ตอนที่แล้วบทที่ 297 เกาะสุริยัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 299 ไม่ได้พบกันเนินนาน

บทที่ 298 แสงดวงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนมู่ที่ยิ่งใหญ่


บทที่ 298 แสงดวงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนมู่ที่ยิ่งใหญ่

ฉื่อหยานยืนอยู่บนรถลากผลึกแก้วสีม่วง เขาเอามือไขว้หลัง สามผู้นำอีเทียนโหมว หยาเมิง และ คาป้า ของเผ่าเสียงอสูรนั่งอยู่ข้างๆพวกเขานั่งปิดตาตั้งสมาธิอยู่

ฉาวจื่อหลานใส่ชุดผ้าไหมสีม่วงด้วยลูกปัดคริสตัล เป็นเครื่องประดับ ที่ขอบชุดของนาง ดวงตาที่สดใสสวยงามของนางก็จ้องมองออกไปไกลพร้อมกับฉื่อหยาน ชุดผ้าไหมของนางสะบัดไปมา เครื่องประดับที่ตกแต่งอยู่บนชุดของนางกระทบกันเกิดเป็นเสียงที่ฟังดูเพลิดเพลิน

สัมบัติภาหนะนี่เรียกว่า " รถผลึกม่วงเหินฟ้า ' ซึ่งเป็นเหมือนรถม้าขนาดใหญ่ที่ไม่มีหลังคา มันเปล่งประกายอย่างงดงามด้วยแสงสีม่วงภายใต้ดวงอาทิตย์

รถผลึกม่วงเหินฟ้าสร้างขึ้นมาจากผลึกที่กลั่นแล้วสามร้อยเม็ดที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายหายากและตกแต่งด้วยผลึกบริสุทธิ์จากตระกูลฉาวเจ็ดก้อน

รถผลึกม่วงเหินฟ้ามีอยู่ด้วยกันสามชิ้น ซึ่งต่างก็อยู่ในมือของผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดของตระกูลฉาว และฉาวจื่อหลานก็มีมันหนึ่งชิ้น

ก่อนออกเดินทางจากเกาะมังกรเหมัน ฉื่อหยานนั้นต้องการให้อี้เทียนโหมว ต้องโมให้ฉาวจื่อหลาน ด้วย อย่างไรก็ตาม นางกลับเผยรอยยิ้มๆบางจากนั้นก็มีแสงส่องออกมาจากระเป๋าของนางและแสงสีม่วงอ่อนก็ระเบิดออกมา นางเรียกรถผลึกม่วงเหินฟ้าออกมาและขึ้นไปนั่งอย่างช้าๆ หลังจากนั่งแล้ว รถผลึกม่วงเหินฟ้าก็เริ่มบินด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อซึ่งอยู่เหนือกว่าที่ฉื่อหยานจินตนาการไว้มาก

มองรถผลึกม่วงเหินฟ้า แม้แต่อีเทียนโหมวก็ยอมรับในความเร็วของมันเล็กน้อย

ดังนั้น ฉื่อหยานทันทีเขาจึงเปลี่ยนแผน หลังจากที่เห็นฉาวจื่อหลานเรียกออกมาทันทีเขาก็ให้ คาป้า และ หยาเมิงขึ้นรถผลึกม่วงเหินฟ้ามาและไปยังเกาะสุริยันของพรรคสามเทพด้วยกัน หลังจากได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

" ใกล้ถึงแล้ว"

ท่ามกลางแสงสีม่วยสาดส่องฉาวจื่อหลานในชุดสีม่วงอยู่บนรถผลึกม่วงเหินฟ้าที่กำลังบินอยู่ นางเหมือนเป็นเทพธิดาผู้งดงามจรัสตา

ฉื่อหยานนั่งอย่างมั่นคงเงียบๆในขณะที่มองไปที่นาง เขายอมรับว่าหญิงสาวคนนี้นับได้ว่าโดดเด่นอย่างแท้จริง นางดูสูงศักดิ์และรูปร่างหน้าต่างนางก็จัดอยู่ในอันดับต้นๆ และไม่ได้ด้อยกว่าเซี่ยซินหยานเลย .

" ข้าสวยงั้นรึ " ? ฉาวจื่อหลาน เผยรอยยิ้มกว้างๆ ดวงตาลึกสวยงามของนางดูเหมือนกับภาพที่งดงามที่สุดในทะเลไม่มีสิ้นสุด ซึ่งสามารถทำให้ผู้อื่นจมลงไปในห้วงความคิดและมิอาจตื่นได้

" สวย " ฉื่อหยานขดริมฝีปากเผยยิ้มกว้าง และกล่าวว่า " ในบรรดาหญิงงามที่ข่ารู้จัก เจ้านับได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งหรือสอง เพียงแค่เหลือบมองครู่เดียวก็ฝังลึกลงไปในจิตใจ และมิอาจลืมเลือนได้”

" งั้นเจ้าก็แต่งงานกับข้าสิ ? " ดวงตาสดใสของนางกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ใบหน้าที่ประกอบไปด้วยรอยยิ้มของนางสามารถสะกดผู้อื่นให้หลงใหลได้ . " ถ้าเจ้าแต่งงานกับข้า เจ้าจะไม่เพียง แต่จะได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งซึ่งก็คือตระกูลฉาว แต่ยังได้ภรรยาผู้งดงามที่ทุกคนต่างก็ปรารถนาด้วย ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าเสียเปรียบเลยสักนิด . "

" การแต่งงานและมีลูกนั้นคือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ " หน้า ฉื่อหยานก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาส่ายหัวแล้วยิ้ม " แต่ ไม่รังเกียจหลอกนะถ้าเจ้าจะมาเดินอยู่รอบๆข้า ในทางตรงกันข้าม ข้ารู้สึกยินดีด้วยซ้ำ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้านั้นชอบลวนลามและเล่นกับหญิงสาวที่งดงาม ถ้าเจ้าต้องการให้ทำเช่นนั้น ข้าก็สนองให้เจ้าได้ "

ฉื่อหยานมองสำรวจร่างของนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยตัณหา ไม่ว่าจะหญิงสาวคนใดก็รู้ดีว่าสายตาของเขาจะสื่ออะไร

ฉาวจื่อหลานก็ท้อแท้ นางจ้องฉื่อหยานด้วยความเขินแล้วพูดด้วยความไม่พอใจ " ถ้าเจ้าต้องการร่างกายของข้า , เจ้าจะต้องแต่งงานกับข้าเท่านั้น ไม่งั้นก็เลิกคิดเสีย !

ฉื่อหยานก็ยิ้มและส่ายหน้าโดยไม่พูดอะไรอีก เขาเอาใช้สมาธิจ้องไปที่เกาะสามเกาะ ซึ่งปรากฏขึ้นในสายตาของเขา

ในตอนกลางของมหาสมุทรที่เวิ้งว้าง สามเกาะประกอบไปด้วย วงกลม รูปดวงจันทร์และรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนสลับกัน ซึ่งตั้งติดกันเป็นรูปสามเหลี่ยม หมู่เกาะทั้งสามเปรียบเสมือนเพชรพลอยสีมรกตที่สลักอยู่บนพื้นผิวทะเล

เกาะที่เป็นรูปทรงกลมคือเกาะสุริยัน ,เกาะที่เป็นรูปจันทร์เสี้ยวคือเกาะจันทรา และเกาะที่มีรูปสี่เหลี่ยมคือเกาะดวงดาว " ฉาวจื่อหลาน ก็เริ่มอธิบายเกาะทั้งสามให้ฉื่อหยานฟัง เมื่อนางเห็นเขามองอย่างสนใจ " เกาะจันทราและเกาะดวงดาว ตั้งอยู่ในระแวกเดียวกัน แม้แต่สาวกของพรรคสามเทพก็ ไม่สามารถเข้าไปได้ ไม่ต้องพูดถึงคนนอก เทพจันทราและเทพดวงดาวไม่ปรากฏที่พรรคสามเทพมาหลายรุ่นแล้ว ; ดังนั้น , จึงไม่มีใครปกครองเกาะจันทราและเกาะดวงดาว อย่างไรก็ตาม มีการกล่าวว่า เมื่อ 5 ปีก่อน แสงดวงจันทบนเกาะจันทราได้เปลี่ยนไป ดูเหมือนจะมีบางคนที่มีจิตวิญญานจันทราปรากฏตัวขึ้นที่นั่น ข่าวลือก็คงเป็นข่าวลือ พรรคสามเทพนั้นเก็ยความลับเก่งมาก ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ จนถึงตอนนี้ "

" จริงสิ " ฉื่อหยานขทวดคิ้วของเขาและกล่าวว่า " ใช่คนที่ข้าพบหรือไม่ . . . . . . . "

ฉื่อหยานดวงตาคู่สวยพลันสว่างด้วยความพิศวง " เจ้าพบกับเขาด้วยรึ ? "

ฉื่อหยานก็เอาแต่ยิ้มไม่ได้อธิบายอะไร

" ไม่ยุติธรรมเลย ! " ฉาวจื่อหลาน ชายตามองเขาด้วยความโกรธและพูดอย่างไม่เต็มใจ " ข้านั้นตอบคำถามของเจ้า แต่สิ่งที่ข้าถามเจ้า เจ้ามักจะปิดบังมันจากข้า เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ?

" อย่าลืมว่า ตอนนี้เจ้ายังเป็นเชลยของข้าอยู่ ข้าใช้ผลึกอสูรแลกกับเจ้ามา ข้าตอบเจ้ากลับก็นับว่าดีเท่าใดแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก ? " ฉื่อหยานกล่าวด้วยรอยยิ้มและไม่ได้มองไป

" เจ้าบ้า ! " ฉาวจื่อหลานจบฟันของนางอย่างเงียบๆ นางโกรธมากที่นางอยากจะอาเจียนออกมาเป็นหยดเลือด

ร่างจำนวนมากหลั่งใหลเข้ามาในเกาะดวงอาทิตย์ . เมฆสีแดงเข้มลอยในท้องฟ้าเหนือเกาะสุริยันภายในก้อนเมฆนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่รุนแรง

แสงแดดส่องลงมาเหมือนกับนรก เส้นแสงนับไม่ถ้วนเป็นเหมือนน้ำสีแดงสาดไปที่ก้อนเมฆ ดูเหมือนพวกมันกำลงถูกดูดซับและเปลี่ยนเป็นพลังประหลาดภายในเมฆสีแดงเข้ม

เมฆที่กระจ่ายอยู่นี่เกิดขึ้นจากรูปแบบที่น่าอัศจรรย์ซึ้งแทบจะไม่สามารถสัมพัสมันได้เลย

ก่อนที่รถผลึกม่วงเหินฟ้าจะใกล้ถึงบริเวณนั้น เส้นสายพลังเผาไหม้ของดวงอาทิตย์สามพันเส้นก็ถูกปล่อยออกมาและเปลี่ยนเป็นแสงแดดค่อยๆปรากฏขึ้นในกลุ่มเมฆ

ใบหน้าของฉาวจื่อหลาน ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทันทีที่นางใช้นิ้วค่อยๆลูบรถผลึกม่วงเหินฟ้า รถม้าค่อยๆบินเข้าไปในเกาะ ซึ่งตอนนี้สามารถเห็นเกาะสุริยันได้อย่างชัดเจน

" หวือหวือหวือ " .

เส้นแสงดวงอาทิตย์นับพันภายในเมฆก็กระพริบเข้าและออก , แสงเหล่านั้นทักทอรวมกันครอบคลุมเกาะสุริยันทั้งหมด

แสงแดดที่รวมกันระเบิดออกมาและหายตัวไป ก่อนจะหดลงภายในเมฆ

อย่างไรก็ตาม พลังมหาศาลก็สั่นสะท้านไปทั่วก้อนเมฆ ไม่นาน อีเทียนโหมว หยาเมิง และคาป้า ที่นั่งสมาธิอยู่ก็ลืมตาตื่นด้วยสีหน้าตกตะลึง

" เป็นพลังที่แข็งแกร่งนัก . " อีเทียนโหมว สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดอย่างจริงจัง " พลังที่น่าหวาดหวั่นนี่ปกคลุมไปทั่วเกาะนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่ากลิ่นอายธรรมชาติบนเกาะมังกรเหมันนับสิบเท่า ด้วยพลังป้องกันที่ทรงพลังนี้ ข้ากลัวว่าแม้แต่นักรบระดับพระเจ้าก็มิอาจทำลายได้ "

" ห้าแสนปีมาแล้ว นักรบนภาที่สามของระดับนภาได้ทุ่มพลังทั้งหมดโจมตีแสงดวงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนมู่ที่ยิ่งใหญ่นี้ ตลอดเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนติดต่อกัน แต่ก็ไม่สามารถทำลายมันได้ ในช่วงหลายพันปี แสงดวงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์เทียนมู่ที่อยู่เหนือเกาะแห่งนี้ได้ถูกทำลายไปสามครั้ง " ฉาวจื่อหลานก็กล่าวอย่างจริงจัง

" ถูกทำลายไปแล้วามครั้ง ? ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้หนะรึ ? พลังอำนาจอะไรกันที่สามารถทำเช่นนี้ได้ "คาป้า ถามออกไปด้วยความประหลาดใจ

" แน่นอน มันถูกทำลายโดยคนสามคน " ฉาวจื่อหลาน ขมวดคิ้วเล็กน้อย และนางก็ยิ้มออกมา จากนั้นนางก็เงียบโดยไม่พูดเปิดเผยอะไรเพิ่มเติมในขณะที่ดวงตาคู่สวยของนางมองที่ ฉื่อหยาน

ฉื่อหยาน ที่ฟังอย่างตั้งใจก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อจู่ๆนางก็เงียบ . จากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกพร้อมกับส่ายหน้า และไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม

คาป้า กระแอม อย่างเย็นชา ดวงตาของเขาส่องประกายรุนแรงออกมา เขาเหลือบมองนางตาขวาง และเงียบลง

รถผลึกม่วงเหินฟ้าลอยลงมาช้าๆ เข้าใกล้กับเกาะสุริยันในขณะที่หลีกเลี่ยงเมฆสีแเงที่ลอยรอบท้องฟ้า ราวกับมันรู้ว่าควรเคลื่อนไหวไปที่ใด

ร่างใหญ่ก็บินมาจากเกาะสุริยันจาก ด้านล่างไม่นานก็ปรากฏห่างออกมาสิบเมตรจากด้านหน้ารถผลึกม่วงเหินฟ้า

เป็นนักรบวัยกลางคนกับที่มีระดับการบ่มเพาะระดบันภาและสวมใส่เครื่องแบบของพรรคสามเทพ

ผู้ชายคนนี้มีร่างใหญ่และหยาบพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าของเขา เปลวไฟที่สวยงามลึกผ่านมือเขาอย่างรวดเร็ว และเปิดช่องว่างของรูปแบบเกาะสุริยันขึ้นต่อหน้าเขา จากระยะไกลเขาก็ชี้ไปที่ฉาวจื่อหลานและหัวเราะออกมา " นี่คือแม่นางฉาวงั้นรึ ? "

ฉาวจื่อหลานก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากระยะไกล

" เชิญ " นักรบนี้งอลงเล็กน้อยและทำการเชิญด้วยท่าทางและสีหน้าจริงจัง

ฉาวจื่อหลาน เผยรอยยิ้มแต่ไม่พูดอะไร นางทำตามนักรบระดับนภาคนนี้อยู่งเงียบๆ คุมให้รถผลึกม่วงเหินฟ้าลอยไปยังปราสาทที่มีสัญลักณษ์ดวงอาทิตย์ที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ

" ในตอนเช้าของวันมะรืน การประชุมอย่างเป็นทางการจะเริ่มในที่ห้องโถงแสงอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ เจ้าเป็นคนแรกของตระกูลฉาวที่มา ตระกูลฉาวส่งคนอื่นมาด้วยหรือไม่ ?" นักรบนี้ได้แนะนำฉาวจื่อหลานให้ไปจังคฤหาสน์ที่หรูหราและเงียบสงบ .

" ข้ายังไม่ได้บอกตระกูลฉาวว่าข้าจะมาที่นี่ บางทีตระกูลฉาวอาจจะส่งตัวแทนมา " ฉาวจื่อหลาน ด้าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ในขณะเดินตามนักรบคนนั้นไปยังคฤหาสน์

ฉื่อหยานพยักหน้าให้กับอีเทียนโหมว หยาเมิง และ คาป้า ก็เดินตามเข้าไปในคฤหาสน์

นักรบระดับนภาของพรรคสามเทพก็ไม่ได้สังเกตเห็นฉื่อหยาน เลยจนกระทั่งฉื่อหยานเข้าไปในคฤหาสน์ สายตาของเขาก็พลันสว่าง ใบหน้าของเขาทันทีก็แสดงออกอย่างแปลกใจ

รอจนกว่า ฉื่อหยาน และฉาวจื่อหลานจะเข้าไปในคฤหาสน์ ชายคนนี้ก็จับหน้าอกของตัวเองและช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากพร้อมกับใบหน้าที่แดงระเรื่อราวกับหัวใจของเขากำลังจะพุ่งออกมา " เป็นไปไม่ได้ ยังไงมันก็ . . . . . . . "

หลังจากผ่านมาสักพัก ในขณะที่เขาคงเสถียรภาพอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเขาได้ เขาก็แสดงออกด้วยความตกตะลึง " ร่างกายของเขาก็มีจิตวิญญานต่อสู้เดียวกับข้า อีกทั้งระดับยังสูงกว่า ? จิตวิญญานต่อสู้ในร่างของเขาได้ส่งผลต่อร่างกายของข้าซึ่งทำให้ข้าไม่อาจควบคุมตัวเองได้

เขายืนอยู่ตรงนั้น ในขณะที่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดเขาก็จากไปหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เขาได้เข้าไปในห้องที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟ ของยูนิคอร์นอัคคี หลังจากแสดงความเคาระ เขาก็พูดสุภาพ " ท่านประมุข คนที่ท่านบอกให้เราแจ้งให้ทราบ ได้มาถึงเกาะสุริยันแล้ว . . . . . . . "

แสงอาทิตย์ก็หมุนวนอยู่รอบ ๆตัว ถังหยวนหนาน . แสงแดดหมุนเป็นวงกลมอย่างต่อเนื่องและกระจายออกไปด้านหลังศีรษะของเขา เปล่งรัศมีส่องไปไกลหมื่นจ่าง ซึ่งทำให้เขามีลักษณะดูคล้ายกับดวงอาทิตย์

เมื่อการรายงานเสร็ต ถังหยวนหนาน สีหน้าก็ไม่เปลี่ยนยกเว้นแสงสว่างบนใบหน้าของเขาที่ค่อยๆ จางหายไป

" เจ้าจะรู้สึกอย่างไร ? "

" เมื่อเผชิญหน้ากับเขา จิตวิญญานต่อสู้ของข้าได้รับผลกระทบและยังเกิดความรู้สึกแปลกๆขึ้น และไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ไม่คุกเขาเคารำได้ . "

ถังหยวนหนานทันทีก็ก็ลืมตาขึ้น ; สีหน้าของเขาเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่พราวแสง ซึ่งเป็นเหมือนกับเข็มทิ่มแทงไปยังดวงตาของผู้อื่น

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด