ตอนที่แล้วบทที่ 269 ข้าช่วยท่านได้ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 271 กำหราบมัน !

บทที่ 270 หายนะครั้งยิ่งใหญ่


บทที่ 270 หายนะครั้งยิ่งใหญ่

เส้นแสงสีเงินจำนวนมากก็ส่องออกมาไม่มีสิ้นสุดจากก้อนผลึกสีขาวที่อยู่ศูนย์กลางแท่นหิน แสงสีเงินส่องทะลุออกมานอกแทน่าหิน และ เคลื่อนไหว ไปที่ฉื่อหยาน , ตี่ฉาน และ ยู่โหลวเหมือนกับลูกศระ

ทำให้ตี่ฉานและยู่โหลวตกอยู่ในความกลัว

โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก สองผู้นำของเผ่าปีกทันทีก็ยืดปีกสีขาวและสีดำออก คลื่นสีดำและสีขาวกระจายออกมาจากปีกของพวกเขาทีละคนและผสมกับม่านแสงสีฟ้าของผลึกดาวสีคราม

หลังจากแสงสีเงินปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ลำแสงพราวสีสันทันทีที่ก็ปรากฏขึ้น แสงหลากสันกระจัดกระจายออกไปทุกที่ แสงเหล่านั้นพุ่งไปใกล้กับเหล่าสัตว์อสุร และผนังของถ้ำจนเกิดเป็นระเบิดขึ้น

แผ่นดินสั่นสะเทือนจากการระเบิด สั่นสะท้านไปทั่วภายในถ้ำ ภูเขาสูงประมาณหมื่นเมตรช่วยไม่ได้ที่จะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง การสั่นสะเทือนผิดปกติเกิดขึ้นไปทั่วพื้นดิน ภูเขาใหญ่สั่นราวกับว่ามันกำลังจะพังทลาย

กลุ่มคนของเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีกที่ยืนอยู่นอกภูเขาเสียงอสูรก็แสดงออกด้วยความหวาดกลัวขณะที่พวกเขามองไปยังภูเขาอันสูงใหญ่

ภายใต้ท้องฟ้าที่ยอดเขาสูงเสียด , เสียงระเบิดบ้าคลั่งสะท้านไปทั่วพร้อมกับหินยักษ์และประกายแสงกระจัดกระจายไปทั่ว

" ตูม ตูม ตูม "

เสียงดังเจาะเข้าไปในแก้วหู ภูเขามหึมาดูเหมือนกับว่ากำลังจะพังทลายลง รอบๆภูเขาสั่นสะท้านขณะเดียวกันก็มีหินที่อยู่สูงนับร้อยเมตรกลิ้งลงไปที่ตีนภูเขา . ทำให้คนจากทั้งสองเผ่าตกอยู่ในความหวาดกลัว

บางคนที่ตอบสนองช้าก็โดนหินยักษ์บดขยี้กลายเป็นเนื้อบด

ภายในภูเขา ตั่วหลง อีเทียนโหมว คาป้า และ หยาเมิง ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าจริงจัง พวกเขาต้องการที่จะไปข้างหน้าเพื่อดูว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็หวาดกลัวพลังของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรและระมัดระวังที่ตรงนั้น

อย่างไรก็ตาม เวลาก็ผ่านไปยาวนาน แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในภูเขาเสียงอสูรก็ยังไม่หยุดลง มันกลับกลายเป็นรุนแรงมากขึ้น

บนท้องฟ้า สายฟ้าที่หนาแน่นก็เริ่มฟาดลงมาอย่างช้าๆ

ภูเขาทรุดตัวลงและมีก้อนหินยักษ์หลายก้อนกลิ้งลงมา คลื่นแสงสีเทาปรากฏขึ้นและหายไป โลกทั้งใบเกิดการเปลี่ยนแปลงเป้นอย่างมากในขณะเดียวกับที่ภูเขาเสียงอสูรถล่มและท้องฟ้าถล่มลงมา

มีเมฆหนาทึบปกคลุมทั่วพื้นดินและท้องฟ้า ดินแดนมืดมนที่รกร้างว่างเปล่าทั้งหมดก็กลายเป็นเหมือนกับว่าถูกกลืนกินด้วยแสงที่สุกใส

จากระยะไกลความวุ่นวายที่เกิดจากแผ่นดินไหวยังคงต่อเนื่อง พื้นดินกลายเป็นมหาสมุทรที่กราดเกรี้ยวและโหมกระหน่ำไม่หยุดนิ่ง

คนจากทั้งสองเผ่าที่อยู่ตีนเขาเสียงอสูรก็รู้สึกได้ว่าหายนะกำลังจะมาถึง นักรบที่มีระดับการบ่มเพาะสูงลอยอยู่ในอากาศ มองไกลออกไปข้างหน้า และมองไปยังกลุ่มก้อนเมฆสีขาวที่ปกคลุมทั่วพื้นดิน

ด้วยการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในตรงที่พื้นดินแตกระแหง ปรากฏเป็นเหวลึกซึ่งมีกลิ่นอายที่รุนแรงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

พื้นที่กลายเป็นแตกร้าว

นักรบชั้นสูงที่มีความรู้น้อยทันทียังรู้ได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นสิ้นหวังขณะมองไปยังยอดภูเขาเสียงอสูรที่อยู่เหนือท้องฟ้า

" ผลึกดาวสีคราม " ภายในภูเขา ใบหน้าที่ปรากฏอยู่ในผลึกก็เริ่มปรากฏคิ้วและตา หน้าตาคล้ายกับบัณฑิต เป็นแสงสีเงินที่ส่องออกมา ใบหน้านั้นอ้าปากพูดออกมาเป็นเสียงมนุษย์อย่างชัดเจน , " ต่อให้เป็นผลึกดาวสีครามก็มิอาจต้านทานได้นานนักหลอก "

" หวือหวือหวือ " .

แสงสีเงินที่เกิดจากก้อนผลึกสีขาวก็ส่องออกมามากขึ้น และประทะเข้ากับม่านแสงสีฟ้าที่ออกมาจากผลึกดาวสีคราม

ม่านแสงสีฟ้ากลายเป็นบิดเบี้ยว และพลังของมันก็อ่อนแอลง เมื่อมันถูกโจมตีด้วยแสงสีเงิน

แม้ว่าผลึกดาวสีครามในมือของตี่ฉานยังคงเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา แต่พลังของมันก็กำลังหายไปเรื่อยๆ ผลึกดาวสีคราม หดลงไปหนึ่งในห้าเพียงแค่ชั่วเวลาสั้นๆและยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ตี่ฉาน แววตาก็แสดงออกอย่างเย็นชาและโหดร้าย ในขณะที่เขาเอาแต่มองไปข้างหน้า รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา และเขาก็พูด " ฉื่อหยาน เจ้าบอกว่าเจ้าช่วยข้าได้ ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว " .

ฉื่อหยานก็ตกตะลึงและตกอยู่ในความอึดอัดใจ , " อะไร "

สีหน้าตี่ฉานก็กลายเป็นโกรธ เขาจ้องฉื่อหยาน และตะโกนว่า " งั้น ก็แปลว่าเจ้าหลอกข้าสินะ ? "

ยู่โหลวดูกังวล ในขณะเดียวกันนางก็กระตุ้นพลังจากปีกของนางเข้าไปยังม่านแสงสีฟ้า นางมองไปยังฉื่อหยานอย่างใจจดใจจ่อ " ถึงเวลาคับขันแล้ว ตอนนี้ ถ้าเจ้ามีสิ่งใดที่สามารถจัดการกับเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ก็ นำมันออกมามา อย่างที่เจ้าเห็น แม้มันจะยังอยู่ภายใต้การควบคุมของผนึก แต่มันก็อันตรายเป็นอย่างมาก ถ้ามันถูกปลดผนึกอย่างสมบูรณ์หละก็ ไม่มีใครสามารถหยุดมันได้แน่นอน อย่าเสียเวลาอีกเลย ทำมันเดียวนี้"

" มันอยู่ไกลเกินไป ข้าไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ " ฉื่อหยาน ยิ้มออกมาอย่างเสร่แสร้ง" ข้าคิดว่า ข้าสามารถจัดการมันได้ แต่ด้วยระยะทางที่ไกลขนาดนี้ คงเป็นไปไม่ได้ . . . . . . . "

" หยุดลีลาได้แล้ว " ตี่ฉานตะโกนด้วยสีหน้ารำคาญ ." พลังของม่านแสงสีฟ้านั้นลดลงเรื่อยๆ เมื่อมันหายไป วิญญานของ ยู่โหลวและข้านั้นไม่สามารถรับมือกับเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ เราไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากหนี ถ้าตอนนี้เราไม่สามารถจัดการมันได้ เราก็จะตายด้วยกันที่นี่ ! "

" ข้ารู้แล้ว " ฉื่อหยานพยักหน้า ; ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมอง

" นี่ เจ้าไม่บรรลุแม้แต่ระดับนภา ยังกล้าที่จะเผชิญหน้ากับข้าอีกรึ ฝันกลางวัน! "เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานภายในสีขาวคริสตัลก้อนออกมาเป็นเสียงหัวเราะชั่วร้าย " ไม่ต้องพูดถึงเจ้าเลย แม้แต่นักรบระดับพระเจ้าสามคนก็ไม่สามารถป้องกันวิญญานจากเปลวไฟของข้าได้ ในดินแดนแห่งนี้ ไม่มีนักรบระดับพระเจ้าแท้จริง ดังนั้น จึงไม่มีใครสามารถต้านท้านการโจมตีวิญญานของข้าได้ อย่าได้พยายามเสียเปล่าเลย "

" เจ้ายังมีทางเลือกอื่นอีกงั้นรึ ? " ฉื่อหยาน ไม่ได้สนใจเรื่องคำพูดล้อเลียนของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบตัวลง และสื่อสารกับแหวนสายโลหิต

" รูปแบบชีวิตของข้าพึ่งถูกสร้างขึ้น ดังนั้น ข้ายังคงห่างไกลจากสิ่งอันตรายนั่น วิญญานของมันนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์ ; พลังของมันเองก็น่าหวาดหวั่นเช่นกัน เปลวไฟของข้าสามารถต้านทานพลังหยินรอบๆได้ แต่ ไม่สามารถ ทำลายผนึกชีวิตได้ . . . . . . . " แกนเพลิงส่งข้อความออกมาอย่างไม่เต็มใจเป็นครั้งแรก

"เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานเป็นหนึ่งในเปลวไฟนภา ระดับของมันสูงกวาข้ามาก ในหมู่เปลวไฟนภาทั้ง 9 เจ้าเปลวไฟนี่อยู่ลำดับที่ 3 ส่วนข้านั้นอยู่ลำดับที่ 8 จิตสำนึกและรูปแบบชีวิตของมันนั้นพัฒนาอย่างสมบูรณ์มากกว่าข้า นอกจากนี้ พลังของข้ายังอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าแหวนวงนี้จะไม่ได้ปิดผนึกข้า ข้าก็ทำได้เพียงป้องกันตัวเองเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมัน ข้าไม่สามารถรับมือกับมันได้แน่นอน นี่ช่างแย่นัก . . . . . . . " เปลวเหมันเยือกแข็ง ส่งข้อความออกมาเล็กน้อยด้วยความลังเล . " ในหมู่เปลวไฟนภาทั้งเก้า มันคือตัวตนที่รับมือได้ยากที่สุด ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีใครที่เคยกำหราบมันได้เลย พลังของมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่ชอบอารมณ์หรือนิสัยของมัน ข้าเองก็ไม่ถูกกับมัน . . . . . . . "

คำพูดของแกนเพลิง และเปลวเหมันเยือกแข็งทำให้ฉื่อหยานมีสีหน้าจริงจัง ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานนั้นแข็งแกร่งกว่าเปลวเหมันเยือกแข็ง เขาเกรงว่าเขาอาจจะไม่อาจพึ่งพาแกนเพลิงและเปลวเหมันเยือกแข็งได้ในตอนนี้ เขาจะต้องพึ่งตัวเอง

" ลองใช้แหวนจัดการกับมันดู นอกจากนี้ ข้าก็ไม่รู้แล้วว่ามีอะไรที่เจ้าทำได้อีก " เปลวเหมันเยือกแข็งส่งข้อความออกมา . " แต่มันก็ไกลเกินไป ตอนนี้เจ้ายังไม่สามารถควบคุมแหวนวงนี้ได้ ถ้าเจ้าโยนแหวนออกไป ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น . . . . . . . "

" นี่เป็นวิธีเดียวเท่านั้น ! " ฉื่อหยาน รูม่านตาหด ขณะที่เขาจะทำอะไร " ท่านสองคนระวังตัวไว้ ข้าไม่รู้ว่ามันอันตรายแค่ไหน หลังจากนี้ ข้าหวังว่าพวกท่านทั้งสองจะไม่เป็นอะไร .

หลังจากพูดคุย ฉื่อหยานก็ดึงแหวนสายโลหิตออกมาจากนิ้วของเขา หลังจากลังเลอยู่สักพัก เขาก็ขว้างไปที่ก้อนหินคริสตัลบนแท่นหิน

จะอยู่หรือตาย ! มาดูกัน !

ฉื่อหยาน อย่างเงียบ ๆ เขาก็ส่งจิตสำนึกของเขาไปยังแหวนสายโลหิต

แสงสีแดงก็แผ่รังสีออกมาจากแหวนสายโลหิต ทันทีที่แหวนสายโลหิตลอยออกไปจากฉื่อหยาน มันก็กลายเป็นประกายแสงรังสีโดดเด่นตรงไปที่แท่นหิน

" บูม "

เมื่อแหวนสายโลหิตลอยไปยังแท่นหิน มันก็ถูกป้องกันด้วยแสงสวรรค์และไม่สามารถผ่านม่านแสงเข้าไปได้

สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

" ครึง ครึง " .

เมื่อแหวนสายโลหิตตกลงบนพื้น แสงสีเลือดที่เกรี้ยสกราดก็ พุ่งออกไป และลวดลายที่ละเอียดอ่อนบนพื้นผิวแหวนสายโลหิตก็เริ่มเคลื่อนไหว อักษรโบราณค่อยๆลอยออกมา

" นี่. . . . . . . คือวิธีแก้ปัญหาของเจ้างั้นรึ ? " หน้าตี่ฉานกลายเป็นบิดเบี้ยวรุนแรงและก้าวร้าว เขามองฉื่อหยาน และส่ายหัวอย่างผิดหวัง " เราควรไปได้แล้ว "

ยูโร่วดวงตาสวยก็กลายเป็นมืดมน นางก้มศีรษะ ถอนหายใจ แล้วกล่าวว่า " พระเจ้าต้องการให้เราตายสินะ . . . . . . . "

" ออกไปจากที่นี่ ? " ตี่ฉาน เปิดเผย เยาะเย้ยเยาะเย้ย " แล้วจะไปที่ไหนได้? พื้นที่ด้านนอกเริ่มพังทลายแล้ว มากที่สุดก็อยู่ได้เพียงวันเดียว ดินแดนแห่งนี้จะไม่มีอีกค่อไป ต่อให้ออกไปจากที่นี่ พวกเราก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านอยู่ดี ด้วยพลังที่ฉีกกระฉากท้องฟ้าอยู่ตอนนี้ หากไม่ใช่นักรบระดับพระเจ้าแท้จริงก็คงมิอาจต้านทานพลังนั่นได้ เราจะต้องตายแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในดินแดนแห่งนี้ก็ตาม พระเจ้าคงไม่อยากให้เรามีชีวิตอยู่สินะ . . . "

ผู้นำทั้งสองของเผ่าปีกรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก ในช่วงเวลานี้ พวกเขาได้สูญเสียความต้องการที่จะต่อสู้ไปหมดสิ้น

อย่างไรก็ตาม พวกเขานั้นไม่ได้สังเกตุเลยว่าหลังจากฉื่อหยานได้โยนแหวนออกไป เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานที่อยู่ในก้อนผลึกได้หยุดพูดข่มขู่และเยาะเย้ย ใบหน้าของมันค่อยๆกลายเป็นกังวล

ใบหน้าสีเงินที่เหมือนกับบัณฑิตจ้องมาที่แหวนสายโลหิตอย่างดุร้ายโดยไม่กระพริบตา มันดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ

" มันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในนั้น แปลกมาก เรายังมีหวัง เรายังมีหวัง ! เปลวเหมันเยือกแข็งส่งจิตสำนึกที่บางเบาออกมาจากแหวนสายโลหิต" เปลวเหมันเยือกแข็งในแหวนสายโลหิต พูดอุทานออกมา และดูเหมือนแกนเพลิงจะคิดเช่นเดียวกัน

พระเจ้า นี่มันคือ . . . . . . . มันสร้างม่านพลังใหม่มาภายในแท่นหิน มันคือ . . . . . . . "

" อะไร ? " ฉื่อหยาน ตะลึง เขานั้นไม่รู้เลยว่ามีประกายแสงบางอย่างพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา

กลิ่นอายเลือดที่หนาแน่นแผ่ออกมาจากแหวนสายโลหิต แหวนสายโลหิตที่ตกอยู่ด้านนอกแท่นหิน อย่างเงียบๆ ลวดลายที่อยู่บนพื้นผิวแหวนสายโลหิตก็ค่อยๆเปลี่ยนไป และเกิดเป็นรูปแบบลึกลับขึ้น . . . . . . .

อย่างช้าๆ มันก็ก่อตัวเป็นรูปแผนผังจักรวาล [อยากรู้หน้าตาเป็นไงไปหาในกูเกิ้ล Bagua] เส้นแสงสีแดงแวบขึ้นใจกลางรูปแบบที่ก่อตัวขึ้นและจากนั้นมันก็หายไป

หลังจากนั้น ด้ามของดาบยักษ์ที่มีสีแดงลึกลับซ่อนลึกอยู่ภายในแหวนสาบโลหิต ทันทีก็ลอยออกไป

ดาบยักษ์ลึกลับปลดปล่อยกลิ่นอายโลหิตออกมารอบๆ 100 เมตรพร้อมกันกับกลิ่นอายทำลายล้าง แล้วเฉือนลงไปยังรูปแบบแสงสวรรค์ที่อยู่บนแทนหิน

" วุช " .

ดาบยักษ์สามารถฉีกกระฉากม่านแสงสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย ราวกับว่ามันเป็นแผ่นกระดาษบางๆ ทันที ผนึกก็แตกออกเป็นชิ้นๆ

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด