ตอนที่แล้วบทที่ 318 รับไม่ได้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 320 ลองดู

บทที่ 319 ถูกยึดครองโดยปีศาจ


บทที่ 319 ถูกยึดครองโดยปีศาจ

กลุ่มอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็จากไป

ฉื่อหยานนั่งอยู่คนเดียวอยู่กลางห้อง ปิดตาของเขาและเงียบขณะกำลังทำสมาธิของเขา

ฉื่อหยาน ไม่ได้คิดถึงคำพูดที่อีเทียนโหมวกล่าว เขาเพียงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

นักรบระดับสูงจากหลายที่มารวมกันอยู่ที่เกาะสุริยัน , และนักรบระดับพระเจ้าบางคนก็อยู่กลุ่มพวกเขา เมื่อนักรบเหล่านั้นปรากฏบนเกาะสุริยันในเวลาเดียวกัน เกาะก็ไม่เงียบสงบอีกต่อไป

เขาเพิ่งมาถึงเกาะสุริยัน วันนี้เขาก็ได้ฆ่าคนไปหลายคน และได้กลายเป็นดาวเด่นหลังจากสู้กับหมานกู่

วีรบุรุษจากทุกที่บนเกาะก็ได้สังเกตเห็นเขา และยิ่งสนใจเขามากขึ้นเกี่ยวกับระดับการบ่มเพาะของกลุ่มอีเทียนโหมวทั้งสาม )

ตระกูลหยางนั้นเป็นที่โกรธเคืองของคนในทะเลกว้างใหญ่ในช่วงเวลาที่พวกเขารุ่งโรจน์

ทันทีที่ฉื่อหยาน ปรากฏ เขาก็บังคับให้กองกำลังอื่น ๆชดใช้สิ่งที่พวกเขาได้กระทำก่อนหน้านี้ และได้ขู่ให้ยู่ชิงและกู่เฉา . ในสายตาของพวกเขา การกระทำของเขาก็คล้ายกับการกระทำก่อนหน้าของตระกูลหยาง

เห็นได้ชัดว่าใครบางคนที่ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดไม่ได้ก็มีความสุขกับวิธีที่เขาทำ ดังนั้น การที่มีคนทนไม่ได้กับการกระทำของเขาก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้

จากสิ่งที่เขาเห็น มันความจริงที่ช่วยไม่ได้ ที่ใครบางคนได้นำกองทัพทั้งหมดมาที่นี่เพื่อตั้งคำถามถึงความผิดของเขาและสิ่งที่เกิดขึ้น

แน่นอน เขานั้นยังเชื่อว่า ไม่มีใครจะยินดีที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้และเสี่ยงตายในสถานการณ์ที่ตึงเครียดในปัจจุบันนี้แน่ๆ

จริงๆแล้วพวกเขาไม่ต้องการจะเสี่ยงชีวิตสู้กับกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนมากกว่า

หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น ,เผ่าอสูรก็ยังคงจ้องจะคุกคาม

ก่อนที่การคุกคามของเผ่าอสูรจะหายไป ไม่มีใครกล้าที่จะมีใครลงมือทำอะไรแน่นอน

ฉื่อหยานไม่สนใจสถานการณ์ปัจจุบัน เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องทะเลไม่มีที่สิ้นสุด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาก็สามารถสะบัดก้นของเขาและจากไปได้ เขาไม่ได้สนใจสถานการณ์ของทะเลไม่มีสิ้นสุดเลยสักนิด ไม่ว่าคนธรรมดาจะอยู่หรือตาย หรือทรัพยากรบนเกาะจะหายไปหรือถูกแย่งชิง

โดยจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุดไป เขาก็ยังคงสามารถมีชีวิตที่ดีเหมือนที่เขาเคยมีมาก่อนได้ หรือแม้แต่ความจริงที่ว่าแม้แต่ตระกูลหยางเขาก็ไม่ได้มีความผูกพันด้วยเลย

โดยไม่ยึดติดกับอะไร เขาจึงไม่กลัวย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าเสี่ยงอันตรายทำเรื่องต่างๆในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้

สงครามระหว่างเผ่าอสูรและนักรบระดับสูงของชาวทะเลไม่มีที่สิ้นสุด เป็นเพียงแค่การฝึกฝนสำหรับเขา ที่จะให้เขาได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่าเพื่อช่วยให้เขาก้าวเข้าสู่ระดับรูแจ้งหรือแม้แต่ระดับนภาก็ตาม

คุณสมบัติพิเศษของจิตวิญญานลึกลับในร่างกายของเขา มันจะพัฒนาได้เร็วขึ้นหากอยู่ในสงครามหรือต่อสู้บ่อยๆ มันสามารถดูดซับพลังผู้อื่นและพัฒนาร่างกายของเขาได้ขณะที่ต่อสู้

เขารู้สึกเสียใจที่เขาไม่สามารถมายังทะเลไม่มีสิ้นสุดได้เร็วกว่านี้

ยิ่งมีนักรบล้มตายมากเท่าใด เขาก็ยิ่งได้รับประโยชน์มากมาย หากมองเช่นนี้ จริงๆแล้วเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่อยากทำให้โลกนี้เกิดสงคราม

เมื่อเขาไม่กลัว และไม่มีสิ่งที่ผูกพัน , เขาก็สามารถทำทุกอย่างได้อย่างอิสระตามที่เขาต้องการ โดยไม่ต้องรับผิดชอบผลใด ๆ ที่จะตามมา

ความคิดมากมายปรากฏขึ้นในใจของเขา รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา จากนั้นเขาก็หลับตาลงและเริ่มที่จะนั่งสมาธิ

อารมณ์เชิงลบมากมายไหลท่วมเส้นชีพจรภายในร่างกายของเขา ภายใต้อิทธิพลของจิตวิยญานลึกลับ กลิ่นอายที่ไหลอยู่ในเส้นชีพจรกำลังกลั่นตัวอย่างรวดเร็ว , พลังจากศพที่เขาดูดซับมาในวันนี้กำลเปลี่ยนเป็นพลังบางอย่างในร่างของเขา

ฉื่อหยาน ก็ค่อยๆสัมผัสพวกมันและใช้สมาธิสัมพัสไปในร่างกายเพื่อที่จะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงประหลาดที่เกิดขึ้น ในร่างกายของเขา

แม้ว่าจะมีพลังเชิงลบสองชนิดที่เจาะทะลงเข้ามา พวกมันก็ยังอยู่ในเกณที่เขายังสามารถทนได้ จิตใจของเขายังคงมีสติอยู๋ตลอดเวลา โดยไม่มีสัญญาณใด ๆที่บ่งบอกว่าเขากำลังจะเสียสติเลย

" ดูเหมือนว่า พลังปราณลึกลับของคนเหล่านั้นจะไม่เพียงพอสำหรับข้า " ฉื่อหยานคิดกับตัวเอง

คนที่ตายในวันนี้เป็นเพียงนักรบระดับปฐพีและระดับหายนะ หลังจากที่พลังปราณลึกลับของพวกเขาถูกดูดซึมมันก็กลั่นอย่างรวดเร็วในเส้นชีพจรของเขาและเปลี่ยนเป็นพลังอย่างรวดเร็ว นั่นคือทำไมพลังงานเชิงลบถึงไม่มีผลต่อเขานัก

ตั้งแต่เขาสู่ระดับปฐพี ไม่ว่าจะเป็นสภาวะจิตหรือร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก

ในระดับการบ่มเพาะนี้ ร่างกายของเขาตอนนี้สามารถทนต่อกลไกสะท้อนกลับได้มาก

ขณะที่ฉื่อหยาน คิดอย่างเงียบๆ และสังเกตุการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขา วิญญาณของเขาสงบเป็นอย่างมาก ห้วงจิตสำนึกของของเขาผ่อนคลายโดยไม่มีสิ่งใดถูกกระตุ้นขึ้นมา

หลังจากนั้นไม่นาน พลังประหลาดที่คุ้นเคยก็พลันไหลทะลักออกจากเส้นชีพจรของเขา

ด้วยความตกใจ เขาก็รีบควบคุมพลังที่แปลกประหลาดเหล่านั้นแลควบคุมให้มันไหลไปยังประกายแสงพลังปราณลึกลับในร่างกายของเขา

ในตอนนี้ เขาก็สนใจไปที่ประกายแสงพลังปราณลึกลับที่อยู่บนท้องของเขา

ที่โลกมหัศจรรย์แหง่นั้น พลังปราณลึกลับที่มีมีรูปร่างเป็นต้นไม้โบราณก็ผิดปกติไป มันแทงทะลุถึงท้องฟ้า ในขณะที่กิ่งก้านและใบของมันที่เต็มด้วยพลังปราณลึกลับงอกเงยออกมา กลายเป็นบานสะพรั่งมากขึ้นและมากขึ้น

เขาจำได้ลางๆว่าเมื่อพลังปราณลึกลับชองเขามีมากขึ้น ต้นไม้โบราณก็จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์ในทุกสิบห้านาที

เขารู้ว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่ต้นไม้โบราณเกิดขึ้น พลังปราณลึกลัลของเขาก็จะถึงจุดสูงสุดแล้เวลานั้นเขาก็จะบรรลุเข้าสู่ระดับรู้แจ้ง

ดังนั้น ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเขาได้กลั่นพลังปราณลึกลับอย่างต่อเนื่อง และดูดซับกลิ่นอายธรรมชาติที่หลังไหลเข้ามา

ไม่จำเป็นต้องพูด พลังประหลาดภายในเส้นชีพจรในร่างกายของเขาทั้งหมดนั้นมีประโยชน์มาก มันช่วยทำให้พลังปราณลึกลับในร่างของเขามีมากขึ้น ต้องขอบคุณพลังประหลาดนี้ พลังปราณลึกลับของเขาจึงเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า

เขาเชื่อว่า ถ้าเขาสามารถนำพลังที่อยู่ในเส้นชีพจรของเขาเข้าไปในต้นไม้พลังปรษรลึกลับโบราณได้ จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับต้นไม้โบราณแน่นอน

สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด คือ ให้พลังงานประหลาดนี้เข้าไปยังจิตวิญญานแห่งดวงดาวที่อยู่ตรงหน้าอกของเขา

แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะถ่ายทอดมันเข้าไปที่จิตวิญญานแห่งดวงดาว ก่อนที่เขาจะรู้เคล็ดวิชาหรือวิธีใช้จิตวิญญานแห่งดวงดาว

จิตใจของเขาส่องประกาย . ทันทีที่เขาเปิดใช้จิตสำนึกวิญญานและส่งมันไปท่ามการพลังลึกลับที่ไหลเวียนอยู่ และพยายามที่จะควบคุมและนำพวกเขาไปยังประกายแสงพลังปราณลึกลับของเขา

แต่เมื่อเขาเริ่มทำ จิตใจของเขาก็เกิดการปั่นป่วนขึ้น มีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขา

มันสั่นสะเทือนจนทำให้จิตใจของเขาสั่นสะท้าน กล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาหดตัสลง เค้าตกจากเก้าอี้ ที่อยู่กลางห้องในขณะที่ร่างกายของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง และทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังชักอยู่ เกิดสิ่งแปลกประหลาดขึ้นในห้วงจิตสำนึก , วิญญานหลักแพร่กระจายเส้นใยวิญญานออกมามากมายมันเชื่อมต่อกับห้วงจิตสำนึกเพื่อที่จะควบคุมการสั่นสะเทือน

ขณะที่จิตใจของเขากลายเป็นว่างเปล่า ภาพหลอนที่มหัศจรรย์ ซึ่งเป็นเหมือนกับว่าเขากำลังลอยอยู่ในเมฆก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับเสียงลม ความคิดวุ่นวายในสมองของเขาดูเหมือนจะถูกลบล้างไป เขาไม่ได้คิดอะไรต่อ เพราะมันดูเหมือนกับว่าเขาได้เข้ามายังดินแดนที่มหัศจรรย์ ร่างของเขาก็สั่นสะท้านตามจิตสำนึก

หลักสั่นสะเทือน พลังลึกลับที่เกิดขึ้นจากเส้นชีพจรในร่างกายของเขาทั้งหมดก็กลายเป็นจุดแสงเล็กๆนับไม่ถ้วนและไหลไปยังแขนขวาของเขาอย่างช้าๆ

ความคิดของเขาก็ว่างเปล่าราวกับอยู่ในดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ . เขารู้ว่าทิศทางที่พลังลึกลับกำลังไหลไป แต่เขาก็ไม่สามารถตอบสนองใดได้

ในตอนนี้เอง ร่างกายของเขาก็ไม่ได้เป็นของเขาอีกต่อไป

สติของเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของเขาได้ และความสามารถในการควบคุมร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะถูกพันธนาการไว้ชั่วคราวด้่วยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น

พลังลึกลับทั้งหมดที่กระจายออกมาจากเส้นชีพจรของเขาอย่างรวดเร็วมันก็ไหลไปยังแขนขวาของเขา

เมื่อเขาคิดว่าการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขากำลังจะสิ้นสุด กระแสพลังลึกลับก็ทิ่มแทงเข้าไปยังประกายแสงพลังปราณลึกลับ และตอนนี้มันเข้าสู่ต้นไม้โบราณที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังปราณลึกลับที่หนาแน่น

" บูม "

พลังลึกลับกลายเป็นประแสงที่สวยงามมากมาย

ทันทีมันก็ตกแต่งต้นไม้โบราณที่เต็มไปด้วยพลังปราณลึกลับจนเกิดเป็นแสงระยิบระยับ

มันเป็นเหมือนกับทะเลแสงเล็กนับพันที่แผ่กระจายออกมาจากต้นไม้ และหายเข้าไปในจุดชีพจรตรงท้องของเขา

เส้นสายพลังปราณลึกลับนับพันก็ลอยออกมาอย่างหนาแน่น ปกคลุมแขนขวาของเขา

ฉื่อหยานกำลังผ่านการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างมหัศจรรย์อย่างเงียบๆ

พลังปราณลึกลับในร่างกายทั้งหมดของเขาก็แผ่ออกมาจากท้องของเขา ลำต้นของต้นไม้โบราณก็ค่อยๆหดตัว และค่อยๆ เริ่มมืดมน และในที่สุดก็หายไป

ประกายแสงพลังปราณลึกลับ จากลำต้นของต้นไม้โบราณก็กลายเป็นเส้นแสงนับพันไหลไปตามชีพจรของและไหลไปยังแขนขวาของเขา ผสมผสานกับพลังลึกลับ ที่อยู่ข้างใน แล้วไหลลงไปในกล้ามเนื้อแขนข้างขวาของเขา

ภายในกล้ามเนื้อของเขก็าสั่นสะเทือนไม่หยุด พลังปราณลึกลับและพลังลึกลับก็หลอมรวมกัน

แรงสั่นสะเทือนแพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา หกร้อยสามสิบเก้ากล้ามเนื้อในร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน

แขนข้างขวาของเขาก็ส่องประกายแสงสีม่วงออกมา ซึ่งแสงส่องประกายออกมาพร้อมกับการสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อ

ในขณะที่พลังปราณลึกลับทั้งหมดในร่างของเขาทะลักออกมา ประกายแสงพลังปราณลึกลับที่ท้องของเขาก็มืดลง

ต้นโบราณต้นไม้ก็หายไป ราวกับว่ามันกลับคืนสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง . ราวกับว่ามันต้องใช้พลังปราณลึกลับเพื่อหลอมรวมมันให้ปรากฏมาอีกครั้ง

พลังปราณลึกลับ และพลังลึกลับก็หลอมรวมเข้ากันและกัน จากนั้นก็หายเข้าไปในเนื้อของเขา หลอมรวมเข้ากับกล้ามเนื้อที่แขนของเขา กล้ามเนื้อที่หลอมรวมเข้ากับพลังเหล่านั้นปลดปล่อยพลังที่ทำให้คนอื่นหวาดกลัวออกมา

ร่างกายทั้งหมดของเขาก็ปั่นป่วน ในขณะที่แรงสั่นสะเทือนขยายวงกว้างออกไป เขานั่งวิตกกังวลอยู่กลางห้องราวกับว่ามีปีศาจมายึดร่างของเขาและทำสิ่งต่างๆโดยที่เขาไม่รู้ตัว

" บูม "

เกิดระเบิดเกิดขึ้นในหัวของเขา ร่างกายที่สั่นสะท้านของเขาก็หยุด ราวกับว่าถูกควบคุมและตรึงร่างด้วยรูปแบบบางอย่าง ร่างกายของเขาหยุดนิ่งและอยู่ในลักษณะที่แปลกประหลาด

ตอนนี้สมองของเขาไม่หลงเหลือความคิดใดๆ

มีเฉพาะแขนขวาของเขาที่ยังส่องแสงออกมาเงียบๆ และกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาด

. . .

รุ่งอรุณก็มาเยือน

ร่างสองร่างที่ทะเลาะกันก็โผล่ออกมาด้านนอกคฤหาสน์

เซี่ยซินหยาน นั่งอยู่ในสวนตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ทันทีที่เห็นทั้งสองมาถึงหน้าประตู นางก็ช่วยไม่ได้ที่ลุกขึ้นและยิ้มฝืนๆออกมา

นางมองเขาจากที่ไกลๆ ด้วยพร้อมกับขมวดคิ้วและถาม "พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ? "

" อา. . " เยว่จางเฟิงก็เข้าไปในขณะที่ชี้ไปที่ประตูที่มียามเฝ้าอยู่ และพูด " ข้าบอกพวกเขาว่า ข้ารู้จักเจ้า พวกเขาก็เลยให้เราเข้ามา . "

หลินหยาฉีก็เดินตามมาเขามา

" เจ้ามาที่นี่ทำไม ? " เซี่ยซินหยาน ถามอีกครั้ง

" การประชุมจะยังไม่เริ่มจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ มีการประมูลที่ยุติธรรมที่สุดอยู่ ซึ่งจัดโดยดินแดนจิตวิญญานสมบัติเนื่องจากได้รับอนุญาตจากพรรคสามเทพ ว่ากันว่าจะมีสมบัติวิเศษถูกนำมาแสดงด้วยในการประมูล ข้าอยากจะถามฉื่อหยานผู้เป็นสหายของเราว่าจะไปร่วมด้วยหรือไม่ และ ข้าก็อยากจะปรึกษาบางอย่างกับเขา " เยว่จางเฟิงหัวเราะคิกคัก และพูด

หลังจากเข้ามาในคฤหาสน์ หลินหยาฉีกล่าวก็พูดด้วยความประหลาดใจ " สถานที่แห่งนี้ดีกว่าของเรามาก ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าคงมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว " .

" ข้าจะบอกฉื่อหยานเองว่า เราจะมาพักที่นี่คืนนี้ . " เยว่จางเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลินหยาฉีพยักหน้า เพื่อแสดงว่า มันสมควรเป็นเช่นนั้น

. . .

ในเรือนพักขนาดเล็กที่มีซ่อนอยู่ในป่า หน้าต่างบนชั้นสามก็เปิดออก.

ฉาวจื่อหลานอ้าแขนของนาง และแอ่นเอวข้างหลังเหมือนต้นหลิว ขณะที่หน้าอกสวยยื่นออกมา

" โอ้ ! " หลินหยาฉีนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ราวกับนางเพิ่งค้นพบทวีปใหม่ นางชี้ไปที่ฉาวจื่อหลาน จากระยะไกล และกล่าวว่า " ทำไมนางถึงอยู่ที่นี่กัน ? " เยว่จางเฟิงงุนงงเล็กน้อย ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะแปลกๆออกมา ตลอดเวลาพยักหน้าและชม " เจ้าชั่วฉื่อหยานนี่ ร้ายกาจจริงๆ ข้าขอชื่นชมเลย "

ใบหน้าของเซี่ยซินหยาน ก็บูดเบี้ยว สายตาอันเย็นชาของนางเลื่อนไปและถามว่า " เจ้ารู้จักนางรึ ? "

" ไม่ เราไม่รู้จัก" เยว่จางเฟิงส่ายหน้า " เราเพิ่งเจอนางเมื่อวานนี้ "

หลินหยาฉีมองไปทางนั่นแล้วมองเซี่ยซินหยาน . นางดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง นางตบมือของนางขณะที่พูดกับยิ้มกว้าง " ข้ารู้แล้ว เจ้าสองคนกำลังแย่งผู้ชายคนเดียวกันใช่หรือไม่ น่าสนใจยิ่งนัก! "

เซี่ยซินหยานก็จ้องไปที่นางด้วยความอายและโกรธ

" ฉื่อหยานหละ ? " เยว่จางเฟิงถาม

" ไม่รู้ " นางยังคงโกรธอยู่ และก็รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อพูดถึงฉื่อหยาน " บางทีเขาอาจจะใกล้ออกมาแล้วก็ได้ "

หลังจากได้ยินดังนั้น เยว่จางเฟิงและหลินหยาฉีก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก พวกเขาก็พูดคุยกับนางต่อ ในขณะที่รอ

. . .

ในห้องพักขนาดใหญ่

สามคน อีเทียนโหมว หยาเมิง และ คาป้า ก็มองฉื่อหยานที่นอนแอ้งแม้อยู่บนพื้นด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

" เกิดอะไรขึ้น ? " ใบหน้าของคาป้าก็สับสน " ตลอดค่ำคืน เราไม่พบใครหรือจิตสำนึกใดๆ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้กัน "

" ตาเฒ่าอี เจ้าพบอะไรที่ผิดปกติ หรือไม่เมื่อคืนที่ผ่านมา " หยาเมิงถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

" , " อีเทียนโหมวส่ายหัวขณะพูดด้วยเสียงจริงจัง "มีเพียงผู้ที่มีระดับมากกว่าเราเท่านั้นที่สามารถรอดพ้นจากรูปแบบป้องกันวิญญานของข้าได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่ใครจะทำได้ แต่บนรเกาะนี้ก็ไม่น่าจะมีใครที่มีระดับสูงกว่าเรา "

" ดังนั้นสิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ? " คาป้า ถามด้วยความกลัว

" บางทีสิ่งนี้อาจจะเกิดขึ้นขณะที่เขาฝึกบ่มเพาะอยู่ก็ได้ " อีเทียนโหมวมองฉื่อหยานเงียบๆ กระตุ้นจิตสำนึกวิยญานของเขาสักพักก่อนที่จะพูด " ไม่เป็นไร ห้วงจิตสำนึกของนายท่าน ยังเป็นปกติดีทุกอย่าง แม้แต่พลังชีวิตก็ปลอดภัย เพียงแต่ว่าวิญญานหลักของเขาดูเหมือนว่าจะติดอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์บางอย่างที่ทำให้คนที่เข้าสู่สภาวะนั้นกลายเป็นไร้ตัวความรู้สึก บางทีนี้อาจจะเป็นเคล็ดวิชาฝึกบ่มเพาะก็เป็นได้ "

หยาเมิงช่วยไม่ได้ที่จะ เดินไปข้างหน้า เหยียดมือของเขาวางบนหน้าอกของ ฉื่อหยาน , ใช้พลังตรวจสอบเล็กน้อย แล้วเขากล่าวด้วยใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง " พลังปราณลึกลับของเขาหายไป "

" อะไรนะ ? " ตอนนี้เอง อีเทียนโหมว และ คาป้า ใบหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารีบเดินเข้ามาตรวจสอบและก็พบว่าพลังปราณลึกลับของเขาได้หายไปแล้วอย่างสมบูรณ์ .

" ทำไมกัน ? " พวกเขาสามคนสบตากันด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร

" เพราะเขาได้ต่อสู้กับใครบางคนทั้งคืนเมื่อวานนี้ จนเขาใช้พลังปราณลึกลับจนหมดงั้นรึ ? " หยาเมิงพูดด้วยความสับสนขณะที่ลูบหัวของเขา

" ที่นี่กว้างขว้างมาก ถ้าเขาได้ต่อสู้กับใคร ทำไมเราจะไม่รู้กัน ? " อีทเทียนโหมวกระแอมออกมาและสูดเอาลมหายใจเข้าลึกๆ วิญญาณของเขายังคงค้นหาต่อไป และค่อยๆ เข้าไปยังวิญญานที่อยู่ภายในห้วงจิตสำนักของฉื่อหยาน

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่วิญญาณของเขาเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของฉื่อหยาน ห้าปีศาจที่ดูเหมือนกำลังนอนหลับในแดนสวรรค์พลันลุกก็กระโดดขึ้นพร้อมกัน

5 พลังงานเชิงลบก็ออกมาจากร่างกายห้าปีศาจ ท่ามกลางของคลื่นวิญญานมากมายที่น่ากลัวจนสามารถทำให้หัวใจคนหยุดเต้นได้ ห้าปีศาจก็บุกไปที่วิญญานของอีเทียนโหมวที่เพิ่งเข้ามา

อีเทียนโหมวสี หน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาก็รีบดึงจิตสำนึกวิญญาณของเขากลับมา

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด