ตอนที่แล้วบทที่ 258 คลื่นพลังที่ปั่นป่วน [นี่เป็นตอนต่อจาก 255 เนื่องจากเวปอิ้งแปลข้ามตอนก่อนหน้านี้]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 260 ไล่ล่า

บทที่ 259 รุ่นเยาว์ที่อยู่เหนือกว่าอาวุโส


บทที่ 259 รุ่นเยาว์ที่อยู่เหนือกว่าอาวุโส

ฉื่อหยานดวงตาของเขาเปิดกว้าง มีประกายส่องอยู่ในแววตาของเขา แสงสีเงินที่ส่องออกมารอบๆตัวเขาค่อยๆจางหายไปจนกระทั่งแสงหมดไป

" ยินดีด้วย ! " ฉาวจื่อหลานเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวด้วยใบหน้าที่จริงใจ " แม้ว่าเจ้าจะได้ความช่วยเหลือจากสมบัติพิเศษเลยบรรลุเข้าสู่นภาที่สองของระดับปฐพีได้ก็ตาม แต่ถ้าเจ้ากลับไปทะเลไม่มีที่สิ้นสุด แน่นอนว่าเจ้าจะต้องติดอันดับหนึ่งในห้าของรายชื่ออันดับผู้แข็งแกร่ง

ใบหน้าที่สวยงามของกู่หลินหลงและซูหยานซิงเล็กน้อย เปลี่ยนไป นางพูดด้วยความสงสัย " อันดับหนึ่งในห้าของรายชื่ออันดับผู้แข็งแกร่ง ?"

ฉื่อหยาน ก็หัวเราะดังลั่นออกมาเขา ส่ายหน้าของเขาและกล่าวว่า " ข้าไม่สนใจเกี่ยวกับการจัดอันดันนั้น ข้าไม่สนเรื่องพวกนี้ มีเพียงนักรบระดับสูงเช่นเจ้าเท่านั้นที่คิดถึงแต่เรื่องการจัดอันดับเหล่านั้น”

" เจ้า เจ้าดูถูกพวกเรางั้นรึ ? " กู่หลินหลงพูดด้วยความโกรธ

" ใช่ ! " ฉื่อหยาน ไม่ได้ปฏิเสธมัน เขาพูดพร้อมกับพยักหน้า " เมื่อตอนที่ข้าอยู่ในระดับหายนะ โดยไม่มีความช่วยเหลือจากสัตว์อสูร ข้าสามารถรับมือกับการโจมตีจากพลังทั้งหมดของเจ้าได้ เจ้านั้นอยู่ในอันดับต้นๆของรายชื่ออันดับผู้แข็งแกร่ง แต่กลับไม่สามารถเอาชนะนักรบคนหนึ่งที่อยู่ในระดับหายนะได้ ดังนั้นเจ้ายังจะกล้าพูดอีกหรือไม่ว่าการจัดอันดับนั้นมีความหมาย ?

กู่หลินหลงก็กลายเป็นหงุดหงิด ขณะที่จ้องมอง ฉื่อหยานนางก็พูดด้วยความโกรธ " เจ้าคิดว่าทุกคนจะเป็นสัประหลาดเหมือนกับเจ้างั้นรึ ?

" ฉื่อหยาน , เจ้าไม่ใช่นักรบธรรมดา เจ้าสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้หลายเท่าในเวลาเพียงกระพริบตา แม้แต่นักรบระดับสูงในรายชื่อการจัดอันดับผู้แข็งแกร่ง ก็ไม่สามารถครอบครองพลังเช่นนี้ได้ ทั้งเราและเจ้าก็ไม่สมควรนำไปเปรียบเทียบกับนักรบธรรมดา " ฉาวจื่อหลานหัวเราะอย่างสบายใจราวกับนางและฉื่อหยานเป็นเพื่อนกัน

ฉาวจื่อหลานดูเหมือนนางต้องการจะลดความสัมพันธุ์ที่ขัดแย้งกับฉื่อหยาน ในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าสิ่งที่นางพูดหรือทำ นางแค่เพียงทำตามคำพูดของฉื่อหยานเท่านั้น จุดประสงค์ของนางง่ายๆ นางหวังว่า ฉื่อหยานจะเห็นใจพวกนาง และไม่เห็นนางเป็นศัตรูของเขา

" เจ้าไม่ต้องมาเตือนข้า " ฉื่อหยานขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาค่อย ๆยืนขึ้นและจ้องกู่หลินหลงและซูหยานซิง และพูดขึ้นทันที " ถ้าเจ้ามีความคิดชั่วๆ อย่าได้ตำหนิข้าหากข้าทำอะไรเจ้า ก่อนหน้าที่ขณะที่ข้ากำลังอยู่ในช่วงทะลวงนภา หึ ! เจ้ากล้าที่จะมีเจตนาฆ่าข้าขณะที่ข้ากำลังฝึกบ่มเพาะ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าเป็นผู้หญิงที่โง่เพียงใด จงเรียนรู้เช่นเดียวกับฉาวจื่อหลานซะ เจ้าควรเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของเจ้าให้ดี"

การแสดงออกของกู่หลินหลงและซูหยานซิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ พวกนางเพียง แต่รู้สึกแปลกๆ ทำไมฉื่อหยานยังได้ยินการสนทนาของพวกนางในขณะที่เขาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการทะลวงขั้นเช่นนั้นกัน

พวกนางนั้นไม่รู้เลยว่าหลังจากที่ฉื่อหยานได้นำวิญญานหลักเข้าไปในห้วงจิตสำนึกแล้ว พลังจิตสำนึกวิญญานของเขาสามารถสัมผัสสื่งต่างๆได้ในระดับที่คาดไม่ถึง ถึงแม้จะฝึกฝนบ่มเพาะอย่างตั้งใตอยู่ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากจิตสำนึกของเขาได้

ในตอนนั้น ที่เขาไม่ได้เข้าไปฝึกบ่มเพาะในห้องหิน และเลือกที่จะออกมาฝึกตรงกลางของโถงหินก็เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

" หวือหวือ " .

เสียงกระพรือปีกดังขึ้นจากที่ห่างไกล หลังจากนั้นไม่นาน ยู่โหลว และตี่ฉานก็ลงมาพร้อมกัย ยู่โหลวหิ้วเหอซิงเหมินอยู่อีกมือหนึ่งด้วยความประหลาดใจ

" ตุ่บ "

หลังจากโยนเหอซิงเหมินลงบนพื้น จากนั้นนางก็เหลือบมองไปที่ฉาวจื่อหลาน และหญิงสาวอีกสองคน ยู่โหลวหันหน้ากลับมามองฉื่อหยาน และกล่าวว่า " ร่างกายของพวกนางยังบริสุทธิ์อยู่ ข้าพาพวกนางมาที่นี่โดยเฉพาะ เพื่อให้เจ้ากระทำกับพวกนางตามความต้องการ มันต้องใข้เวลาอีกนานแค่ไหร ? เราไม่มีเวลาเหลือมากนัก อีกไม่นานเราต้องไปที่ภูเขาเสียงอสูร " .

" ขอเวลาอีกสักหน่อย ข้าต้องการเสริมสร้างระดับอีกสักนิด " ฉื่อหยานที่เต็มไปด้วยความสุบ เขาก็พยักหน้าในขณะที่มองเหอซิงเหมิน แล้วกล่าวว่า " ข้ามั่นใจว่าข้าจะสามารถทำลายรูปแบบผนึกนั่นได้โดยใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเดือน เชื่อข้าเถอะ ข้าจะช่วยท่านจัดการกับภูเขาเสียงอสูรหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน "

" หนึ่งเดือน . . . . . . . " พอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ยู่โหลวก็มองตี่ฉาน และถามว่า " เรายังคงมีเวลาพอหรือไม่ ? "

" ไม่ต้องกังวล " ตี่ฉานค่อยๆ พยักหน้า มองฉื่อหยาน " ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน อย่าทำให้ข้าผิดหวัง ถ้าไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องเสียใจ "

เมื่อตี่ฉานพูดเสร็จ เขาก็หันไปรอบ ๆและเขาก็จากไปอย่างไร้ร่องรอยในเวลาเพียงกระพริบตา

ยู่โหลวพูดพร้อมกับยิ้มบางๆ " กว่าจะพาหญิงสาวคนนี้มาที่นี่ได้ เขาต้องต่อสู้กับตั่วหลงและทำให้ตั่วหลงทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก ในที่สุด ตั่วหลงก็ไม่ตอบโต้ใดๆ แม้ว่าหัวใจของตี่ฉานจะเย็นชา แต่เขาก็เป็นคนรักษาคำพูด"

" ดังนั้น ข้าขอบคุณพวกท่านมาก " ฉื่อหยาน ที่ยืนนิ่งเ็นหินก็ กล่าวและพยักหน้าไปทางที่ร่างของตี่ฉานบินออกไป

จำไว้ว่า เจ้ามีเวลาเพียงหนึ่งเดือนครึ่ง หลังจากนั้น , ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้เราได้ มิฉะนั้น เราจะทำให้เจ้ากลายเป็นวิญญานเฝ้าดินแดนแห่งนี้ เจ้าจะไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่ "

ยู่โหลวถอนหายใจยาวออกมา ยื่นมือไปจับไหลของเหอซิงเหมิน แล้วพูดกับฉื่อหยาน " ข้าจะปล่อยนางไว้ที่นี่กับเจ้า เจ้ารู้นะว่าควรทำอะไร "

พูดเสร็จ ยู่โหลวก็ตาม ตี่ฉาน ไป

" เหอซิงเหมิน เจ้า . . . . . . . " ฉาวจื่อหลาน ก็ประหลาดใจ นางจ้องมองไปที่เหอซิงเหมินสักพัก ก่อนที่จะพูด " เจ้าเกือบจะบรรลุเข้าสู่นภาที่สามของระดับปฐพีแล้ว เจ้าทำได้เช่นไร ?

ฉื่อหยาน ก็ยังสงสัย

แม้ว่าพลังในร่างกายเหอซิงเหมินจะถูกผนึกไว้ แต่เสียงหวีดหวิวของลมก็ยังคงดังออกมาจากร่างที่บอบบางของนาง พลังปราณลึกลับทวีความรุนแรงขึ้น และจิตใจของนางก็เสถียรขึ้นเช่นกัน ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้น

พวกนางนั้นเข้าสู่ที่นี่พร้อมกัน แต่ฉาวจื่อหลาน และกลุ่มของนางกลับไม่ได้มีความพัฒนาขึ้นเลย ทันทีที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็ถูกจับทันที

เพราะผู้นำของทั้งสองเผ่ายังมอบสมบัติวิเศษของพวกเขาให้ฉื่อหยานโดยไม่เสียใจเลยสักนิดเพื่อที่จะให้เขาสามารถทำลายผนึกได้โดยเร็ว อย่างไรก็ตาม เหอซิงเหมินนั่นเห็นได้ชัดเลยว่านางไม่ได้รับสมบัติใดๆ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก มันทำให้ฉาวจื่อหลานแปลกใจเล็กน้อย

" ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่" ริ้วรอยแห่งความทุกข์ระทมปรากฏบนใบหน้าที่งดงามของเหอซิงเหมิน " . ข้าคิดว่าดวงวิญญานของข้าจะถูกดูดออกไปเสียแล้ว อืม จริงๆแล้วในอีกสิบวัน ข้าก็จะ . . . . . . . ถูกฆ่าโดยตั่วหลงจากนนั้น เขาก็จะดูดซับพลังทั้งหมดในร่างกายของข้า ถ้าตี่ฉาน และยู่โหลวไม่มาพาตัวข้าไป ข้าก็คงไม่รอดแน่ๆ "

" เกิดอะไรขึ้น  ?" ฉื่อหยานก็ขมวดคิ้วของเขาแล้วถาม

" หลังจากที่เข้ามาในดินแดนแห่งนี้ ข้าก็ได้เข้าไปในพื้นที่ของเผ่าปีกเทา เพราะร่างกายของข้ามีจิตวิญญานลม ตั่วหลงจึงได้บังคับเข้าไปในสถานที่ที่มีพลังลมรุนแรง เขาได้ใช้ร่างกายของข้าเป็นภาชนะสำหรับเก็บพลังลม และจากนั้นเขาก็จะดูดซับพลังนั่นจากข้า . . . . . . . " เหอซิงเหมินแสดงสีหน้าทุกข์ระทม ขณะบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น" ถ้าฉื่อหยานไม่ได้ถามถึงข้า ข้าแน่ใจว่า ข้าคงไม่ได้รอดออกจากที่แห่งนั้นแน่นอน ข้ารู้ถึงความคิดที่ชั่วร้ายของเขาดี แต่ข้าก็แข็งแกร่งพอที่จะขัดขืนเขา . "

" เจ้าหมายถึงเขารึ ?" กู่หลินหลงหัวเราะอย่างเย็นชา " ตอนนี้ ข้าก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าหนีรอดจากความโหดเหี้ยมแล้วจริงหรือไม่ บางทีเจ้าอาจจะยังไม่รู้ความตั้งใจของเขาที่ต้องการตัวเจ้าสินะ ?

" ข้าได้ยินว่า เขาต้องการหญิงสาวเป็นที่ระบาย " เหอซิงเหมินหน้าก็กลายเป็นสีชมพู . นางมองฉื่อหยาน อย่างไม่หวาดกลัวใดๆและกล่าวว่า " เจ้าบอกให้ ตี่ฉาน และยู่โหลว พาข้ามาที่นี่เพื่อที่เจ้าทำมันกับข้า ฉื่อหยาน . . . ทำไม . . . "

" แค๊ก แค๊ก แค๊ก . . . . . . . " ฉื่อหยานก็ไอออกมาจากนั้นก็พูด " ถ้าเจ้าคิดว่ามันมากเกินไป เจ้า . . . . . . . เจ้านั้นไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับนางทั้งสาม ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าทั้งนั้น . . . . . . . ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นศัตรูของข้า ดังนั้น ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า "

" แน่นอน " ฉาวจื่อหลานยิ้มเล็กน้อย ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา . " ข้ารู้ว่าเหอซิงเหมินจะต้องตกลงแน่ นางคนั้นไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลหยางเป็นศัตรู นางไม่โชคร้ายเหมือนกับพวกเรา

การแสดงออกของกู่หลินหลงและซูหยานซิงก็แปลกไป

" ฉื่อหยาน เจ้าจะกระทำกับพวกนางเช่นนั้นจริงๆหรือ ? " เหอซิงเหมิน ก็แปลกใจเล็กน้อย " แม้ว่าพวกนางจะได้ไล่ล่าเจ้ามาเป็นเวลานาน แต่เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อซินหยานบ้างรึหากทำเช่นนั้น ? "

สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนไป เขา กระแอม และพูดด้วยเสียงเย็นชา " ข้ารู้ว่าข้าทำอะไร . "

เหอซิงเหมินขมวดคิ้ว ช่วยไม่ได้ที่นางถอนหายใจยาวออกมาพร้อมกับส่ายหน้า

" เจ้าหาห้องเองแล้วกัน ที่นี่ปลอดภัยแน่นอน ตราบที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเราแน่ " หน้าฉื่อหยาน ก็กลายเป็นจริงจัง เขาหันหลังเดินเข้าไปในห้องโดยไม่พูดอะไรกับเหอซิงเหมินอีก

ถ้าไม่กลัวว่าห้าปีศาจในห้วงจิตสำนึกของเขาจะเกิดผิดปกติขึ้นมาอีก การฆ่าฉาวจื่อหลาน และอีกสองคนจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้แค้น

อย่างไรก็ตาม การปลูกฝังห้าฝีศาจนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก หลังจากที่วิญญานหลักได้เข้าไปในห้วงจิตสำนึก เขารู้ว่าถ้าเขาทำไม่สำเร็จ ห้าปีศาจในห้วงจิตสำนึกของเขาก็อาจก่อปัญหาให้เขาได้ ตั้งแต่แรกที่เขานำตัวหญิงสาวทั้งสามมาก็เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

เกี่ยวกับผลกระทบของการบ่มเพาะห้าปีศาจใจห้วงจิตสำนึก มันไม่สะดวกสำหรับเขาที่จะต้องอธิบายให้เหอซิงเหมินฟัง ดังนั้น แม้ว่าเหอซิงเหมินจะคิดว่าเขาเป็นคนมือเติบ เขาก็จะยอมรับมัน

ในห้องลับ ฉื่อหยาน นั่งไขว้ขากับหลังของเขาที่เหยียดตรง เขาสูดลมหายใจของเขาสงบจิตใจของเขาและส่งจิตสำนึกเข้าไปในห้วงจิตสำนึกอีกครั้ง เขาสังเกตทุกความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในห้วงจิตสำนึก เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากการนำวิญญานหลักเข้าไปในห้วงจิตสำนึก นอกจากนี้เขายังได้สัมพัสกับสิ่งที่เกิดของห้วงจิตสำนึกอีกด้วยหลังจากที่ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของจิตสำนึกวิญญาน

วิญญาณของเขาค่อยๆเข้าสู่สภาวะไร้ตัวตร

วิญญานหลักในห้วงจิตสำนึก ค่อยๆปล่อยจิตสำนึกวิญญานออกมาซึ่งมันเชื่อมต่ออยู่กับห้วงจิตสำนึก จิตสำนึกวิญญานยืมพลังจากห้วงจิตสำนึกมาเพื่อเปลี่ยนแปลงและพัฒนาวิญญานหลักและค่อยๆเพิ่มพลังให้กับวิญญานหลัก จิตสำนึกของเขาตอนนี้สัมพัสไปที่วิญญานหลักและไหลเข้าไปยังวิญญานหลักอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็สัมพัสได้ถึงพื้นที่ว่างเปล่าที่อยู่ในวิญญานหลัก

ระอองสีดำลอยออกมาเป็นเหมือนกับควันสีดำในพื้นที่วิญญาน ทันทีที่ควันดำไหลออกมามันก็กระจายไปทั่วบริเวณรอบๆ

เจอแล้ว ! ! ! ! หัวใจของฉื่อหยาน ก็หวั่นไหว เขารวบรวมจิตสำนึกวิญญานที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกและพลังไฟภายในร่างของเขาเพื่อกลั่นพวกมันให้กลายเป็นกลุ่มก้อนแสงจิตสำนึกวิญญาน จากนั้นพวกมันก็พุ่งเข้าไปในกลุ่มระอองสีดำที่อยู่ในวิญญานหลัก

" แกร๊กกก "

แสงที่เจิดจ้าของจิตสำนึกวิญญานก็เผาไหม้ระอองสีดำด้วยพลังไฟ ,ภายใต้การโจมตี ระอองสีดำก็พวยพุ่งออกมากลายเป็นควันสีดำมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม แสงจิตสำนึกวิญญานทันทีก็ส่องประกายแสงเจิดจ้าออกมามากขึ้น และทำลายระอองควันสีดำเหล่านั้นทีละร้อย ไม่นานหลังจากนั้น ระอองสีดำที่อยู่ในวิญญานหลักทั้งหมดก็ถูกเผาสลายหายไป

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่ดูมืดมน คนจากเผ่าเสียงอสูรหลายคนคุกเข่าบนพื้นเพื่อฟังอีเทียนโหมวบรรยายเกี่ยวกับความรู้เรื่องวิญญาน

อีฉูปี่ และ อีเฟิงก็อยู่ในห้องโถงและฟังบรรยายอย่างตั้งใจ

อีเทียนโหมวหัวหน้าตระกูลที่นั่งอยู่ด้านบน จู่ๆร่างก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ควันสีดำลอยออกมาจากดวงตาของเขา

" ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน ?" อีฉูปี่รีบตะโกนออกมาเสียงดัง

สีหน้าของอีเทียนโหมวก็เปลี่ยเป็นจริงจัง ควันสีดำจากดวงตาของเขาค่อยๆหายไป . หลังจากดวงตาของกลับมาเป็นเช่นเดิม ร่างกายของเขาก็หยุดสั่น

" รุ่นเยาว์ที่อยู่เหนือกว่าอาวุโส . . . . . . . " อีเทียนโหมวก็พึมพำด้วยเสียงต่ำและใบหน้าที่สับสน . ดวงตาของเขาส่องประกายแปลกประหลาดออกมา

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด