ตอนที่แล้วตอนที่ 4 พหุยุทธ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 จากหิมพานต์อันไกลโพ้น

ตอนที่ 5 ราชันย์พิภพ


เหนือภพยืนมองสายน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลหมอกที่อยู่ด้านล่างขณะฝึกเพลงมวยพหุยุทธ์ครบทุกกระบวนท่าเสร็จ ตลอดเวลากว่าสามปีเขาสงสัยมาตลอดว่าด้านล่างนั้นคืออะไร มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะลงไป หากคาดคะเนจากสายตามันคงมีความลึกลงไปนับพันเมตร

“อาจารย์ถ้าข้าลงไปมีหวังแค่ไหนที่จะกลับขึ้นมาได้อีก”

พระอาจารย์สิริที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ข้าง ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นเผยดวงตาที่เต็มไปด้วยความเมตตา

“สักวันเจ้าก็จะได้รู้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

พระอาจารย์สิริเอ่ยจบก็หันหลังกลับเดินกลับขึ้นไปบนวัดด้วยย่างก้าวเนิบช้า ๆ ทีละก้าวอย่างมั่นคง แต่หากเผลอเพียงพริบตาเดียว พระอาจารย์สิริก็อยู่ห่างจากเหนือภพไปนับร้อยเมตรแล้ว นั่นจึงทำให้เหนือภพตัดใจ ตัดความอยากรู้ความอยากเห็นของตัวเอง ก่อนจะวิ่งตามอาจารย์ของตนไป

แต่ต่อให้เขาวิ่งไวแค่ไหนแต่ก็ยังคงทิ้งห่างจากอาจารย์ที่กำลังเดินอยู่ประมาณร้อยเมตร นี่สามารถบ่งบอกได้ถึงความห่างชั้นระหว่างเขากลับอาจารย์

“คุกเข่าลง”

เหนือภพคุกเข่าลงเบื้องหน้าองค์พระสีทองขนาดใหญ่โดยไร้ซึ่งคำถาม เขาพนมมือขึ้นกราบไหว้องค์พระสีทองอย่างนอบน้อม แม้เขาจะไม่เข้าใจเรื่องศาสนาอย่างลึกซึ้ง แต่เขาก็รู้ดีว่าควรให้ความเคารพอย่างรู้กาลเทศะ

“ยื่นมือของเจ้ามาให้ข้า”

พระอาจารย์สิริยื่นมือคว้าจับแขนที่ยื่นออกมาของเหนือภพ จากนั้นเหนือภพก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวภายในร่างกาย อยู่ ๆ ผิวหนังบริเวณนั้นก็เปล่งแสงสีส้มอ่อน ๆ เรืองรองสวยงาม

นี่เป็นปฏิกิริยาของปราณอาคมที่แผ่ซ่านออกมาจากเหล็กไหลภายในตัวเขา นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นมันแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้

“ใครเป็นคนใส่เหล็กไหลพิภพให้เจ้า”

“ไม่มีครับ ข้าได้มันมาเพราะอุบัติเหตุ”

เหนือภพบอกตามตรงพร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในโพรงถ้ำด้วยความทุกข์ทรมานเป็นเวลากว่าสองปี เหล็กไหลนี้ถึงจะหยุดสำแดงความเป็นปฏิปักษ์ แต่ในตอนนี้บางครั้งเขาก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดภายในกายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก เดือนหนึ่งถึงจะมีสักครั้ง

พระอาจารย์สิริพอได้ฟังเช่นนั้นก็พยักหน้า

“เจ้าถือว่าเป็นคนที่มีโชควาสนาในคราวเคราะห์ ชะตาเจ้าเป็นเช่นนั้น ยิ่งเจ้าเจ็บเจียนตายเท่าไหร่ สิ่งที่เจ้าจะได้รับกลับคืนก็จะมีค่ามากเท่านั้น แต่คงไม่ง่ายเลยที่จะทำให้มันผสานอยู่ในร่างกายเจ้าอย่างสมบูรณ์ ที่มันไม่ทำร้ายเจ้าเช่นครั้งนั้นก็เป็นเพราะว่าเลือดของเจ้าได้ซึมซับและผสมเข้าไปกับตัวเหล็กไหลเป็นเวลานาน จนกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้มันเห็นว่าเจ้าเป็นพวกเดียวกัน มันจึงไม่ไปไหน หรือจะพูดอีกแบบก็ประมาณว่าพึ่งพากันและกัน”

“แล้วมีวิธีทำให้เหล็กไหลนี้ผสานเข้ากับตัวข้าอย่างสมบูรณ์มั๊ยอาจารย์”

“หากเป็นเหล็กไหลธรรมดาทั่ว ๆ ไป ข้าก็มีวิธีที่ทำให้เจ้าสามารถครอบครองมันได้ แต่ว่าเหล็กไหลที่อยู่ในกายเจ้าหาใช่เหล็กไหลธรรมดา มันคือหนึ่งในสี่เหล็กไหลราชันย์ มีชื่อว่าราชันย์พิภพ การจะยอมรับเจ้าหรือไม่นั้นขึ้นกับเวลา”

‘เหล็กไหลราชันย์พิภพ’

เหนือภพครุ่นคิด พลางย้อนระลึกความจำครั้งก่อน

อาจารย์เคยสอนเรื่องนี้ให้กับเขาครั้งหนึ่ง ว่าเหล็กไหลบนโลกนี้มีด้วยกันสามระดับ ระดับล่างถูกเรียกว่า ‘เหล็กไหลธรรมดา’ มีด้วยกันหลายชนิด จำแนกพลังได้หลากหลายรูปแบบ เป็นเหล็กไหลประเภทที่คุ้มครองผู้เป็นนาย

ส่วนเหล็กไหลระดับกลางนั้น พญาจะถูกเรียกว่า ‘เหล็กไหลเพศผู้’ นางพญาถูกเรียกว่า ‘เหล็กไหลเพศเมีย’ หากเทียบกับเหล็กไหลระดับล่างแล้วนับว่ามีอิทธิฤทธิ์ครอบคลุมมากกว่า เมื่อมันยอมรับผู้ใดเป็นนาย มันก็จะทั้งปกป้องและเสริมพลังให้

ส่วนเหล็กไหลระดับสูงถูกเรียกว่า ‘เหล็กไหลราชันย์’ ทั้งโลกมีด้วยกันสี่ชนิดได้แก่ ‘เหล็กไหลราชันย์พิภพ’ ‘เหล็กไหลราชันย์นภา’ ‘เหล็กไหลราชันย์สุริยัน’ และ ‘เหล็กไหลราชันย์จันทรา’ ทั้งสี่ชนิดนี้ถือเป็นเทพในหมู่มวลเหล็กไหล อิทธิฤทธิ์กล้าแกร่งและเกรี้ยวกราดเหนือเหล็กไหลใด แต่ก็ยากที่จะครอบครองเช่นกัน

แต่หากมันยอมรับคนผู้ใดเป็นนาย คนผู้นั้นมักกลายเป็นคนสำคัญในประวัติศาสตร์ มีชื่อเสียงสะเทือนฟ้า สะท้านดิน แม้ผ่านไปเป็นร้อยปี พันปี ชื่อเสียงของเขาก็ยังไม่เสื่อมคลาย

ในอดีตนั้นว่ากันว่าเหล็กไหลราชันย์นภาถูกเก็บซ่อนเอาไว้ที่วิมานกลางหาวในป่างิ้วโบราณของตระกูลสุบรรณเวนไตย

และเหล็กไหลราชันย์สุริยันก็ได้ถูกครอบครองโดยจักรพรรดินีเพลิงแห่งจักรวรรดิเงาสุริยัน

ส่วนเหล็กไหลราชันย์พิภพในอดีตเคยเป็นของจ้าวอาคมพลายแก้ว ผู้เป็นพลทหารคู่ใจองค์จักรพรรดิรุ่นแรกของดินแดนเงาสุริยัน หลังจากที่แผ่นดินเงาสุริยันสามารถรวบรวมเป็นปึกแผ่น ท่านก็หายตัวไปพร้อมกับเหล็กไหลราชันย์พิภพ และเหล็กไหลนี้ก็ไม่เคยปรากฏขึ้นมาอีกเลยเป็นเวลาหลายพันปี จนกระทั่งมันตกมาอยู่ในมือของเหนือภพ

และสุดท้ายเหล็กไหลราชันย์จันทรา เขาเคยสอบถามผู้เป็นอาจารย์หลายครั้ง รวมถึงค้นหาจากหนังสือภายในหอพระธรรมหลายเล่มก็ไม่ได้คำตอบ ไม่มีใครรู้ว่ามันซ่อนอยู่ที่ใด

มีแต่คำเล่าลือว่ามันถูกซ่อนอยู่ในดินแดนเงาจันทรา แต่ดินแดนที่ว่านั้นก็ไม่ได้รับการยืนยันว่ามีอยู่จริง ราวกับว่ามันเป็นดินแดนลึกลับ ดินแดนมายา ที่มีแต่คนบ้าที่จะเพ้อฝันถึงมัน

แต่นั้นก็ไม่สรุปอะไรได้ เพราะยังมีตำราบางเล่มได้กล่าวข้อความคล้าย ๆ กันว่า

‘หากต้องการนักปราชญ์ดินแดนเงาจันทราคือที่หนึ่ง หากต้องการจ้าวอาคมดินแดนเงาสุริยันหาใช่ที่สอง’

เมื่อเห็นลูกศิษย์เงียบไปนาน พระอาจารย์จึงกล่าวปลอบใจว่า

“เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าการทำให้เหล็กไหลยอมรับอย่างสมบูรณ์มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สิ่งที่อาจารย์อย่างข้าทำได้คือการสร้างอักขระอาคมกำกับเอาไว้ มันจะช่วยให้เจ้าสามารถดึงปราณอาคมจากเหล็กไหลออกมาใช้งานได้ แต่อย่างที่ข้าบอกเจ้าภาวะพึ่งพากันระหว่างเจ้ากับเหล็กไหลมันก็ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ยิ่งให้มัน มันก็ยิ่งตอบแทนเจ้า”

“แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ข้าจะมีโอกาสใช้อาคมได้เหมือนผู้มีพรสวรรค์รึเปล่าครับ”

“ทุกอย่างมีเงื่อนไข อาคมที่เจ้าใช้จะเป็นแบบที่ส่งผลกับตัวเจ้าเองเท่านั้น จนกว่ามันจะยอมรับเจ้าเป็นนายอย่างสมบูรณ์ เจ้าถึงจะสามารถใช้อาคมได้อย่างผู้มีพรสวรรค์”

“อ๋อ”

“แต่ว่าปราณอาคมของเจ้าจะไม่มีทางพัฒนาขึ้นได้ เพราะนั่นไม่ใช่พลังของเจ้า จะเอามาเทียบกับผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถพัฒนาอาคมได้ตลอดเวลาไม่ได้

พวกเขาพัฒนาจาก 1 ไปถึง 100 หรืออาจจะไปไกลได้มากกว่านั้น ขณะที่ปราณอาคมของเจ้าต่อให้มีความพยายามมากเท่าใดมันก็เริ่มต้นที่ 100 และจบที่นั่น ไม่ทางเพิ่มขึ้น”

“เกิดเป็นผู้ไร้พรสวรรค์ ไม่มีทางเปลี่ยนชะตาได้ แต่ข้าไม่เคยคิดเสียใจ ต่อให้ข้ามีพลังแค่ร้อยก็ช่าง พัฒนาไม่ได้ก็ช่าง ข้าก็จะต้องใช้มันปกป้องตัวเองและคนที่ข้ารักให้จงได้”

“ตามข้ามา ข้าจะมอบยันต์อาคมให้แก่เจ้า ไว้ให้เจ้าได้ปกป้องตัวเองและผู้อื่น”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด