ตอนที่แล้วบทที่ 265 ดูข้า !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 267 เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน

บทที่ 266 ทำลายผนึก


บทที่ 266 ทำลายผนึก

เปลวไฟลอยออกมาจากมือของฉื่อหยานข้างหนึ่ง และลอยเข้าไปในถ้ำที่อยู่ตรงหน้าเขา

หลังจากที่มันลอยเข้าไป ผนึกที่อยู่ทางปากทางเข้าถ้ำก็ถูกเผาไหม้โดยเปลวสวรรค์ และไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ในที่สุดก็เกิดเป็นช่องโหว่เล็กๆขึ้น

ทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ฉื่อหยาน ดวงตาก็สว่างขึ้น เหมือนกับว่าเขาเห็นแสงส่องออกมาผ่านรูเล็กๆ เขายังคงพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อปล่อยเปลวไฟนภาเข้าไปในช่องโหว่นั่น

หลังจากเปลวไฟได้เข้าผ่านรูโหว่นั่นไป พวกเขามันก็กัดเซาะม่านพลังหน้าถ้ำอีกเล็กน้อย และช่องโหว่ก็ขยายใหญ่ขึ้น ตี่ฉาน ยู่โหลวและผู้นำอื่น ๆของทั้งสองเผ่าต่างก็แสดงออกมาอย่างมีความสุข

เห็นได้ชัดว่ามันกำลังถูกทำลาย และช่องโหว่ก็ดูเหมือนจะกว้างพอที่จะให้พวกเขาเดินเข้าไป

ประกายความคิดบางอบ่างแวบผ่านตี่ฉาน . . เขาครุ่นคิดสักพักก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ ฉื่อหยาน

ตั่วหลง และคนอื่น ๆเองก็เดินตามหลังมาโดยไม่ลังเล พวกเขาทั้งหมดยืนรวมกันอยู่ห่างจากฉื่อหยาน 30 เมตร และเอาแต่จ้องไปที่เขาจุดเดียว

ถ้าพวกเขาไม่ได้เข้าไปยังภูเขาเสียงอสูร สายฟ้าจากท้องฟ้าเหนือยก็จะไม่โจมตีพวกเขา

ผนึกอัศจรรย์ที่อยู่บนท้องฟ้าดูเหมือนจะมีจิตสำนึกเป็นของตัวเอง มันมีหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่มีนักรบระดับสูงของทั้งสองเผ่าพันธุ์คนใดที่สามารถเข้าไปในภูเขาเสียงอสูร ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปเพียงก้าวเดียวผนึกก็จะทำงานทันทีและ ,สายฟ้าที่รุนแรงก็จะผ่าลงมา

" รอสักครู่ เมื่อถ้ำทางเข้าขยายมากพอ เราจะเข้าไปทันที " ตี่ฉานหันกลับมา , เหลือบมองไปยังผู้นำอีกห้าคนและกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าหมอง " ทุกคนต้องระวังให้ดี แน่นอนว่ามีมิติอีกแห่งอยู่ที่นั่น มันอาจจะเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นก็ได้ อย่าได้ประมาท"

ผู้นำทั้งห้าก็พยักหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเข้าใจ

จากระยะ 30 เมตร ,6 ผู้นำของทั้งสองเผ่าพันธุ์ก็จ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของ ฉื่อหยาน ด้วยแววตาที่จริงจังและพร้อมจะเข้าไปทุกเมื่อ

เหงื่อบนหน้าผากของ ฉื่อหยาน ก็หยดลง ; เสื้อผ้าบนหลังของเขาก็เปียก มันคือผลของการใช้พลังมากเกินไป

ร่างกายของเขาถูกกลั่นด้วยเปลวไฟนภามาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้น เส้นเลือดและเลือดของเขาได้ถูกปรับให้เข้ากับพลังไฟของแกนเพลิงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม พลังไฟเผาไหม้กระจายออกมาจากแหวนสายโลหิตตอนนี้ ร้อนกว่าครั้งก่อนหน้าเป็นอย่างมาก ความร้อนแผดจ้าของเปลวไฟจากแกนเพลิงนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์แล้ว มันจึงแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า จนถึงตอนนี้ ฉื่อหยาน ก็ได้รู้ว่าเปลวไฟของแกนเพลิงก่อนหน้านี้ไม่อาจนับได้ว่าเป็นเปลวไฟนภา , มันเป็นเพียงแค่เปลวไฟปฐพีซึ่งไม่อาจเทียบได้กับเปลวไฟในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นแกนเพลิงหลังจากดูดซับพลังของตะวันกลั่นวิญญาน ไม่เพียง แต่มันจะสามารถสร้างจิตสำนึกได้อย่างสมบูร์และแต่พลังไฟในการเผาไหม่ของมันเองก็ได้รับการเพิ่มระดับขึ้นด้วยเช่นกัน

แกนเพลิงได้เปลี่ยนไปเทียบเท่ากับเปลวเหมันเยือกแข็ง ซึ่งพลังของมันทั้งสองสามารถสั่นสะท้านได้ทั่วทั้งปฐพี

เมื่อพลังไฟของแกนเพลิงพัฒนาขึ้น พลังของมันก็แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม ฉื่อหยานแทบจะไม่มีแรงยืน เมื่อเขาส่งพลังปราณลึกลับหลอมรวมกับพลังไฟ มันกินพลังของเขา รวมทั้งจิตสำนึกวิญญานของเขาเป็นอย่างมาก

ความร้อนของเปลวไฟนภาทำให้เหงื่อของเขาละเหยอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีมันก็ไหลออกมาอีกครั้ง

ถึงแม้ว่าร่างกายของฉื่อหยาน จะรู้สึกกดดัน เขาก็ยังพยายามที่จะควบคุมห้วงจิตสำนึกขงเขา และปลดปล่อยจิตสำนึกวิญญานออกไป เขาควบคุมพลังปราณลึกลับของเขาและให้มันไหลลงบนฝ่ามือของเขา ประกอบกับมีเปลวไฟนภา มันจึ้งเกิดเป็นเปลวไฟนภาที่มีพลังรุนแรง

" ฟู่ "

เปลวไฟนภาก็ลุกโหมขึ้น มันค่อยๆขยายขึ้นตรงหน้าเขา และกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่เท่ากับหัวของมนุษย์

สีหน้าฉื่อหยานก็เปลี่ยนเป็นพอใจ แต่เขาไม่กล้าที่จะปล่อยวาง เขายังคงปล่อยพลังปราณลึกลับภายในร่างกายของเขา เข้าไปยังลูกไฟที่อยู่บนมือของเขา และซัดลูกไฟเข้าไปยังถ้ำ

เปลวไฟนภาลุกโชติช่วงกระหน่ำอยู่ในมือเขา มันเป็นเหมือนกับอสรพิษเพลิงที่พันไปรอบๆนิ้วของเขา , มันม้วนไปมาและแลบลิ้นออกมา อย่างน่าอัศจรรย์ ภายในเปลวไฟสีแดงที่สดใสก็ปรากฏเป็นสีม่วงออกมา มันเป็นสีแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นจากการหลอมรวม เปลวไฟนภา จิตสำนึกวิญญาน และ พลังปราณลึกลับของเขาเข้าด้วย

ฉื่อหยานเหยียดมือของเขาออกไปที่ช่องโหว่ และซัดพลังไฟที่รุนแรงของเปลวไฟนภาออกไปจากมือทั้งสองข้างของเขาและช่องโหวก็ค่อยๆแยกออกจากกัน

มากขึ้นเรื่อยๆ เปลวไฟนภาก็ลอยออกไปจากหลังมือและฝ่ามือของเขา แกนเพลิงรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ฉื่อหยานจะทำมันก็ส่งพลังไฟที่แข็งแกร่งออกมามากขึ้นเพื่อสนับสนุนฉื่อหยานให้ทำลายช่องโหวนั่น

" กรุบ " .

เสียงกรุบก็ดังขึ้นมาจากถ้ำ มือของฉื่อหยานก็ดึงและฉีกกระฉากหลุมซึ้งตอนแรกมันมีขนาดเพียงเท่ากับหัวของมนุษย์ แต่ตอนนี้ช่องโหว่ได้มีขนาดใหญ่มากพอที่มนุษย์ผู้ใหญ่สามารถเดินเข้าไปได้

" ไป ! " ตี่ฉานตะโกนออกมาพน้อมกับปีกสีดำของเขาก็กระพืออย่างเร่งรีบ เขากลายเป็นเหมือนกับประกายสายฟ้าและหายไปทันที

ฉื่อหยาน ก็งง สักพัก ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตี่ฉานก็ได้ผ่านเข้าไปในผนึกและเข้าไปในภูเขาแล้ว

ไม่ไกลจากตรงนั้น หลังจากได้เห็นการกระทำของตี่ฉาน ยู่โหลว และ อีเทียนโหมวก็กลายเป็นประกายแสงและเคลื่อนไหวเข้าไปภายในภูเขาเสียงอสูรทันทีด้วยความรวดเร็ว

ที่ตีนภูเขาเสียงอสูรของคนจากเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีกก็เริ่มส่งเสียงเชียร์ และปรบมือ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกปิติยินดี ไม่นาน พวกเขาแต่ละคนก็เริ่มดื่มฉลองกัน นักรบระดับสูงไม่กี่คนก็บินขึ้นไปและมุ่งไปทางฉื่อหยาน ณ เวลานี้ เสียงร่าเริงสะท้อนไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง

หลังจากมึนงง ฉื่อหยานก็เห็นนักรบสิบสองคนเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ พวกเขากำลังจะกระโดดเข้าไปในถ้ำท

" ตูม ตูม ตูม "

แผ่นดินสั่นสะท้าน เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นมาจากส่วนลึกภายในกาย ประกายสายฟ้าที่น่ากลัวครอบคลุมไปทั่วภูเขาเสียงอสูร ฉับพลันบรรยากาศรอบๆก็กลายเป็นหนักอึ้ง

ขณะเดียวกันภูเขาเสียงอสูรก็ถูกปกคลุมเส้นสายประกายสายฟ้าหนาแน่น อย่างรวดเร็วจากฟากฟ้าผ่า ส่ายฟ้าก็ผ่าลงมา

เสียงกรีดร้องอย่างโอดครวญที่เหมือนสัตว์อสูรและภูติผีก็ดังขึ้น " เสียงที่ดังขึ้นเจาะเข้าไปในหูของแต่ละคน

อย่างต่อเนื่องสายฟ้าก็ผ่าลงมายัง ร่างของคนจากเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีก นักรบระดับสูงเหล่านั้นก็กลายเป็นไหม้เกรียมและตกลงมา หลังจากนั้นไม่นานร่างของพวกเขาก็โซเซอยู่กลางอากาศ ต่อมาร่างกายของพวกเขาก็ระเบิดออกจากกันก่อนที่พวกเขาจะถึงพื้น เลือดและเนื้อของพวกเขากระจายไปทั่ว

นักรบทั้งสิบสองของของสองเผ่าพันธุ์ก็ตกตายโดยไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก

เหล่าชาวเผ่าทั้งหมดที่ยืนอยู่ทุกหนทุกแห่งรอบภูเขาเสียงอสูร สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หลังจากเห็นฉากที่น่าสยดสยองและการตายที่โหดเหี้ยว เสียงเชีร์ยก็เงียบลงทันที

ไม่มีใครเคยคาดคิดเลยว่า นักรบทั้งสิบสองคนที่อยู่ในระดับนภาจะตายอย่างง่ายดายเช่นนี้ ไม่มีสัญญาณหรือเวลาให้เตรียมแม้แต่นาทีเดียว ทันที พวกเขาก็ตกตายด้วยสภาพเช่นนั้น

เหล่าผู้คนจากทั้งสองเผ่าที่ตาลอยมองดูเนื้อหนังและกระดูกก็ล้ม ทุกคนหยุดการกระทำทุกอย่างทันที

นักรบบางคนก็กลายเป็นอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะเข้าไปยังถ้ำ อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็รีบหยุด และไม่กล้ามาเข้าใกล้ภูเขาเสียงอสูร

ฉื่อหยานสีหน้าก็เปลี่ยนไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตระหนักได้ว่า ขณะที่เขาอยู่ในอาการสับสน ช่องโหวที่ถูกฉีกขาดก็เริ่มสมานกัน

หลังจากเขาขมวดคิ้วด้วยความลังเลเล็กน้อย เขาก็ตัดสินใจกระโดดเข้าไปในข่องโหวและ เข้าสู่ภายในภูเขาเสียงอสูร

" หวีดดดดดดดดด หวีดดดดดดด หวีดดดดดดด " .

เสียงคำรามของสัตว์อสูรเสียงก็ดังเจาะเข้ามาที่แก้วหู ทันทีพวกมันก็ก้าวเข้าไปในภูเขาเสียงอสูร

เสียงคำรามของสัตว์อสูรเสียง ดังยิ่งกว่าเสียงสายฟ้าฟาดจากด้านนอก ในขณะที่โลกสั่นสะเทือน เสียงเหล่านั้นก็ดังขึ้นมา ผู้นำทั้งหก ตี่ฉาน และอีกห้าผู้นำก็เข้ามาลึกขึ้นเลื่อยๆ พวกเขายืนอยู่ที่ศูนย์กลางภูเขาด้วยความรู้สึกยินดี ยู่โหลวเป็นคนที่อยู่ท้ายแถว

เมื่อเห็นว่าผู้นำทั้งห้าคนมาแล้ว จักพรรดิ์นีของตระกูลปีกเขาที่มีรูปร่างที่ทรงเสน่ห์ก็มองไปที่ฉื่อหยานจากระยะไกลแล้วพูดเบา " เราจะเข้าไปด้วยกัน "

ฉื่อหยาน ก็สะดุ้ง เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า " ไม่ใช่ว่าท่านจะให้ข้าเฝ้าและเปิดช่องโหวนี่ไว้หลอกรึ ? "

ยู่โหลวเผยรอยยิ้มบางๆ และเบาๆ ส่ายหน้า " ถ้าเจ้าสามารถทำลายมันได้ครั้งหนึ่งแล้ว เจ้าก็ต้องสามารถทำลายได้อีก จนกว่าเราจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดในภูเขาได้จากนั้นพอเรากลับมาเจ้าก็ต้องทำลายมันอีกครั้ง  ด้วยสายฟ้าที่ผ่าอยู่รอบๆภูเขา ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้อีก มันจะเป็นการเสียเปล่าถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ เราไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดในนั้น กว่าเราจะสามารถแก้ไขปัญหาที่อยู่ข้างในได้ ถ้าเจ้าพลังหมดเสียก่อน เราก็ติดอยู่ภานในหนะสิ "

ฉื่อหยานพยักหน้าและหยุดโจมตีไปที่ผนึกจากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้กับยู่โหลว

" ฉื่อหยาน . . . . . . . " ยู่โหลวก็ลดเสียงของนาง ตอนที่เขามาอยู่ข้างๆ นาง

"เกิดอะไรขึ้น ?" ฉื่อหยานถามด้วยเสียงเบาๆ ; ความสงสัยปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา

" ระวังตัวด้วย "

ยู่โหลวค่อยๆพูดขึ้นหลังจากลังเล " เจ้าห้ามออกห่างจากข้าเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดใด ๆ นอกจากนี้เจ้าจะต้องระวังตั่วหลงและอีกผู้นำทั้งสามจากเผ่าเสียงอสูรให้ดี บางทีเป้าหมายของพวกเขาอาจจะเป็นเจ้าก็ได้ . . . . . . . "

ฉื่อหยานขมวดคิ้วแล้วพูดว่า " พวกเขาไม่ต้องการให้ข้าทำลายผนึกให้แล้วงั้นรึ ?

" มันก็พูดยาก . . . . . . . " ยู่โหลวสีหน้าก็จริงจัง " เจ้าอาจจะรู้อยู่แล้ว เมื่อเสียงฟ้าร้องและมีสายฟ้าฟาดอยู่นอกภูเขา ผนึกที่อยู่ในภูเขาเสียงอสูรก็จะอ่อนแอลง ถ้าเราสามารถมาถึงตรงนี้ได้ นั่นก็หมายถึง ผนึกไม่ได้มีความแข็งแกร่งอีกต่อไป หลังจากที่เราแก้ไขปัญหาภายในของภูเขาได้แล้ว การบังคับกดขี่ของผนึกนี่ก็คงไม่มีอีกต่อไป เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าก็ไม่จำเป็นอีก . . . . . . . "

สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนไป เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น หลังจากคิดสักพัก " ข้าเข้าใจแล้ว"

" ข้าจะทำตามสัญญา ตราบใดที่เจ้าทำลายผนึกได้ ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื้อที่จะปกป้องคุณ ข้าจะทำตามคำพูด " .

ยู่โหลวอยู่ภายในถ้ำมืด ทึบ สายตาของนางส่องประกายออกมา

" ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด แต่ถ้ามันไม่เกิดขึ้นอย่างที่ข้าคิด ข้าก็ต้องขอโทษด้วย . . . . . . . "

ฉื่อหยานก็รู้สึกอบอุ่น แม้ว่าเขาอยู่ในถ้ำที่หนาวเย็นและมืดมิด เขาก็กล้าหาญวางมือของเขาลงบนปีกของยู่โหลวและ กล่าวว่า " ยังไงข้าก็ขอขอบคุณท่านมากนะ”

ทันใดนั้น ร่างของจักพรรดิ์นีปีกขาวก็สั่นสะท้าน ในขณะที่ใบหน้าที่ทรงเสน่ห์ของนางกลายเป็นสีแดง . ดวงตาคู่สวยของนางได้คิดบางอบ่างในขณะที่ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย .

" หื้อ... " ฉื่อหยานถามด้วยความประหลาดใจ " ท่านเป็นไรหรือไม่ ?

" เจ้าโรคจิต ! " ยู่โหลวก็มองไปที่เขาอย่างดุร้าย แต่นางก็ไม่ได้ต่อต้าน นางนั้นงดงามและสวยงามเป็นอย่างมากไม่ว่าใครพบเห็นก็ตองหลงใหล ไม่แปลกใจทำไมเขาถึงได้ล่วงเกินนาง

นางขบฟันแน่น และนางก็พูดดุ " เจ้าไม่รู้หลอกรึว่าส่วนปีกของหญิงสาวเผ่าปีกนั้นอ่อนไหวกว่าหน้าอกเสียอีกและยังเป็นพื้นที่สงวนด้วย ? เราไม่อนุญาตให้ให้ใครที่เป็นเพศตรงข้ามกับเรามาจับเด็ดขาด .

" โอ้.. ข้าไม่รู้เลยนะเนี่ย " ฉื่อหยานดูตกใจเขาส่ายหัวอย่างไร้เดียงสา

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด