ตอนที่แล้วบทที่ 268 สมบัติล้ำค่าปรากฏ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 270 หายนะครั้งยิ่งใหญ่

บทที่ 269 ข้าช่วยท่านได้ !


บทที่ 269 ข้าช่วยท่านได้ !

กระสวยแยกนภาเป็นสมบัติวิเศษในตำนวน มันสามารถฉีกกระฉากท้องฟ้าหรือทำลายผนึกได้

มันยังคงลอยอยู่ในความมืดและหลังจากนั้นมันก็ส่องแสงออกมา เส้นแสงแต่ละเส้นนี้ดูเหมือนจะสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง พวกมันพุ่งออกมาจากความมืดและทำลายผนังของถ้ำเป็นชิ้นๆ ในที่สุดมันก็พุ่งออกจากภูเขาเสียงอสูรและเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้น

เมื่อความมืดกระจายออกไป สิ่งที่อยู่ภายในก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมา

สิ่งแรกที่ทำให้ดวงตาของฉื่อหยานส่องประกายออกมา คือ ประกายแสงสีเงินขนาดเล็กสามเส้นที่พันอยู่รอบกระสวย และเหนี่ยวรั้งอย่างเหนี่ยวแน่นไม่ให้กระสวยเคลื่อนไหวใดๆ

ปลายของเส้นแสงสีเงินทั้งสามนั้นซ่อนอยู่ในความมืด จึงทำให้ตอนนี้ไม่สามารถมองเห็นได้

ถูกพันรอบด้วยเส้นแสงสีเงินทั้งสาม ทำให้ลักษณะดั่งเดิมที่แท้จริงของกระสวยแยกนภาหายไป มันกลายเป็นรอยคว้างในอากาศ และไม่สามารถหนีจากเส้นแสงสีเงินทั้งสามได้

6 ผู้นำยืนห่างจากกระสวยแยกนภาหนึ่งร้อยเมตร พวกเขาทั้งหมดมีสีหน้าเศร้าหมองและยืนนิ่งอยู่ในบริเวณนั้น

ยู่โหลวที่อยู่ห่างออกมาได้ยินสิ่งที่เขาพูด นางจึงหันไปและถามว่า " ฉื่อหยาน , เจ้ารู้จักงั้นรึ ? "

ฉื่อหยานพยักหน้าและตอบตามตรง " นั่นคือกระสวยแยกนภา ข้ามายังหุบเหวสนามรบแห่งนี้ก็ เพราะมัน จะให้พูดก็คือ สิ่งนี้สามารถฉีกผ่านไปทุกพื้นที่ทุกดินแดนได้ และทำลายผนึกดั่งเดิมทุกอย่างได้ เนื่องจากเจ้าของเดิมได้สูญหายไป มิฉะนั้น มันคงไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้

6 ผู้นำใบหน้าสดใสขึ้นด้วยความสุข

" คำแนะนำของบรรพบุรุษไม่ใช่ของปลอมแน่ ภูเขาเสียงอสูรหายไปเมื่อใด เราจะต้องพบทางออกไปจากที่นี่แน่นอน " ตั่วหลงหัวเราะออกมาในขณะที่ชี้ไปที่กระสวยที่ลอยเคว้ง , " เห็นได้ชัดว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเรา ตราบใดที่เราได้มันมา ความฝันที่จะออกไปจากดินแดนแห่งนี้ก็จะเป็นจริง "

" มีเปลวไฟนภาอยู่ตรงนั้น และมันเป็นหนึ่งในเปลวไฟที่โหดร้ายและป่าเถื่อนเป็นอย่างมากอีกด้วย " ฉื่อหยานเตือนพวกเขาหลังจากคิดสักพัก

" อะไรนะ ? " สีหน้าของอีเทียนโหมวก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาไม่สามารถช่วยได้ ที่จะขยับถอยหลังไปสองสามก้าว มันเห็นได้ชัดว่าเขากำลังหวาดกลัวต่อสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืดตรงนั้นเป็นอย่างมาก " เจ้าจะบอกว่ามีเปลวไฟนภาอีกดวงหนึ่งซ่อนอยู่ในพื้นที่มืดมิดตรงนั้นงั้นรึ ?

" เจ้ารู้ได้ยังไง ? " ตี่ฉานถาม

คนอื่น ๆเองก็สงสัย พร้อมกับมองไปที่ฉื่อหยาน และกำลังรอคำอธิบายของเขา

" เปลวไฟนภาแต่ละดวงนั้นสามารถรู้สึกถึงกันได้ ดังนั้น พวกมันจึงรู้ถึงตัวตนหรือสถานที่ที่อีกดวงอยู่ " ฉื่อหยานเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เขา มองไปที่อีเทียนโหมว และ ยู่โหลวอย่างระมัดระวัง " เปลวไฟนภา เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน ในตำนาน มันมีตัวตนอยู่ตั้งแต่กำเนิดโลกใบนี้ และ . เปลวไฟของมันไม่สามารถเผาผลาญสสารใดได้ แต่มันสามารถเผาวิญญานของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างได้”

" เปลวไฟนภา เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน  !

สามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรก็กรีดร้องออกมาพร้อมกันด้วยเสียงประหลาดและสีหน้าที่แปลกใจ พวกเขาทั้งหมดเดินถอยหลังไปยังฉื่อหยาน

" ไม่ดีแล้ว . . . . . . . " ตี่ฉาน แววตาก็ส่องประกายดุร้ายออกมา ก้อนคริสตัลสีฟ้าอ่อนก็กระเด็นออกมาจากมือของเขา ทันทีที่มันออกมา มันก็ระเบิด เป็นกระแสลมสีฟ้ากระจายไปรอบๆยู่โหลว

เมื่อตั่วหลงเห็นตี่ฉานเอาคริสตัลสีฟ้าออกมา เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจ ดูเหมือนเขาจำอะไรบางอย่างได้ เขาจึงเดินไปที่ตี่ฉาน

โดยไม่รอให้ตั่วหลงเดินเข้ามาใกล้ ตี่ฉานก็กระแอมออกมาและมองไปที่เขาด้วยแววตาที่ไร้ความสุข

ตั่วหลงรู้สึกประหม่า เขาเปิ่นเปลี่ยนทิศทางของเขาและไม่ได้เดินเข้าไปใกล้กับแสงสีฟ้าอีก

" ผลึกดาวสีคราม " เปลวเหมันเยือกแข็งก็ส่งข้อความออกมา " มันเป็นหนึ่งในสมบัติพิเศษที่สามารถต่อต้านเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน ผลึกดาวสีครามนับได้ว่าเป็น ผลึกลึกลับที่มาจากดาวเคราะห์สีฟ้าที่อยู่ในอวกาศ ม่านแสงสีฟ้าจากดวงดาวสวรรค์สามารถต้านทานพลังได้ทุกประเภท แม้จะเป็นเปลวไฟของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน มันไม่สามารถทำลายแสงสีฟ้าดวงดาวสวรรค์นี่ได้ ถ้าเจ้าสามารถเข้าไปอยู่ในม่านแสงนั่นได้ ด้วยสภาพของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานตอนนี้ เจ้าจะปลอดภัยแน่นอน .

ข้าเตรียมผลึกนี้มาเพื่อจัดการกับเผ่าเสียงอสูร ข้าไม่คิดเลยว่าจะต้องมาใช้มันตอนนี้ " ตี่ฉาน ลูบไปที่ ผลึกและถ่ายทอดพลังของเขาลงไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดแสงมหัศจรรย์จากภายใน " ผลึกดาวสีคราม คือวัตถุที่ใช้แล้วสูญสลาย พลังของมันมีจำกัด เมื่อใช้ประนานๆ มันก็ยิ่งกินพลังมาก . ข้าไม่แน่ใจว่าข้าจะใช้ผลึกดาวสีครามได้อีกนานเท่าใด . . . . . . . "

" เราสามารถใช้ เพื่อเข้าไปที่ตรงนั้นได้หรือไม่ ? ถ้าแม้แต่เปลวไฟของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานไม่สามารถทำอะไรเราได้แล้วหละก็ ตราบใดที่เราสามารถเราสามารถสร้างม่านแสงนี่ได้นานพอ เราก็จะเข้าไปใกล้ๆมันและหลบหนีออกมาได้ เจ้าคิดเช่นไร ? " ยู่โหลวแนะนำ

ตี่ฉานพยักหน้าหลังจากพิจารณาสักพัก เขาไม่ได้พูดอะไร และก้าวไปยังกระสวยแยกนภาที่ลอยอยู่นความมืด

ตั่วหลงและอีกสามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรก็แสดงความประหลาดใจออกมา พวกเขาต้องการเดินไปกับ ตี่ฉาน และยูโร่ว แต่พวกเขาก็ยังกลัว พวกเขายืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าสับสน

" เจ้าจะไปด้วยก็ได้นะ ถ้าเจ้าซ่อนอยุ่ในม่านแสงผลึกดาวสีคราม , เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานจะไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ ใครจะรู้ , บางทีเจ้าอาจจะกำหราบมันได้ก็เป้นได้ ? " เปลวเหมันเยือกแข็งพูดกับฉื่อหยาน

" อะไรนะ ? " สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ". มันเป็นไปได้งั้นรึที่จะกำหราบเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน มันจะเป็นไปได้ยังไง ? "

" ไม่รู้สิ แต่แหวนชั่วร้ายของเจ้ามันอาจจะทำได้ " เปลวเหมันเยือกแข็งก็พูดต่อ "แกนเพลิงและข้าต่างก็เป็นเปลวไฟนภาและอาศัยอยู่ในแหวนนี่ ถ้าไม่ใช่เพราะจิตสำนึกของแหวนนี่ปล่อยวาง , พลังของข้าก็ไม่สามารถแม้แต่จะเล็ดลอดออกมาได้ ถ้าแหวนวงนี้สามารถควบคุมเราทั้งคู่ได้ มันก็แข็งแกร่งพอที่จะสามารถกำหราบเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้เช่นกัน ตราบใดที่วิญญานของเจ้าไม่ถูกทำลาย เจ้าก็มีโอกาส "

"จริงด้วย" ฉื่อหยานรู้สึกตื่นเต้น จู่ๆ เขาก็เดินไปที่ตี่ฉานและยู่โหลวอย่างรวดเร็ว

ตี่ฉานที่เดินนำอยู่ก็หยุดทันที เขาหันศีรษะของเขามองฉื่อหยาน และตะโกนด้วยใบหน้าที่เย็นชา" แล้วเจ้ามาทำอะไรตรงนี้ ?

" ข้าสามารถช่วยทาสนได้ " .

" อะไร ? "

" เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานนั้นอันตรายมากๆ ถึงแม้ว่าท่านจะมีผนึกดาวสีคราม ท่านก็ยังหวาดกลัวเปลวไฟของมัน หึ ข้าคิดว่า ข้ามีวิธีที่จะจัดการกับมัน ถ้าท่านช่วยให้ข้าเข้าไปได้ เมื่อเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานปรากฏตัวขึ้น และสร้างปัญหา บางทีข้าอาจจะสามารถกำหราบมันได้ ! "

"เจ้าสามารถควบคุมมันได้งั้นรึ ? "

" ผมไม่สามารถรับประกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ข้าก็มั่นใจเรื่องนี้มาก เราต้องพยายามดู แล้วมาดูกันว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ " ฉื่อหยาน ก็พูดออกไปตรงๆ " ตอนนี้ข้ามีเปลวไฟนภาสองดวงอยู่ในมือ เพราะข้าสามารถกำหราบเปลวไฟนภาที่งสองได้ ข้าจึงพอมีประสบการณ์ในการรับมือกับเปลวไฟเหล่านี้อยู่บ้าง ท่านต้องเชื่อข้า . . . . . . . "

" อะไรนะ ? " หกผู้นำก็อุทานออกมาพร้อมกัน พวกเขามองไปที่ฉื่อหยานราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาด

ยูโร่วเอามือคลุมไปที่ปากของนาง ดวงตาคู่สวยของนางตกตะลึง นางพูดด้วยความสงสัย " เจ้าบอกว่า เจ้ามีเปลวไฟนภาสองดวงงั้นรึ ? เจ้าไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ย ? "

ลมหายใจ ตี่ฉาน ก็กลายเป้นหนักอึ้ง ตาของเขาม้วนลง

ฉื่อหยานพยักหน้าและตอบอย่างใจเย็น " ถูกต้อง นอกจากแกรเพลิงแล้ว อีกหนึ่งก็คือ เปลวเหมันเยือกแข็ง ดู "

ในขณะนั้นเอง พลังความเย็นของเปลวเหมันเยือกแข็งก็แผ่ออกมาร่างกายของ ฉื่อหยาน และปกคลุมร่างกายของเขาให้กลายเป็นน้ำแข็งก้อนใหญ่โปร่งใสซึ่งส่องแสงประกายออกมา

6 ผู้นำก็ตกตะลึงพร้อมกับดวงตาและปากของเขาเปิดกว้าง

ตี่ฉานเองมีปฏิกิริยา หลังจากนั้น เขาก็โบกมือให้ฉื่อหยาน และกล่าวว่า " เจ้าสามารถมากับเราได้ . . . . . . . "

ในขณะที่พูด ตี่ฉาน ก็ส่งพลังเข้าไปยังผลึกดาวสีครามมากขึ้น และ ลำแสงจากภายในของผลึกดาวสีครามก็ส่องแสงออกมามากขึ้น แสงเหล่านี้ดูเหมือนจะค่อยๆ ครอบคลุมและสร้างเป็นม่านแสงรอบๆร่างมนุษย์

" ขอบคุณ " .

ฉื่อหยาน ก็มุ่งมั่นมาก เขาถอนพลังของเปลวเหมันเยือกแข็งกลับไป ทันทีเขาก็เข้าไปยังม่านแสงสีฟ้าและไปยืนอยู่ใกล้ๆกับยู่โหลว เมื่อยืนอยู่ในแสงสีฟ้า ฉื่อหยานรู้สึกเหมือนถูกแช่อยู่ในมหาสมุทร มันเป็นความรู้สึกที่สบายเป็นอย่างมาก

" ไปกันเถอะ " ตี่ฉานรอฉื่อหยาน ก้าวเข้ามาทั้งตัว ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้า เขาไม่อยากจะเสียเวลานัก เพราะเขาต้องใช้พลังจำนวนมากถ่ายทอดเข้าไปในผลึกดาวสีคราม

อีกสี่คน ตั่วหลง อีเทียนโหมว หยาเมิง และ คาป้าก็ได้แต่จ้องไปที่อีกสามคนกำลังเข้าไปยังพื้นที่ที่มืดมิด ดวงจาของพวกเขาส่องประกายออกมาด้วยความโลภ พวกเขาเองก็สนใจสิ่งที่เรียกว่า " กระสวยแยกนภา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขารู้ถึงเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานดี พวกเขาจึงได้แต่มองจากที่ไกลๆ

จนคนทั้งสามรวมถึงตี่ฉานหายไปในความมืด พวกเขาทั้งสี่จึงรวมตัวกันอยู่เงียบๆ และพูดคุยกัน

พวกเขาทั้งสาม ตี่ฉาน ยูโร่ว ฉื่อหยาน , เดินต่อไป ต่อไป ในที่มืด ระยะห่างระหว่างพวกเขาและกระสวยแยกนภาก็สั้นลงเรื่อยๆ เส้นแสงบางสายกลายเป็นมองเห็นได้ชัด เมื่อพวกเขาทั้งสามเห็นกระสวยแยกนภาลอย รัศมีเจิดจ้าพลันเปล่งประกายออกมาในความมืด มิอาจรู้ได้ว่ามันมาจากไหน

ก้อนหินขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ในด้านหน้าดวงตาพวกเขาทั้งสาม

แท่นหินนั้น มีรูปทรงแปดเหลี่ยม และดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาจากหินลาวาสีดำที่แปลกประหลาด มันมีพื้นที่ใหญ่เท่ากับครึ่งสนามบาสเกตบอล . มีผลึกก้อนสีขาวเป็นประกายใหญ่พอๆกับอ่างล้างหน้าวางอยู่ที่ศูนย์กลางของแท่นหิน ภายในก้อนผลึกนี้ มีเปลวไฟสีเงินลุกโหมอยู่

แสงสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ก็สาดลงมาที่รูปทรงแปดเหลี่ยมซึ่งกลายเป็นเหมือนกับสะพานที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้าและพื้นดินเหนือภูเขาเสียงอสูร แสงสวรรค์ปกคลุมหินและสร้างเป็นม่านพลังปิดผนึกไปยังผลึกที่มีเปลวไฟสีเงินลุกโหมอยู่ภายใน

กลิ่นอายพลังหยินหนาทึบที่อยู่ระหว่างท้องฟ้าและพื้นดินก็ไหลทะลักออกจากภูเขาเสียงอสูรราวกับว่าพวกมันพึ่งพบทางออก พวกมันไหลไปยังแท่นหินิย่างรวดเร็ว และเข้าไปยังผลึกที่มีไฟลุกโชนอย่างรวดเร็ว ทำให้เปลวไฟลุกโหมมากขึ้น และพลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

สัตว์อสูรซอมบี้สี่ตัวที่หนีออกมาจากทะเลเพลิงที่ถูกสร้างขึ้นโดยแกนเพลิงก็หลบซ่อนอยู่หลังแท่นหินใหญ่ สายตาของพวกมันจ้องมายังผู้บุกรุกด้วยแววตาที่ดุร้าย

กระสวยลอยคว้างอยู่เหมือนกับแขนของก้อนหินขนาดใหญ่ เส้นแสงสีเงินทั้งสามที่แยกออกไปก็เชื่อมต่อกับผลึก ทำให้กระสวยสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เส้นแสงสีเงินสามเส้นยังคงพันเกี่ยวอย่างเหนียวแน่นจนมันไม่สามารถออกมาจากแท่นหินใหญ่ได้

" ดี ! วิญญาณของเจ้าจะช่วยให้เราออกไปจากที่นี่ " จิตสำนึกที่ไม่ชัดเจนก็ถูกส่งออกมาจากภายในก้อนหิน เปลวไฟสีเงินที่อยู่ในผลึกก็หดตัวลงและกลายเป็นใบหน้าที่ไม่ชัดเจน . หลังจากได้รับกลิ่นอายพลังหยินใบหน้าก็กลายเป็นชัดเจนขึ้น

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด