ตอนที่แล้วบทที่ 379 สายลมกระจ่างดาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 381 เข้าใจถ่องแท้

บทที่ 380 พลิกสถานการณ์


บทที่ 380 พลิกสถานการณ์

" สายลมกระจ่างดาวนี้เป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา มันไม่มีผลกระทบต่อร่างกายของนักรบ แต่เมื่อมันซัดเข้ามาในจิตใจของเรา ห้วงจิตสำนึกของเราก็หายไป หลังจากจิตสำนึกวิญญานถูกซัดหายไป , วิญญานหลักจะปรากฏออกมาโดยตรง จากนั้นสายลมกระจ่างดาวก็จะโดนฉีกและบดขยี้ด้วย . " ไชอี้ จ้องมองอย่างตั้งใจไปยังสายลมกระจ่างดาวที่อยู่ด้านหน้า ฉื่อหยานและค่อยๆบินไปที่นั้น ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนหวาดกลัว

แต่ ลั่วหลี่ และ ลั่วหลัน กับจ้องมองสายลมกระจ่างดาวที่ซัดเข้ามาอย่างหมดหนทาง และพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

" พวกเจ้าไม่มีสมบัติลับปกป้องวิญญานงั้นรึ ? " ไชอี้มองไปที่ฉื่อหยานและอายหยา และถามอย่างรีบร้อน " สมบัติลับป้องกันวิญญานสามารถป้องกันผลกระทบจากสายลมกระจ่างดาวได้ . ไม่เช่นนั้น เมื่อจิตสำนึกวิญญาณของเราถูกซัดวิญญานหลักของเราจะแยกออกจากกัน

ถ้าเป็นวิญญานหลักหายไปก็เท่ากับว่าจิตวิญญานถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก และไม่สามารถอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้

ลั่วหลี่ และ ลั่วหลัน ก็ขมวดคิ้ว . เขาสั่นศีรษะของพวกเขาหลังจาก ไชอี้ ได้ถาม

ไชอี้ มอง ฉื่อหยาน . ดวงตาคู่สวยของนางมีร่องรอยของความคาดหวัง

พวกเขาทั้งสามและไชอี้ก็มองไปที่ ฉื่อหยาน พวกเขาคาดหวังว่า ฉื่อหยาน จะมีเทคนิคลึกลับบางอย่างเพื่อหยุดสายลมกระจ่างดาว

" ทำไมพวกเจ้ามองข้ากัน ? " ฉื่อหยาน ประหลาดใจและก็ยิ้มเหยเก " . เจ้าคิดว่าข้าสามารถช่วยพวกเจ้าได้รึ ? ข้ามาจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุด นักรบจากทะเลไม่มีสิ้นสุดต่างก็เป็นผู้แร้นแค้น ถ้าพวกเจ้าไม่มีมัน แล้วข้าจะมีอะไรได้?

" เจ้านั้นต่างออกไปจากนักรบทั่วไปในทะเลไม่มีสิ้นสุด " ลั่วหลี่ ยิ้มอย่างไม่เต็มใจ“ถึงแม้ว่าเจ้าจะอยู่เพียงระดับรู้แจ้ง แต่เจ้ากลับสามารจัดการตัวไหมทองได้ และเส้นไหมทองเหล่านั้นได้ แม้ว่าจะเป็นนักรบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็ใช่ว่าจะมีนักรบมากมายที่แข็งแกร่งเหมือนกับเจ้า .”

อายหยา และ ไชอี้ เองยังสั่นศีรษะของพวกนาง ในเวลาเดียวกันพวกนางทั้งสองดูเหมือนจะเห็นด้วยกับ ลั่วหลี่

ก่อนหน้านี้ ในเวลาวิกฤตเช่นรับมือกับตัวไหมทอง ฉื่อหยาน ได้จัดการกับเส้นไหมทองและตัวไหมทองจากวังสวรรค์และช่วยพวกนางออกจากเงื้อมมือของหนิงเซอ

ฉื่อหยานก็เปิดเผยบางร่องรอยความลับที่ทำให้พวกเขาตกตะลึง ดังนั้น พวกเขาจะไม่ทำกับเหมือนกับว่าเขาเป็นนักรบทั่วไปในทะเลไม่มีสิ้นุดสิด

สายตาของพวกเขาทั้งสี่ที่มองฉื่อหยานได้เปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกว่าเขาไม่ใช่นักรบที่จะจัดการได้ง่ายๆอย่างนักรบทั่วไปในทะเลไม่มีสิ้นสุด

" ข้าไม่มีสมบัติลับปกป้องวิญญาน " ฉื่อหยาน ส่ายหัว สายลมกระจางดาว ซึ่งค่อยๆ เข้ามาใกล้ และพูดอย่างไม่เต็มใจ " เราควรจะหาวิธีอื่น”

" แล้วเราจะทำยังไง ?"  ลั่วหลัน ถอนหายใจมองสายลมกระจ่างดาวที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เขาพูดอย่างผิดหวัง " สายลมกระจ่างดาวนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก มันทำลายวิญญาณหลักของเรา ก่อนที่เราจะเข้ามาในพื้นที่หมอกแม่เหล็กพิษทมิฬเราไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเจอกับมัน ? เฮ้อการเดินทางครั้งนี้ช่างทุกข์นัก ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ ข้าคงไม่เข้าไมาในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬหลอก”

" แต่ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เราควรทำอย่างไร" ลั่วหลี่ สูดลมหายใจเข้าและก็นั่งลง " ข้าหวังว่าเราจะสามารถรับมือกับมันได้สักครู่และคิดหาทางออกไปจากที่นี่ มิฉะนั้น , สายลมกระจ่างดาวได้แยกวิญญานหลักของเราแน่ "

อายหยา ไชอี้ ก็มีสีหน้าลังเล มันไม่มีประโยชน์ที่อะไรที่จะเร่งรีบ ในช่วงเวลานี้ พวกนางรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไร้ประโยชน์ และไม่สามารถทำอะไรได้

กระแสลมก็ค่อยๆใกล้เข้ามา ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการเผชิญหน้ากับมันหรือไม่ พวกเขาก็ต้องอดทนกับมัน

กระแสลมครอบคลุมพวกเขาทั้งหมดจากทุกทิศทาง สายลมกระจ่างดาวนี้ดูเหมือนจะมีความคิด ทันทีที่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตได้เข้ามา ทันที มันก็พุ่งออกมาจากทุกมุม ต้องการฆ่าคนเหล่านั้นให้หมด และไม่อนุญาตให้ใครรอดไปจากดินแดนสยองได้

มันไม่ใช่ว่า ฉื่อหยาน จะคิดเกี่ยวกับวิธีการหลบหนี อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่า ทั่วบริเวณนี่เต็มไปด้วยสายลมกระจ่างดาวที่รุนแรงซึ่งลอยไปมาอย่างต่อเนื่อง , มันจึงไม่มีประโยชน์ที่พวกเขาจะหลบหนี

หลังจากนั้น ,สายลมกระจ่างดาวก็ครอบคลุมพวกเขาทั้งหมดห้าคนในครั้งเดียว

มันเป็นดั่งที่ไชอี้กล่าว เมื่อสายลมกระจ่างดาวที่ชั่วร้ายมาถึง ร่างกายของ ฉื่อหยาน กลับไม่มีเปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกว่าสายลมกระจ่างดาวไม่มีอะไรร้ายแรงราวกับว่ามันไม่ได้มีอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่า ความปั่นป่วนในห้วงจิตสำนึกของเขาก็เริ่มปั่นป่วนแรงขึ้น หลังจากวิญญานหลักที่ควบแน่นในห้วงจิตสำนึกปั่นป่วน สักพัก จิตสำนึกวิญญานก็ห่อหุ่มห้วงจิตสำนึกของของเขาไว้เหมือนใยบัวและ ค่อยๆบินลอยออกมาจากห้วยจิตสำนึกเคลื่อนไหวไปตามสายลม

จิตสำนึกวิญญานเชื่อมต่ออยู่กับห้วงจิตสำนึกได้หายไปมาก หลังจากผ่านไปเพียงเวลาสั้นๆ

เมื่อเวลาได้ผ่านไป จิตสำนึกวิญญานของห้วงจิตวิญญาน ก็ค่อยๆจางหายไป ด้วยผลกระทบจากลมและมันปั่นป่วนมากขึ้น ราวกับว่าจิตสำนึกวิญญานที่อยู่นห้วงจิตวิญญานของเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

จิตสำนึกวิญญานคือรูปแบบพื้นฐานในห้วงจิตสำนึก เป็นองค์ประกอบของห้วงจิตสำนึก ที่เกิดจากการควบแน่นด้วยเส้นสายวิญญาน

วิญญานหลักเองก็อยู่ในห้วงจิตสำนึก ภายใต้การคุ้มครองของห้วงจิตำสำนึก เมื่อจิตสำนึกวิญญานจางหายไป วิญญานหลักจะถูกเปิดเผยโดยไม่สามารถป้องกันใดๆได้

สายลมกระจ่างดาวนี้จะสลายจิตสำนึกวิญญานก่อน แล้วจึงแยกวิยญานหลักออกจากกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายวิญญานของนักรบ เมื่อวิญญาณในห้วงจิตสำนึกวิญญานหายไป ความตายก็จะมาเยือนนักรบคนนั้น

เส้นสายจิตสำนึกวิญญานหายไปทีละเส้น ทำให้ ฉื่อหยาน ไม่สามารถมีสมาธิและคิดอะไรได้ เขากลายเป็นสับสนราวกับว่าถูกควบคุม

สติของเขาหายไปกว่าครึ่ง และจิตใจของเขาอยู่ในสถานะที่ไม่ปกติ เขาไม่สามารถแม้แต่จะทำสิ่งที่ง่ายที่สุดได้

เขามองดูคนอื่น ๆ กล่่มของ อายหยา และ ไชอี้ และตระหนักว่าทั้งสี่ก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกับเขา สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คือ จิตสำนึกวิญญานของพวกเขาค่อยๆกระจายออกไปและห้วงจิตสำนึกก็ปั่นป่วนมากขึ้น

มันไม่มีทางแก้เลยรึ

ฉื่อหยาน ขบฟันของเขา ใช้ทุกความพยายามของเขาเพื่อที่จะรวบรวมสติของเรา และพิจารณาอย่างรอบคอบ

เขาต้องใข้สมบัติลับปกป้องวิญญาน ป้องกันจิตสำนึกวิญญานจากสายลมนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีสมบัติชนิดนี้อยู่ เคล็ดวิชาวิญญานต่างๆที่มีส่วนมากจะเป็นการใช้จิตสำนึกวิญญาน เขาไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาวิญญานใดๆได้ในขณะที่ห้วงจิตสำนึกของเขาปั่นป่วนอย่างรุนแรง

ปราศจากจิตสำนึกวิยญษน เคล็ดวิชาวิญญานก็ไร้ประโยชน์

สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่เขากำลังค่อยๆ สูญเสียสติของเขาไป นี่ยิ่งทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับมันได้เลย

ต้องคิดหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด

เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ฉื่อหยาน ก็ยังสงบเมื่อเผชิญกับความทุกข์ยาก . เขาเลิกคิดถึงความปั่นป่วนของจิตสำนึกวิญญาน รวบรวมพลังทั้งหมดของเค้า และหาหนทางพลิกสถานการณ์

กระสวยแยกนภา !

ฉื่อหยาน ดวงตาที่แต่เดิมเกือบไร้ร่องรอบวิญญานก็ส่องประกาย ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจของเขา เขาจำได้ว่ามันเป็นสมบัติลับที่ได้มาจากหุบเหวสนามรบ

เมื่อเขาได้เข้าไปในหุบเหวสนามรบก่อนหน้านี้ จุดประสงค์ของเขาในตอนนั้น คือกระสวยแยกนภา

ในตำนานกระสวยแยกนภานี้สามารถทำลายรูปแบบและอุปสรรคได้ทุกอย่าง เขาใช้เวลาและความพยายามอย่างมากกว่าจะได้กระสวยแยกนภามา

หลังจากที่ได้รับกระสวยแยกนภามา เขาสื่อสารกับมันและได้รับข้อความจากมันว่า ถ้าเขายังไม่ถึงระดับรู้เข้า เขาจะไม่สามารถใช้มันได้แน่นอน

ใน ทะเลเหิงลั่ว ด้วยพลังของเขา เขาได้ไปทั่วทุกที่ และฆ่านักรบกับเผ่าอสูรไปมากมาย เขามีความก้าวหน้าถึงขนาดบรรลุเข้าสู่ระดับรู้แจ้ง เขาได้ใช้ทุกความพยายามเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง ตลอดจนเข้าใตความแข็งแกร่งของชิหยาน ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาสามารถใช้กระสวยแยกนภาได้ แต่เขาก็ยังไม่ได้ใช้มันเลย

เขารู้ว่าด้วยระดับรู้แจ้งของเขา ถ้าเขาไปดินแดนสี่อสูรเพื่อหาสถานที่ลับที่จักพรรดิหยางเทียนถูกจับอยู่ มันก็ยังยากสำหรับเขาที่จะใช้มันเพื่อช่วยชีวิตจักพรรดิหยางเทียนออกจากที่แห่งนั้น

ชิหยาน และโปวชุนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมี พลังจากรูปแบบของ จิตวิญญานพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ เปลวเหมันเยือกแข็ง และ แกน เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะช่วยเหลือและหนีพ้นจากร่างกระดูกขาวของโปวชุนได้หรือไม่

ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาสามารถใช้กระสวยแยกนภาได้ เขากลับไม่ได้ใช้มันเลย เพราะเขาเข้าใจว่า ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขา หากเขาเข้าไปในดินแดนสี่อสูรเขาจะต้องไม่รอดแน่นอน

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ความคิดต่างๆก็แวบขึ้นมาในหัวของเขา ในที่สุดเขาก็มีวิธีแก้ปัญหา เขาพยายามจะเอากระสวยแยกนภาออกมา ส่งจิตสำนึกเข้าไป และสื่อสารกับจิตวิญญานของกระสวยแยกนภา

" ดูเหมือนว่าเจ้าได้เข้าสู่ระดับรู้แจ้งแล้วสินะ ด้วยระดับรู้แจ้งของเจ้าเพียงพอที่จะใช้ข้าแล้ว เจ้าพร้อมแล้วหรือยัง ?" ข้อความที่บางเบาก็ดังออกมาจากกระสวยแยกนภา " แล้วเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไร ?

" ออกไปจากที่นี่ " ฉื่อหยาน รีบส่งมาข้อความออกไป

" ย่อมได้ " ประสวยแยกนภาตอบกลับมาสั้นๆ " ถ้าเจ้าส่งพลังของเจ้าเข้ามา แล้วจากนั้นเจ้าก็บอกข้า จากนั้นข้าก็จะพาเจ้าออกจากที่นี่ "

" ส่งพลัง " ?

" ใช่ " .

" จะต้องใช้เท่าใด ?

" ตอนนี้นายเจ้าอยู่ในนภาที่สองระดับรู้แจ้ง เจ้าจะต้องใช้พลังปราณลึกลับสองในสามของเจ้า ข้าจึงจะสามารถทำลายรูปแบบที่เจ้าอยู่ตอนนี้ได้ , ยิ่งรูปแบบแข็งแกร่งเท่าใด ข้าก็ต้องการพลังมากขึ้น รูปแบบที่เจ้าอยู่ตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากดังนั้นเจ้าใช้เพียงสองในสามของพลังปราณลึกลับทั้งหมดก็เพียงพอ .

หน้าฉื่อหยาน ก็ เปลี่ยนไปเล็กน้อย

รู้สึกผ่านจิตสำนึกวิญญาน เขาไม่ได้มีเวลาที่จะคิดเยอะ เขาเพ้งสมาธิไปที่พลังของเขา และถ่ายทอดพลังปราณลึกลับไปยังกระสวยแยกนภาที่อยู่ในมือของเขา

เมื่อพลังปราณลึกลับสองในสามของเขาถูกถ่ายทอดเข้าไปในกระสวยแยกนภา มันก็กลายเป็นแข็งแกร่งมากขึ้น ราวกับว่ามันสามารถฉีกกระปษกทุกอย่างได้ แล้วมันก็บินออกมาจากฝ่ามือของเขา

รูปร่างของมันเหมือนปลาเกล็ดเงิน คลื่นบางอย่างก็พุ่งออกจากกระสวยแยกนภา , เจาะผ่านชั้นของเมฆสีเทาบนท้องฟ้า

กระสวยแยกนภานี้สามารภทำลายรูปแบบทุกอย่างได้จริงๆ ราวกับว่ามันสามารถทำลายอุปสรรคทุกอย่างที่ขว้างกั้นได้ สิ่งที่เป็นเหมือนโคลนตมอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาก็แยกออกจากกัน

แสงสีเงินพุ่งลงมาจากเบื้องบน เหมือนจักรวาลสีเงิน มันพรวดพราดเข้าสู่หัว ฉื่อหยาน .

อายหยา ไชอี้ ลั่วหลี่ , และ ลั่วหลัน ที่เหม่อลอย ก็พลันเห็น ช่องว่างสีเงินปรากฏบนท้องฟ้า และได้พุ่งลงมาด้านล่างซึ่งเป็นเหมือนหนองน้ำปกคลุมเหนือหัวของตน พวกเขาทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะตะโกนออกมาดังๆ

" นี่ . . . . . . . ? "

" เป็นของฉื่อหยานรึ? เขาช่างไม่ธรรมดานัก "

อายหยา ไชอี้ และสองพี่น้องไม่สามารถช่วย ที่จะตะโกนตกใจออกมาเพราะความสามารถ ฉื่อหยาน . พวกเขาไม่ได้รู้ว่าสิ่งนี้ที่ฉีกกระชากดินแดนสยองได้ของฉื่อหยานคืออะไร

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด