ตอนที่แล้วบทที่ 262 คิดเสียว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 264 การข่มขู่จากสวรรค์ด้วยพลังที่น่ากลัว

บทที่ 263 โหดเหี้ยม


บทที่ 263 โหดเหี้ยม

"เมื่อเร็วๆนี้เจ้าเด็กนั่นมันทำอะไร ? "ด้านบนของท้องฟ้าสูงเหนือป้อมโบราณ ตั่วหลงตระกูลปีกเทาถามขึ้นด้วยเสียงเย็นชาและสีหน้าที่ไม่มีความสุข

ยู่โหลว ตี่ฉานเองก็อยู่ที่เดียวกันกับตั่วหลง ทั้งคู่ขมวดคิ้วและกวาดดวงตามองไกลออกไป แต่ไม่ตอบเขา

หลังจากนั้นไม่นาน หยาเมิง คาป้า และ อีเทียนโหมว สามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรเองก็บินมาที่ป้อมปราการและพวกเขาก็ลงยืนด้วยสีหน้าแปลกๆ

ทั้งสามคนต่างก็มีระดับการบ่มเพาะที่พิเศษ พลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งและอัศจรรย์ พวกเขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เกรี้ยวกราด บนภูเขาเสียงอสูรในขณะที่พวกเขายังคงอยู่ในเมืองหินยักษ์โบราณ

ขณะนี้นักรบระดับสูงทั้งหกคนยืนอยู่ด้านบนของป้อมโบราณ มองไปทางภูเขาเสียงอสูรจากระยะไกล และด้วยร่างของพวกเขาที่สั่นสะท้าน

บนท้องฟ้าที่แหง่นั้น มันเหมือนกับถูกฉีกเป็นชิ้นๆ รอยแยกแตกดูเหมือนสามารถดูดและกลืนกินสิ่งมีชีวิตทุกอย่างเข้าไปได้ มีแสงส่องประกายหลากสีส่องออกมาจากรอยแยกเหล่านั้น

ลึกไปภายในท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและกลายเป็นปั่นป่วน มันมหาศาลมากพอที่จะทำลายท้องฟ้าและพื้นดินได้

ผู้นำทั้งหกมีความรู้สึกว่า หานยนะล่มสลายอาจเกิดขึ้นเวลาใด ๆ ที่ยอดภูเขาเสียงอสูร

เมื่อท้องฟ้าแยกออกจากกัน , พื้นดินทั้งหมดทันทีก็จะกลายเป็นสลายไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้จะชะล้างออก

พวกเขาทั้งหกเข้าใจดีว่ากำลังจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น

ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ แม้แต่สัตว์อสูรอสูรภายในภูเขาเสียงอสูรเองก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน และเริ่มที่จะกลายเป็นปั่นป่วน . พวกมันเริ่มที่พยายามเอาชีวิตรอดหนีออกมาจากภูเขาอย่างวุ่นวาย

" เราไม่มีเวลาแล้ว . . . . . . . " อีเทียนโหมวแววตากลายเป็นจริงจัง " อีกเดือนเดียว หากเรายังไม่สามารถหาทางออกไปจากที่นี่ ข้าคิดว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็ไม่สามารถรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้แน่”

พวกเขาทั้งหกคนยืนมองด้วยสีหน้าวิตก

" ตี่ฉาน ยู่โหลว พวกเจ้าได้ไปช่วยให้เจ้าเด็กบ้านั่นพัฒนาเร็วขึ้น ข้าได้ให้น้ำพุสวรรค์และมนุษย์หญิงสาวคนกับพวกเจ้าไปแล้ว มันเป็นเช่นไรบ้าง ? " ตั่วหลงถามด้วยน้ำที่เย็นชา " เพื่อเผ่าพันธุ์ทั้งสองของเราข้าจึงยับยั้งความโกรธไว้ และตกลงที่จะปล่อยมันไป แต่ถ้าไอ้เด็กบ้านี่ทำไม่ได้ ก่อนที่ข้าจะตาย ข้าจะเลาะเส้นเอ็นของมันออกมาจากร่าง และทรมานมันทุกวิถีทางที่ทำได้ "

ตี่ฉานกระแอมขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

" เขายังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน หลังจากนั้น เราก็พาเขาไปที่ภูเขาเสียงอสูร " จักพรรดิ์นีตระกูลปีกขาวพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม

" ไม่ต้องห่วง ฉื่อหยานนั้นได้เข้าสู่นภาที่สองของระดับปฐพีแล้ส เขามีความรู้และความสามารถในการควบคุมเปลวไฟนภาได้ถึงระดับที่สูงขึ้น ผ่านไปอีกเพียงครึ่งเดือน การบ่มเพาะของเขาก็จะมั่นคงขึ้น ถึงตอนนั้น เขาจะต้องมีความสามารถในการใช้พลังได้อย่างลึกซึ้งกว่าเก่าแน่ และนั่นคือเวลาที่เหมาะสมสำหรับเรา ที่จะเข้าไปที่ภูเขาเสียงอสูร”

อีเทียนโหมวมองไปที่ฉื่อหยานและส่งจิตสำนึกออกไป

อีเทียนโหมว ดวงตาสีขาวเทาของเขาก็ส่องประกายความประหลาดใจออกมา หลังจากสักครู่หรึ่ง ดูเหมือนเขาจะสัมพัสถึงบางอย่างได้

เกี่ยวกับวิญญาน ตี่ฉาน ตั่วหลง และ ยู่โหลว สามผู้นำของเผ่าปีกไม่สามารถเทียบได้กับเผ่าเสียงอสูร ดังนั้น พวกเขาจึงไม่รู้ว่าอีเทียนโหมวแอบทำอะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อ อีเทียนโหมวส่งจิตสำนึกของเขาออกไป ผู้นำอีกสองคนของเผ่าเสียงอสูร หยาเมิง และ คาป้า ก็สัมพัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง

" อีเกอ ท่านพบอะไรรึ ? "คาป้า รู้สึกได้ถึงวามแปลก เค้าจึงมองไปที่อีเทียนโหมวและถามขึ้น

อีเทียนโหมวค่อยๆพยักหน้า เมื่อสีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติ เขาก็กล่าวว่า " เจ้าเด็กบ้านี่ดูเหมือนจะไม่หยุดพักเลย ข้าบอกได้เลยว่าเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน . หลังจากเรียนรู้คัมภีร์ของเผ่าเสียงอวูร เขาก็ได้ทำลายผนึกวิญญานในร่างของมนุษย์เหล่านี้ที่หยาจี่ได้ฝังเอาไว้ แล้วเขาก็ได้ฝังเมล็ดผนึกวิญญานของเขาเข้าไปในวิญญานของนักรบเหล่านั้นแทน เขาถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง น่าตกใจยิ่งนัก"

" อะไรนะ ? " หยาเมิงสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขาร้องออกมาอย่างตกใจ " โดยไม่มีคำชี้แนะจากเรา เพียงแค่อาศัยตนเองในการเรียนรู้คัมภีร์เหล่านั้นเขากลับสามารถเรียนรู้วิธีปลูกฝังเมล็ดผลึกวิญญานไว้ในวิญญานคนอื่นได้อย่างนั้นรึ ? จริงรึที่้เขาสามารถทำลายผนึกวิญญานของลูกข้าได้ เขาทำได้อย่างไร ?

ตี่ฉาน ดวงตาเปล่งประกาย

" เจ้าก็ลองตรวจสอบด้วยตัวเองดู" อีเทียนโหมวก็ยิ้ม

หยาเมิงและ คาป้า ตอนนี้ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่ลังเลที่จะส่งจิตสำนึกของพวกเขาออกไปตรวจสอบว่าคำพูดของ อีเทียนโหมวนั่นถูกหรือเปล่า

หลังจากสิบนาที หยาเมิง คาป้า ทั้งคู่ก็แปลกใจและหันมามองหน้ากัน เขาขบฟันแน่นและพยักหน้าให้กับ ตี่ฉานและ ยู่โหลว

"หมายความว่ายังไง ? "ตั่วหลงถามด้วยใบหน้างุนงง " เจ้าจะบอกว่าเขาสามารถเข้าใจแก่นแท้คัมภีร์ทั้งเจ็ดของเผ่าเสียงอสูรได้งั้นรึ ? มันเป็นไปได้งั้นรึ ? มันจะเป็นประโยชน์ต่อการทำลายผนึกงั้นรึ หากเขาสามารถเข้าใจแก่นแท้ของคัมภีร์เหล่านั้นได้จริง ? ถ้ามันไม่ช่วยอะไรในการทำลายผนึก การที่เขาเรียนรู้และพยายามเข้าใจคัมภีร์เหล่านั้นก็นับว่าเป็นการเสียประโยชน์ "

อีเทียนโหมว มองไปที่ ตั่วหลงด้วยสายตาดูถูก และ พูดอย่างเยือกเย็น " เมื่อระดับวิญญานได้ก้าวสู่ระดับใหม่ ความสามารถในรู้ถึงสถานการณ์โดยรอบก็จะชัดเจนและกว้างมากขึ้น อำนาจในการใช้หรือควบคุมวิชาจะมีมากขึ้น และสภาพวิญญานของเขาก็จะมั่นคง เผ่เสียงอสูรและเผ่าปีกนั้นแตกต่างกันมาก สำหรับเรา การที่วิญญานก้าวหน้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และอาจจะทำให้เราสามารถทำสิ่งที่น่าอัศจรรย์ได้”

" มันไม่ได้แย่เลยที่วิญญานของเขาได้พัฒนาและแข็งแกร่งขึ้น ง่ายๆก็คือ เมื่อวิญญานของเขาแข็งแกร่งขึ้นเขาก็จะสามารถทำลายผนึกได้ง่ายขึ้น . " ยู่โหลวพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ " ยังเหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ ข้าอยากรู้จริงๆว่าเมื่อถึงเวลาแล้วเขาจะเป็นเช่นไร ข้าเชื่อว่าเขาจะช่วยพวกเราออกไปจากที่บ้าๆแห่งนี้ และกลับไปยังแผ่นดินรุ่งเรืองได้”

" ทำไมเจ้าถึงไว้ใจเขามากขนาดนั้นกันรึ ? " ตั่วหลง ประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขาเริ่มมองฉื่อหยาน และเขาก็เริ่มคิด หากเขาอยู่ในระดับปฐพีเหมือนกับฉื่อหยาน และได้ครอบครองเปลวไฟนภา , มันคงเป็นเรื่องยากมากอย่างแน่ที่จะสามารถควบคุมเปลวไฟนภาได้อย่างชำนาญ

" ข้าคิดว่า พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้สองเผ่าพันธุ์ของเราพินาศแน่ " ยู่โหลวขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นและพูดขึ้น " ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องเชื่อใจเขา ถ้าเราไม่เชื่อเขา ก็แปลว่าเราไม่เชื่อว่าเราจะรอดไปได้ เมื่อภูเขาเสียงอสูรเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ก็เป็นเด็กคนนี้ที่มีสามารถในการใช้เปลไฟนภาปรากฏตัสออกมา ข้ามีความรู้สึกว่าโชคชะตาของเราคงไม่จบสิ้น ตั้งแต่เขาปรากฏตัวขึ้น บางทีอาจจะเหมือนที่บรรพบุรุษของเราเคยพูด . . . . "

" ทุกอย่างถูกลิขิตไว้โดยโชคชะตา . . . . . . . " อีเทียนโหมวพึมพำอีกครั้ง ด้วยเสียงเบาๆ . สายตาของเขาเริ่มผิดปกติ หลังจากนั่นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและ เขาก็กล่าวว่า " ตัวตนของเจ้าสารเลวน้อยนี่ คือสิ่งที่บรรพบุรุษของเราเคยพูดงั้นรึ " ?

คาป้า หยาเมิงและตั่วหลงก็สั่นสะท้านในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก

ยู่โหลว และ ตี่ฉานเท่านั้นที่ยังคงสงบอยู่ ยู่โหลวหัวเราะเบาๆ และพูดว่า " ใครจะรู้ ถ้าเขาเป็น ' ผู้สืบทอดสายเลือดพระเจ้าราชันย์จริงๆ ข้าคิดว่าข้าจะทำตามคำแนะนำของบรรพบุรุษ บรรพบุรุษของเราเคยพูดไว้ว่า ถ้าลูกหลานของพระเจ้าราชันย์สามารถช่วยเราออกไปจากดินแดนรกร้างแห่งนี้ได้ เราจะต้องยกเขาให้เป็นนายเหนือหัวของเรา

ทันทีที่คาป้า หยาเมิง และตั่วหลงได้ยินสิ่งที่ยู่โหลวพูด ทุกคนก็กลายเป็นสับสนและงุนงง สีหน้าของพวกเขาแปลกไป และพูดอะไรไม่ออก

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

" ปุด ”

ภายในกรง พานโจวจากดินแดนเพิ้งหลายศักดิ์สิทธิ์ ก็กระอักเลือดออกมาและจ้องไปที่ฉื่อหยานด้วยตาขวาง .

ในห้องหิน ฉื่อหยานก็ไม่ใจและค่อยๆปิดดวงตาของเขา และรอบๆตัวเขาดูราวกับว่ากำลังมีเมฆฝนลอยอยู๋รอบๆ

ณ รอยสักประหลาดที่อยู่บนอกของเขา กลิ่นอายธรรมชาติจากท้องฟ้าและพื้นดินอย่างรวดเร็วก็ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องเข้าไปในรอยสักสีดำ แล้วเปลี่ยนเป็นพลังบริสุทธิ์กระจายทั่วร่างกายของเขา

เมื่อกลิ่นอายธรรมชาติควบแน่นและกลั่นตัว ,อย่างเงียบเฉียบในเส้นชีพจรของเขา พลังที่บริสุทธิ์และพลังที่เขาดูดซับมาจากนักรบที่ตกตายไปก็ไหลอยู่ภายใน จากนั้นมันก็เปลี่ยนมันเป็นพลังลึกลับและไหลเข้าไปในช่องท้องของเขา

ครึ่งวันต่อมา ฉื่อหยาน ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วก็ต้องไปที่พานโจว และพูดอย่างเย็นชา " โชคดีนะที่เจ้ายังไม่ตาย ผ่อนคลายจิตใจของเจ้าซะ ถ้าเจ้าสามารถอยู่รอดได้มากกว่า 2 สัปดาห์ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า "

ขณะนี้มีเหลือนักรบจากทะเลไม่มีสิ้นสุดเพียงสิบสองคนเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ได้ตายไปแล้วจากการเรียนรู้และทดลองของฉื่อหยาน

เผ่าเสียงอสูรมีเคล็ดวิชาวิญญานที่มหัษจรรย์และยิ่งใหญ่ที่แตกต่างกันมากมาย เมื่อเขาจะทดลองพวกมันก็ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดข้อผิดพลาดบ้าง

เมื่อเขาทำพลาด เขาก็ต้องจ่ายสิ่งตอบแทนที่มีค่า ซึ่งก็คือชีวิตของผู้อื่น

นักรบที่ได้มาจากหยาจี่เป็นตัวทดลองที่ดีที่สุดสำหรับการบ่มเพาะของเขา โดยไม่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเอง ฉื่อหยาน มีก็ได้ก้าวหน้าอย่างไม่น่าเชื่อในเรื่องความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญาน ตอนนี้เขาอาจเทียบได้กับคนเผ่าเสียงอสูรด้วยซ้ำ

สำหรับคนที่กลายเป็นทรัพยาทดลองของเขา เมื่อวิญญาณของพวกเขาถูกทำลาย พลังในร่างกายของพวกเขาก็จะกระจายออกมาและลอยเข้าไปในร่างของฉื่อหยานและถูกกลั่นให้เป็นพลังลึกลับ ในร่างกายของเขา

ด้วยความก้าวหน้าที่รุดหน้าของวิญญานแล้ว พลังปราณลึกลับในร่างกายของเขายังได้รับพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เขารู้สึกว่าอีกไม่นานเขาก็เจ้าก้าวเข้าสู่ขั้นใหม่ ซึ่งก็คือ นภาที่สามของระดับปฐพี

"ฉื่อหยาน คุณจะต้องไม่ได้ตายดีแน่ ! " พานโจวขบฟันของเขาแน่นด้วยความโกรธและกล่าวว่า " เจ้าข้าฆ่าซะ ไม่อย่างนั้นภายหลังข้าจะตอบแทนเจ้าให้สาสม ! "

พานโจวก่อนนี้เขาควบคุมอารมร์ของตัวเองไว้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ชีวิตของเขาถูกทรมาน เขาก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป

เมื่อฉื่อหยานส่งจิตสำนึกวิญญานเข้าไปในสมองของพานโจย พานโจวก็รู้สึกได้ว่า ฉื่อหยานยังใช้เคล็ดวิชาเหล่านี้ไม่เชี่ยวชาญนัก

ทุกครั้งที่ ฉื่อหยาน ส่งจิตสำนึกวิญญานของเขาออกไป พานโจวก็จะรู้สึกเหมือนกับว่ามีหนอนตัวเล็กๆนับร้อยแทะหัวสมองของเขา เมื่อความรู้สึกนี้ได้ประสบกับพานโจวเขาก็กรีดร้องออกมาด้วยความกลัว

พานโจวนั่นคิดว่ายอมตาย เสียดีกว่าเป็นหนูทดลองให้กับฉื่อหยาน ฉื่อหยานนั้นปฏิบัติต่อเขาอย่างรุนแรงตลอดเวลา ความคิดที่เคยคิดว่าฉื่อหยานเป็นวีรบุรุษไม่มีอีกต่อไป ความแค้นลึกโชนเผาผลาญไปทั่วให้ใจของพานโจว เขาโกรธที่เขาไม่อาจฉีกร่างของฉื่อหยานออกเป็นเสี่ยงๆได้

" อืม ถ้าเจ้าสามารถอยู่รอดได้ ถึงตอนนั้นข้าจะอยู่รอเจ้ามาแก้แค้นก็แล้วกัน " ฉื่อหยานเผยรอยยิ้มออกมาบางๆ เขาคิดในใจว่า " ถ้าเจ้าสามารถอยู่รอดได้จิรงๆ ข้าจะฝังผนึกวิญญานมากมายไว้ในร่างของเจ้า ในอนาคต ถ้าเจ้ากลับไปยังทะเลไม่มีสิ้นสุดได้ เจ้าก็จะกลายเป็นดวงตาของข้าในดินแเนเพิ้งหลายศักดิ์สิทธิ์และยังสามารถช่วยข้าเก็บเกี่ยวข้อมูลมากมายให้ข้าได้อีก .

โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของพานโจว ฉื่อหยานก็ยืนขึ้นและขมวดคิ้วของเขามองไปที่ประตูหินที่ปิดสนิทอยู่ใกล้ๆด้วยความสงสัย

ในตอนนี้ มันเป็นเพราะพวกนางไม่สามารถขัดขืนฉื่อหยาน หรือห้ามไม่ให้เขาทำอะไรได้ ฉาวจื่อหลาน , กู่หลินหลง และซูหยานซิงจึงเอาแต่หลบซ่อนอยู่ในห้องหิน . หลังจากใคร่ครวญเล็กน้อย เมื่อฉื่อหยาน กำลังจะไปถามเหอซิงเหมินเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นว่าแหวนสายโหลิตของเขาส่องแสงออกมา

" โอ้ ! ? "

หลังจากมีบางสิ่งฉุขึ้นในใจของเขา ฉื่อหยานก็ส่งจิตสำนึกเข้าไปในแหวนาายโหลิต ทันทีที่เขาก็รู้สึกได้ว่าแกนเพลิงกำลังค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปเป็นเปลวไฟนภา ; รูปแบบชีวิตของมันกลายเป็นชัดเจนและสมบูรณ์แบบมากขึ้น สัมพัสได้ถึงกลิ่นอายที่คล้ายกับส่วนหนึ่งของเปลวเหมันเยือกแข็งเล็กน้อย

" เจ้าวิวัฒนาการเสร็จสิ้นแล้วงั้นรึ ?" ฉื่อหยานที่งุนงงก็ส่งจิตสำนึกของเขาถามออกไป

" เรียบร้อยแล้ว ข้ารู้สึกเหมือน . . . . . . . เหมือนกับได้ชีวิตใหม่ มันช่างแตกต่างจากเดิมเป็นอย่างมาก " แกนเพลิงก็ส่งข้อความตอบกลับมา

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด