ตอนที่แล้วบทที่ 264 การข่มขู่จากสวรรค์ด้วยพลังที่น่ากลัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 266 ทำลายผนึก

บทที่ 265 ดูข้า !


บทที่ 265  ดูข้า !

ประกายแสงจากสวรรค์ค่อยๆสาดลงมา กินพื้นที่เป็นวงกว้าและเผาสัตว์อสูรเสียงให้เป็นเถ้าถ่าน และมันก็ตัดผ่านก้อนหินยักษ์โบราณที่อยู่บนยอดภูเขาเสียงอสูร

นั่นคือความพิโรธของสวรรค์

ลึกๆเข้าไปในท้องฟ้าที่มีสายฟ้าฟาด แสงจากสวรรค์ก็เริ่มเคลื่อนไหว .

ความพิโรธของสวรรค์ที่โจมตีลงมาทำให้ทุกคนทั้งเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปักและสัตว์อสูรเสียงทั้งหมดที่อยู่บนภูเขารู้สึกหวาดกลัว

ตี่ฉาน ยู่โหลว อีเทียนโหมว แม้แต่ฉื่อหยาน ทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าที่กดดัน พวกเขามองไปยังการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า และไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำใดออกมา

" นี่เป็นการลงทัณฑ์ที่โหดเหี้ยมนัก ทุกๆ หนึ่งหมื่นปี เมื่อใดก็ตามที่ทั้งนักรบของทั้งสองเผ่าพันธุ์อยู่ในระดับพระเจ้าแท้จริง แสงสวรรค์ก็จะพุ่งลงมาตากฟากฟ้า โจมตีไปที่นักรบและเผ่าเป็นเถ้าถ่าน ; ทำลานชีวิตและวิญญานของนักรบคนนั้นไม่เหลือซาก . " ยู่โหลวมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสายตาไม่พอใจ " แสงสวรรค์นี้ที่ชั่วร้ายนี่ได้กักขังเราทั้งสองเผ่าพันธุ์มานานแล้วหลายปี”

ตี่ฉาน อีเทียนโหมวเองก็แสดงออกด้วยใบหน้าที่จริงจัง

ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขามองท้องฟ้าเหนือภูเขาเสีนงอสูรด้วยความรู้สึกที่เป็นทุกข์ เขารู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวซึ่งมีพลังที่สามารถทำลายได้แม้กระทั่ง ท้องฟ้าและแผ่นดิน เขาเองก็ยังไม่กล้าที่จะจิตสำนึกของเขาออกสังเกตุรอบๆ

เขารู้สึกว่าหากเขาปล่อยจิตสำนึกของเขาออกไป จิตสำนึกของเขาจะต้องถูกทำลายก่อนก็จะได้สัมพัสถึงสิ่งที่อยู่บนฟ้าเสียอีก

ภายในสถานที่ตรงนั้น มีพลังที่สามารถบดขยี้นักรบในระดับพระเจ้าได้อยู่ แล้วหากนักรบระดับปฐพีเช่นเขาต้องเผชิญหน้ากับมันหละก็ เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน

" เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าจะทำได้ ? " ตี่ฉานคิดสักพัก ดวงตาทั้งสองของเขาหลี่ลงและกลายเป็นเส้นตรงบนใบหน้าของเขา ดูเหมือนจะมีประกายแสงความคิดบางอย่างที่แว้บขึ้นภายในดวงตาของเขา

" ไม่ว่ายังไง เจ้าก็ต้องทำลายผนึกที่อยู่บนภูเขาเสียงอสูรให้ได้ มิฉะนั้นเมื่อพื้นที่ตรงนั้นถูกทำลาย ต่อให้เราไม่ทำอะไรเจ้า เจ้าก็ไม่อาจรอดไปจากหายนะนี่ได้อยู่ดี "

" ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าข้าไม่มั่นใจ ข้าคงไม่สงบเช่นนี้หลอก" ฉื่อหยานเผยรอยยิ้มบางๆ และพยักหน้าให้ยู่โหลว " พาข้าไปที่ถ้ำทางเข้าบนภูเขาเสียงอสูร แล้วพวกท่านจงดูข้าให้ดี .

" เจ้าแน่ใจนะ ? "

" แน่นอน ! "

จักพรรดิ์นีของตระกูลปีกขาวก็พยักหน้า มือขาวของนางคว้าไปที่ฉื่อหยาน และทันทีก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็เกิดเป็นแสงสีขาวขึ้น ต่อมาร่างของยู่โหลก็วปรากฏอยู่ที่ตีนเขาภูเขาเสียงอสูร

" ทุ่ม ทุ่ม ทุ่ม ."

เสียงระเบิดดังก้องสะท้อนไปทั่วท้องฟ้าที่มืดมน แต่ละเส้นสายประกายสายฟ้าผ่าลงมาจากท้องฟ้ามันมีขนาดใหญ่ราวกับมังกรทยาน และตรงมาที่ยู่โหลว

ตี่ฉาน อีเทียนโหมวก็ลอยขึ้นไปในอากาศ ขณะที่เขาเห็นสายฟ้าฟาดลงมา ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ทันที พวกเขาก็เตรียมพร้อมรับมือกับมัน

" ปัง "

เสียงคำรามของสายฟ้าดังขึ้นจากนั้นสายฟ้าก็ฟาดลงมาที่ด้านข้างของภูเขา บดละเอียดก้อนหินกลายเป็นผุยผง เมื่อสายฟ้าฟาดลงมาสัตว์อสูรเสียงบางตัวที่หลบหนีไม่ทัน พวกเขามันก็กลายเป็นควันและหายไปทันที

ยู่โหลวนางตอบสนองอย่างรวดเร็ว .ร่างของนางหายไปและไปปรากฏอยู่หน้าถ้ำทางเข้า ก่อนที่สายฟ้าจะได้ผ่าลงมาจากนั้นนางก็ปล่อยฉื่อหยานลง

" ตูม ตูม ตูม "

ที่ตรงนั้น , ก็เกิดพายุที่หนาแน่นและรุนแรงขึ้น ; สายฟ้าประกายขึ้นฉีกผ่านท้องฟ้า ประกายสายฟ้าที่สามารถทำลายได้ทุกอย่างก็ประกายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ

" ยู่โหลว สายฟ้าเหล่านั้นดูเหมือนจะเล็งไปที่ท่าน ท่านควรกลับมาได้แล้ว " อีเทียนโหมว ยกหัวขึ้นมองมาอย่างเงียบๆ สักพัก จู่ๆ เขาก็ตะโกนว่า " ท่านยังไม่ได้ก้าวสู่ระดับพระเต้าแท้จริง ดังนั้นแสงสวรรค์จึงไม่ลงทัณฑ์ท่าน อย่างไรก็ตาม อย่าประมาทพลังของสายฟ้านั่น ออกให้ห่างจากฉื่อหยานซะ เพราะถ้าท่านไม่ทำเช่นนั้น เขาก็จะโดนลูกหลงไปด้วย " เมื่อถูกเตือนโดย อีเทียนโหมว ยู่โหลวก็เข้าใจ นางไม่กล้าที่จะอยู่กับฉื่อหยานต่อ และนางก็เลือกออกมาจากภูเขาเสียงอสูร

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างที่บอบบางและทรงเสน่ห์ของนางก็ปรากฏขึ้นข้างๆ ตี่ฉาน และอีเทียนโหมว

เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าดูเหมือนจะมีความคิดเป็นของตัวเอง ในขณะที่ยู่โหลวหนีออกมา พวกมันยังคงไล่ตามนาง เหมือนกับมังการที่ตามไล่ล่านาง

เมื่อคนทั้งสาม ตี่ฉาน อีเทียนโหมว และ ยู่โหลวเห็นมังกรสายฟ้าประกายพุ่งมาด้านหน้า พวกเขาทุกคนก็เตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับมัน

ประกายแสงหลากสีอัดแน่นรวมกัน และรวมกันเป็นม่านพลัง แสงที่โดดเด่นส่องประกายไหลออกมาจากมือของพวกเขา ประทะเข้ากับมังกรสายฟ้าและเกิดการเบิดขึ้น จากนั้นก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ มันกลายเป็นเส้นสายเล็กๆเล็กมังกรสายฟ้าก็หายไป

" ผนึกที่ถูกสร้างขึ้นมีเป้าหมายที่เราทั้งสองเผ่าจริงๆสินะ "

ตี่ฉาน หลี่ตาลงและยกศีรษะมองท้องฟ้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ " ทุกครั้งที่เราเข้าใกล้กับภูเขาเสียงอสูร , ผนึกที่ถูกสร้างขึ้นนอกจะตอบโต้และโจมตีเราทันทีเราเพื่อป้องกันไม่ให้เราเข้าไป ในทางตรงกันข้าม ฉื่อหยานกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย "

อีเทียนโหมว ยู่โหลว ที่รู้สึกได้ถึงบางสิ่งก็สังเกตไปรอบ ๆ แล้วพวกเขาก็ได้รู้ว่า รอบๆตัวฉื่อหยานไม่มีสายฟ้าอยู่เลย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆเกิดขึ้นในบริเวณที่เขายืนอยู่ ประกายสายฟ้าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ขณะที่นางอยู่กับเขาเองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

" ในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์ เขาดูเหมือนจะไม่ถูกสายฟ้าฟาด . . . . . . . "

อีเทียนโหมวพยักหน้าและบอกว่า " ดูเหมือนว่า บรรดาสัตว์อสูรเสียงจะกลัวสายฟ้าที่โจมตีมาเป็นอย่างมาก  ไม่เพียงแต่เผ่าพันธุ์ของเราทั้งสอง แต่ สัตว์อสูรเสียงเองก็ด้วยสินะ.

" หึ ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเหตุใดสัตว์อสูรถึงได้ทำตัวแปลกๆเช่นนั้น.

ตี่ฉานพยักหน้า และว่า " ด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลย เหล่าสัตว์อสูรเสียงเหล่านั้นจะต้องรู้แน่ มิฉะนั้นสัตว์อสูรเสียงเหล่านั้นคงไม่แสดงพฤติกรรมแปลกๆเช่นนี้ สัตว์อสูรเสียงเหล่านั้นที่ถูกฆ่าโดยแสงสวรรค์ต่างก็มีระดับเจ็ดทั้งสิ้น พวกมันล้วนเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของสัตว์อสูรเสียง นี่มันช่างแปลกประหลาดเสียจริง . . . . . . . "

" อย่าไปสนใจพวกมัน รอจนกว่า ฉื่อหยานจะทำลายผนึกได้ จากนั้นเราจะเข้าไปในภูเขาเสียงอสูรและดูว่าเพราะอะไรสัตว์อสูรเสียงเหล่านั้นจึงได้แสดงพฤติกรรมที่แปลกประหลาดเช่นนี้ " ยู่โหลวพูดยิ้มบางๆ

ตี่ฉาน อีเทียนโหมวค่อยๆพยักหน้า ตาของเขาเต็มไปด้วยความหวัง พร้อมกับไปมองยังทิศทางฉื่อหยาน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

บนด้านข้างของภูเขา ฉื่อหยาน กลั้นหายใจ และนั่งสมาธิด้วยใบหน้าจริงจัง เค้าค่อยๆรวบรวมพลังและปลดปล่อยจิตสำนึกของเขาเพื่อติดต่อกับแกนเพลิงที่อยู่ด้านในแหวนสายโลหิต

" ตอนนี้ข้าต้องการพลังที่สามารถทำลายผนึกนี่ ! "

" ได้ ข้าวิวัฒนาการเสร็จสิ้นแล้ว พลังของข้าในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนเป็นอย่างมาก ข้าสามารถทำลายผนึกนี่ได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่ใช่เพราะจิตสำนึกของข้ายังอ่อนแออยู๋ เนื่องจากพึ่งวิวัฒนาการเสร็จสิ้น ข้าคงจะออกไปจากแหวนนี่แล้วทำลานผนึกนั่นด้วยตนเองแล้ว"

" จิตสำนึกของเจ้ายังไม่มั่นคงสินะ อีกอย่างที่นี่ยังมีนักรบจากเผ่าเสียงอสูรที่เชี่ยวชาญด้านวิญญานอยู่ ทันทีที่เจ้าออกจากแหวนสายโลหิต พวกเขาจะต้องลุกล้ำวิญญานของเจ้าแน่ พวกเขาต่างก็หวาดกลัวพลังของเจ้า แต่ตอนนี้ จิตสำนึกของเจ้ายังไม่หลอมรวมเข้ากับพลัง เจ้าอาจไม่สามารถรับมือกับการโจมตีทางวิญญานได้ เจ้าไม่ควรประมาท ก่อนที่จิตสำนึกของเจ้าและพลังไฟของเจ้าจะเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่าออกไปจากแหวนสายโลหิตเด็ดขาด”

" ได้เลย "

หลังจากที่ได้พูดคุยกับแกนเพลิง ฉื่อหยานก็ค่อยๆเหยียดมือของเขาออกไปที่ทางเข้าถ้ำที่อยู่ด้านหน้า

" ฟุบ "

เปลวไฟเล็ก ๆก็ปรากฏขึ้นจากปลายนิ้วของเขาอย่างริบหลี่ ราวกับว่ามันเป็นงู มันม้วนขึ้นมาบนฝ่ามือของเขา และเกิดเป็นลูกไฟบนมือของเขาด้วยความร้อนที่รุนแรง

วิญญานหลักในห้วงจิตสำนึกของเขา ค่อยๆเคลื่อนไหว . จิตสำนึกวิญญานจำนวนมากไหลทะลักออกมาจากห้วงจิตสำนึก และรวมเข้ากับลูกไฟเล็กที่อยู่บนมือของเขาและเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

แหวนสายโลหิตก็ส่องแสงประกายสีแดงที่เจิดจ้าออกมา จากนั้นก็มีเส้นสายเปลวไฟที่เป้นเหมือนงูเลื้อยออกมาจากแหวนของเขา

ทันทีที่งูไฟเลื้อยออกมา ฉื่อหยาน ก็ส่งจิตสำนึกวิญญานของเขาเข้าไป เมื่องูโอบรอบพันหลังมือและฝ่ามือของเขาแล้วพลังปราณลึกลับที่อย่างหนาแน่นก็ไหลออกมาและหลอมรวมเข้ากับงูไฟ

เปลวไฟที่ปรากฏจากมือของเขาก็เริ่มเผาไหม้ม่านพลังผนึกหน้าถ้ำ และเกิดเป็นม่านชั้นควันสีเทาของพลังหยินที่หนาแน่นกระจายออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ

สัตว์อสูรเสียงหลายตัวหดหัวกลับเข้าไป อยู่ภายในถ้ำ และจ้องมองมายังเปลวไฟนภาที่ลุกโชนอยุ่บนมือฉื่อหยาน พวกมันไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้ๆ

เวลาก็ผ่านไป มือทั้งสองข้างของฉื่อหยานก็กระดิกเนื่องจากประทะกับม่านผนึกมาอย่างยาวนาน

พลังไฟเผาไหม้ที่รุนแรงของแกนเพลิงที่อยู่ในแหวนสายโลหิตยังคงลอยออกมาและหลอมรวมเข้ากับจิตสำนึกวิญญานของเขา พลังปราณลึกลับของเขาหลอมรวมกับเปลวไฟนภาและกลายเป็นเปลวไฟที่รุนแรงซึ่งสามารถเผาทำลายได้ทุกสิ่ง และ ตอนนี้มันกำลังเผาผลาญม่านผนึกอยู่

ม่านผนึกที่มองไม่เห็นกำลังถูกเผาไหม้อย่างรุนแรงด้วยเปลวไฟที่ร้อนแรงและดูเหมือนมันกำลังพังทลายลงทีละเล็กทีละน้อย

ตอนนั้นเอง ม่านผนึกจากปากทางเข้าถ้ำอื่นก็ปรากฏขึ้นเพื่อสนับสนุนและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผนึกที่ฉื่อหยานรับมืออยู่ แต่พวกมันก็ไม่อาจต้านทานพลังการเผาไหม้ของเปลวไฟนภาได้ ผนึกกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ ม่านพลังป้องกันพลังที่ซ่อนอยู่ภายในกำลังค่อยๆถูกทำลายทีละน้อย

คาป้า ตั่วหลง และ หยาเมิง ก็มาถึงที่ภูเขาเสียงอสูร พวกเขายืนอยู่ด้วยกันกับผู้นำอีกสามคนได้แก่ ตี่ฉาน ยู่โหลว และ อีเทียนโหมว ทุกคนต่างจ้องไปที่ฉื่อหยานอย่างไร้ความกังขา

คนเผ่าปีก และคนเผ่าเสียงอสูรที่อยู่ภายใต้อำนาจของ คาป้า และหยาเมิง พวกเขาทั้งหมดต่างก็รวมกันอยู่ที่นี่  คนจากเผ่าปีกและเผ่าเสียงอสูรต่างก็ยื่นล้อมไปรอบๆภูเขาเสียงอสูรจากทุกทิศทาง

หลังจากที่รู้ว่าคนจากทั้งสองเผ่าพันธุ์ทั้งหมดรวมกันอยู่ที่นี่ สัตว์อสูรเสียงที่วิ่งออกมาจากภูเขาก็กลับเข้าไปในภูเขาเสียงอสูรด้วยความกลัวทันที พวกมันไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับทั้งสองเผ่า

สัตว์อสูรเสียงมากมายหลบซ่อนอยู่ด้านในของภูเขาเสียงอสูรอย่างหัวหดหลังจากเห็นว่าแสงสวรรค์จากฟากฟ้าได้ฆ่าผู้นำของพวกมัน

ซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำ สัตว์อสูรเสียงเหล่านี้ตื่นตระหนดเป็นอย่างมาก พวกมันอยากจะออกไปแต่ก็กลัวจะถูกทำร้ายด้วยฝีมือของเผ่าพันธุ์ทั้งสองคือเผ่าปีกและเผ่าเสียงอสูร พวกมันตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอย่างแท้จริง

ทุกคนทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างก็เข้าใจดีว่าเกิดสิ่งใดขึ้นภูเขาเสีนงอสูร ไม่งั้น เหล่าสัตว์อสูรเสียงคงไม่หวาดกลัว และรีบหนีเข้าออกทำเช่นนี้

เมื่อสัมพัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในภูเขาเสียงอสูร เหล่าชนเผ่าทั้งสองเหล่านี้ต่างก็ภาวนาให้ฉื่อหยานทำลายผนึกให้ได้เร็วๆ

หลังจากผู้นำทั้งหกของพวกเขาได้อธิบายให้พวกเขาฟัง เหล่าคนในเผ่าก็เข้าใจได้ทันทีว่า หายนะกำลังมาเยือน ถ้าพวกเขาไม่สามารถออกไปจากดินแดนแห่งนี้ได้ พวกเขาจะหายไปจากประวัติศาสตร์ของโลก

นั่นจึงทำให้ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว

" ฉาวเจี่ย เจ้าคิดว่าเราจะได้กลับไปยังทะเลไม่มีสิ้นสุดหรือไม่ ?" ภายในกรงหวาย ดวงตาคู่เล็กของกู่หลินหลงก็ส่องประกายด้วยความหวัง

" ไม่รู้สิ มาดูกันว่าเขาจะทำได้หรือไม่ " ฉาวจื่อหลาน ฝืนยิ้มอย่างน่าสังเวชและชี้ไปที่ฉื่อหยาน

" ถ้าข้าสามารถกลับไปยังทะเลไม่มีที่สิ้นสุดและฟื้นคืนพลังของข้าได้เมื่อไหร่ ข้าจะทรมานเขาให้เหมือนตายทั้งเป็น"กู่หลินหลงขบฟันของนางแน่นด้วยความไม่พอใจ

" หากปราศจากความช่วยเหลือจากตระกูล ความแข็งแกร่งของเราไม่สามารถเทียบกับเขาได้แน่นอน . " ฉาวจื่อหลาน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดออกมา " กษัตริย์หยางชิงตี้ คืออัจฉริยะที่แท้จริง เขานับได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่แทเจริง แม้ว่าตระกูลหยางจะพินาศ แต่หากชายคนนี้ยังไม่ตาย พวกเขาก็ยังคงกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง หึ. . . . . . . "

หลังจากที่พานโจว ซูหยานซิง และกู่หลินหลงฟังฉาวจื่อหลานพูด สีหน้าของพวกเขาทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความกลัว

พวกเขาต่างก็ยอมรับว่าคำพูดของฉาวจื่อหลายนั้นคือเรื่องจริง พวกเขาทั้งหมดต่างก็อยู่ในภายใต้ความหวาดกลัวต่อพลังที่ฉื่อหยานมี

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด