ตอนที่แล้วบทที่ 319 ถูกยึดครองโดยปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 321 จิตวิญญานต่อสู้กลายพันธุ์

บทที่ 320 ลองดู


บทที่ 320 ลองดู

ทันทีที่อีเทียนโหมวได้ดึงวิญญาณของเขาออกมา ห้าปีศาจก็หยุดไล่ตาม พวกมันไม่ได้ออกมาจากห้วงจิตสำนึกและอยู่ภายในเช่นเดิม

ฉื่อหยานยังคนอนนิ่ง มันแปลกประหลาดมากราวกับว่าเขากำลังหลงอยู่ที่ใดสักแห่ง . ถึงแม้ว่าห้วงจิตสำนึกของเขากำลังสั่น แต่ลมหายใจกลับปกติ ยกเว้นความจริงที่ว่าพลังปราณลึกลับทั้งหมดของเขาได้หายไป นอกจากนั้นร่างกายของเขาก็ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ

สีหน้าอีเทียนโหมวก็แสดงออกแปลกใจเล็กน้อย และจริงจังขึ้นหลังจากที่ดึงจิตสำนึกวิญญาณของเขากลับมา

" เป็นไงบ้าง ? " คาป้า และหยาเมิงก็ถามพร้อมกันด้วยใบหน้าสงสัย

" มีปัญหาแล้ว " อีเทียนโหมวยืดมือของเขาวางไว้บนมือของฉื่อหยานฉี ส่งพลังปราณลึกดลับเข้าไปในร่างกายของเขา

พลังปราณลึกลับที่อ่อนไหว เส้นใบที่ระเอียดอ่อนก็ลอยไหลไปในหน้าอกของฉื่อหยานและค่อยๆแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่ออีเทียนโหมว โคจรพลังปราณลึกลับไปที่ข้างขวาของฉื่อหยานเข้าก็พบเขากับพลังบางอย่าง พลังปราณลึกลับที่เขาปล่อยออกมาก็ถูกปิดกั้นด้วยม่านพลังมากมาย ทำให้ไม่สามารถที่จะเจาะเข้าไปได้

อีเทียนโหมว ก็ส่งพลังปราณลึกลับเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ไหลไปตามเส้นเลือดกระจายไปทั่วร่างกายของฉื่อหยาน ยกเว้นแขนข้างขวาของเขา จุดอื่นภายในร่างกายของเขาก็ถูกกุยโปร่ง

อีเทียนโหมวคิดสักพักก่อนการถ่ายทอดเส้นใยพลังปราณลึกลับจำนวนมากเข้าไปที่แขนขวาของเขา

7 กระแสของพลังปราณลึกลับก็กระจัดกระจายและประทะเข้ากับม่านพลังที่มองไม่เห็น

" บูม "

เกิดเสียงระเบิดเสียง สั่นสะท้านไปทั่วแขนขวาของฉื่อหยาน

แสงสีม่วงเข้ม ส่องประกายออกมาจากแขนของเขาอย่างแปลกประหลาด อีเทียนโหมวจู่โจมม่านพลังด้วยแรงระเบิดพลังปราณลึกลับแตาก็ถูกกลืนหายไปโดยไม่ทิ้งรอย

ฉื่อหยาจากแขนของเขากลิ่นอายแปลกประหลาดก็พุ่งไปที่มือของอีเทียนโหมว

หน้าอีเทียนโหมวก็เปลี่ยนไปเพราะความกลัว เขารีบหดมือเล็กน้อยและตะโกนว่า " แปลกนัก "

หยาเมิง และ คาป้า ก็ประหลาดใจ และพูดขึ้นทันที " เฒ่าอี เกิดอะไรขึ้น ?"

" ไม่มีอะไร " อีเทียนโหมวถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทาง และกล่าวว่า " ดูเหมือนข้าจะไม่สามารถปลุกนายท่านขึ้นมาได้ ข้าไม่รู้ว่าทำไมอาการปัจจุบันของเขาคล้ายกับ ' ครอบครองโดยปีศาจ ' อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คิดอย่างรอบคอบ มันดูแปลกออกไป บางที อาจจะเป็นเพราะเคล็ดวิชาบ่มเพาะของเขา เขาถึงได้กลายเป็นเช่นนี้  "

หลังจากฟังที่อีเทียนโหมวพูด หยาเมิงและ คาป้า ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

หยาเมิง และ คาป้า ความรู้ด้านพลังต่างๆของพวกเขาไม่อาจเทียบได้กับ อีเทียนโหมว ดังนั้น พวกเขาจึงรู้ว่า พวกเขาไม่สามารถช่วยหรือทำอะไรได้จริงๆ

พวกเขาสามคนกำลังใคร่ครวญมองฉื่อหยานด้วยที่ขมวด พวกเขารู้สึกหมดหนทาง ตอนนี้พวกเขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมากในสถานการณ์เช่นนี้

เซี่ยซินหยาน เยว่จางเฟิง และหลินหยาฉีก็รอคอยมาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่เห็นฉื่อหยานออกมาสักที ดังนั้น พวกเขาจึงช่วยไม่ได้ที่จะเข้าไปตามเขา

ทันทีที่เข้ามาในห้อง เขาก็เห็นฉื่อหยาน นอนอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ พวกเขาทั้งหมดตะโกนออก ด้วยความตกใจ.

ทั้งสามคนยืนอยู่รอบ ๆฉื่อหยาน แต่อีเทียนโหมวก็กันไม่ให้พวกเขาเข้ามา

แม้แต่เซี่ยซินหยาน ก็ถูกห้ามเช่นกัน

เซี่ยเสินชวน ก็มาถึง หลังจากที่เขาได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็มองแปลกๆไปที่ฉื่อหยาน ก่อนจะมองคนทั้งสามที่ยืนอยู่รอบๆตัวเขา ในขณะที่ถามอย่างสงสัย " เกิดอะไรขึ้น ? "

เยว่จางเฟิง หลินหยาฉี และ ฉาวจื่อหลานก็เต็มไปด้วยความสงสัย ฉื่อหยานหน้านี้วันหนึ่งเขายังปกติดีอยู่ แต่ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นแบบนี้ เพียงเวลาแค่คืนเดียว ?

ไม่มีใครสามารถอธิบายได้

" พวกเรามาที่นี่เมื่อเช้านี้ และได้พบเขาในสภาพหมดสติ มันเหมือน . . . เหมือน กับตกอยู่สภาวะ ถูกครอบครองโดยปีศาจ " หลังจากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา อีเทียนโหมวก็บอกพวกเขาถึงความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น " ข้าได้สืบค้นเข้าไปในวิญญานของนายท่านและตรวจพบบางอย่างที่ผิดปกติ นอกจากพลังปราณลึกลับที่หายไปจากร่างของเขาทั้งหมดแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างจำปกติ มันเหมือนกับว่าเขาได้ใช้พลังปราณลึกลับทั้งหมดของเขาต่อสู้กับใครบางคน "

" มันเป็นไปได้ยังไง ? " เซี่ยเสินชวน ประหลาดใจ " ที่นี่สงบมากในคืนที่ผ่านมา ไม่มีการต่อสู้กันแน่นอน จริงๆแล้วเขาสมควรตกอยู่สภาวะ ครอบครองโดยปีศาจ "

ถึงแม้ว่าทุกคนจะเป็นกังวล แต่พวกเขาก็ไม่ได้กังวลมากเกินไป เพราะพวกเขาเห็นฉื่อหยานยังคงหายใจและหัวใจยังเต้นเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่เรื่องดีถ้าเขาไม่ฟื้นขึ้นมา

เป็นอีเทียนโหมวที่ยอมรับว่าไร้หนทาง ทุกคนเองต่างก็ไม่พูดอะไร

" ให้ข้าลองดูหน่อย . " หลังจากคิดสักพัก เยว่จางเฟิงก็พูดออกมา " แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กับเขา แต่ด้วยความรู้ของข้าเกี่ยวกับ ' ครอบครองโดยปีศาจ   ' บางทีข้าอาจจะช่วยได้ก็เป็นได้ . "

อีเทียนโหมวขมวดคิ้วแน่น

เซี่ยเสินชวนก็ขทวดคิ้วเช่นกัน

ทุกคนรู้ว่า ฉื่อหยานและเยว่จางเฟิงเจอนั้นพึ่งเจอกันได้ไม่นาน จึงไม่ถือว่าพวกเขาสนิทสนมกัน ถ้าเยว่จางเฟิง มีความตั้งใจชั่วร้ายและอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อฆ่า ฉื่อหยาน ฉื่อหยานก็คงหนีไม่พ้นจากความตาย

ไม่มีใครมีพยักหน้า ทุกคนต่างก็กำลังคิด

" ให้เขาลองดู พวกเราอยู่ที่นี่หลายคน ถ้าเขามีเจตนาไม่ดี เขาก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ . " ในเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เซี่ยซินหยานก็พูดขึ้น " มันก็ยังดีกว่าเสียเวลาไปโดยเสียเปล่า ถ้าฉื่อหยานตกอยู่ในสภาวะ ครอบครองโดยปีศาจ จริง เราก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหาให้ได้เร็วที่สุด . "

" เจ้าเด็กนี่ที่มาจากหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬใช่หรือไม่ ? " อีเทียนโหมว หันหลังไปถามเซี่ยเสินชวน หลังจากพิจารณาสักพัก

เมื่อคืนก่อนหน้านั้น กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคน ได้พูดคุยกับ เซี่ยเสินชวน และได้บอกข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับเยว่จางเฟิง

พวกเขาสามคนสนใจศูนย์กลางของแผ่นดินรุ่งเรืองที่อยู่หลังหมอกแม่เหล็ดพิษทมิฬเป็นอย่างยิ่ง จากที่คุยกับ เสี่ยเซินชวน อีเทียนโหมวก็ ได้รู้ว่า เซี่ยเสินชวนนั้นเป็นหัวหน้าตระกูลเซี่ย และเขายังรู้สึกว่าเซี่ยเสินชวน น่าจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อเขาได้

ระหว่างการสนทนากับกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคน เซี่ยเสินชวนก็ประหลาดใจเช่นกัน เท่าที่เขาจำได้ เยว่จางเฟิงและหลินหยาฉี อยู่ๆก็ปรากฏออกมาจากที่ไหนไม่รู้ และเขาก็บอกทุกสิ่งที่เขารู้แก่อีเทียนโหมว

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็แสดงออกสนใจอย่างชัดเจน พวกเขาได้ถามคำถามมากมายเกี่ยวกับเยว่จางเฟิง และพวกเขาก็มีความตั้งใจที่พวกจะต้องถามเยว่จางเฟิงด้วยตัวเองที่หลังด้วย

" ใช่แล้ว เขาพูดเช่นนั้น " เซี่ยเสินชวน พยักหน้า

สายตาของทั้งสามผู้นำเผ่าเสียงอสูร - อีเทียนโหมว หยาเมิง และ คาป้าดวงตาก็สว่างขึ้นพร้อมกับมองไปที่เยว่จางเฟิง .

" ศูนย์กลางของแผ่นดินรุ่งเรืองมีสถานที่ที่ชื่อว่า เนินหยินสวรรค์โบราณ หรือไม่? " อีเทียนโหมวสูดหายใจลึกก่อนจะถาม

เยว่จางเฟิงและหลินหยาฉี ใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก " ท่านรู้จัก เนินหยินสวรรค์โบราณด้วยรึ ? "

ประกายแสงที่เหมือนกับแสงสวรรค์ก็ประกายอยู่ในดวงตาของเยว่จางเฟิง " เนินหยินสวรรค์โบราณเป็นหนึ่งในสามดินแดนแห่งความตาย มันมีชื่อเสียงและลึกลับเป็นอย่างมาก มีการกล่าวว่า เนินหยินสวรรค์โบราณได้ถูกปิดผนึกและที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ แล้วท่านรู้จักสถานที่แห่งนั้นได้อย่างไร ? "

หลังจากที่ได้ยินดังนั้นกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็มองไปที่เขาอย่างรวดเร็ซ พวกเขาค่อยๆพยักหน้า และยืนยันแล้วว่าเยว่จางเฟิงมาจากที่นั่นจริงๆ.

" ตอนนี้เจ้าลงมือได้ แต่อย่าได้คิดทำอะไรโง่ๆเด็ดขาด " อีเทียนโหมวไม่ตอบเยว่จางเฟิง เขาเพียงแต่หลี่ตาลงและบอกเยว่จางเฟิง " ระวังให้ดี อย่าได้ส่งวิญญานเจ้าไปในห้วงจิตสำนึกของเขา มิฉะนั้น วิญญาณของเจ้าไม่ได้กลับมาแน่ นอกจากนี้ มีบางอย่างผิดปกติในร่างกายของเขาตรงแขนขวา เจ้าต้องระวังให้ดี .

เยว่จางเฟิง จ้องหน้าเขา และถามอีกว่า " ท่านรู้เกี่ยวกับเนินหยินสวรรค์โบราณได้อย่างไรกัน ? "

" จากบรรพบุรุษและใน ' คัมภีร์  "อีเทียนโหมวตอบกลับหลังจากคิดสักพัก

เยว่จางเฟิง ดวงตาก็ส่องประกาย และมองพวกเขาทั้งสามอย่างรอบคอบ ดูเหมือนเขาจะรู้เรื่องบางอย่าง แต่เขาไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก เขาเดินมาอยู่ข้างๆ ฉื่อหยาน หลังจากนั้น เขาก็เหยียดมือของเขาจับแขนของฉื่อหยาน

ลูปบอลไฟก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเยว่จางเฟิง

เปลวไฟที่เหมือนกัลเกล็ดก็ปกคลุมด้านหลังฝ่ามือของเขา เพียงพริบตาเดียว เยว่จางเฟิงมือของเขาตอนนี้ก็เหมือนกับสวมถุงมือสีเหลือง เปลวไฟยังคงสะบัดไปมาไม่หยุดราวกับมีชีวิต

ใบหน้าของกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามก็กลายเป็นซีดเซียว ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะเป็นเช่นนั้น พวกเขาถอยหลังไปไม่กี่ก้าวและพูดเสียงดังออกมาด้วยความประหลาดใจ " เปลวไฟนภา "

ทั้งสามคน ฉาวจื่อหลาน , เซี่ยซินหยาน และ เซี่ยเสินชวน อย่างรวดเร็วก็ถอยไปด้านหลังด้วยความตกใจพวกเขากลัวที่จะสัมพัสกับเปลวไฟนภา

" ไม่ต้องกังวล ข้าสามารถควบคุมเปลวไฟนภานี่ได้อย่างสมบูรณ์ ข้าจะไม่ปล่อยให้ความร้อนของมันส่งผลต่อพวกท่านแน่ "

สีหน้าของผู้น้ำทั้งสามของเผ่าเสียงอสูรก็ดูไม่ดีนัก พวกเขาใช้พลังของตนตรวจสอบอย่างเร่งด่วนและตระหนักได้ว่าไม่มีกลิ่นอายของเปลวไฟนภาอยู่ในห้อง

พวกเขาแอบแปลกใจและมองไปที่เยว่จางเฟิงด้วยความประหลาด

ความร้อนของเปลวไฟนภานั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถในการปลดปล่อยเปลวไฟนภาและควบคุมกลิ่นอายทั้งหมดได้ในเวลาเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าเยว่จางเฟิงได้เข้าถึงระดับที่สามารถควบคุมเปลวไฟนภาได้อย่างใจนึก

พวกเขารู้ได้ทันทีว่าเยว่จางเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าฉื่อหยาน ในแง่ของการใช้และการควบคุมเปลวไฟนภา .

ฉาวจื่อหลานก็หวาดกลัว ดวงตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่นางแอบเดาถึงสถานะของเยว่จางเฟิง

ในทางตรงกันข้ามในขณะที่เซี่ยเสินชวน กับเซี่ยซินหยานรู้จักตัวตยของเยว่จางเฟิงอยู่แล้ว ด้วยเรื่องว่าเขานั้นมาจากหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬ ก็ทำให้เรื่องเปลวไฟนภากลายเป็นเรื่องปกติไป

ภายใต้สายตาทุกคนที่จ้องมา เยว่จางเฟิงก็หลับตาลง และหยดน้ำประกายหลายหยดก็ปรากฏบนใบหน้าของเขาที่ขาวราวกับหญิงสาว มือของเขาที่จับแขนฉื่อหยานอยู่ก็สั่นเล็กน้อยราวกับว่าเขากำลังใช้พลังจำนวนมาก

หลินหยาฉีก็ตกใจและงงงวยเล็กน้อยเมื่อเห็นเยว่จางเฟิงทำเช่นนั้น

นางรู้อยู่แก่ใจ เยว่จางเฟิงนั้นมีความสามารถมากกว่าใคร นางคิดว่าเยว่จางเฟิงนั้นไม่ควรสิ้นเปลืองพลังเช่นนี้ให้กับฉื่อหยานที่เป็นคนแปลกหน้าและตกอยู่ในสภาวะ ครอบครองโดยปีศาจ มากเกินไป '

อย่างไรก็ตาม นางนิดตกใจเมื่อเห็นเยว่จางเฟิงแสดงออกเช่นนั้น ;และ นางก็มองฉื่อหยานด้วยความสงสัย

เหงื่อออกมากมายบนใบหน้าของเยว่จางเฟิง สีหน้าของเขากลายเป็นอึมครึมมากขึ้น เขายังหลับตาโดยไม่พูดอะไร ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดหรือทำอะไรอยู่

ในห้องพัก ทุกคนก็เงียบ มองเยว่จางเฟิงและฉื่อหยานที่อยู่ในสภาวะผิดปกติ

สีหน้าอีเทียนโหมวเปลี่ยนไปกระทันหัน เขายกหน้ามองขึ้นและกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา " เจ้านี่อีกแล้วรึ . . . "

หยาเมิง และ คาป้า ดวงตาก็กลายเป็นเย็นชา เขารีบนั่งลง ปลดปล่อยวิญญาณของพวกเขาเป็นรูปแบบวิญญานเพื่อขัดขวางและสร้างเป็รเกราะคุ้มกัน

" พวกเจ้าอย่าได้ก้าวหรือส่งวิญญานออกไปจากวงนี้เด็ดขาด "

สีหน้าของ อีเทียนโหมวก็กลายเป็นโหดร้าย . ห้านิ้วมือของเขาปรากฏเส้นแสงมากมายขึ้น และเกิดเป็นโดมแสงขึ้นบนพื้นดินครอบคลุมทุกคนที่อยู่ภายใน

หลังจากสร้างรูปแบบวิญญานเสร็จสิ้น อีเทียนโหมวก็นั่งหลับตาลง เตรียมพร้อมที่จะรักมือกับศัตรู

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด