ตอนที่แล้วบทที่ 252 ประสงค์ของพระเจ้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 254 ของขวัญที่คิดไม่ถึงจากสวรรค์

บทที่ 253 หวาดกลัวต่อศัตรูตามธรรมชาติ


บทที่ 253 หวาดกลัวต่อศัตรูตามธรรมชาติ

ฉื่อหยานล้มลงกับพื้น เขาลุกขึ้นและยืด แขนและขาของเขาสักพัก และหันไปมองคนอื่นๆ จากนั้นก็มองไปที่ฉาวจื่อหลานที่อยู่ในกรงแล้วก็ยิ้ม

ตอนที่ฉื่อหยานปรากฏตัวขึ้น ฉาวจื่อหลาน ซูหยานซิง และ กู่หลินหลงรู้สึกว่าโลกของพวกนางได้พังทลายลงแล้ว

เป็นการเดินทางที่ยาวนานมากตั้งแต่เคียร่าจนถึงที่นี่ ก่อนหน้านี้พวกนางเข้ามาในหุบเหวสนามรบ และต่อสู้กับตระกูลหยาง พวกนางต่างก็สูญเสียเป็นอย่างมาก มันใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมาถึงหุบเหวสนามรบแห่งนี้ ภายในราชวังผุพัง เนื่องจากวิชาของฉื่อหยานพวกนางก็ได้สูญเสียไปเป็นอย่างมากมายอีกครั้ง

เมื่อคิดอย่างรอบคอบ ฉาวจื่อหลาน ก็ตระหนักได้ว่าตั้งแต่การเผชิญหน้ากันครั้งแรกของพวกนางกับฉื่อหยาน พลังปราณลึกลับของพวกนางก็ทดถอยลงอย่างมาก และยังไม่สามารถสร้างบาดแผลใดๆให้กับร่างของฉื่อหยานได้เลย

ขณะนี้พวกนางถูกขังอยู่ในที่แห่งนี้ ฉื่อหยานกลับตรงกันข้าม เขากลายเป็นแขกพิเศษของคนต่างเผ่าเหล่านี้ ไม่เพียงแต่สามารถพูดและหัวเราะอย่างอิสระกับตี่ฉานผู้ซึ่งเป็นประมุขของคนเหล่านี้ได้ แต่พวกคนเผ่าเหล่านี้ยังให้รางวัลแก่เขาอีกด้วย เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

พวกนางเองก็เป็นมนุษย์ ทำไมถึงมีความแตกต่างระหว่างพวกนางกับฉื่อหยานเช่นนี้ ?

ไม่เพียง แต่ฉาวจื่อหลาน และคนอื่นอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด แต่หยาจี่ก็โกรธเป็นอย่างมากเช่นกัน เขาต้องการถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกหยุดโดยหยางเมิงอย่างช่วยไม่ได้

" ฉื่อ…… ฉื่อหยาน . . . . . . . " อีฉู่ปี่ ก็งุนงง ใบหน้าแสนสวยของนางก็กลายเป็นสีแดง " นี่ นี่ใช่เชลยหญิงสาวที่เจ้าต้องการหรือไม่ ? "

ใบหน้าของฉาวจื่อหลาน และคนอื่นๆก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทุกคนต่างก็ขบฟันแน่น

ฉื่อหยานพยักหน้ายิ้มและพูดด้วยเสียงเย็นชาพร้อมกับมองไปที่ฉาวจื่อหลาน " เจ้าคงคิดไม่ถึงสินะว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ใช่ไหม ? "

"ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าจะได้ตายแน่ๆ " ฉาวจื่อหลานร่างที่งดงามของนางก็สั่นเทาด้วยความโกรธเล็กน้อย และประกายความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง " ถ้าเจ้ากล้าล่วงเกินเรา แม้ข้าจะเป็นผีไปแล้ว ข้าก็จะไม่ให้อภัยเจ้า . "

" เป็นผี ? " ฉื่อหยาน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา . " ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีโอกาศจะได้เป็นผีเนี่ยสิ ถ้าข้าต้องการจะฆ่าเจ้า ข้าก็จะทำลายทั้งวิญญานของเจ้า ไม่ให้เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว . ดังนั้น ต่อให้เจ้าตายไป เจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้ "

เมื่อพูดประโยคนี้ สีหน้าของฉื่อหยาน ก็ดูร่าเริง เขาพูดถึงเรื่องฆ่าคนและทำลายวิญญานไม่ให้เหลือซากโดยสีหน้ามีความสุข

ตี่ฉาน ยขมวดคิ้วพร้อมกับพยักหน้า " เจ้าวายร้ายตัวน้อย เจ้านั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงมีคนตามล่าเจ้ามากมาย และเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ "

" ที่เห็นได้ชัดก็คือ เจ้านั้นมีเปลวไฟนภา "

ประมุขของตระกูลปีกสีดำค่อยๆก้าวไปที่กรงกักขังฉาวจื่อหลาน และคนอื่น ๆ และสบัดแขน กระแสคลื่นพลังแสงสีเงินเหมือนห่วงโซ่เมฆเข้าไปในกรง แล้วเคลื่อนไหวพุ่งเข้าไปในร่างของฉาวจื่อหลาน และไปต่อซูหยานซิง และ กู่หลินหลง

พวกนางทั้งสามนั้นตกใจเป็นอย่างมาก

" บูม "

กรงพังทลายลง , เกิดเป็นหรูโหวที่กรงขึ้น ทั้งสามคน ฉาวจื่อหลาน และอีกสองคนรู้สึกราวกับว่าพวกนางถูกจับโดยมือที่มองไม่เห็น พวกนางลอยออกมาจากกรงไปทางฉื่อหยาน และค่อยๆตกลงมาต่อหน้าเขา

เชลยหญิงสาวทั้งสามก็ลุกขึ้น ร่างที่ทรงเสน่ห์ของพวกนางสั่นสะท้านเล็กน้อย ประกายในดวงตาหายไป ทั้งร่างกายค่อยๆถูกผนึกด้วยพลังบางอย่าง

" ตอนนี้ นางทั้งสามไม่สามารถใช้พลังใดๆได้ พวกนางกลายเป็นเหมือนคนธรรมดา ดังนั้นพวกนางจะไม่เป็นอันตรายต่อเจ้า " ยู่โหลวยิ้มอย่างอ่อนโยนมองไปที่ฉื่อหยาน " จากนี้ไป เจ้าสามารถทำกับพวกนางได้อย่างอิสระ ฮ่าๆ เพื่ออนาคตของเผ่าพันธุ์ทั้งสองเราแล้ว กการสละหญิงสาวมนุษย์ทั้งสามนั้นเป็นเงือนไขที่คุ้มค่ามาก "

สีหน้าของหยาเมิงก็กลายเป็นสับสน ปรากฏประกายแสงแวบขึ้นที่หว่างคิ้วของเขา สามวิญญาณประหลาดลอยออกมาแล้วพุ่งเข้าไปในจุดระหว่างคิ้วของหญิงสาวทั้งสาม

สีหน้าของฉาวจื่อหลานแสดงออกถึงความเจ็บปวด นางไม่สามารถแม้แต่จะยืนได้ และจับไปที่หัวของตัวเองร้องออกมา

" ข้าได้นำวิญญานของผูกกับความตาย หากพวกนางมีเจตนาฆ่าตัวตาย ผนึกก็จะทำงาน และร่างกายของพวกนางก็หยุดนิ่ง " หยาเมิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และพูดกับ ฉื่อหยาน " เจ้าสามารถทำกับร่างกายของพวกนางได้สบานโดยไม่ต้องกังวลเลยว่าพวกนางจะฆ่าตัวตาย "

ฉื่อหยาน ก็แปลกใจ เขายิ้มและพยักหน้า " ขอบคุณ "

" เจ้าชั่ว ! " ฉาวจื่อหลาน และอีกสองคนก็ตะโกนออกมาพร้อมกั มันเต็มไปด้วยความแค้นในดวงตาของพวกนาง พวกนางไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกนางเกลียดฉื่อหยานไปถึงกระดูก พวกนางต้องการจะเสี่ยงชีวิตของพวกนางเพื่อฆ่าฉื่อหยาน

" ไม่ต้องห่วง ถ้าเจ้าทำลายผนึกให้เราทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้อย่าว่าแต่เชลยหญิงสาวสามคนเลย แม้แต่หญิงสาวจากเผ่าเสียงอสูรเจ้าก็สามารถครอบครองพวกนางได้อย่างง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ . " หยาเมิง กระแอมขึ้นอย่างอย่างเย็นชา " แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถช่วยพวกเราได้ ฮ่าฮ่า ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่าอยู่ "

" ไม่ต้องเสียเวลา " ตี่ฉานขมวดคิ้วแสดงออกถึงความร้อนใจ " การกระทำของเจ้าชั่วตัวน้อยนี่เกี่ยวข้องกับอนาคตของเผ่าพันธุ์ทั้งสองอย่างมาก ข้าจะพักที่นี่ชั่วคราว เพื่อดูความคืบหน้าของเขา”

จักพรรดิ์นีตระกูลปีกขาวยิ้มเบา ๆ" ข้าคิดว่าทุกคนน่าจะพยายามให้มากกว่านี้นะ ข้าจำได้ว่าเผ่าของเราทั้งสองต่างก็มีบางสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะของเจ้ามนุษย์น้อยคนนี้ อ่า ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของพวกเรา ข้าคิดว่าเราควรใจกว้างกว่านี้ "

หน้าฉื่อหยานก็ตื่นเต้น เขาหัวเราะออกมาดังๆ ตี่ฉาน คาป้า และคนอื่นมองกัน ทุกคนต่างก็มีสีหน้าแปลกไป ดวงตาของพวกเขามองไปมา

" ตระกูลปีกขาวมีผลหยกวิญญานขาวอยู่ซึ่งมันสามารถเพิ่มเสถียนภาพของสภาพจิตใจได้ ขผลหยกวิญญานขาวได้รับการเพาะปลูกมานานกว่าพันปี และตอนนี้ก็มีเพียงสามผลเท่านั้น ข้าได้สั่งคนของข้าให้นำมาที่นี่ อ่า เพื่อประโยชน์ของเราทั้งสองเผ่าแล้ว เราจึงจะมอบสมบัติของตระกูลเราให้ " ยู่โหลวยิ้มและพูดขึ้น

เมื่อนางพูดเช่นนั้น ใบหน้าของตี่ฉาน และคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไป

" ผลหยกวิญญานขาว " หยาจี่ อีฉู่ปี่ เชว่เฟว และรุ่นเยาว์ของเผ่าเสียงอสูรไม่อาจทนกลั้นเสียงร้องได้ พวกเขาอุทานอย่างตกตะลึง , แววตาของหยาจี่ส่องประกายความโลภออกมา

ผลหยกวิญญานขาวเป็นสมบัติของตระกูลปีกขาว มันจะเติบเฉพาะในพื้นที่รกร้างปราศจากพลังวิญญานและไร้ซึ่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ผลหยกวิญญานขาวของเผ่าปีกขาวแต่ละผลนั้นมีค่าเป็นอย่างมาก มันเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการรักษาและบำรุงวิญญาน แม้เผ่าปีกจะมีปัญญาในเรื่องการบ่มเพาะวิญญาน แต่การใช้ ผลหยกวิญญานขาว ผลหนึ่งก็อาจทำให้คนๆนั้นประสบความสำเร็จในการฝึกบ่มเพาะวิญญานได้สำหรับคนจากเผ่าเสียงอสูร ผลหยกวิญญานขาวนั้นมีค่าเป็นอย่างมาก พวกมันนับได้ว่าเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ช่วยในการบ่มเพาะวิญญาน ดังนั้น หลังจากที่ใช้ผลหยกวิญญานขาว ความสำเร็จของพวกเขาก็เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก

หลังจากที่เด็กเผ่าเสียงอสูรเกิดมา แล้วเขาได้ใช้ผลหยกวิญญานขาวผลหนึ่ง วิญญาณของเขาก็จะเปลี่ยนไป เขาสามารถเทียบได้กับนักรบระดับหายนะได้ในทันที

นี้เป็นทรัพยากรที่อัศจรรย์เป็นอย่างมาก เป็นสมบัติซึ่งจะทำให้วิญญานเกิดการวิวัฒนาการ

ในพื้นที่รกร้างเช่นนี้ ผลหยกวิญญานขาวของตระกูลปีกขาวนั้นนับได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่ง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทุกคนในเผ่าปีกและเผ่าเสียงอสูรต้องการ

ยู่โหลวบ้าไปแล้วงั้นรึ ?

นางกล้าที่จะให้ผลหยกวิญญานขาวผลหนึ่ง แก่มนุษย์คนหนึ่ง นี่เป็นนางจริงๆรึ ? ปกติแล้วนางไม่ใช่คนใจกว้างเช่นนี้ เพื่ออนาคตของทั้งสองเผ่าพันธุ์นางช่างลงทุนเสียจริง

หยาจี่ หายใจเข้าออกอย่างร้อนรน ใบหน้าของเขากลายเป็นสีม่วงด้วยความโกรธและชายตามองไปที่ฉื่อหยานอย่างดุรเ่ย เขาอิจฉาที่เขาไม่ได้เป็นคนกินมัน

สมบัติที่มาจากสวรรค์เช่นนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนับได้ว่าเป็นความอัปยศต่อสมบัติเช่นนี้ เจ้าชั่วนี้มีสิทธิ์อะไรกันถึงได้รับสมบัติเช่นนี้ ? มันทำอะไรกันถึงได้ผลหยกวิญญานขาว ? อะไรกันที่ทำให้จักพรรดิ์นีตระกูลปีกขาวทำเช่นนี้ ? หรือว่านางจะมีใจเจ้าชั่วนี่ ?

ไม่มีใครบอกเสียหน่อยว่าจักพรรดิ์นีของตระกูลปีกขาวจะบริสุทธิ์ตลอดไป หรือ ใช่ว่านางตลอดทั้งชีวิตจะไม่แต่งงาน ?

ความคิดมากมาปรากฏขึ้นในใจของเขา หยาจี่ขบฟันแน่นด้วยความโกรธ และคิดกับตัวเองว่า ถ้าเขาได้ผลหยกวิญญานขาวหละก็ เขาจะใช้ผลนี่ให้ดีที่สุดเพื่อเพิ่มพลังของเขาให้ระดับสูงขึ้น

น่าเสียดายนัก !

" จักพรรดิ์นียู่โหลว ท่านพูดจริงรึ ? " สีหน้าของคาป้าก็แปลกไปพร้อมกับดวงตาที่เปิดกว้าง " เจ้าชั่วน้อยมีค่าพอที่ท่านจะมอบสมบัติของตระกูลให้เลยรึ ? "

หยาเมิง อีเทียนโหมว และ ตี่ฉานเองก็ยังตกตะลึง พร้อมกับมองไปที่ยู่โหลว

ตอนแรก ฉื่อหยานนั้นไม่เคยรู้จักเจ้าผลหยกวิญญานขาวมาก่อนเลย แต่เมื่อสังเกตหยาจี่แล้ว คาป้า และคนอื่น ๆ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าผลหยกวิญญานขาวเป็นสมบัติที่มหัศจรรย์แค่ไหน

ถ้าไม่เช่นนั้นคนเหล่านี้คงจะไม่แปลกจนแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาแน่นอน

ยู่โหลวต้องการอะไรกันแน่ ?

" ข้าเพียงหยอกนางเล่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ? แต่นางสนใจข้าจาดนี้เชียวรึ ? ข้าคงจะมีสถานะที่น่าดึงดูดใจมากสินะ " ฉื่อหยาน คิดกับตัวเอง แต่ก็ยังคงตกตะลึง ทำแสดงสีหน้าเฉยเมยออกมาเหมือนกับไม่ได้คิดอะไร และแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผลหยกวิญญานขาว

" เจ้าไม่เห็นรึว่าภูเขาเสียงอสูรเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดเพียงใด ? " ยู่โหลวดวงตาค่อยๆ เริ่มจริงจัง นางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง " รูปแบบผนึกที่อยู่ด้านนอกของภูเขาเสียงอสูรมีขนาดกว้างขึ้นละกว้างขึ้น และผนึกที่ปกป้องอยู่ภายในเองก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน พวกเจ้าไม่สังเกตุบ้างรึ ? ไม่ใช่ว่าบรรพบุรุษของทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างก็เคยร่วมคิดเกี่ยวกับปัญญานี้หลอกรึ ? "

ตี่ฉาน หยาเมิง อีเทียนโหมว และ คาป้า ตกใจมาก เหมือนกับว่าพวกเขาคิดอะไรได้ ตาของของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว

" เจ้าจะบอกว่า . . . . . . . ? " ตี่ฉานอยากพูดอะไรบางอย่างแต่หยุดลงพร้อมกับมองไปที่คนอื่นที่อยู่ใกล้เคียง และสุดท้ายก็ไม่ได้พูดต่อ

" ข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น " ยู่โหลวยิ้มอย่างขมขื่น " นี่เป็นโอกาสเดียวของเรา และมันก็อาจเป็นเส้นทางหายนะของเราเช่นกัน ครั้งนี้เราต้องทำให้สำเร็จ ข้าคิดว่าทุกคนคงจะรู้แล้วสินะควรทำเช่นไร "

" ข้าจะกลับไปที่เผ่าปีกดำ อีก ไม่เกินห้าวัน ข้าจะกลับมาพร้อมกับดอกบัวทมิฬ ข้าหวังว่าเขาจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ "

สีหน้าของตี่ฉานก็สับสนเล็กน้อย เขาจ้องไปที่ฉื่อหยาน พร้อมกับสะบัดมือและ ปีกสีดำขนาดใหญ่ของเขาก็กระพือจากนั้นร่างของเขาก็หายไป

" ดอก….ดอกบัวทมิฬ ! " หยาจี่รู้สึกว่างเปล่า และกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ ดวงตาของเขาส่องประกายประหลาดออกมา สีหน้าของเขาครึ่งหนึ่งคือยิ้ม และ อีกครึ่งหหนึ่งคือร้องไห้

บนกำแพงเมือง , รุ่นเยาว์ของเผ่าเสียงอสูรรวมทั้ง เชว่เฟยและอีฉู่ปี่ต่างก็ตกใจ ดวงตาของพวกนางก็ส่องประกาย พร้อมกับมองไปที่ฉื่อหยานด้วยความสับสน สีหน้าของพวกนางเปลี่ยนเป็นดุร้ายราวกับว่าพวกนางจะกลืนกินเขา

" ตี่ฉาน เจ้าต้องหยุดตั่วหลงและโน้มน้าวให้เขานำ ขวดน้ำพุสวรรค์มาด้วย " ยู่โหลวมองไปยังทิศทางที่ตี่ฉานบินไปพร้อมกับรีบพูดขึ้น

ตี่ฉานได้หายตัวไป แต่เสียงของเขาก็ยังตอบกลับมาจากที่ไกลๆ " ได้ "

" อะไรนะ ! ? " หยาจี่ เชว่เฟย และอีฉู่ปี่ต่างก็ไม่อาจทรงตัวได้อีกต่อไป พวกเขาร้องออกมาเสียงดังเหมือนกับเห็นผีในตอนกลางวัน และมองไปยังฉื่อหยานด้วยใบหน้าแปลกประหลาด

" นี่ นี่มัน . . . " เสียงพึมพำของรุ่นเยาว์เผ่าเสียงอสูรก็เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น และดูเหมือนพวกเขาจะตกตะลึงเป็นอย่างมาก

" นี่… นี่..เรา . . . . . . . " อีเทียนโหมวมองอย่างละอายใจเล็กน้อย เขาหันไปทางยู่โหลวและพูดว่า " พวกท่านต่างก็รู้ดี สถานที่ในดินแดนแห่งนี้ต่างก็ถูกปกครองโดยเผ่าปีก พวกเราไม่มีอะไรให้ ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากเข้าร่วม แต่ เพียงแต่ . . . . . . . "

หยาเมิงและ คาป้าเองก็รู้สึกระอายเล็กน้อย ตลอดเวลาพวกเขายิ้มอย่างขมขื่น นี่แสดงให้เห็นถึงความขัดสนของพวกเขา

" ข้ารู้ ข้ารู้ พวกเจ้านี่น่าสงสารเสียจริง ถึงแม่ทรัพยากรเหล่านี้ไม่ได้เป็นของพวกเจ้า แต่ . . . . . . . "

หยาเมิง และอีกสองคนก็เงียบ รอฟังความคิดของนาง

" แต่ วิญญานของเผ่าเสียงอสูรนั้นเหนือกว่าเผ่าปีกเป็นอย่างมาก " ยู่โหลวยิ้มและพูดอย่างมั่นใจ " เกี่ยวกับการบ่มเพาะวิญญาน เผ่าเสียงอสูรเต็มไปด้วยความรู้ที่ลึกซึ้งมากมาย ถึงแม้จะไม่สามารถใช้ได้กับเผ่าปีก แต่กับเจ้าชั่วตัวน้อยนี่ มันมีประโยชน์เป็นอย่างมาก อา ข้าหมายความว่าพวกเจ้าหัวหน้าเผ่าทั้งสามสามารถถ่ายทอดความรู้และความลับให้กับเจ้าสารเลวน้อยนี่ได้  พวกเจ้าก็รู้ดีว่าการเพิ่มระดับการบ่มเพาะไปอีกขั้นนั้นมิอาจขาดความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญานได้ พวกเจ้าคิดเช่นไร "

หัวหน้าเผ่าทั้งสามสีหน้าก็เปลี่ยนและพูดออกมาพร้อมกัน : " . . . . . นี่ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ? "

" ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญานคือสิ่งที่สำคับต่อเผ่าเสียงอสูรเรา เราจะปล่อยให้มนุษย์เรียนรู้พวกมันได้อย่างไร ? "

หยาเมิงก็ตกใจ สักพักก็ยืนขึ้นและกล่าวว่า " ถ้าเขารู้ความลับของเผ่าเสียงอสูร และเมื่อเขารุดหน้าทางด้านวิญญานไปมากกว่านี้ นั่นไม่ใช่ว่าเขาจะกลายเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเผ่าเราหลอกรึ ? "

อีฉู่ปี่และ เชว่เฟย ก็ เอามือปิดที่ปากด้วยความตกใจ

พวกนางรู้จักข้อดีของเผ่าเสียงอสูรเป็นอย่างดี แม้ว่าเผ่าเสียงอสูรจะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นรอง แต่เพราะวิญญานของพวกเขา พวกเขาจึงสามารถฆ่ามนุษย์ได้โดยง่าย , ความรู้เกี่วกับวิญญาณของพวกเขาสามารถควบคุมมนุษย์ที่อยู่ในระดับเดียวกับเขาได้โดยมนุษย์คนนั้นไม่สามารถขัดขืนใดๆได้เลย

ในร่างกายของ ฉื่อหยาน มีเปลวไฟนภาซึ่งเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเผ่าเสียงอสูรอยู่

เมื่อเขารู้เกี่ยวกับความลับของเผ่าเสียงอสูร มันก็จะกลายเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขา ถ้าเขาไม่สามารถใช้วิญญานพวกเขาไม่สามารถใช้ความรู้เหล่านี้ในการควบคุมและฆ่าเขาได้ ถ้าวันหนึ่ง ฉื่อหยานสามารถรับมือกับการควบคุมและโจมตีวิญญานได้ จะไม่มีนักรบระดับสูงจากเผ่าเสียงอสูรคนไหนเลยที่สามารถชนะเขาได้

ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆหละก็ ฉื่อหยานก็จะสามารถใช้ความสามารถของเขาทั้งหมดได้อย่างเต็มที่เพื่อกวาดล้างเผ่าเสียงอสูร

" ถ้าเขาไม่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ความตายจะมาเยือนเผ่าเสียงอสูรเร็วกว่าเสียอีก หากเขาไม่สามารถพาเราออกไปจากที่นี่ได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้เขารับมือกับพวกเจ้าได้ เผ่าเสียงอสูรของพวกเจ้าก็จะล้มสลายก่อนที่เขาจะรับมือกับพวกเจ้าได้เสียอีก" ยู่โหลวกระแอมออกมาอย่างเลือดเย็น ดวงตาของนางจู่ๆก็เต็มไปด้วยความโกรธ

" เจ้าเด็กชั่ว ขณะที่เราพูดคุยกันอยู่ เจ้าไม่มีสิทธิ์พูด ! "

หยาจี่กลัวเป็นอย่างมากขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เขาเงียบลงทันทีและโค้งคำนับโดยไม่กล้าที่จะมอง ยู่โหลว

" เจ้ามีอะไรต้องพูดอีก ? " จักพรรดิ์นีตระกูลปีกขาวกลับมาสงบอีกครั้ง จากนั้นก็มองไปยังอีเทียนโหมวและพูดว่า " เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกรึ ? "

" wfh ผมจะสอนเข้าเกี่ยวกับความรู้และความลับต่างๆของวิญญานเผ่าเสียงอสูรเรา " อีเทียนโหมวลังเลเล็กน้อย เขาเป็นคนแรกที่เห็นด้วย

แม้ว่าในหัวใจ หยาเมิงและ คาป้า จะไม่ได้อยากทำ แต่เมื่อคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลกที่เกิดขึ้นในภูเขาเสียงอสูร มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกหนาวเข้ากระดูก พวกเขาจึงตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ อีเทียนโหมวด้วยการตัดสินใจที่ยากลำบากเขาก็พยักหน้าให้กับหัวหน้าอีกสองคนของเผ่าเสียงอสูร

การแสดงออกของฉาวจื่อหลาน กู่หลินหลงและซูหยานซิงก็ตกใจเป็นอย่างมาก ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ทำให้พวกนางรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนกับหมองที่ไร้ตัวตน

พวกนางไม่รู้ว่าอะไรกันที่ฉื่อหยานจะทำให้พวกเขา แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์สมัครใจเสียสละทรัพยากรของพวกเขา ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังปฏิบัติตามความต้องการของเขาอีก แม้แต่สมบัติที่มีค่าที่สุดก็มอบให้เขา

ในสายตาของคนเผ่าเหล่านี้ ฉื่อหยานนั้นเป็นยิ่งเสียกว่าพ่อแท้ๆของพวกเขาเสียอีก ตรงกันข้าม พวกนางที่มาจากโลกภายนอกเช่นเดียวกัน แต่กลับกลายเป็นนักโทษของพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่ได้ถูกฆ่า แต่ก็ถูกถูกเสนอตัวให้ฉื่อหยาน และเป็นเครื่องมือของเขา เพื่อเป็นที่ระบายอารมณ์ทางเพศ หรือไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาต้องการจะทำ

เปรียบเทียบระหว่างเขาและพวกนางแล้ว ฉาวจื่อหลาน รู้สึกกังวลใจและนางอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดหลายๆครั้งและก็ชาปแช่งถึงความไม่เป็นธรรมของพระเจ้าที่มีต่อพวกนาง

" มันก็เท่านี้แหละ มันไม่ได้มีอะไรยากไปเลย . " ยู่โหลวแสดงออกอย่างจริงจัง " เช่นนั้น พวกท่านทั้งสามก็จัดที่พักให้กับเจ้าเด็กบ้านี่ด้วย จากนั้นข้าจะเลือกคัมภีร์เกี่ยวกับความรู้เรื่องวิญญานมาเล่มหนึ่ง แน่นอนว่าข้าจะอ่านคัมภีร์ความรู้วิญญานของพวกเจ้า ตอนที่ข้าเลือกพวกมัน พวกเจ้าเองก็สามารถอยู่กับข้าได้ ดีหรือไม่ ? "

หยาเมิง คาป้า อีเทียนโหมวเขาอยากจะตอบปฏิเสธกลับไปเป็นพันๆครั้ง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก นอกจากเห็นด้วย

" ในส่วนกลางของราชวังที่เราทั้งสามอยู่ มีที่พักอยู่ไม่ไกลจากเรา เราจะให้เขาอยู่ที่นั่น " อีเทียนโหมวก็คิดสักพักแล้วพยักหน้าพูดกับอีฉู่ปี่ " เจ้าพาจักพรรดิ์นียู่โหลวและฉื่อหยาน ไปที่พักที จัดการเรื่องเหล่านี้ให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นเราค่อยมาคุยกันที่หลัง"

" ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพ่อ " อีฉู่ปี่พยักหน้าของนางด้วยสีหน้าที่สับสน .

ไม่ว่านางจะคิดยังไง นางก็ไม่คิดว่า ฉื่อหยานจะมาได้ถึงขนาดนั้น นี่ได้ไม่เพียงแต่ไม่ถูกตั่วหลงฆ่า แต่กลับได้รับการปกป้องจากยู่โหลวและตี่ฉาน นอกจากนี้ตี่ฉานและยู่โหลว ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าและจักพรรดิ์นีของเผ่าปีก พฤติกรรมของพวกเขาที่มีต่อฉื่อหยาน ยังแปลกประหลาดอีกด้วย พวกเขาไม่กลัวที่จะสูญเสียสมบัติและมอบมันให้กับฉื่อหยานเลย

ทั้งหมดนี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

อีฉู่ปี่รู้สึกว่าหัวนางหนักขึ้น นางนึกถึงตอนที่ฉื่อหยานอยู่ในป่าแห่งนั้นด้วยความกลัว เป็นไปไม่ได้เลย ที่เขาจะรอดจากการควบคุมวิญญานของนาง แต่ตอนนี้ ด้วยเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนางไม่รู้เลยว่าตอนนี่้นางจะพูดยังไงดี

" สาวน้อย เชิญนำทาง " จักพรรดิ์นีตระกูลปีกขาวยิ้มขึ้นแล้วชี้ไปที่หญิงสาวทั้งสาม ฉาวจื่อหลาน กู่หลินหลงและซูหยานซิง พร้อมกับมีริบบิ้นลอยออกไปจากแขนของนาง และมัดหญิงสาวทั้งสามไว้

ยู่โหลว ในมือข้างหนึ่งก็ดึงริบบิ้น ราวกับว่านางกำลังจูงสัตว์เลี้ยงของนาง และนำนักหญิงสาวทั้งสาม บินไปบนฟ้า ส่วนอีกมือก็ประคองฉื่อหยานไว้ นางทำทุกอย่างด้วยความรดวเร็ว และยังไม่ลืมที่จะพูดล้อเลียนฉื่อหยานเบา" นี่ ไม่ใช่เพราะข้าต้องการช่วยเจ้าหลอกนะ ข้าเพียงช่วยเผ่าพันธุ์ทั้งสองของเราต่างหาก ถ้าเจ้าไม่ทำให้เต็มที่หละก็ อย่าว่าแต่ตี่ฉานเลย ข้านี่แหละจะฉีกร่างเจ้าออกเป็นชิ้นๆ”

" ไอ้หย๊า... ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ขอบคุณท่านมาก ฮ่าๆ มันกระทันหันจิรงๆ ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะทำเช่นนี้เพื่อข้า ฮ่าๆ ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำกับท่านอย่างดี "

" ทำกับท่านอย่างดี ? หึ ถ้าเจ้าไม่ห่วงชีวิตหรือไม่เกรงกลัวความตาย ก็เชิญ ถ้าเจ้าไร้ซึ่งประโยชน์แล้วหละก็ ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกตายเสียดีกว่าอยู่แน่นอน"

" อย่ากังวลไป ข้ารู้ว่าท่านทำดีกับข้าเช่นนี้เพราะอะไร ไม่ต้องห่วง เพื่อท่านแล้ว ข้าจะพยายามทำลายมันให้เร็วที่สุด ด้วยพลังของเปลวไฟนภาที่แข็งแกร่งข้าจะต้องทำลายผนึกในภูเขาเสียงอสูรได้แน่นอน" .

" ข้าหวังว่าพลังของเจ้าจะทำอย่างนั้นได้จริงๆ ถ้าไม่แล้ว ก็ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้ "

หลังจากนั้นไม่นาน ปราสาทหินอันใหญ่โตก็ปรากฏต่อหน้าฉื่อหยานไป ห้าสิบเมตร

อีฉู่ปี่หลังจากมาถึงด้านหน้าปราสาท นางก็โบกมือให้ยู่โหลว

ยู่โหลวเอาฉื่อหยานและสามหญิงเชลยไปด้วย และบินไปตรงที่อีฉู่ปี่ชี้ นางล่อนลงยื่นบนยอดปราสาท

อีฉู่ปี่ยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ที่มีขนาดเท่ากับสนามบาสเกตบอลและ ชี้ไปที่ประตูหินที่ปิดแน่นแต่ละบ้าน และหันไปพูดกับยู่โหลวและฉื่อหยาน " มีห้องพักอยู่ที่นี่เก้าห้อง มีห้องน้ำ และ . . . .

" ไม่เป็นไร " ยู่โหลวเหวี่ยงสบัดมือส่งสัญญานให้อีฉู่ปี่หยุดพูด และโยนหญิงสาวทั้งสามลงไม่สนใจว่าพวกนางจะรู้สึกยังไง . " เจ้ากลับไปได้แล้ว ข้าจะเตรียมตัวอีกสักเล็กน้อย แล้วข้าจะไปหาพ่อของเจ้า เพื่อตรวจสอบคัมภีร์ความรู้เกี่ยวกับวิญญานของเผ่าอสูรล่วงหน้า .

" ค่ะ " อีฉู่ปี่ ไม่กล้าพูดอีก นางพยักหน้า และมองไปฉื่อหยานอย่างสับสนและถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

" โอ้ เจ้าชั่วตัวน้อย เจ้านี่ชั่วร้ายจริงๆ นางดูเหมือนจะสนใจเจ้าเป็นพิเศษนะ เจ้ามีอะไรเกี่ยวข้องกับลูกสาวของอีเทียนโหมวงั้นรึ"

" ใครกันรึ? " ฉื่อหยาน แกล้งทำเป็นไร้เดียงสา .

" หึ หึ " ยู่โหลวก็ยิ้มเล็กน้อยและสบัดมือขาวเนียนเหมือนหยกของนาง ริบบิ้นที่พันร่างของหญิงสาวทั้งสามก็ลอยกลับเข้าไปในแขนเหมือนกับงู , นางผ่อนแขนลง และจักพรรดิ์นีปีกขาวก็พูดขึ้นอย่างเรียบเฉย " ข้ารู้ว่าห้วงจิตสำนึกของเจ้าเกิดการผิดปกติชั่วคร่าว แต่มันเป็นสิ่งที่พิเศษ ห้าปีศาจตอนนี้ยังคงสงบอยู่ แต่มันก็พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายตลอดเวลา. ข้าจะปล่อยพวกนางทั้งสามไว้กับเจ้า ถ้าพวกยังไม่เพียงพอ ข้าจะหามาให้เจ้าเพิ่ม ข้าจะไปรับคัมภีร์ความรู้เกี่ยวกับวิญญานของเผ่าเสียงอสูรมาให้เจ้า ข้าจะหาทุกอย่างมาให้ตามที่เจ้าต้องการ โดยที่เจ้าไม่ขาดเหลือสิ่งใด ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถทำลายมันได้เร็วขึ้น เราไม่สามารถรอได้นานนัก "

" มันเป็นไปได้ว่าภูเขาเสียงอสูรจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นงั้นรึ ? " ฉื่อหยานถามอย่างรอบคอบ

พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นยู่โหลว ก็กล่าวว่า " ข้าจะไม่ปิดบังเจ้า ตอนนี้ภูเขาเสียงอสูรแปลกไปอย่างมาก เป็นไปได้สูง ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทั้งสองเผ่าของเราจะต้องพินาศแน่ๆ อ๊ะ แน่นอน เมื่อภูเขาเสียงอสูรนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น ดินแดนแห่งนี้ก็จะหายไป นั่นหมายความว่า แม้แต่เจ้า ก็มิอาจหลีกเลี่ยงความตายได้"

ฉื่อหยานตกใจหยุดสักครู่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อว่า " ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าเหตุใดตี่ฉานและคนอื่นๆถึงทำดีกับข้า " .

" เอ่อ . . . ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นไม่เพียง แต่เพื่อความปลอดภัยของทั้งสองเผ่าพันธุ์ แต่นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเจ้าด้วย ดังนั้น ด้วยชีวิตของเจ้าเอง เจ้าควรจะพยายามให้มากขึ้น มิฉะนั้น ถึงแม้ว่าเราจะไว้ชีวิตเจ้า เจ้าก็คงไม่รอดอยู่ดี . " ยู่โหลวกล่าวอย่างจริงจัง

" ข้าเข้าใจแล้ว " ฉื่อหยานพยักหน้า .

" ดี ข้าจะไม่พูดเรื่องนี้อีก หญิงสาวทั้งสามพวกนางไม่สามารถขัดขืนได้ ในขณะกำลังฝึกบ่มเพาะ หากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น เจ้าสามารถใช้พวกนางเป็นที่ระบายได้ตลอดเวลา เอ่อ . . . เจ้าสามารถทำกับพวกนางจนตายได้ ตราบที่เจ้าต้องการหนะนะ และถ้าพวกนางตาย ข้าก็จะหาหญิงสาวคนอื่นมาให้เจ้า เพียงแต่เจ้าต้องพยายามทำลายผนึกให้ได้เร็วที่สุด . " ยู่โหลวมองตรงไปยังหญิงสาวทั้งสาม ฉาวจื่อหลาน และอีกสอง คำพูดของนางทำให้พวกนางหนาวสั่นไปถึงกระดูก , ในสายตาของนาง พวกนางทั้งสามเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น .

ใบหน้าของหญิงสาวสูงส่งทั้งสามในทะเลไม่มีสิ้นสุดกลายเป็นมืดมน หลังจากที่ได้ยินคำพูดของยู่โหลว ร่างกาบที่ทรงเสน่ห์ของพวกนางก็สั่นสะท้าน แต่ก็ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆออกมา

" เช่นนั้นก็ ดูแลตัวเองด้วย"  ยู่โหลวกระพรือปีกของนาง ร่างกายของนางค่อยๆเอนเอียง และค่อยๆบินออกไป

" ที่นี่เงียบสงบและปลอดภัยเป็นอย่างมาก เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลใดๆ แล้วตั้งใจฝึกบ่มเพาะซะ . . . . . . . " เสียงของยู่โหลวค่อยๆดังขึ้นหลังจากที่ร่างของนางบินห่างไปไกลแล้ว

ในห้องโถงขนาดใหญ่ ฉื่อหยานรำพึง คิดถึงบางอย่าง

ห่างไปห้าเมตร ,หญิงสาวทั้งสาม ฉาวจื่อหลาน กู่หลินหลงและซูหยานซิงเป็นกังวลและรู้สึกไม่มั่นคง พวกนางนั่งอยู่บนพื้นหิน ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัว นางมองหน้ากันและกัน

เวลาผ่านไป

ฉื่อหยาน ก็ยังไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าที่สวยงามของฉาวจื่อหลานยังคงเรียบเฉย โดยไม่ปริปากพูดใดๆ นางมองฉื่อหยาน อยู่สักพัก เมื่อเห็นฉื่อหยานก็ไม่ได้มีเจตนาจะพูดอะไร นางก็กระแอมออกมาอย่างหงุดหงิด

เมื่อเขาตื่นจากสมาธิ , ฉื่อหยานก็ ขมวดคิ้ว และมองไปที่พวกนางอย่างเย็นชา และบอกว่า " พวกเจ้านี่โชคร้ายเสียจริง "

"เจ้าก็แค่โชคดีที่ก้าวเหยียบอึหมาได้เท่านั้น" [TL.มันก็คือโชคดีที่มีบางสิ่งนั่นแหละครับ]  กู่หลินหลงขบฟันแน่นและมองตาขวางไปที่เขา " ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าจะเป็นคนน่ารังเกียจเช่นนี้ , ไม่เพียง ให้ความร่วมมือกับพวกเผ่าคนเถื่อน แต่ยังอยากช่วยพวกคนเหล่านั้นออกไปจากที่นี่อีก เจ้ารู้หรือไม่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ? "

" ไม่เป็นการฉลาดเลยนะที่ทำให้ข้าโกรธ . " ฉื่อหยานยิ้ม ร่างของเขาค่อยๆเข้าไปใกล้กับกูหลินหลง เขาเหยียดมือของเขาออกไปและลูบคางที่อ่อนนุ่มของกู่หลินหลงอย่างเพลิดเพลิน และกล่าวว่า " เจ้ารู้มั้ย ข้าสามารถสร้างความอัปยศให้เจ้าที่นี่ได้ โดยไม่มีใครกล้าตำหนิสักนิด "

กู่หลินหลงสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และนางก็เหวี่ยงหมัดไปที่ฉื่อหยาน แต่นางนั้นลืมไปว่าพลังของนางนั้นถูกผนึกอยู่. เมื่อหมัดเล็กๆของนางเหวี่ยงออกมา นางก็รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

" อื้อ ซุกซนจริงๆ ข้าหวังว่าเมื่อข้าเล่นกับเจ้า เจ้าจะยังคงขัดขืนเช่นนี้นะ" ฉื่อหยานยิ้มเยาะ เขาค่อยๆบีบหน้าอกอันอ่อนนุ่มกู่หลินหลงอยู่สักครู่ " เอ่อ . . . ถึงแม้จะเล็กแต่ก็ยืดหยุนดี สมแล้วที่เจ้าชื่อกู่หลินหลง [TL. ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน กู่หลินหลง แปลว่าอะไร]”

" อ๊ะ " กู่หลินหลง ไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้นางถอยล่นไปด้านหลังด้วย น้ำตาที่ไหลหลิน และจ้องฉื่อหยานด้วยแววตาขวาง . " ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า ! "

" บางทีตระกูลของเจ้าอาจจะมีโอกาส แต่เจ้านั้นทำไม่ได้แน่นอน " สีหน้าของฉื่อหยาน ก็เย็นชา รูปของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและปรากฏข้างหลังกู่หลินหลง มือใหญ่ของเขาตบไปที่แก้มก้นอันอวบอิ่มของนาง และพูดขึ้น " ก้นอวบอิ่มดี ไม่เลว มาม๊ะข้าจะดูแลเจ้าอย่างดี "

" พอได้แล้ว !เจ้าก็แค่ไก่อ่อนที่ได้แต่ลังแกผู้หญิง เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่อีกรึ ? " ซูหยานซิง ดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธ นางไม่อาจทนไม่ได้จึงตะโกนออกมา

" โอ้.. " ฉื่อหยาน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา " ตอนแรก พวกเจ้าเกือบร้อยคนไล่ตามล่าเรา นั่นยังเรียกว่ากล้าหาญอีกรึ ? เจ้าคือซูหยานซิงสินะ ? เทพธิดาแห่งดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจำสิ่งที่เจ้าทำกับข้าและซินหยานบนเกาะเหมินลั่วได้หรือไม่ ? ในตอนนั้น เราในสายตาของเจ้าเป็นเหมือนมด ที่เจ้าจะบี้ให้ตายตอนไหนก็ได้ "

ซูหยานซิงแววตาก็เปลี่ยนไป นางจำได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบนเกาะเหมินลั่ว

ในตอนนั้น นางไม่รู้จักสถานะที่แท้จริงของฉื่อหยานและเซี่ยซินหยาน เพื่อที่จะไขความลับของภูเขาน้ำแข็ง นางได้ส่งฉื่อหยานและเซี่ยซินหยานไปตาย และสุดท้ายก็ปล่อยให้เขาตกลงไปในหลุมลึกอย่างเย็นชา นั่นทำให้ตระกูลหยางโกรธเป็นอย่างมาก , และก็นั่นก็คือต้นเหตุที่ทำให้ดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์ได้รับการสูญเสียเป็นอย่างมาก

เพราะการกระทำที่ผิดพลาดของนาง ทำให้ดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์ต้องสูญเสียไปอย่างมากมาย ผู้อาวุโสหลายคนของดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์รู้สึกผิดหวังกับนางเป็นอย่างมาก และเกือบจะถอนตำแหน่งเทพธิดาของนาง ซึ่งทำให้นางไม่พอใจและเกลียดฉื่อหยานเข้ากระดูก

ตอนนี้ ตระกูลหยางเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และนางก็เป็นคนแรกที่อาสาเข้ามาร่วมรบในทะเลเคียร่า ด้วยเหตุผลเดียวกับกู่หลินหลงก็คือ เพื่อแก้แค้น ฉื่อหยาน

เช่นเดียวกับชีวิตที่ไม่อาจคาดเดาได้ นักรบชั้นยอดหลายคนตามเข้ามาในหุบเหวสนามรบ แต่พวกเขาก็ไม่สามาถฆ่าฉื่อหยานได้ แต่การตามฉื่อหยานมาทำให้พวกเขากลายเป็นเหมือนตอนนี้

" ไง เจ้าพูดไม่ออกรึ ? " ฉื่อหยานก็พูดขึ้นและยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็กเ่วอย่างรวดเร็วและปรากฏอยู่ด้านหน้าซูหยานซิง เสียงร้องของนางดังขึ้นเมื่อฉื่อหยานยื่นแขนของเขาไปลูบไล้ใบหน้าของนาง จากนั้นดึงหน้ากากบางๆของนางออกมาราวกับว่ามีบางสิ่งที่พุ่งออกมาจากใบหน้าของนาง

คิ้วของนางสูงเหมือนภูเขา , ใบหน้าของนางงดงามราวกับภาพวาดที่ละเอียดอ่อน โดยไร้ซึ่งการแต่งแต้ม นางกลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ นี้แน่นอนเลยว่าความงดงามของนางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าฉาวจื่อหลานเลย

ฉาวจื่อหลาน และกู่หลินหลงเองก็ดูเหมือนว่าพึ่งจะเคยพบเห็นใบหน้าที่แท้จริงของซูหยานซิง ช่วงเวลาที่ใบหน้าของนางถูกเปิดเผย หญิงสาวผู้งดงามคนนี้ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย และช่วยไม่ได้ที่นางจะเริ่มร้องออกมา

ผู้หญิงมักจะมีแนวโน้มที่จะเปรียบเทียบลักษณะของตนเองกับหญิงสาวคนอื่น ไม่ว่ายังไงก็ตาม กู่หลินหลงและฉาวจื่อหลาน ก็เริ่มเปรียบเทียบตัวเองกับนางอย่างเงียบๆ

เมื่อฉาวจื่อหลานเงียบสักครู่ นางก็ยิ่มขึ้นเล็กน้อย , และตระหนักว่าไม่ว่ามุมไหนนางนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าซูหยานซิงเลย แต่นางก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

กู่หลินหลงดูเหมือนจะเศร้า และหงุดหงิด สีหน้านางดูไม่ค่อยดี นางรู้ว่าความงดงามของนางนั้นด้อยกว่าพวกนาง และนั่นก็ทำให้นางไม่มีความสุข

ฉื่อหยานตกตะลึงเล็กน้อย จ้องมองไปที่ซูหยานซิง สักพักก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา " มันค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า ดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์อาจไม่เลือกผู้หญิงน่าเกลียดเป็นเทพธิดาได้ ฮ่า ฮ่า ยิ่งเจ้างดงามเพียงใด ก็ยิ่งดี เมื่อข้าเล่นกับเจ้า ข้าจะได้ไม่เบื่อ "

ซูหยานซิงรู้ว่าถึงต่อต้านไป มันก็ไร้ประโยชน์ ภายใต้การจ้องมองจากดวงตาของฉื่อหยาน นางก็มองเขากลับไปด้วยสายตาที่เย็นชาและพูดขึ้นด้วยความโกรธ" แม้ว่าตระกูลหยางของเจ้าจะโหดร้ายและทะเยอทะยาน  แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ผู้ที่จะลังแกผู้หญิง ดูเหมือนเจ้าจะเป็นข้อยกเว้นสินะ "

" ใช่แล้ว " ฉื่อหยานหัวเราะเสียงดัง เขาเกยคางของซูหยานซิงอย่างหลงใหล " ข้าคิดว่าในทะเลไม่มีสิ้นสุดไม่เคยเห็นเจ้าเช่นนี้แน่ ไม่ต้องพยายามพูดเพื่อเอาตัวรอด ข้าไม่อยากตะเชื่อเลยว่าโชคชะตาของข้าที่นี่จะดีเป็นอย่างมาก ในดินที่บ้าๆแห่งนี้ ข้าสามารเพลิดเพลินกับทุกอย่างได้อย่างอิสระ "

" ฉื่อหยาน เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เราคุยกันก่อนไม่ได้รึ ? " ฉาวจื่อหลาน ก็ครุ่นคิดอยู่สักพักก็พูดขึ้น นางดูสงบมากกว่ากู่หลินหลงและซูหยานซิง นางยังคงยิ้มอย่างใจเย็น และกล่าวว่า " ในสถานการณ์ตอนนี้ เจ้าอาจจะได้รับความเคารพ แต่ยังไม่ถือว่าแตกต่างจากเรามากนัก

ฉื่อหยาน ก็เค้นเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา , เขาละทิ้งซูหยานซิงทันที และเหลือบมองไปที่ฉาวจื่อหลานและหัวเราะเยาะนาง " ไม่ต่างกันรึ ? ทำไมข้าถึงไม่รู้สึกเช่นนั้นกัน ข้ารู้เพียงว่าพวกคนเผ่านอกรีตเหล่านั้น ต่างก็ต้องการเอาใจข้า มอบทรัพยากรให้ข้า พาพวกเจ้ามาให้ข้าเล่นสนุก และเจ้าหละ เจ้ามีอะไรบ้าง เจ้าก็เป็นเพียงเครื่องมือ เครื่องมือระบายความต้องการของข้า นอกเหนือจากนั้น ข้าก็ไม่รู้แล้วว่าเจ้าสามารถทำอะไรได้ .

" ฉื่อหยาน เจ้ามีน้ำใจเล็กๆน้อยบ้างมิได้หรือ ? " ซูหยานซิงตะโกนออกมา ถึงแม้จะอ่อนแอ ถ้าก็ยังคงทีร่างกายที่แข็งแรง นางเป็นคนแรกที่ตะโกนถาม ฉื่อหยาน กู่หลินหลง ร่างกายของนางก็สั่นเทาด้วยความโกรธเล็กน้อย นางขบฟันแน่น และพึ่งจะตระหนักได้ถึงความต่างของนางกับเขา ดังนั้น นางจึงไม่กล้าต่อต้านเขาอีก ฉื่อหยาน นั้นยโสโอหังและดื้อรั้นเพียงใด นางนั้นก็เคยประสบมาแล้ว สองสถานที่สำคัญในร่างกายของนางได้ถูกละเมิดไปแล้ว ทำให้ความเย่อหยิ่งของกู่หลินหลงหายไป นางนั้นได้เข้าใจสถานการ์ของนางอย่างชัดเจนแล้ว ในดินแดนบ้าๆแห่งนี้ เมื่อร่างกายนางถูกผนึกไว้ เพียงแค่นางพูดยั่วเขานิดเดียว เขาก็ใช้นิ้วล่วงละเมิดนางแล้ว

" มีน้ำใจเล็กน้อยงั้นรึ ? " สีหน้าของฉื่อหยาน ก็แปลกไป " แล้วเจ้าหละมีน้ำใจบ้างหรือไม่ ? เจ้ามันก็แค่โสเภณี เลิกแกล้งทำเป็นเทพธิดาได้แล้ว " .

ใบหน้าที่สวยงามของซูหยานซิงก็เปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนกระดาษ ร่างกายสง่างามของนางสั่นสะท้านพร้อมกับขบฟันแน่น ดูเหมือนนางนางกำลังควบคุมตัวเองไม่ให้ไปยั่วยุฉื่อหยาน

ฉาวจื่อหลาน ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น " ในสายตาของคนเผ่าเหล่านั้นเราก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือ ' ข้ารู้จักเจ้า ฉื่อหยาน เจ้าเพียงแค่แตกต่างจากเราเล็กน้อยเท่านั้น ยังไงหนะรึ ? ตอนนี้เจ้ายังมีประโยชน์ต่อพวกเขาอยู่ แต่เมื่อเจ้าหมดประโยชน์แล้วหละ สภาพของเจ้าอาจจะแย่กว่าเราก็ได้ เมื่อถึงตอนนั้น ตอนที่คนเหล่านั้นไม่ต้องการอะไรจากเจ้าแล้ว เจ้าจะได้รู้ว่าพวกเขาปฏิบัติกับเราโหดร้ายเช่นไร"

เขาพยักไหล่ของเขาอย่างเรียบเฉย " เจ้าพูดเสร็จหรือยัง ? "

ฉาวจื่อหลาน ก็ประหลาดใจนางพยักหน้าอย่างหมดหนทาง

" ไม่ว่าอนาคตของข้าจะเป็นเช่นไร อย่างน้อย ตอนนี้ข้าก็ยังปลอดภัย และยังสามารถทำทุกอย่างได้อย่างอิสระ และแสวงหาความสุขทุกสิ่งได้จากคนเผ่าเหล่านี้ , และเจ้าก็หนึ่งในนั้น . " ฉื่อหยานยิ้มและพูดขึ้นอย่างเย็นชา " ฉาวจื่อหลาน , ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะพูดอะไร เจ้าต้องการให้ข้าร่วมกับเจ้าเพื่อร่วมมือกันกำจัดคนเผ่านอกรีตเหล่านี้ ใช่หรือไม่ ? "

ฉาวจื่อหลานพยักหน้า

" กับพวกเจ้าหนะรึ ? " ฉื่อหยานพูดขึ้นอย่างไม่สนใจใดๆ " แม้ว่าข้าจะช่วยเจ้า แล้วพวกเจ้าคิดหรอว่าจะสามารถช่วยข้าได้ ? เผ่าเสียงอสูรคนเดียวก็สามารถจับพวกเจ้าทั้งหมดและขังได้แล้ว เจ้ายังบอกว่าจะสู้กับพวกเขาอีกรึ ? คาป้า หยาเมิง แม้ว่าคนเหล่านั้นจะมีร่างกายอ่อนแอ แต่การบ่มเพาะวิญญานของพวกเขาอยู่ในระดับพระเจ้าแล้ว เพียงแค่เขาคิด วิญญานของเจ้าก็สามารถแตกสลายได้ง่ายๆ และเจ้าก็โง่เป็นอย่างมากที่คิดว่าเจ้าสามารถเป็นประโยชน์ให้กับจ้าได้ "

การแสดงออกของกู่หลินหลงและซูหยานซิงก็สิ้นหวังสีหน้าของพวกนางกลายเป็นซีดเซียว

ในทางตรงกันข้าม ฉาวจื่อหลาน กลับไม่แสดงอาการใดๆออกมา แล้วบอกว่า " เจ้าพูดถูก จริงๆแล้วเราไม่สามารถรับมือหรือต่อต้านคนเผ่าเหล่านั้นได้เลย แต่ถ้าเจ้าสามารถคืนความแข็งแกร่งให้ข้าได้หนึ่งคืน ข้าจะสามารถติดต่อกับตระกูลฉาวได้ . เมื่อข้าส่งข้อความออกไป ข้าคิดว่า ตระกูลฉาวจะต้องมีทางออกให้เราแน่นอน”

" ติดต่อโลกภายนอกรึ ? " ฉื่อหยาน , ก็ตกตะลึงเล็กน้อย "

" ใช่แล้ว ข้าต้องทีเวลาเพียงพอในการเตรียมตัว ข้าจึงจะสามารถติดต่อกับตระกูลฉาวได้ "

ฉาวจื่อหลาน พูดขึ้นอย่างมั่นใจ " เมื่อผมส่งข้อมูลของสถานที่แห่งนี้ไป ด้วยสติปัญญาของนักรบชั้นยอดในทะเลไม่มีสิ้นสุด เราจะสามารถรับรู้เรื่องของคนเผ่าพวกนั้นได้อย่างรวดเร็วและรู้ถึงวิธีการรับมือกับพวกเขา . "

" โอ้ " ฉื่อหยานพยักหน้าพร้อมกับลูบคางของเขา และพูดขึ้น " วิธีการของเจ้าดีไม่เลว แต่ขอโทษด้วย ข้าไม่ขอร่วมด้วย ไม่เพียงแค่นั้น , ข้ายังจะจับตาดูเจ้าอย่างระวังอีกด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าติดต่อกับใครได้”

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ใบหน้าที่สวยงามของกู่หลินหลงและซูหยานซิงก็เปลี่ยนไปและมองตาขวางไปที่ฉื่อหยาน

" ฉื่อหยาน " ฉาวจื่อหลานพูดยืนกราน " ข้าอยากให้เจ้าคิดทบทวนอีกที , ตระกูลเสียงอสูรมีข้อได้เปรียบและสามารถจัดการกับเราได้อย่างง่ายดาย ด้วยวิญญานที่พิเศษของพวกเขา พวกเขาสามารถฆ่าเราได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าทั้งสามของเผ่าปีกอีก พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีความคิดที่ชั่วร้ายด้วยพลังที่พิเศษของพวกเขา เมื่อพวกเขาเข้าสู่ทะเลไม่มีที่สิ้นสุด มันจะเกิดหายนะขึ้นกับนักรบในทะเลไม่มีสิ้นสุด และนั่น จะเกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่กับเราเผ่ามนุษญ์เป็นอย่างมาก ถึงเจ้าจะไม่ชอบข้า , เจ้าก็ควรมองภาพรวมบ้าง "

" ปัญหาเกี่ยวกับชีวิตและความตายของคนเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้าเลย " สีหน้าของฉื่อหยานก็ไม่แยแส

" ข้ารู้ดีว่าไม่มีใครปล่อยตระกูลหยางไปแน่นอน และแน่นอนว่านั่นก็รวมถึงข้าเช่นกัน ข้าไม่ใช่วีรบุรุษ ฉะนั้นข้าไม่สน"

" เจ้า ! " กู่หลินหลงก็ทนไม่ได้อีกต่อไป " เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่ ? เจ้าก็รู้ดีว่าพวกเรามนุษย์จะสูญเสียมากเพียงใดหากทั้งสองเผ่าพันธุ์ไปยังทะเลไม่มีสิ้นสุด จะมีคนตายกี่คน จากการกระทำของเจ้า ! "

" อะไร ? " ฉื่อหยานก็ยิ้มและพูดอย่างเย็นชา " แล้วการ เจ้ารวมมือกับเผ่าอสูรจากดินแดนสี่อสูร นั่นเป็นเรื่องที่ดีรึ ? เพราะพวกเจ้า เผ่าอสูรและเผ่าทมิฬจึงสามารถบุกรุกมายังทะเลไม่มีสิ้นสุดได้ บางทีผู้คนในทะเลไม่มีสิ้นสุด ตอนนี้กำลังตกอยู่ในความทุกข์ทรมานก็ได้ เพียงแค่เพิ่มคนเผ่าไปอีกสองเผ่าจะเป็นไรไป ไม่แน่ทั้งสองเผ่าอาจจะสามารถกำหราบพวกเผ่าอสูรได้ก็ได้”

" อะไรนะ ? " เฉาจื่อหลาน กู่หลินหลงและซูหยานซิงก็อุทานออกมาด้วยสีหน้าตกตะลึง

" เผ่าอสูรและเผ่าทมิฬร่วมมือกันงั้นรึ หากพวกเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬรวมมือกันจริง อันดับแรก พวกมันจะฆ่าล้างตระกูลหยางแน่นอน เพื่อทำลายการป้องกันประตูสวรรค์ที่เชื่อมต่อกับดินแดนสี่อสูร หลังจากนั้นไม่นาน , เผ่าอสูรและเผ่าทมิฬก็จะร่วมมือบุกเข้ามาในทะเลไม่มีสิ้นสุด ตอนนี้ในทะเลไม่มีสิ้นสุด บางทีอาจจะตกอยู่ในกำมือของเผ่าอสูรและเผ่าทมิฬแล้วก็เป็นได้ ถึงแม้เจ้าจะส่งข้อความไป มันก็ไร้ประโยชน์ " ฉื่อหยานยิ้มขณะที่พูด

สามสาวก็กลายเป็นสับสน ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยตกตะลึง พวกนางรู้สึกหนาวไปถึงขั่วกระดูกและสิ้นหวัง

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด