หรือว่าเย่โม่จะเป็นคนแบบนั้นจริงๆ?  หรือเขาแค่ซ่อนมันเอาไว้ลึกมากกัน?  หรือจะบอกว่าที่เขาพูดคุยกับเธอก็เพราะมีจุดประสงค์?  แต่ความจริงแล้วเป็นเธอต่างหากที่ตามหาเย่โม่มาตั้งแต่ต้น  เขาไม่เคยมาหาเธอด้วยตัวเองเลยสักครั้ง  ต่อให้เขารู้เบอร์โทรศัพท์ของเธอผลลัพธ์ก็เหมือนๆ กัน

ซูจิ้งเหวินลูบสร้อยข้อมือไปมา  ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนอยู่บ้าง  มันไม่ใช่ว่าเธอจะรู้สึกชอบพอเย่โม่หรืออะไรหรอก  แต่เป็นเพราะว่าแต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยมีเพื่อนเพศตรงข้ามที่เข้ากันได้ดีแบบเย่โม่เลย  ความรู้สึกดีๆ ที่เธอมีต่อเย่โม่นั้นเกิดขึ้นมาโดยที่เธอเองก็ไม่รู้สึกตัว  มาตอนนี้กลับพบว่าในสายตาคนอื่นๆ นั้นมองเย่โม่ต่างจากที่เธอมองอยู่มาก  นั่นทำให้เธอรู้สึกอึดอัดในหัวใจอยู่บ้าง  และยังมีบางสิ่งที่เธอได้เห็นกับตาตัวเองด้วย

ไม่ถูกสิ  เธอต้องไปที่ๆ เขาอยู่เพื่อดูให้เห็นกับตา  ไม่ใช่ว่าหลี่มู่เหมยรู้หรือไง  ตอนนี้ไปถามหลี่มู่เหมยก่อน  เธอไม่เชื่อว่าเย่โม่จะเป็นคนแบบนั้นจริงๆ  ทั้งซูเหมยและอาจารย์หยุนปิงต้องเข้าใจเย่โม่ผิดไปแน่ๆ  เธอควรจะเชื่อในตัวเย่โม่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด