ตอนที่แล้วตอนที่ 89 ข้ามันสารเลวอยู่แล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 91 ทำไมนะสวรรค์

ตอนที่ 90 องค์หญิงน้ำทอง


“ได้ของแล้วก็รีบไสหัวไปจากตัวข้า”

บุษย์น้ำทองตะคอกอย่างหมดความอดทน ไม่รู้ว่าตอนนี้ผู้คนจะมองเธออย่างไรบ้าง ชนชั้นระดับเธอนั้นต่อให้มีชายใดคิดอยากแตะปลายนิ้วก้อยของเธอก็ยังถือว่าฝันมากไป แต่นี่มันอะไรกัน

“จุ๊ จุ๊ จุ๊ ข้าไม่ชอบเลย เสียงข่มขู่กับสายตาอาฆาตแบบนั้น รู้ไหมเจ้าทำให้ข้าตกใจ เอามาอีก 50 เหรียญทองเพื่อปลอบขวัญข้าเดี๋ยวนี้”

เหนือภพพูดไปพร้อมกับท่าทางสั่นเทาที่ดูอย่างไรก็แสดงไม่เนียนเอาเสียเลย ร่างกายของเขาขยับเป็นจังหวะที่เหมือนกับหัวเราะมากกว่า

“บัดซบ ! นี่เจ้ากล้ากลับคำพูดรึ เจ้าไม่ได้ตายดีแน่”

เวตาลเดือดดาล ตั้งแต่เป็นหนุ่มมาจนถึงตอนนี้ไม่เคยมีใครกล้ากลับคำต่อหน้าเขามาก่อน

“โอ๊ะ ข้ากลัวอีกแล้วขอเพิ่มอีก 100 เหรียญทองละกัน โอ๊ะสายตาของเจ้าน่ากลัว เอามาอีก 150 เหรียญทอง เจ้าแอบด่าข้าในใจใช่มั๊ย เอามาอีก 200 เหรียญทอง ไม่งั้นข้าไม่ยอม”

ต่อให้พวกเขาจะใช้เวลาพูดเจรจาต่อรองกันมากเท่าใดก็ไม่ทำให้เหนือภพลุกจากตัวองค์หญิงได้เลย ไม่เพียงเท่านั้น เหนือภพยังเกร็งกล้ามเนื้อพร้อมต่อสู้อยู่ตลอดเวลา เขาไม่เปิดช่องว่างให้ใครมาลอบโจมตีอีกแน่

“เวตาลให้มันไปซะ”

องค์หญิงชักทนไม่ไหวกับความหน้าด้านไร้ยางอายของเหนือภพ แม้จะแค้นมากแค่ไหน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าหากอยู่แบบนี้ ก็มีแต่จะทำให้เกียรติขององค์หญิงอย่างเธอต้องด่างพร้อยไปมากกว่านี้

เมื่อเหนือภพได้ถุงเงินอีกถุง เขาก็ทำท่าเหมือนจะลุกออกจากตัวองค์หญิง

“ขอบคุณข้ายัง”

“นี่ไอ้บ้านนอก จะมากเกินไปแล้วนะ”

“งั้นข้าต้องเรียกเงินปลอบใจสักหน่อย”

เหนือภพกลับมาอยู่ในท่าคร่อมอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

“ก็ได้ ๆ ขอบคุณ”

องค์หญิงกัดฝืนฟันพูด จากนั้นก็พยายามฉีกแก้มทำใบหน้ายิ้มแย้ม อ่อนโยน แต่ต่อให้ฝืนยังไงใบหน้าและแววตาของบุษย์น้ำทองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดเหนือภพมากแค่ไหน มันมากจนไม่อยากให้วิญญาณอยู่ร่วมกันในจักรวาลนี้เลยทีเดียว

“เด็กดี รู้จักขอบคุณคนที่ช่วยชีวิต แบบนี้เราค่อยเหมาะจะคบกันยาว เรื่องคราวก่อนข้าจะถือว่าไม่มีไรเกิดขึ้นก็แล้วกัน”

เหนือภพพูดจบก็ล้วงเข้ามือไปในคอเสื้อขององค์หญิงทันที

“กรี๊ดดด”

ยังไม่ทันที่เขาจะได้สัมผัสกับทรวงอกน้อยๆขององค์หญิง เขาก็สัมผัสได้ถึงกระดาษแข็งๆที่ขวางกั้นอยู่ เมื่อเขาดึงมันออกมาก็พบว่ามันคือตั๋วเงินปึกหนึ่ง แต่ละใบมีมูลค่ากว่า 500 เหรียญทอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับที่องค์หญิงสวมใส่อีกหลายชิ้นที่เหนือภพถอดออกมาอย่างหน้าไม่อาย

จากนั้นเหนือภพก็ลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวไปไหน อยู่ๆพยัคฆ์คีรีก็ปรากฏตัวข้างๆเขา พยัคฆ์คีรีชกเข้าที่ใบหน้าของเหนือภพอย่างแรง

แต่ใบหน้าของเหนือภพนั้นช่างทนทายาด เหนือภพแกล้งเอียงหน้านิดหน่อยตามทิศทางที่ถูกต่อย สายตาแห่งความโกรธและสายตาเขม็งแบบเอาเรื่องได้ประสานกันอย่างรุนแรง หากสายตาของทั้งคู่ปลดปล่อยพลังได้ คงได้มีเลือดออกกันบ้างแล้ว

พยัคฆ์คีรีตำหนิเหนือภพอย่างเกรี้ยวกราด

“เจ้าจะทำตัวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ อยากให้คนในครอบครัวเจ้าต้องตายอีกเท่าไหร่ เจ้าถึงจะรู้สึกตัวสักที”

เหนือภพเงียบชะงัก คำพูดของพยัคฆ์คีรีจี้ใจดำของเขาอย่างจัง แต่เขาก็ไม่ต้องการความหวังดีจากพยัคฆ์คีรีแม้แต่น้อย

“มันเรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องยุ่ง”

หัวหน้าไทเห็นแบบนั้นก็ได้ถอนหายใจ นับวันความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ยิ่งแย่ลง เขาจึงเดินออกไปด้วยไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาของเด็กๆ

พอบุษย์น้ำทองเห็นพยัคฆ์คีรีก้าวเข้ามาความหยิ่งทระนงและความอดกลั้นทั้งหลายก็พังทลายลงมา อยู่ ๆ เธอก็ร้องไห้โฮออกมาราวกับว่าจะเป็นจะตายเสียให้ได้

“น้ำทอง”

พยัคฆ์คีรีตกใจเมื่อเห็นสภาพขององค์หญิงน้อยแห่งแคว้นอมตะนคร ก่อนจะเหลือบมองเหนือภพที่ยังคงมีท่าทางไม่ทุกข์ร้อน

พยัคฆ์คีรีถอดผ้าคลุมของตัวเองมาคลุมร่างของบุษย์น้ำทองเอาไว้อย่างอ่อนโยน เขายังคงวางตัวดีเสมอต้นเสมอปลาย โดยไม่นั่งใกล้องค์หญิงเกินไป เพื่อไม่ให้องค์หญิงเสียเกียรติ

แต่บุษย์น้ำทองกลับทำตรงกันข้าม เมื่อเธอได้รับความเอาใจใส่อันแสนอ่อนโยนจากเด็กชายที่เธอชอบ เธอก็โผเข้าสวมกอดพยัคฆ์คีรีทันที จากนั้นเธอร้องไห้อย่างหนัก

จนเหนือภพที่เดินจากไปไม่ไกลนักก็หันกลับมา

“ความรู้สึกช้าจริง ๆ โดนแกล้งตั้งนานไม่ร้อง อีกคนก็คงโง่เกินเยียวยาแล้วล่ะมั้งแค่นี้ก็ดูไม่ออกว่าเรื่องจริงหรือมารยา คนอะไรสมองทึบจริง ๆ”

เหนือภพเอ่ยขึ้นลอย ๆ ขณะตามติดหัวหน้าไทไม่ห่าง เขารู้ดีว่าหากเขาไม่ได้รับการคุ้มครองจากหัวหน้าไท เขาคงตายแน่ ดังนั้นหากหัวหน้าไทต้องการอะไร เขาก็จะบริการหามาให้ทั้งหมดเลย ขอเพียงแค่ให้เขาได้เกาะติดเพียงเท่านั้น

บนกิ่งก้านแข็งแรงของต้นก้ามปูยักษ์ต้นหนึ่ง มีสตรีสูงศักดิ์นางหนึ่งนั่งแกว่งขาไปมา โดยที่ใบหน้างดงามนั้นไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรมากนัก เธอสนใจเพียงสาส์นลับฉบับหนึ่งในมือเรียวงามเท่านั้น

ข้างกายของเธอยังมีบุรุษในชุดคลุมสีเทาดำนั่งอยู่ใกล้ ๆ ดุจเงาตามตัว สายของเขาจ้องมองไปยังพื้นที่ในสนามรบเบื้องหน้า หรือจะพูดให้ถูกก็คือสมรภูมิย่อม ๆ บนถนนเส้นเล็กที่ตัดผ่านป่าระหว่างเมืองนั่นเอง พวกเขาจับจ้องทุกการกระทำของเหนือภพมาโดยตลอด

“ช่างเป็นเด็กที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”

เวนไตยชักสีหน้าพลางพูดต่อไปว่า

“การที่คุณหนูจะเอาเขามาอยู่ข้างเรา ข้าเกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อแผนการขององค์อนุชานะครับ”

สตรีสูงศักดิ์เงยหน้ามองไปยังสนามรบตรงจุดที่เหนือภพอยู่

“ถึงจะดูวู่วามไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนที่ขาดสติ หากเขาเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริง น้ำทองคงตายภายใต้เงื้อมมือเขาแล้ว”

บุษย์น้ำเพชรพูดพลางเผยรอยยิ้มเล็ก ๆ

“เราออกจะชอบด้วยซ้ำ คนแบบเขานี่แหละที่จะเป็นดาบที่ดีที่สุดของพวกเรา”

ความคิดของบุษย์น้ำเพชรนั้นซับซ้อนเกินกว่าที่เวนไตยจะเข้าใจ แต่ไม่ว่าผู้เป็นนายต้องการทำอะไร เขาก็ไม่มีสิทธิ์ข้องใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด