ตอนที่แล้วบทที่ 462 ฉื่อหยานจากตระกูลหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 464 เห็นไหม ? เจ้าหนะยังแข็งแกร่งไม่พอ

บทที่ 463 อิสระอย่างปลอดภัย [ส่วนแรก]


บทที่ 463 อิสระอย่างปลอดภัย [ส่วนแรก]

หลังจากเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้หลอมรวมกับวิญญานหลักของเขา เขาก็สามารตรวจสอบระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงของผู้อื่นได้ เพียงแค่เห็นพวกเขา แม้แต่นักรบระดับพระเจ้าก็ไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจปกปิดระดับพลังได้

จั่วเยว่เฟิงกับเสินตู่เจีย สวมหมวกไม้ไผ่ที่มีผ้าปิดหน้าอยู๋ . นี้จึงทำให้ผู้อื่นมุ่งสนใจเพียงฉาวจื่อหลาน และพานโจว อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครใส่ใจพวกเขาเลย ตอนนี้เองทั้งสองคนได้ถอดหมวกของพวกเขาออกและเปิดเผยตัวตน เมื่อพวกเขาเข้ามาในสายตาของฉื่อหยาน เขาก็สามารถรู้ระดับที่แท้จริงของพวกเขาได้ทันที

จั่วเยว่เฟิง และเสินตู่เจีย นั้นมีร่างผอมพร้อมกับใบหน้าที่เคร่งขึม ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาเข้าหาได้ด้วยยาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสินตู่เจีย ฉื่อหยานนั้นไม่รู้ว่าเคยเจอเขามาก่อนหรืิอไม่ เขารู้สึกคุ้นๆ เหมือนเขาเคยเจอเขามาก่อน แต่แล้ว เขายอมรับว่าเขาไม่เคยเจอกับคนนี้ และนึกภาพใบหน้าของเขาไม่ออก

ก้านหลันจากดินแดนเพิ้งหลายศักดิ์สิทธิ์มีระดับการบ่มเพาะที่นภาที่สามระดับนภา ฉื่อหยานไม่สนใจคนๆนี้จากจุดนี้ ตระกูลฉาวและพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าดินแดนเพิ้งหลายศักดิ์สิทธิ์ในระดับหนึ่ง คราวนี้ ตระกูลฉาวและพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้ได้ส่งนักรบระดับพระเจ้ามา แต่นักรบจากดินแดนเพิ้งหลายศักดิ์สิทธิ์กลับส่งเพียงนักรบระดับนภามา เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีความแข็งแกร่งน้อยกว่าตระกูลฉาวและพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้

ฉื่อหยานนั้นรู้ว่ากองกำลังทั้งสามนั้นแข็งแกร่งที่สุดในทะเลไม่มีสิ้นสุด ก่อนที่จะเกิดหายนะขึ้นตระกูลหยาง , และพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้พวกเขาต่างก็ไม่ได้มีนักรบระดับพระเจ้าเพียงคนเดียว   เขาเคยได้ยินจากหยางจั่วว่านอกจากจักพรรดิหยางเทียนแล้วตระกูลหยางยังมีนักรบระดับพระเจ้าอีกสองคนอย่างไรก็ตาม มีเพียงจักพรรดิหยางเทียนเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน

หยางจั่วเดาว่าสองนักรบระดับพระเจ้าของตระกูลหยางจะต้องอยู่ในดินแดนสี่อสูร

เสินตู่เจียมองเขาอย่างเย็นชาด้วยสีหน้ามืดมน เขายิ้มให้อย่างดุร้าย

ฉื่อหยานก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขารู้สึกว่าเขาคุ้นเคยกับคนๆนี้ และเขารู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายนี้

แต่ ณเวลานี้เขาคิดอะไรไม่ออก " เจ้าเองก็เป็นนักรบจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุด พวกเจ้ารู้จักกันหรือไม่ ? หรืออยากให้ข้าแนะนำ ? "หยินหุ้ยยิ้ม มองพวกเขาทั้งสองอย่างเย็นชา " คนที่มาจากแดนไกลคนนี้เป็นแขกของเรา ถ้าพวกเจ้ามีความแค้นใด ๆต่อกันอย่าพึ่งสะสางตอนนี้ ภายในป้อมปราการข้าไม่สนเรื่องของพวกเจ้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกข้าอย่าได้ทำให้เดือดร้อน เจ้าจัดการปัญหาของพวกเจ้ามนุษย์กันเอง ที่อื่นเถอะ" .

ชนเผ่าทะเลก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหลังจากที่ได้ยิน

หยินหุ้ยรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเหนือผิวน้ำดี ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าทั้งสองฝ่ายนั้นมีความแค้นต่อกัน

ตระกูลหยางตอนนี้กลายเป็นศัตรูของพวกเขาและฉื่อหยานก็ตกเป็นเป้าของทุกกองกำลัง

หยินหุ้ยเสียใจที่เขาไม่สามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเอง มันคงจะดีกว่าถ้าหนึ่งในพวกเขาหายไป

" หวังว่าเจ้าจะสบายดีนะ "

ฉื่อหยานเยาะเย้ยจากในใจ  แต่ใบหน้าของเขานิ่งสงบ เขาพยักหน้าให้ฉาวจื่อหลาน และพานโจว " ไม่เจอกันนานเลยนะ "

ฉาวจื่อหลานขดริมฝีปากของนางด้วยใบหน้าที่เย็นชา . " ใช่ ไม่ได้เจอกันนาน เจ้าเองก็อยู่ใต้ทะเลสินะ . . . . . . . ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเหล่าผู้คนที่อยู่ด้านบนถึงพยายามอย่างหนักแต่ก็หาเจ้าไม่พบ . "

" ข้าขอโทษแล้วกัน ที่ทำให้พวกเจ้าลำบาก หึหึ" ฉื่อหกล่าว " น่าเสียดายนัก พวกเจ้านั้นได้พยายามอย่างมาก แต่ข้าก็ยังมีชีวิตรอดอยู่ ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะต้องล้างแค้นนี้แน่นอน "

บางอย่างก็ระเบิดออกมาในดวงตาคู่สวยของฉาวจื่อหลาน นางพยักหน้าอย่างช้า ๆ

พานโจวยังรู้สึกอับอาย เขาฝืนยิ้มให้ฉื่อหยานและกุมมือ " . เราได้พบกันอีกครั้งแล้วสินะ เห็นเจ้ามีชีวิตอยู่ดี ข้าคิดว่าหลายคนต้องกังวลแน่ เฮ้อ จริงๆแล้ว ข้าไม่อยากเป็นศัตรูของเจ้า แต่สถานการณ์มันแย่นัก และ ข้าไม่มีทางเลือก "

ฉื่อหยาน ก็งง และไม่เข้าใจท่าทีของเขา

" ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าก็ได้ช่วยข้าไว้ในหุบเหวสนามรบ แม้ว่าการกระทำของเจ้าจะน่ารังเกียจที่ได้ฝังเมล็ดวิญญานไว้ในหัวของเรา แต่เราก็หนีรอดออกมาได้ " พานโจวถอนหายใจ " . ข้าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดได้ นี่คือคำแนะนำของข้าสำหรับเจ้า ออกไปจากทะเลแห่งนี้ มิฉะนั้น เจ้าจะไม่มีวันสงบแน่ๆ "

ฉื่อหยานขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร

นักรบเผ่าทะเล หยินหุ้ยและอาวุโสกู่ยิ้ม พวกเขาไม่พูดอะไรราวกับว่ากำลังรอทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน

จางหลี่ต้วนของพระราชวังจิตวิญญานต่อสู้ก็แสดงสีหน้าอวดดี  " เจ้าคือฉื่อหยานรึ ? ด้วยสถานการณ์ที่ยากของตระกูลหยาง , เจ้าคิดจะยืมพลังของชนเผ่าทะเลไปทำอะไรกัน ? เจ้าคิดว่าเจ้าจะทำได้หรือไง ?

จางหลี่ต้วนมองอย่างดูถูกไปที่ฉื่อหยาน

ก่อนหน่านี้ที่ฉื่อหยาน ได้เดินทางมาถึงทะเลไม่มีที่สิ้นสุด เขาก็เป็นนักรบที่อยู่ด้านบนของรายชื่อลำดับนักรบและทุกคนจากทุกกองกำลังก็ชื่นชมเขา

อย่างไรก็ตาม หลังจาก ฉื่อหยานกลับจากหุบเหวสนามรบ เขาได้จัดการกับหมานกู่แสดงให้เห็นถึงระดับการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งของเขา และยังสามารถทำให้โมจีต้าบาดเจ็บสาหัส

ข่าวลือมากมายเกี่ยวกับฉื่อหยานถูกแพร่กระจายออกไป ใครๆต่างก็รู้จักฉื่อหยานเขาถือได้ว่าเขาเป็นแบบอย่างแก่ยุคใหม่ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฏิเสธ  เขาทำให้รุ่นเยาว์ทุกคนฝันที่จะเป็นเช่นเขา

ชื่อของฉื่อหยานได้กระจายไปทั่วทุกท้องฟ้าและปรากฏตัวอยู่ทุกที่ และเขาก็ได้กลายเป็นแบบหยางแก่นักรบรุ่เยาว์ในทะเลไม่มีสิ้นสุด   ชายผู้นี้มีความสามารถที่จะกระตุ้นรุ่นเยาว์คนอื่น นี่เป็นเรื่องที่ทำให้จางหลี่ต้วนลำบากใจ

ในตอนนี้เขาได้พบกับฉื่อหยานที่ใต้ทะเล , ทัศนคติของจางหลี่ต้วนไม่ดีนัก

" แม้ว่าตระกูลหยาง จะไม่ปรากฎในทะเลกว้างใหญ่ พวกเขาก็มีชีวิตที่ดีและกองกำลังที่แข็งแกร่งของตระกูลก็ยังอยู่ " ฉื่อหยานสีหน้าเรียบเฉย เขาแสยะยิ้ม “แต่เราไม่ได้ชอบบังคับคนอื่นนัก ตอนแรก , พวกเจ้าใช้โอกาสในตอนนั้นร่วมมือกับทุกกองกำลังโจมตีตระกูลหยาง หึ พวกเจ้าต่างก็คิดว่าพวกเจ้าสามารถทำตามสิ่งที่ตัวเองหวังและได้รับทรัพยากรมากมายจากตระกูลข้า แต่จู่ๆเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬก็บุกเข้ามาและดูดเลือดดูดเนื่อพวกเจ้า และทรมานพวกเจ้าอยู่ทุกวันนี้ เหมาะสมแล้วที่พวกเจ้าจะโดนเช่นนั้น .”

จางหลี่ต้วนตาก็จ้องมองอย่างดุร้าย เขามองฉื่อหยานอย่างเย็นช้าและพูด " ไร้สาระ ! เผ่าอสูรนั้นมาที่นี่เพราะต้องการกำจัดตระกูลหยาง เจ้าคิดว่าผู้คนจะเชื่อในคำโกหกของเจ้ารึ ? "

ฉื่อหยานหัวเราะลั่น เขาส่ายหัว มองไปด้วยสีหน้าเหยีดหยาม แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

" อภัยให้ด้วย หากข้าพูดอะไรตรงไปตรงมา " จางหลี่ต้วนป้องมือให้หยินหุ้ย" ถ้าพวกท่านร่วมมือกับตระกูลหยาง ข้าคิดว่าพวกเรามนุษย์คงไม่ยอมแน่นอน อาจกล่าวได้ว่า ตระกูลหยางเป็นศัตรูของทะเลไม่มีสิ้นสุด อีกทั้ง พวกเขาไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกันกับเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬ หากท่านเลือกที่จะร่วมมือกับตระกุลหยาง ท่านจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากทุกกองกำลัง"

" เผ่าทะเลของเราเท่านั้น รักมหาสมุทรที่งดงามแห่งนี้ เราไม่ชื่นชอบการเข่นฆ่า เราไม่ชอบการฆ่า "หยินหุ้ยหัวเราะ " วันนี้เป็นงานเลี้ยงของอาวุโสกู่ . ถ้าพวกเจ้าอยากดื่ม ข้าก็จะต้อนรับ แต่ถ้าพวกเจ้าต้องการหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้พวกข้าไม่สน เลิกสนใจมันเสีย มา มา มา . . . . . . . มาดื่มกันเถอะ !"

หยินหุ้ยไม่อยากเปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลฉาว พระราชวังจิตวิญญานต่อสู้ หรือตระกูลหยาง เขาก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจทุกฝ่าย เมื่อได้ยินหยินหุ้ยพูดเช่นนี้ จางหลี่ต้วนและฉาวจื่อหลานก็ผิดหวัง อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องที่พวกเขาต้องการอีก พวกเขารอจนกว่างานจะจบ ค่อยพูดกับหยินหุ้ยอีกที

เป็นฉื่อหยาน ที่ไม่ได้มาที่นี่เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับเผ่าฉลามเงิน เขาไม่ยุ่งกับ หยินหุ้ย เขาเพียงพักผ่อนและนั่นดื่มเท่านั้น เขาสูดอากาศที่พัดผ่าน ราวกับเขาไม่มีเรื่องสำคัญอะไรจะพูด

" ชายผู้นี้ช่างอิสระและเรียบง่ายนัก . " ไห่หลัวก็ หัวเราะแล้วหยิบแก้วหยก นางเดินไปฉื่อหยานด้วยดวงตาที่งดงามอย่างเงียบๆ ". ข้าเห็นได้เลยว่าเจ้าไม่ได้มาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการร่วมมือของเผ่าฉลามเงิน ข้าได้ยินว่าตระกูลหยางยังไม่ขึ้นไปยังเหนือผิวน้ำ เช่นนั้นเจ้าต้องการอะไรรึ ?

" ข้าไม่ได้ต้องการอะไร ข้าแค่อยากเสพสุขกับชีวิตข้าในตอนนี่เท่านั้น . " ฉื่อหยานยิ้ม เขาไม่อยากธุระของเขากับไห่หลัว ขณะนี้เขากำลังดื่มและพูดคุยเกี่ยวกับข่าวลือบางอย่างที่น่าสนใจข่าวในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด

ไห่หลัว เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฉื่อหยานมามาก ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนาง นางอยากรู้นิสัยของเขา นางจึงเข้าไปอยู่ใกล้เขา และถามคำถามมากมาย

ฉื่อหยาน  ก็พูดถึงหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ  ดินแดนแปลกประหลาด  และ เกาะลอยฟ้า

ไห่หลัวถึงกับแปลกใจ นางถามอย่างอยากรู้อยากเห็น ดวงตาของนางส่องประกายทุกๆสองคำพูดของ ฉื่อหยาน นางฟังอย่างตั้งใจ ชนเผ่าทะเลที่อยู่รอบๆก็ยินที่เขาพูดแต่ก็ไม่ชัดเจนนัก

ฉาวจื่อหลาน ยื่นริมฝีปากขณะที่มีสีหน่าขมขื่น ขณะที่นางกำลังมองไห่หลัว และฉื่อหยาน ดวงตาคู่สวยของนางก็ระเบิดออกมาด้วยความอิจฉา นางรู้สึกรำคาญเมื่อ เห็นไห่หลัว และฉื่อหยานใกล้ชิดกัน

ส่วนหุ้ยหยิน บางครั้ง เขาก็ไปหาฉื่อหยาน ราวกับว่าเขากำลังเฝ้าดูบางสิ่ง

นี้เป็นงานเลี้ยงใหญ่และชนเผ่าทะเลมาร่วมกันมาที่สุด พวกเขาต่างก็สนใจในฉื่อหยาน บางครั้งชนเผ่าทะเลก็เดินเข้ามาและดื่มกับเขา ในปีที่ผ่านมา ตระกูหลยางได้ช่วยชนเผ่าทะเลไว้มากทำให้ชนเผ่าทะเลแข็งแกร่งขึ้นนี่จึงทำให้พวกเขามีความรู้สึกดีกับตระกูลหยาง ก่อนหน้านี้ฉื่อหยานได้แสดงพลังของเขาที่เมืองใต้บาดาล ทำให้ชนเผ่าทะเลตกตะลึง

ไม่มีใครสนใจฉาวจื่อหลาน , พานโจว และจงหลี่ต้วน ถึงแม้ว่าทั้งสามคนจะมาจากกองกำลังที่แข็งแกร่งในทะเลไม่มีสิ้นสุด แต่ชนเผ่าทะเลก็ไม่สนใจพวกที่จะดื่มกับพวกเขา

กลุ่มฉาวจื่อหลานรู้สึกราวกับว่าพวกเขานั่งอยู่บนหมุดและเข็ม พวกเขารู้สึกว่าราวกับพวกเขาไม่มีตัวตนกับคนอื่นๆที่กำลังเพลิดเพลินกับงานเลี้ยง ชนเผ่าทะเลหลายคนทำเป็นไม่เห็นและไม่สนใจกลุ่มของนาง

ตรงกันข้าม ที่โต๊ะของฉื่อหยาน กลับเต็มด้วยเสียงคึกคัมและตื่นเต้น ไม่เพียง แต่มีหญิงงาม แต่ชนเผ่าทะเลยังไปรวมกันที่นั้น งานเลี้ยงก็กำลังจะจบลง แต่ไม่มีชนเผ่าทะเลคนใดมาที่โต๊ะของฉาวจื่อหลานเลย

งานเลี้ยงจบลง

กลุ่มของฉาวจื่อหลานทั้งหกคนก็ยืนขึ้นมองหยินหุ้ยด้วยความคาดหวัง ดูเหมือนพวกเขาจะต้องการที่จะพูดบางอย่าง แต่ก็ยังลังเล

หยินหุ้ยยิ้มโบกมือของเขา . " มาที่นี่ "

ใบหน้าของกลุ่มฉาวจื่อหลานกลุ่มก็ส่องประกาย พวกเขารีบ ไป กับ หยินหุ้ยที่ห้องลับหลังเวทีเพื่อหารือเรื่องสำคัญ

" ฉื่อหยาน เจ้ารอก่อน เราค่อยคุยกันทีหลัง " หยินหุ้ยพูด เขก็ายิ้มแล้วเดินนำกลุ่มของฉาวจื่อหลายทั้งหกคนไป   อย่างไรก็ตาม หลังจากครึ่งชั่วโมง พวกเขาทั้งหมดก็กลับมา

พวกเขาทำหน้ามุ่ย ดูไม่มีความสุขเลย ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สามารถตกลงกับหยินหุ้ยได้ หลังจากที่พวกเขาทั้งหกก็กำลังจะจากไป พวกเขามองฉื่อหยานอย่างเย็นชาและจากไปจากเรือนของอาวุโสกู่ และดูเหมือนพวกเขาจะออกจากปราสาทหินเงินทันที

หยินหุ้ยเรียกหา ฉื่อหยาน , เขาก็ลึกขึ้นและเดินตามองค์รักษ์เผ่าฉลามเงินไปยังห้องลับ

หยินหุ้ยนั้นรออยู่ในห้องอยู่แล้ว

" เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนเหล่านั้นถามข้าว่าอะไร ?" หยินหุ้ยยิ้ม แต่มันก็ดูไม่เหมือนรอยยิ้ม

" ข้าไม่รู้ " ฉื่อหยานส่ายหัวและตอบอย่างเย็นชา . " แต่ข้าก็ไม่สนใจหลอก"

" มันเกี่ยวข้องกับตระกูลหยางของเจ้าเล็กน้อย . " หยินหุ้ยก็พูดขึ้นทันที "  พวกเขายินดีที่จะให้เราขึ้นไปยังทะเลเคีย่รา ตราบเท่าที่ชนเผ่าทะเลของเราให้ความร่วมมือในการกำจัดเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬ และเมื่อสำเร็จ ทะเลเคียร่าก็จะเป็นของเรา ฮ่า ฮ่า . . . . . . . ดูเหมือนว่าเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬจะทำให้ผู้คนในทะเลไม่มีสิ้นสุดลำบากสินะ  มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วที่มนุษย์ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับเรา พวกเขาไม่ต้องการให้เราขึ้นไปบนพื้นดิน แต่พอตกอยู่ในเวลาวิกฤต พวกเขากลับเสนอให้เราขึ้นไปอยู่ทะเลเคียร่า เจ้าคิดว่ามันน่าสนใจไหมละ ? "

ฉื่อหยานสีหน้าก็แข็งตรึง

ทะเลเคียร่านั้นเคยเป็นของตระกูลหยาง หลังจากตระกูลหยางหายไป พื้นที่ทะเลแห่งนั้นก็ถูกยึดครองโดยเผ่าอสูรและนั้นก็เป็นที่อยู่ของเผ่าทมิฬ   อาจกล่าวได้ว่า พื้นที่ที่ได้รับนั้นจะต้องเต็มไปด้วยทะเลเลือดและซากศพ คิดไม่ถึง , ตระกูลฉาว พระราชวังจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์และดินแดนเพิ้งหลายศักดิ์สิทธิ์จะมาที่นี่เพื่อเสนอพื้นที่ของตระกูลหยางให้กับชนเผ่าทะเล  พวกเขาราวกับว่าไม่เห็นถึงตัวตนของตระกูลหยาง

" ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตอนนี้จะไม่ค่อยดี " ฉื่อหยาน ขมวดคิ้วเข้าหากันสูดลมหายใจเข้าและกล่าววาา " อย่างไรก็ตาม ทะเลเคียร่านั้นเป็นของพวกเราตระกูลหยาง แม้ว่าจะถูกยึดครองโดยเผ่าทมิฬ แต่ในอนาคต , เรา , ตระกูลหยางจะนำมันกลับมา ใครก็ตามที่คิดแย่งชิงทะเลเคียร่าก็เท่ากับเป็นศัตรูกับตระกูลหยาง "

" เท่าที่ข้าได้ยินจากพวกมังกรกรสมุทรดำเกี่ยวกับตระกูลหยางนั้น , เจ้าเองก็ต้องการความร่วมมือจากชนเผ่าทะเลไม่ใช่รึ ?" หยินหุ้ยกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

" ข้าก็คิดแบบนั้น แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ด้วยทัศนคติที่เด็ดเดี่ยวของประมุขนู่หลาง " ฉื่อหยานไม่อยากปิดบัง " สิ่งที่ชนเผ่าทะเลของท่านต้องการคือไม่อยากมีส่วนร่วมในสงคราม เพราะ พวกท่านกำลังรอให้สงครามสิ้นสุดและอยู่ในจุดที่ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ จากนั้น ตอนนั้นพวกท่านก็จะยึดครองทะเลไม่มีสิ้นสุด ดินแดนสี่อสูร และ ดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้น นี่คงเป็นแผนของพวกท่าน”

หยินหุ้ยดวงตาก็ส่องประกาย

"เมื่อท่านเพียงต้องการที่จะนั่งและดูการต่อสู้ ไม่ว่าพวกเขาจะเกลี่ยกล่อมท่านเช่นไร มันก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องนั้นข้าจึงไม่กังวล " ฉื่อหยานยิ้ม“ประมูขนู่หลาง เป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน และนี่ก็เป็นโอกาสครั้งเดียในรอบหลายปี ด้วยทุกสิ่งเหล่านี้ข้าจึงรู้ว่าพวกท่านคงไม่ลังเลที่จะเสี่ยง”

" แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม ? " หยินหุ้ยครุ่นคิดสักพักก่อนถอนหายใจ และถามเขา " . ดูเหมือนเจ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อเกลี้ยกล่อม ข้าใช่มั้ย ? "

" ไม่ใช่แน่นอน " ฉื่อหยานส่ายหัว " ข้าต้องการรู้ตำแหน่งของสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับ ท่านเป็นประมุขชองชนเผ่าฉลามเงินท่านต้องรู้แน่นอนว่ามันอยู่ไหน ใช่หรืไม่ ? "

" เจ้าต้องการไปสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับงั้นรึ ?" หยินหุ้ยแสยะยิ้มและพูด " พันกว่าปีมีนักรบที่แข็งแกร่งในหมู่พวกเรานับไม่ถ้วนบุกเข้าในที่แห่งนั้น แต่ก็ไม่มีใครสามารถมีชีวิตออกมาได้ แม้แต่อนนี้ นู่หลางเองก็ไม่กล้าเข้าไป เพราะเขาไม่มั่นใจ เจ้าคิดว่าการใช้พลังจากสิ่งอื่นเอาชนะเปาเหวินได้ จะเพียงพอให้เจ้าเข้าและออกจากสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับได้งั้นรึ ? เจ้าดูถูกสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับเกินไป "

" ถ้าท่านรู้จักสถานที่แห่งนั้น ก็แค่บอกข้า ท่านไม่ต้องสนใจสิ่งใดหลอก . " ฉื่อหยาน ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่ถาม " ถ้าไม่มีคนชี้ทางให้ข้า มันจะต้องใช้เวลานานกว่าจะหาสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับเจอ ท่านเคยเห็นที่นั่นด้วยตัวเองหรือไม่ ? "

" ถ้าเจ้าอย่างตาย ข้าก็ไม่สนใจ"  หยินหุ้ยรำพึงสักครู่หนึ่ง แล้วโยนเขาคริสตัล“คริสตัลนี้สามารถแสดงให้เจ้ารู้ถึงวิธีไปสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับ ทำตามคำแนะนำของคริสตัลและเจ้าสามารถไปยังพื้นที่ต้องห้ามใต้ทะเลแห่งนั้นได้ ยังไงก็ตาม ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรอดไปจากที่นี่นะ ? .”

" โอ้ ? "

" ทั้งหกคนกำลังรอเจ้าอยู่ข้างนอกป้อมปราการหิน ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะหนีพวกเขาเช่นไร แม้ว่าเจ้าจะออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย มันเป็นก็ไร้ประโยชน์หากเจ้ายังคงต้องการจะไปยังสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับ  ด้วยทัศนคติต่อชนเผ่าทะเลที่มีต่อตระกูลหยางนั้นดีมากมาเป็นเวลาหลายปี ข้าจะให้คำแนะนำเจ้า . อยู่ให้ห่างจากสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับไว้ มันไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์เช่นเจ้าจะหาประโยชน์อันใดได้ "

" ขอบคุณล่วงหน้า "

ฉื่อหยานไม่สนใจคำแนะนำของหยินหุ้ย เขาป้องมือเตารพแล้วจากบ้านผู้อาวุโสไป

" ท่านประมุข "

อาวุโส่กู่เข้ามาหลังจากฉื่อหยานไป

" ข้าปฏิเสธข้อเสนอจากพวกเขาทั้งหกคนแล้ว" หยินหุ้ยกล้าว

อาวุโสกู่พยักหน้า " ข้ารู้ว่าท่านจะไม่เห็นแก่ผลประโยชน์เล็กๆแน่ ข้าได้ยินว่า ฉื่อหยาน ได้เดินทางไปเยือนเผ่ามังกรสมุทรดำ แล้วประมุขนู่หลางก็ ประกาศว่าพวกมังกรสมุทรดำจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหยางในเมืองใต้บาดาล ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แล้วฉื่อหยาน . . . ทำให้ประมุขนู่หลางเห็นด้วยได้อย่างไร ?"

" เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้รึ ?"  หยินหุ้ยขำ

อาวุโสกู่ก็งง แต่เขาก็ยิ้ม " เป็นไปไม่ได้แน่นอน”

" ข้านั้นรู้สึกประหลาดใจ ทำไมเจ้าบ้านี่ต้องการไปยังสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับ มันเป็นสถานที่ต้องห้ามของก้นทะเล หลายปีผ่านมา ผู้คนที่เข้าไปไม่มีใครรอดออกมา   แม้แต่ข้าก็ทำได้เพียงอยู่รอบนอก ข้าไม่เคยเข้าไปยังศูนย์ของสุสานเลย "

หยินหุ้ยขมวดคิ้ว " .ถ้าเด็กนั่นไม่โง่ เขาเองก็คงรู้ว่าสถานที่แห่งนั้นอันตรานเช่นไร แต่เขาก็ยังต้องการที่จะเข้าไป ทำไมกัน ? เขามั่นใจว่าเขาสามารถรอดชีวิตออกมาได้งั้นรึ ?

" เป็นไปไม่ได้ ! "

อาวุโสกู่ถอนหายใจ และส่ายหัวของเขาอย่างต่อเนื่อง . แม้ว่าประมุขนู่หลางจะอยู่นภาที่สามระดับพระเจ้า เขายังไม่กล้าเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้น แต่เด็กนั้นอยู่เพียงระดับนภา เขาจะมีความสามารถอะไร ? "

" ข้าได้ยินจากคำพูดของเขากับไห่หลัวว่าเขาได้ไปเยือนหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬมาแล้ว แต่นั้นก็อาจไม่ใช่เรื่องจริง เรื่องนี้เราไม่สามารถตัดสินอะไรได้ เขานั้นรอดชีวิตออกมาจากที่นั่นได้ ไม่ได้แปลว่าเขาต้องมีบางอย่างที่พิเศษ "

" ไม่ใช่ว่าเป็นเพียงคำขี้โม้โอ้อวดหลอกรึ? "

" ข้าก็สงสัยเช่นกัน " หยินหุ้ยส่ายหัว " เขาพูดอย่างมั่นใจว่าเขาเคยไปเยือนหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ และข้าก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬนั้นลึกลับเป็นอย่างมาก และเราก็ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ถ้าเรายังไม่เคยไป และเขาสามารถรอดชีวิตออกมาได้นั่นก็หมายความว่า เขาน่าจะมีอะไรดี เด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา เขามีพลังเทียบเท่ากับนักรบระดับพระเจ้าทั้งๆที่อยู่เพียงระดับนภา เราไม่อาจพิจารณาเขาด้วยสามัญสำนึกทั่วไปได้”

" เช่นนั้น ท่านหมายความว่า ?

" ข้าจะไปสุสานมังกรยอดโบราณลึกลับเพื่อดูว่าเขาสามารถเข้าออกสถานที่แห่งนั้นได้หรือไม่  ข้าอยากจะรู้ว่านักว่าเขาเพียงแค่พูดโอ้อวดหรือเขามีความสามารถ"

" อืม แต่เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถมีชีวิตรอดจากนักรบทั้งหกที่อยู่ข้างนอกได้หรือไม่ "

" พวกเขาไม่สามารถทำอะไรเด็กนั่นได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม แม้แต่เปาเหวินและเปาเค่อก็ยังกลัวเขา ข้าคิดว่าถ้าเด็กนี้ใช้ความสามารถทั้งหมด เขาจะต้องหนีจากกลุ่มคนทั้งหกนั่นได้อย่างแน่นอน   , ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ผู้ชายคนนี้โดดเด่นกว่าจักพรรดิหยางเทียนในปีนั้นเสียอีก เราควรจะระวังเขาไว้จะดีกว่า "

" ความคิดของประมุขข้าช่างยอดเยี่ยมนัก ! "

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด