ตอนที่แล้วบทที่ 323 อยู่กับท่าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 325 ความมั่นใจกลับคืนมา

บทที่ 324 แขนขวาที่ทรงพลัง


บทที่ 324 แขนขวาที่ทรงพลัง

" เจ้าหนู ! " นักรบระดับนภาสามคนยืนอยู่ในห้อง แสดงความเคารพต่อฉาวจื่อหลานด้วยความนับถือ .

ห้องนี้ตั้งอยู่ที่ตีนภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ในย่านการค้า บริเวณนี้คึกคักเป็นอย่างมากและเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกและนักรบมากมายจากสถานที่ที่แตกต่างกันในทะเลไม่มีสิ้นสุด พวกเขามารวมกันเพื่อหาสมบัติที่พวกเขาต้องการ

มีถนนเล็ก ๆที่ซ่อนอยู่มุมหนึ่งของย่านการค้าที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับห้องลับใต้ดิน

นักรบระดับนภาทั้งสามดูเหมือนว่าจะเป็ฯพี่น้องกัน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่หยาบกรานเหมือนกันและ ยืนนิ่งอยู่ภายในห้อง พวกเขาดูมั่นคงและน่าเกรงขามราวกับภูเขาทั้งสามลูกที่ปลดปล่อยกลิ่นอายหนักหน่วงออกมา

นักรบทั่วไปเมื่อเดินผ่านเขาจะรู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยออก

ทั้งสามคนต่างก็มีหน้าตาปกติ ดังนั้นถ้าพวกเขาแฝงตัวในฝูงชนก็จะไม่เป็นที่สะดุดตา ทั้งสามคนเป็นองค์รักษ์ของตระกูลฉาล ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าคนแปลกหน้าและคอยช่วยเหลือตระกูลฉาวอยู่เบื้องหลัง

" พวกเจ้าอยู่ที่นี่กันหมด ก็ดี "

ฉาวจื่อหลาน นั่งสะดวกสบายอยู่บนเก้าอี้ รัศมีส่องประกายบนใบหน้าของนางซึ่งสามารถสะกดจิตใจของผู้อื่นได้ นางขมวดคิ้วของนาง " บอกข้ามาว่าตอนนี้ตระกูลฉาวเป็นเช่นไรบ้าง ?”

สามนักรบของตระกูลฉาวก็พยักหน้าและ , ก้มลง , และเริ่มรายงานทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลฉาวให้

ฉาวจื่อหลานฟัง นางหลับตาเล็กน้อยขณะที่ฟัง รอจนกระทั่งทั้งสามคนพูดเสร็จ นางจึงพยักหน้า " ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้น แผนการของเรายังคงไม่เปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่ ? "

พวกเขาทั้งสามคนก็พยักหน้าด้วยท่าทางสุภาพ การแสดงออกเช่นนี้มาจากภายในจิตใจของเขาอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพราะสถานะของฉาวจื่อหลาน

" เจ้าสามคนมาที่นี่เพื่อปกป้องข้า หรือมาเพื่อเข้าร่วมการประชุมบนเกาะสุริยัน ? " ฉาวจื่อหลาน ถามอย่างไร้อารมณ์

" จุดประสงค์หลักคือไปเพื่อพาคุณหนูกลับตระกู, " หนึ่งในทั้งสามคนโน้มลงมาใกล้พื้นดินด้วยความเคารพและพูด " ทะเลเหิงลั่ว ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว ความตั้งใจหลักของเราคือ ควรหลีกเลี่ยงและออกจากทะเลเหิงลั่ว พวกเรามาที่นี่เพื่อปกป้องท่าน นอกจากนี้เรายังต้องการที่จะตรวจสอบขุมพลังต่างๆในการประชุมครั้งนี้ จริงๆแล้วเราไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมการประชุมนี้ .

ฉาวจื่อหลาน ค่อยๆพยักหน้า เหมือนจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว

" เราได้ยินว่าคุณหนูถูกกักขัง ท่านต้องการให้เราจัดการหรือไม่ . . . . . . . ? " ผู้ชายอีกคนก้าวไปข้างหน้าเพื่อขอคำสั่งของนางในขณะที่ดวงตาของเขาส่องประกายเย็นชา

" ไม่ต้อง " ฉาวจื่อหลาน พูดอย่างเย็นชา

" คุณหนู เราได้ยินว่าเจ้าด็ก ฉื่อหยานดูเหมือนจะขัดแย้งกับท่านที่บ่อน้ำพุร้อน จนหมานกู่ต้องแสดงตัวออกมา และได้พ่ายแพ้ให้กับเขาอีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัส . "

ผู้ชายคนนั้นถือว่าคิดเล็กน้อยอย่างรอบคอบ แล้วก้มลงต่ำพูดว่า " คุณหนู ท่านไม่เคยทำเช่นนี้กับชายใด ท่านต้องการที่จะสานสัมพันธุ์กับชายคนนั้นจริงๆหรือ ? "

ฉาวจื่อหลาน เงียบ และร้องไห้อยู่ข้างในหัวใจนาง นางครุ่นคิดสักพัก ก่อนลุกขึ้นยืน สั่นศีรษะ และพูดอย่างเฉยเมย " ในความเป็นจริง ตอนแรกข้าตั้งใจเช่นนั้น แต่ข้าไม่รู้ว่าตอนนั้นข้าคิดอะไรอยู่ ตอนนี้จิตวิญญานต่อสู้ของเขาเกิดการกลายพันธ์ขึ้น บางทีเขาอาจจะไม่สามารถรวบรวมพลังปราณลึกลับได้อีกตลอดชีวิต ระดับการบ่มเพาะของเขามาถึงทางตันแล้ว."

อีกสามคนตกตะลึงแล้วพยักหน้าเงียบๆ และคิดว่าสิ่งที่ฉาวจื่อหลานทำนั้นถูกต้องแล้ว

" เฮ้อ " ฉาวจื่อหลานดูเศร้าเล็กน้อย " ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่อาจรวบรวมพลังปราณลึกลับได้อัก บางทีข้าอาจจะยังตามเขาต่อ ชายคนนี้โดดเด่นเป็นอย่างมาก ถ้าเขาสามารถรักษาความแข็งแกร่งของเขาไว้ได้เช่นเดิม เขาคงจะก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่และอยู่เหนือกว่าจงหลี่ต้วน และกลายเป็นอัจฉริยะที๋โดดเด่นที่สุดในทะเลไม่มีสิ้นสุด "

ประกายแสงก็ส่องในสายตาขององค์รักษ์ทั้งสามของตระกูลฉาวในขณะที่พวกเขารู้สึกไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยืน

" ข้ารู้ถึงความร้ายกาจของ จงหลี่ต้วน ดี เขาอยู่ในระดับรู้แจ้ง และเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องวิญญาน , อีกทั้งยังมีเคล็ดวิชาอีกมากมาย ดังนั้น เขาจึงได้รับคำชมว่าเป็นอัจฉริยะเป็นประจำ " ฉาวจื่อหลานกระแอมออกมาเล็กน้อยและพูดต่อเนื่อง " อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยาน ก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขา แม้แต่จิตวิญญานสัมพัสพระเจ้าก็ไม่อาจสัมพัสถึงความลับมี่อยู่ในร่างเขาได้ ชายคนนี้ทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจ ถ้าไม่ใช่เพราะจิตวิญญานต่อสู้ของเขากลายพันธ์ ข้าคงจะเฝ้ารอวันที่เขาได้ต่อสู้กับจงหลี่ต้วน . "

" น่าเสียดายนัก " องค์รักษ์ทั้งสามตระกูลฉาวก็พยักหน้า

" อืม น่าเสียดายจริงๆ ข้า . . . " ฉาวจื่อหลาน หน้าก็แดงด้วยความอับอายเมื่อจู่ๆ นางคิดถึงตอนที่นางจูบเขาครั้งแรกด้วยตัวของนางเอง ดังนั้นนางจึงเอาแต่เงียบโดยไม่พูดอะไรอีก

" ฉื่อหยาน ไม่มีค่าอีกต่อไป เราอาจจะต้องมองข้ามเขา และติดต่อผู้ติดตามเขาโดยตรง " เขากล่าว

" นั่นเป็นเรื่องยากมาก " ฉาวจื่อหลาน คิดสักพักก่อนพูด " เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ ข้ารู้สึกว่า การพูดคุยกับทั้งสามคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บนเกาะมังกรเหมัน ยังมีนักรบระดับพระเจ้าอยู่อีกสองคน "

องค์รักษ์ทั้งสามของตระกูลฉาวก็แปลกไปและพูดออกมา " นักรบระดับพระเจ้าห้าคน ! ? "

ฉาวจื่อหลาน พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่บึ้งตึง " ถูกต้อง นักรบระดับพระเจ้าห้าคน เป็นขุมพลังที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก . ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ข้าคงไม่ทนอยู่นานเช่นนั้นหลอก เฮ้อ น่าเศร้าที่เขาไม่สามารถรวบรวมพลังปราณลึกลับได้ บางทีพวกคนเผ่าเหล่านั้นอาจจะทิ้งเขาไปก็ได้ "

" เราต้องส่งคนของเราไปที่เกาะมังกรเหมันที่เพื่อพบกับอีกสองคน "

" ใช่ เราทำได้ แต่ข้าไม่แน่ใจว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างน้อยเราต้องแสดงความตั้งใจดีจากตระกูลฉาวให้พวกเขารู้ "

" ข้าคิดว่าถ้าฉื่อหยานตายไปอย่างเงียบๆ มันจะง่ายสำหรับเราที่จะติดต่อกับเหล่าคนเผ่า . "

ดวงตาของฉาวจื่อหลานก็ส่องประกาบ เป็นแสงที่เย็นชา นางมองไปยังองค์รักษ์ที่เพิ่งพูดขึ้น " เจ้าลืมเรื่องที่เจ้าพูดไปซะ ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ฉื่อหยานและคนเผ่าเหล่านั้น จักพรรดิ์หยางเทียนนั้นยังไม่ตาย ดังนั้นถ้าฉื่อหยาน ตายด้วยมือของเจ้า เจ้าคิดว่ามีกี่คนกันที่ช่วยเจ้าได้ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นนักรบระดับพระเจ้ารึไง "

สีหน้าขององค์รักษ์คนนั้นก็เปลี่ยนไปในขณะที่เขาพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและ ไม่กล้าพูดอะไรอีก

" อย่าได้คิดจะฆ่าฉื่อหยาน . อย่าได้สร้างปัญหาให้ตระกูลฉาวเด็ดขาด เข้าใจมั้ย ? " ฉาวจื่อหลานสูดลมหายใจเข้าอย่างเย็นชา

สามองค์รักษ์รีบพยักหน้าอย่างชัดเจนแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว

. . .

ในห้องหินลับ

ฉื่อหยาน นั่งขัดสมาธอยู่บนพื้นด้วยสีหน้ามืดมน เขาขมวดคิ้วขณะมองที่แขนขวาของเขา และคิดอย่างเสียใจ

เขาวางแขนของเขาบนพื้นหิน มองไปที่แขนที่หยาบกร้านของเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดที่เปลี่ยนไป

หลังจากนั้น เมื่อเขาหลับตาลง ประกายแสงสีม่วงแปลกๆก็โผล่ออกมาจากดวงตาของเขา หลังจากรวบรวมสมาธิ เขาตระหนักได้ถึงแสงสีม่วงที่ซ่อนอยู่ในแขนขวาของเขา

เขากำลังคิดเกี่บวกับสถานการณ์ปัจจุบันของแขนขวาที่แข็งกระด้างเหมือนกับเหล็กและหินที่ถูกเหลาจากมีด

" จิตวิญญานต่อสู้กลายพันธ์ " ฉื่อหยานขมวดคิ้วพึมพำกับตัวเอง " มันเป็นเพราะ จิตวิญญานต่อสู้กลายพันธ์ แต่ ทำไมถึงเกิดการกลายพันธ์กัน ทำไมมันถึงได้ทำลายพลังปราณลึกลับทั้งหมดของข้า"

เขานั่งอยู่ในห้องหินและเฝ้าดูร่างกายที่เปลี่ยนไปของเขาครึ่งวัน พร้อมกับตั้งคำถามมากมาย เค้าแน่ใจแล้วว่า การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้น เกิดมาจากการกลายพันธ์ของจิตวิญญานต่อสู้

เขารู้ว่าระดับขั้นของจิตวิญญานกายาแข็งนั้นมีด้วยกันสี่ขั้น แต่ละขั้นจะมีสีที่แตกต่างกันออกไป ในขั้นแรก ผิวของเขาเป็นสีขาวเทา และจากนั้น มันก็จะกลายเป็น สีน้ำตาลอ่อนในขั้นที่สอง และสีเขียวเหลืองในขั้นที่สาม และกลายเป็นสีม่วงในขั้นสุดท้าย

นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าขั้นต่าง ๆ จะมีสีที่แตกต่างกัน ความแข็งแกร่งในแต่ละขั้นก็ต่างกันด้วย

จากที่เขารู้ เมื่อระดับการบ่มเพาะบรรลุเข้าระดับนภาจิตวิญญายกายาแข็งก็จะเข้าสู่ขั้นที่สี่และผิวก็จะกลายเป็นสีม่วง

แน่นอน กระบวนการเหล่านั้นเกิดขึ้นกับนักรบธรรมดาเท่านั้น

เนื่องจากร่างกายของ ฉื่อหยาน ได้รับการสนับสนุนจากพลังของจิตวิญญานลึกลับ ทำให้จิตวิญญานกายาแข็งของเขาสามารถเข้าสู้ขั้นสี่ได้โดยไม่ต้องมีระดับการบ่มเพาะตามเงือนไข

ปัจจุบัน จิตวิญญานกายาแข็งยังอยู่ในขั้นที่สาม ถ้าเขาเรียกใช้จิตวิญญานกายาแข็ง ผิวส่วนใหญ่ของเขาก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวเหลือง

อย่างไรก็ตาม สีมือขวาของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งมันยังคงเป็นสีผิวปกติอยู่

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูใกล้ๆ อาจจะเห็นได้ถึงแสงสีม่วงลางๆเคลื่อนไหวอยู๋ มันโผล่ออกมาจากแขนข้างขวาของเขา จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเดาว่าจิตวิญญานกายาแข็งของเขากำลังเข้าสู่ขั้นที่สี่

ตอนนี้ ฉื่อเจียน หัวหน้าตระกูลฉื่อมีระดับการบ่มเพาะที่ระดับรู้แจ้ง ดังนั้น จิตวิญญานกายาแข็งของเขาจึงอยู่ในขั้นที่สาม

จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครในตระกูลฉื่อเลยที่บรรลุเข้าสู่ระดับนภา ดังนั้นไม่มีใครมีจิตวิญญานกายาแข็งในขั้นที่สี่แน่นอน

ไม่มีอะไรพูดถึงหรืออธิบายเกี่ยวกับจิตวิญญานกายาแข็งในขั้นที่สี่เลยจากความทรงจำของฉื่อหยาน นั่นทำให้เขาไม่แน่ใจว่าปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายเขานั้นปกติหรือไม่ หรือมันเป็นเพียงขั้นตอนในการบรรลุขั้นที่สี่ของจิตวิยญานกายาแข็ง

ทั้งร่างกายของเขามีผิวก็ถูกปกคลุมด้วยชั้นของแสงสีเขียวเหลือง มันเหมืิอนกับหินที่ไม่มีวันแตก .

ขณะเดียวกัน แขนข้างขวาของเขายังคงสีเดิม แต่มันหนักเป็นอย่างมาก มันยากสำหรับเขามากที่จะเคลื่อนไหวแขนข้างขวา และ ดังนั้น ถ้าเขาต้องต่อสู้ ในการต่อสู้แล้ว แขนนี้จะเป็นปัญหาสำหรับเขา มันจะทำให้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างยากลำบาก

เหตุผลก็เพราะน้ำหนักของมัน

น้ำหนักที่แตกต่างกันระหว่างแขนซ้ายและแขนขวา นั้นมีมากกว่าร้อยเท่า ข้างหนึ่งเบาเหมือนขนนก ในขณะที่อีกข้างหนึ่งหนักเหมือนภูเขา มันทำให้ร่างกายของเขาไม่สมดุลเป็นอย่างมาก

" ให้ตายเถอะ ! " ฉื่อหยานใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขายกแขนข้างขวาของเขาให้สูงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดยไร้ความช่วยเหลือจากพลังปราณลึกลับ มันหนักเป็นอย่างมาก แต่เขาก็สามารถยกขึ้นเหนือหัวปัดเหงือบนหน้าผากได้ และ หลังของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ มันเหมือนกับว่าเขากำลังยกภูเขาลูกใหญ่อยู่

ฉื่อหยาน เข้าใจเหตุผลที่เขาสามารถยกแขนขึ้นเหนือศีรษะของเขาได้ นั่นก็เพราะร่างกายของได้ผ่านการฝึกฝนมามาก ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแรงเป็นอย่างมากและแข็งแรงมากกว่านักรบคนอื่นๆ ไม่งั้นก็คงไม่มีทางยกมันขึ้นได้แน่นอน

" ให้ตายเถอะ ! " เขาได้ก่นด่าออกมา พร้อมกับลดแขนข้างขวาของเขากลง หมัดของเขาเป็นเหมือนกับภูเขาใหญ่ที่หล่นลงบนหิน

แขนและหมัดของเขาล่วงลงอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยแสงสีม่วงอ่อนที่ดูน่ากลัว

" บูม "

หินแข็งสีเขียวตอนนี้ก็กลายเป็นเต้าหู้ที่ถูกบดละเอียดอย่างสมบูรณ์ เขาไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งๆที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

แขนข้างขวาของเขาเป็นเหมือนกับสว่านที่เจาะผ่านหินสีเขียว ในเวลาเดียวกัน พลังแปลกประหลาดก็กระจายไปทั่วและทำให้ร่างกายของเขาสั่น

แรงสั่นนี้มันคุ้นยิ่งนัก

สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปหลังจากที่เขาจำมันได้ ฉื่อหยาน ด้วยแรงสั่นสะเทือนนี้ เขารู้สึกว่าแขนข้างขวาของเขาดูเหมือนจะระเบิดออกมา

พลังที่บ้าคลั่งและน่ากลัวจากร่างกายของเขาก็แพร่กระจายไปทั่วแขนของเขา ทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้

" บูม บูม " เสียงระเบิดฉับพลันก็ดังก้องจากพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของฉื่อหยาน , ทำให้รู้สึกกลัว

ฉื่อหยาก็ตกใจขณะที่เขางุนงง ดวงตาจ้องมองไปที่เท้าของเขา เขาเห็นพื้นดินกระเพื่อมเหมือนคลื่นในทะเล

ในเสียงระเบิด พื้นหืนสีเขียวใต้ฝ่าเท้าของเขาก็กำลังเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุด ราวกับว่ามันกำลังจะพังทลายจากแผ่นดินไหวขนากใหญ่ที่มีขนาด 7-8 ริกเตอร์

หินสีเขียวแตกกระจายและกลายเป็นเศษหินกระจายไปทั่ว

แขนขวาของเขาวงกลมแสงสีม่วงพุ่งออกมาหลายวงและทำลายพื้นหินสีเขียวไปตลอดทางที่มันผ่านและทำลายทุกอย่างทั้ขว้างทางพวกมัน

" บูม บูม บูม "

ใบหน้าของ ฉื่อหยาน ก็เปลี่ยนแปลงไปเมื่อได้ยินเสียงก้องกังวาน . เขาต้องการที่จะดึงแขนกลับมา แต่ก็รู้สึกว่าหนักเป็นอย่างมากจนไม่สามารถทำได้ แม้แต่ร่างกายของเขาก็ถูกมันดึงไป

" วุช " เสื้อผ้าของเขาก็ฉีกขาดออกจากกัน , เศษผ้าไม่ได้ตกลงบนพื้น แต่ถูกดึงดูดไปที่แขน เสียงระเบิดยังคงดังขึ้นมาในขณะที่ห้องดูราวกับว่ามันกำลังถูกทำลายด้วยแรงแผ่นดินไหว ห้องหินก็ค่อยๆถล่มลง เศษหินกระจายไปทั่ว

หลังจากที่ฉื่อหยาน ถูกล้อมในพื้นที่ ๓๐ ตารางเมตร ด้วยเศษหินที่แตกกระจาย สีหน้าของเขาก็แปลกไป เขามองไปที่ สุสาน ขนาดใหญ่ แล้วแขนขวาก็ส่องแสงแปลกประหลาดออกมา พร้อมกับดวงตาของเขาที่มีประกายแสงสาดส่อง

" นายท่าน " กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็ปรากฏที่ข้างเขาเหมือนกับผี จ้องมองไปที่ ' สุสาน ' ด้วยสีหน้าซับซ้อน

" นี่ . . . . . . . " เซี่ยเสินชวน และ เซี่ยซินหยาน ก็มาถึง พวกเขามองไปยังห้องที่ถูกทำลายด้วยท่าทางและใบหน้าที่แปลกใจ

" เจ้าเป็นคนทำรึ ? " เซี่ยเสินชวน ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะส่งสายตาไปที่อีเทียนโหมว

อีเทียนโหมว ส่ายหน้า

" แล้วใครเป็นคนทำ ? " เซี่ยเสินชวน ยกศีรษะของเขาขยับมอง หยาเมิงและคาป้า และถามอีกว่า " เจ้าสองคนรึ ? "

หยาเมิงและคาป้าที่กำลังงุนงงก็ส่ายหน้า ดังนั้น ทุกคนก็หันหัวของพวกเขาไปรอบ ๆมองด้วยสายตาแปลกๆ และมองฉื่อหยาน , ด้วยความตกตะลึง และใบหน้าของพวกเขาก็แสดงออกอย่างไม่อยากเชื่อ

" ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน " ภายใต้สายตาที่จ้องมาของคนอื่นๆ ฉื่อหยาน ก็ส่ายหัว มองแขนขวาของเขาและพึมพำ " จิตวิญญาณต่อสู้กลายพันธุ์ ไม่เพียงแต่ทำลายพลังปราณลึกลับของข้า แต่มันยังทำให้ข้ากลายเป็นเช่นนี้อีก "

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด