ตอนที่แล้วบทที่ 300 เจ้ายังไปไม่ได้ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 302 เข้าใจ

บทที่ 301 เปิดเผยความสามารถที่แท้จริง


บทที่ 301 เปิดเผยความสามารถที่แท้จริง

อีเทียนโหมวทันทีก็ลงมือ พลังวิญญานมหาศาลของเขาที่เป็นเหมือนกับหุบเหวลึกอันตรายก็ปั่นป่วนอยู่ในห้วงจิตสำนึกของทั้งสามคนกลุ่มเฉินตั่วในพริบตา

ห้วงจิตสำนึกของกลุ่มเฉินตั่ว ก็กลายเป็นเหมือนเปลวไฟริบหลี่ที่อยู่ในตะเกียงเพียงแค่ลมพัดผ่านก็อาจตายได้ทันที

ตอนนี้เฉินตั่วตงฟางเหอ ซุ่ยเยว่ลู่ว ก็ได้รู้ถึงระดับการบ่มเพาะที่แท้จริงของอีเทียนโหมว ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาแทบจะพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงแค่อดทนและหวังว่าพรรคสามเทพจะส่งนักรบระดับสูงมาเพื่อรักษาความยุติธรรมให้กับพวกเขา

แสงสีเขาหมนเทาที่ดูเหมือนดุร้ายและแข็งแกร่งก็พุ่งออกมาจากข้างในดวงตาลึกของอีเทียนโหมว

เขานิ่งมองเฉินตั่ว ตงฟางเหอ และซุ่ยเยว่ลู่ว มองไปที่ใบ้หน้าของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง และกรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง พวกเขารู้สึกว่าวิญญาณของพวกเขากำลังจะแตกสลายในอีกไม่ช้า ทั้งร่างกายและวิญญาณของพวกเขากำลังจะถูกทำลาย

" คุณชายหยาน . . . . . . . " หลี่ฟู่ ไม่สามารถแกล้งทำเป็นไม่เห็นการกระทำของฉื่อหยานได้ เขาป้องมือขึ้น และ พูดเบี่ยงประเด็น " สถานที่แห่งนี้คือพรรคสามเทพและเราก็มีกฎของเราเอง คุณชายหยาน โปรดอย่าทำให้เราอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเลย”

ไม่ไกลจากตรงนั้น นักรบจากขุมพลังอื่นประมาณสิบคนกำลังสังเกตอยู่และ ไม่กล้าเข้ามาใกล้ แต่ พวกเขาก็รู้สึกตกใจและตกตะลึง

พวกเขาไม่รู้จักฉื่อหยาน อย่างไรก็ตาม เพราะเฉินตั่ว ตงฟางเหอ และซุ่ยเยว่ลู่ว ที่มายังเกาะสุริยันได้ไม่นาน ก็ทำให้คนบนเกาะฮือฮาได้ หลายคนรู้ดีเกี่ยวกับพวกเขา

ถึงแม้ซุ่ยเยว่ลู่ว ตำแหน่งจะไม่สูง แต่เฉินตั่ว และตงฟางเหอ นั้นนับได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญของดินแดนจิตวิญญานสมบัติมหัศจรรย์และตระกูลตงฟาง ในเรื่องระดับการบ่มเพาะสองคนนี้ก็นับว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก และสถานะของพวกเขายังสูงส่งอีกด้วย คนปกติมากมายล้วนแต่ไม่อยากยุ่งกับพวกเขา

ฉื่อหยานมีกล้าลงมืออย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก นั่นทำให้หลายคนต่างก็ประหลาดใจ อย่างไรก็ตาม นี่ก็ทำให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนของฉื่อหยานมากขึ้น

หลังจากที่จักพรรดิ์หยางชิงตี้ถูกคุมขังอำนาจทั้งหมดของตระกูลหยางก็หายไป ; ความสูงส่งของตระกูลหยางได้ลดลงนับหมื่นจ้าง ในทางทฤษฎี มันไม่สมควรจะมีสมาชิกของตระกูลหยาง มาเข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ แต่ฉื่อหยานกลับอยู่ที่นี่

ไม่เพียง แต่เขามาที่นี่ แต่เขายังนำนักรบระดับพระเจ้ามาด้วย

ในทะเลไม่มีสิ้นสุดนักรบระดับพระเจ้า นับว่าเป็นจุดสูงสุดและอยู่เหนือทุกสิ่ง โดยเฉพาะผู้ของขุมพลังต่างๆพวกเขาต่างก็แข็งแกร่งและมีระดับการบ่มเพาะอยู่ในระดับนี้ การมีนักรบระดับพระเจ้าร่วมด้วยนั้นถือว่าสำคัญเป็นอย่างมากและนับได้ว่าน่าเกรงขาม

ถึงแม้ว่าจะมีมีข่าวลือเสมอว่าตระกูลหยางไม่ได้มีนักรบระดับพระเจ้าเพียงคนเดียว แต่นอกจากจักพรรดิ์หยางชิงตี้แล้ว พวกเขาก็ไม่เคยพบใครเลยที่นักรบระดับพระเจ้าของตระกูลหยางคนอื่น

การปรากฏตัวของอีเทียนโหมวทำให้หลายคนประหลาดใจเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างก็สงสัย

ตระกูลหยางซ่อนนักรบระดับพระเจ้าเอาไว้แน่นอน

ด้วยความคิดนี้ ทุกคนก็มองไปที่อีเทียนโหมว ด้วยความกลัวและความเคารพ พวกเขาต้องการจดจำทุกการกระทำของอีเทียนโหมวและนำไปบอกสหายของพวกเขาให้ระวังตัว

" คุณชายหยาน . . . . . . . "

หลี่ฟูขอร้องออกมาอย่างจริงจัง เขาเอาแต่ขอร้องและไม่กล้าข่มขู่เหมือนกับตอนที่เขาทำกับเฉินตั่ว

หน้าฉื่อหยานก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาขมวดคิ้วของเขาเล็กน้อย เขาจ้องมองไปด้วยสายตาที่เย็นชา  เข้ามองไปยังทั้งสามคนกลุ่มของเฉินตั่วที่กำลังกรีดร้องออกมาพร้อมกับสีหน้าขมขื่นพวกเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมากภายใต้การโจมตีทางวิญญายของอีเทียนโหมว

ห้วงจิตสำนึกของพวกเขาทั้งสามคนค่อยๆแตกสลายด้วยการโจมตีทางวิญญานของอีเทียนโหมว ซึ่งมันเป็นเหมือนกับดาบหลายพันเล่มทิ่มแท้งไปยังห้วงจิตสำนึก

ความทุกข์ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับวิญญาณนั้นทรมานและรู้สึกอึดอีดมากกว่าการได้รับบาดเจ็บผายนอกหลายเท่า ซึ่งฉื่อหยานก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มาหลายครั้งแล้ว

ทั้งสามคนกรีดร้องและร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว ซุ่ยเยว่ลู่วร้องไห้อย่างเจ็บปวดจนน้ำตาและน้ำมูกไหลออกมา ฉื่อหยานรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างมากเมื่อเห็นฉากนี้ตอนแรก แต่เขาก็ค่อยๆเปลี่ยนมารู้สึกไม่ดีในที่สุด .

ฉื่อหยานเหวี่ยงแขนขึ้น ส่งสัญญาณ ให้อีเทียนโหมวหยุด

ทั้ง 3 คน กลุ่มของเฉินตั่วก็สั่นสะท้านอย่างอย่างรุนแรง ห้วงจิตสำนึกของพวกเขาก็ค่อยๆสงบลงหลังจากถูกปั่นป่วนและกระสับส่าย

แสงสีเงินวงมีลวดลายเป็นวงกลทก็กระจายออกมาจากหัวของทั้งสามคน ดวงตาที่ตอนแรกว่างเปล่าและงุนงง ตอนนี้สติก็ค่อยๆกลับฟื้นคืนมา แล้ว ก็หายเป็นปกติ

ทั้งสามคนตอนนี้ดูมอมแมมและสกปรกเป็นอย่างมาก ; ร่างกายของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยฝุ่น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำตาและขี้มูกติดอยู่ ทำให้พวกเขาดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก

" คิ๊ก.." หญิงสาวคนหนึ่งจากพรรคสามเทพก็หัวเราะเยาะขึ้นเมื่อเห็นฉากที่ดูตลกนี่

ทันที นางก๋รู้สึกว่าไม่เหมาะสม นางจึงรีบเอามืออุุดปากและเงียบ

นักรบจากขุมพลังอื่นมากมายก็มองมา ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะต้องการระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องอดกลั้นและ ยับยั้งมันไว้ทำให้เกิดเป็นภาพแปลกๆขึ้น

หลังจากได้สติ เมื่อกลุ่มของเฉินตั่วทั้งสามคน เห็นการแสดงของคนที่อยู่รอบๆ ใบหน้าของพวกเขาก็หน้าแดงและผิวของพวกเขาก็ซีด พวกเขาทั้งหมดต่างก็โกรธจนอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด แค้นใจที่ไม่สามารถขุดหลุมและกระโดดลงไปได้

พวกเขาไม่กล้าที่จะยกหัวขึ้น และรีบปัดฝุ่นออกจากใบหน้าของพวกเขาและจากนั้นพวกเขาก็เอามือคุมใบหน้าและจากไปโดยไม่พูดอะไรกับฉื่อหยาน

" ยังไปไม่ได้ " ฉื่อหยาน ตะโกนออกมาดังๆอีกครั้ง

ร่างของพวกเขาทั้งสามก็สั่นสะท้าน เขาหันหัวของพวกเขากลับไปด้วยใบหน้าที่น่ารังเกียจ และจ้องฉื่อหยาน ด้วยความกล้าหาญ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซุ่ยเยว่ลู่ว ซึ่งมักจะโอ้อวดว่าตัวเองนั้นงดงามและทรงเสน่ห์ ตอนนี้ก็ดูเหมือนกับคนบ้าสติไม่ดี ต่อหน้าคนมากมาย นางไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเจอความอัปยศเช่นนี้ แม้แต่ในความฝันนางก็ไม่เคยนึกถึง

นางรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก นางจ้องมองไปด้วยความโกรธ สีหน้าของนางดูไม่พอใจและเต็มไปด้วยตวามแต้นฝังลึกราวกับว่านางจ้องการจะเสี่ยงชีวิตตกตายอยู่ทุกวินาที

" ฉื่อหยาน เจ้าจะต้องชดใช้ความอัปยศที่ทำกับพวกข้าในวันนี้นับสิบเท่า . . . " ตงฟางเหอ กล่าวด้วยใบหน้าที่ดุร้าย

" ไปบอกประมุขของเจ้า ขุมพลังของพวกเจ้าทั้งสามแต่ละคนจะต้องยกเกาะห้าเกาะให้ตระกูลหยางเป็นการชดใช้ " ฉื่อหยานไม่สนใจคำพูดของตงฟางเหอ เขาพูดข่มขู่ออกไปอย่างมั่นคง " ภายในหนึ่งเดือน ข้าต้องได้รับค่าชดเชย "

ทันทีที่เขาพูดเสร็จ ก็เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้นจากนักรบส่วนใหญ่ที่อยู่รอบๆ .

ในขณะที่เผ่าอสูรบุกรุกเข้ามาทุกขุมพลังจะต้องร่วมมือกันและใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อจัดการกับเผ่าอสูร ไม่ใช่มาแตกแยกกันเอง

แต่ฉื่อหยานกลับทำตรงข้าม เขาแสดงออกอย่างชัดเจน และไม่ได้มีเจตนาที่จะเจรจาอะไร เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

ทุกคนก็เต็มไปด้วยความกลัว พวกเขาแอบตำหนิดูถูกฉื่อหยาน ที่ไม่สนใจภาพรวมในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่พวกเขาหวาดกลัวในความเห็นแก่ตัวและหยิ่งยโสของฉื่อหยาน

" เจ้ามีเหตุผลอะไรถึงได้กล้าพูดออกมาเช่นนี้ ? "เฉินตั่วขบฟันของเขาและถามออกไป

" เพราะพวกเขาไงหละ " ฉื่อหยานก็ชี้ที่ อีเทียนโหมว คาป้า และ หยาเมิง

คาป้า และหยาเมิงก็เผยรอยยิ้มที่เย็นชาและเย่อหยิ่งออกมาเงียบๆ เขามองไปรอบๆ จากนั้นก็เกิดคลื่นสั่นสะเทือนขึ้นจากพวกเขา

นักรบรอบๆทันทีก็รู้สึกว่าห้วงจิตสำนึกของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง พลังปราณลึกลับในร่างของพวกเขาเป็นเหมือนกับม้าพยศไม่สามารถควบคุมหรือโคจรได้ พวกเขารู้สึกไร้หนทางจากส่วนลึกในจิตใจ

นักรบที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำก็ล้มลงคุกเข่าอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าขาของพวกเขาไร้เรี่ยวแรง . มันดูเหมือนพวกเขาถูกกดทับโดยภูเขาลูกใหญ่

" นักรบระดับพระเจ้า !

โดยไม่ต้องพูดอะไรอีก ทุกคนก็ได้รู้ว้าหยาเมิงและ คาป้า นั้นเป็นนักรบระดับพระเจ้า จากกลิ่นอายที่พวกเขาปลดปล่อยออกมา.

" สาม… นักรบระดับพระเจ้าสามคน ! "

นักรบบางคนก็แสดงออกอย่างเสียใจ . พวกเขาแต่ละคนรู้สึกหนาวเย็นไปถึงกระดูก พวกเขาค่อยๆก้าวถอยไปข้างหลังขณะที่ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นซีดเซียว

หลี่ฟู่ก็ก้มลงต่ำจนศีรษะเกือบจะแตะหน้าอก ร่างกายที่อ้วนของเขาก็สั่นสะท้านเล็กน้อย เขาไม่มีความตั้งใจที่จะร้องขอให้ฉื่อหยานหยุดอีก

เฉินตั่ว และตงฟางเหอ ก็เริ่มกดดัน ราวกัยว่าสมองของพวกเขาได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจนยืนแทบไม่ไหว .

ซู่วเยว่ลู่ว ที่เคยมีความตั้งใจของจะแก้แค้นก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็เอามีจับไปที่หัว , ใบหน้าของนางแสดงครึ่งยิ้มครึ่งร้องไห้ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และความตั้งใจที่จะแก้แค้นของนางทั้งหมดก็หายไป

" ไปได้แล้ว " ฉื่อหยานก็แสดงสีหน้ารำคาญออกมา เขาโบกมือและพูด" ไสหัวไป ! อย่าให้ข้าเจอพวกเจ้าอีก . . ."

กลุ่มของเฉินตั่วทั้งสามคนก็วิ่งหนรไปไม่เป็นท่าด้วยตวามหวาดกลัวพวกเขาดูราวกับว่าคนหลงทาง โดยขณะที่ก้าวเดินก็โซเซไปมา

ความตกตะลึงที่ฉื่อหยานทำให้พวกเขาได้รู้นั้นเกินกว่าที่พวกเขาจะรับได้ นอกจากนี้ อีเทียนโหมวก็ได้บั่นทอนวิญญานของพวกเขาไป ซึ่งทำให้พวกเขาประสบกับความทุกข์ทรมานที่แสนสาหัส

" นี่ . . . . . . . " หลี่ฟู่ก็ยกหัวขึ้นมา หลังจากนั้นก็แสดงออกอย่างต่ำต้อย " ข้าจำเป็ฯต้องรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่านประมุข คุณชายหยาน ได้โปรดอย่าโทษข้า เราก็มีกฎของเราเอง "

" อะไรกัน ? " ฉื่อหยานพยักหน้าช้าๆ " ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเขาเสียหน่อย แค่ขู่พวกเขาก็เท่ากับละเมิดกฏแล้วงั้นรึ ?

หลี่ฟู่ก็สับสน และคิดอย่างเคร่งเครียดสักพัก จากนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผลตามที่ฉื่อหยานพูด กลุ่มของเฉิ่นตั่วทั้งสามคนไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรอย่างมากก็แค่เสียหน้าต่อคนมากมาย แต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่และก็ยังแข็งแรงดี ดังนั้นย่อมไม่ผิดกฏแน่นอน

" เราขอไปเดินเล่นรอบๆก่อนหละ . " ในขณะที่หลี่ฟู่ยังคิดอยู่ ฉื่อหยานก็พยักหน้าให้กับกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนแล้วก้าวผ่านหลี่ฟู่ไป

ด้วยภาพที่ปรากฏขึ้น นักรบก็แยกย้ายกันออกไปทันที ไม่นานทุกคนก็หายไป

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ภายในห้องสีแดงเข้ม

กลุ่มนักรบของนิกายซากศพสวมเสื้อสีดำ ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เป็นมลพิษ ; ดวงตาเย็นชาและโหดร้าย พวกเขามองไปยังโลงศพทั้งสองที่อยู่ในห้อง

หยินไห่ คือหนึ่งในนั้น

ภายในห้องที่เก็บศพนภาทั้งสองไว้

นักรบคนหนึ่งจากนิกายซากศพที่สวมหน้ากากปีศาจอยู่ก็แสดงออกด้วยใบหน้าดุร้าย ร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำ ดวงตาของเขาส่องแสงสีน้ำเงินเข้มที่ดูโหดเหี้ยมออกมา

" ท่านประมุข มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับศพนภาทั้งสองจริงรึ ?" หยินไห่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา ก็โค้งตัวลง ด้วยการแสดงออกที่เคารพและถามความเห็นของเขา

ประมุขของนิกายซากศพก็พยักหน้าเล็กน้อย แสงสีน้ำเงินเข้มที่ดูโหดร้ายจากดวงตาเขาก็ค่อยๆหายไป " ศพนภาทั้งสองนี้ดูเหมือนจะเริ่มมีจิตสำนึกขึ้นมาเล็กน้อย นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ ศพนภาทั้งสองนี้สมควรยังไม่มีจิตสำนึกในเวลาสั้นๆเช่นนี้ มันยังคงต้องใช้เวลานานมากกว่านี้ก่อนที่พวกเขาจะกลายเป็นศพราชันย์ พวกเขาไม่สมควรเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ . . . . . . . "

" การเปลี่ยนแปลงของพวกเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กสารเลวนั่น . " หยินไห่ก็คิดอย่างสักพักก่อนพูด

" เด็กสารเลว . . . . . . . " ประมุข นิกายซากศพก็กระแอมออกมาอย่างเย็นชา ดวงตาที่เย็นชาของเขาเลื่อนไปทางหยินไห่และกล่าวว่า " นักรบที่อ่อนแอคนเดียวสามารถเทียบได้กับเคล็ดวิชามหัศจรรย์ของนิกายซากศพที่ถ่ายทอดมาจนถึงบัดนี้ได้รึ ? ถ้าเขาสามารถทำให้ศพนภากลายเป็นศพราชันย์ได้ในเวลาสั้นๆเช่นนี้ นี่ไม่เท่ากับว่าเคล็ดวิชากลั่นศพได้รับการถ่ายทอดมาจากบรระบุรุษของนิกายซากศพนับว่าเป็นวิชาปาหี่หลอกรึ?

หยินไห่ รู้สึกหวาดกลัวและหนาวเย็นเป็นอย่างมาก เขารีบโค้งศีรษะ และตำหนิตัวเองถึงความโง่เขลา

" ข้าได้ควบคุมจิตสำนึกของพวกมันที่พึ่งตื่นไว้ชั่วคราว ถ้าพวกมันไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพลังแปลกปลอม ศพนภาทั้งสองก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆในเวลาอันสั้น " ประมุข นิกายซากศพคิดสักพักก่อนที่จะพูดเพิ่มเติม " ก่อนที่การชุมนุมบนเกาะสุริยันจะเสร็จสิ้น เจ้าจะต้องจับตาดูพวกมันไว้ "

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด