ตอนที่แล้วบทที่ 248 ข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 250 มีสิ่งใดต้องกลัว ?

บทที่ 249 การเปลี่ยนแปลงของห้วงจิตสำนึก


บทที่ 249 การเปลี่ยนแปลงของห้วงจิตสำนึก

ภูเขาเสียงอสูร

ในดินแดนสวรรค์ของเหล่าสัตว์อสูร เปลวไฟลุกโชนรวมตัวกันและเกิดเป็นลูกไฟที่ร้อนระอุจำนวนมากไหลเข้าไปในถ้ำขนาดใหญ่ในภูเขา

ที่ทางเข้าถ้ำ มันเต็มไปด้วยพลังหยินที่แปลกประหลาด มันหนาวเย็นตลอดเวลาซึ่งกลั่นตัวและหลอมตัวกันหนาแน่นตลอดเวลา เมื่อเปลวไฟนภาไหลเข้ามา พลังหยินที่แปลกประหลาดเหล่านี้ก็ถูกเผาผลสญ เกิดเป็นเสียง " บูม บูม " พร้อมกับมีไอของพลังหยินลอยระเหยขึ้น

ใกล้กับภูเขาเสียงอสูร สายฟ้าและฟ้าผ่าฟาดลงมาอย่างรุนแรง สายฟ้าเหล่านี้เป็นเหมือนกับงูที่มีชีวิตที่ฟาดผ่าลงมาจากฟากฟ้าลงมาที่ภูเขา

ฉื่อหยานยืนอยู่ไม่ไกลจากถ้ำทางเข้า เขาใช้พลังของเปลวไฟนภาทำลายผนึกที่อยู่ในถ้ำ

สัตว์อสูรเสียงที่บินออกมา ทันทีก็บินกลับเข้าไปในภูเขาเสียงอสูรทันทีที่พวกมันเห็นฉื่อหยาน ไม่มีสัตว์อสูรตนใดกล้าออกมาด้านนอก

ฉื่อหยานไม่เพียงแต่ได้ดูดซับพลังหยิน แต่เขายังมีพลังของเปลวไฟนภาที่สามารถพวกมันได้อีกด้วย ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วที่จะทำให้พวกมันหวาดกลัวและไม่กล้าที่จะสร้างปัญหา

แม้แต่สัตว์อสูรยังรู้จักพลังที่เป็นศัตรูตามธรรมาชาติของมัน  รอบๆฉื่อหยานพวกมันไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขา และกลัวว่าจะถูกเผาตาย เคล็ดวิชาพิเศษของ ฉื่อหยาน ที่สร้างเป็นวงหมุนขึ้นมานั้นสามารถแย่งชิงพลังหยินซึ่งเป็นพลังที่จำเป็นในการดำรงชีวิตของพวกมัน

การมีตัวตนอยู่ของฉื่อหยาน นับได้ว่าเป็นศัตรูตามธรรมชาติของเผ่าเสียงอสูรและสัตว์อสูรเสียง

หลายคลื่นเปลวไฟนภาไหลเข้าไปในถ้ำ ฉื่อหยานก็ตระหนักได้ว่าแม้จะเป็นม่านพลังที่อยู่ปากทางเข้าถ้ำซึ่งเป็นเหมือนเส้นใยที่ทนทานนับพันล้านเส้นยังกลายเป็นบิดเบี้ยว เพียงไม่นานบางส่วนของมันก็ถูกทำลายโดยเปลวไฟนภา

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ม่านพลังจะพังทลาย ก็มีพลังที่แข็งแกร่งกว่าพุ่งพล่านเข้าไปในถ้ำเพื่อสร้างตัวเอง ทันทีก่อนที่ม่านพลังอันเก่าจะพัง ก็มีม่านพลังอันใหม่ถูกสร้างขึ้น

เขายังคงพยายามที่จะทำลายถ้ำจากทางเข้าถ้ำอื่น แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม

ถ้ำในภูเขาเสียงอสูรนั้นเป็นเหมือนรังผึ้ง ดูเหมือนพวกมันจะเชื่อมต่อกันเป็นพิเศษ เมื่อม่านพลังของถ้ำถูกบุกรุก ท่านพลังที่อยู่ทางเข้าถ้ำอื่นก็ จะจับกลุ่มกันและสร้างขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วเพื่อรับมือการจู่โจม

เปลวไฟนภานั้นสามารถเผาได้ทุกสิ่ง รวมทั้งม่านพลังและรูปแบบต่างๆ ตามทฤษฎีแล้ว เปลวไฟนภาจะต้องเผาม่านพลังและเปิดทางเข้าถ้ำ

แต้อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะพยายามในทุกๆเส้นทางเข้าทำเช่นใด ผลก็เหมือนเดิม ฉื่อหยานตระหนักได้ว่าม่านพลังนั้นแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก

เมื่อเขาใช้พลังของเปลวไฟนภาในระดับสูงสุด , สายฟ้าก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้า ดังนั้นเขาจึงออมพลังบางส่วนไว้เพื่อปกป้องตัวเองจากสายฟ้านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถทุ่มเทพลังทั้งหมดเพื่ิอทำลายม่านพลังได้

" ฟิ้วว "

หลังจากหายใจเบาๆ เขาก็ค่อยๆดึงเปลวไฟนภากลับมา และส่งจิตสำนึกเข้าไปในแหวนสายโลหิต ฉื่อหยาน ส่งความรู้สึกไปที่แกนเพลิง , พลัง , ข้าไม่สามารถใช้พลังไฟได้มากกว่านี้แล้วรึ ? "

" เป็นไปได้ แต่ท่านอาจจะไม่สามารถทนมันไหว อีกอย่าง ข้ากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะส่งพลังมากมายออกไปอย่างต่อเนื่อง บางทีถ้ามีเวลาอีกสักนิด มันก็คงเป็นไปได้ รอจนกว่าข้าจะเปลี่ยนแปลวเสร็จสิ้นเสียก่อน พลังของข้าที่เพิ่มขึ้นมานั้น บางทีอาจจะสามารถช่วยท่านได้มากกว่านี้ . " ข้อความที่มาจากแกนเพลิงค่อนข้างจะงุนงงและติดคัด มันบอกฉื่อหยานถึงสภาพของมันปัจจุบัน

" บูม "

สายฟ้าฟาดลงมาอย่างรุนแรง . ฉื่อหยานเคลื่อนไหวในชั่วพริบตา ทันทีก็หยุดเชือมต่อกับเปลวไฟนภา เขาลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะใช้เคล็ดทมิฬอีกครั้ง

วงหมุนพลังหยินปรากฏขึ้นบนเส้นชีพจรทั้งสามเส้นบนหน้าอกของเขาโดยมีไข่มุกพลังหยิน พวกมันจึ่งค่อยๆเริ่มหมุนวน

ถ้ำมากมายกระจายพลังหยินจำนวนมหาศาลออกมา ซึ่งรวมกันเป็นพายุหมุนอย่างรวดเร็วที่ด้านบนหัวของ ฉื่อหยาน พลังปราณหยินกลายเป็นพลังหยินเข้าไปในร่างของเขา ซึ่มได้หลอมรวมกันเป็นสงหมุนพลังหยินทั้งสามอย่างสมบูรณ์

ในขณะเดียวกัน พลังของม่านพลังที่อยู่ในถ้ำก็ลดลงเล็กน้อย หลังจากเขาใช้เคล็ดทมิฬ

วงหมุนพลังหยินหมุนวนอย่างต่อเนื่องในขณะเดียวกันห้วงจิตสำนึกก็มีคลื่นบางอย่างถูกกระตุ้นขึ้นมา ห้าร่างเล็กโปร่งใสยังคงอยู่ในห้วงจิตสำนึก  5 อารมณ์เชิงลบค่อยๆเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของเขา มันดึงพลังงานเชิงลบที่อยู่ในเส้นชีพจรทั่วร่างของเขาออกมา

ฉื่อหยานเข้าก็สู่สภาพบ้าคลั่งในนภาแรกในชั่วพริบตา

พลังงานเชิงลบในร่างกายของเขา อัดแน่นอยู่รอบๆโดยไม่กระจาย . วงหมุนที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่ด้านบนของหัวของเขาซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเคล็ดทมิฬ ก็มีขนาดใหญ่อย่างมาก เมื่อฉื่อหยานเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งในนภาแรก

จากในถ้ำมากมายที่อยู่ในภูเขาเสียงอสูร สัตว์อสูรเสียงส่งเสียงร้องคำรามและเสียงโหยหวนที่น่ากลัวออกมาอย่างต่อเนื่อง . ดูเหมือนว่าพวกจะสัมพัสได้ถึงบางสิ่งที่น่ากลัว หลังจากที่เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย สัตว์อสูรเสียงก็ร้องออกมาสะท้อนไปทั่วภูเขา

" หวูววว หวูววว  " , "แคว๊กกกก แคว๊กกกกกกก " , " โฮ๊กกก โฮ๊กกกก "

คลื่นเสียงร้องคำรามเป็นเหมือนกับกระแสน้ำมหึมาที่สะท้อนก้องไปทั่วภูเขา คลื่นเสียงเหล่านี้กลายเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายก่อให้เกิดความผิดปกติขึ้นบนภูเขา

ทันใดนั้นสายฟ้าแล๊บออยู่เหนือภูเขาเสียงอสูรเหมือนกับมังกรยักษ์ฟาดลงมาจากท้องฟ้า

ในตอนนั้นเอง เสียงที่สัตว์อสูงเสียงร้องออกมาก็เกิดเป็นการโจมตีทางวิญญานที่น่ากลัวขึ้น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ก็เข้าไปในห้วงจิตสำนึกของฉื่อหยานทันที

ห้าปีศาจในห้วงจิตสำนึกของเขาก็กลายเป็นร้อนรนผิดปกติ ขณะที่พวกมันถูกโจมตีด้วยเสียงของสัตว์อสูรเหล่านั้น ปีศาจทั้งห้าในห้วงจิตสำนึกก็รวบรวมพลังเชิงลบทั้งหมดในร่างของฉื่อหยานเพื่อตอบโต้การโจมตี

" บูม "

สายฟ้าขนาดใหญ่และยาวทันทีก็ฟาดลงมาด้านหลังของ ฉื่อหยาน พลังสายฟ้าเป็นเหมือนกับเส้นใย ซึ่งส่วนหนึ่งของมันได้บุกเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของเขา

ความเจ็บแล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างของเขาทันที

หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากความเจ็บปวดได้แพร่กระจายออกไป วงหมุนพลังหยินก็หยุดเคลื่อนไหว , วงหมุนบนหัวเขาก็หายไป

เขารู้สึกเจ็บปวดในห้วงจิตสำนึกเป็นอย่างมาก ห้าปีศาจลอยไปรอบๆกางเขี้ยวเล็บของพวกมันออกมา และกระจายอารมณ์เชิงทุกชนิดออกมา ดูเหมือนว่ามันจะทำลายสติของฉื่อหยาน และกำลังทำให้เขากลายเป็นบ้าคลั่ง

ฉื่อหยานขบฟันของเขาแน่น อย่างรวดเร็วสภาวะบ้าคลั่งก็หายไป เมื่อเขาเห็นฟ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนื่องจากท้องฟ้า เขาก็ถอยอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งข้ามลงมาภูเขาเสียงอสูรในเพียงลมหายใจเดียว

ห้วงจิตสำนึกมีคลื่นขนาดใหญ่ถูกกระตุ้นขึ้นมาและห้าปีศาจที่อยู่ภายใน ก็ถูกโจมตีโดยสายฟ้าและตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากเสียงของสัตว์อสูร ห้าปีศาจกลายเป็นอยู่นอกเหนือการควบคุม จิตสำนึกของฉื่อหยานค่อยๆเสียการควบคุมปีศาจทั้งห้าไปและเกือบจะตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งอย่างถาวร

เมื่อได้ฝึกบ่มเพาะวิชาปีศาจนี่แล้ว ฉื่อหยานก็รู้ก่อนแล้วว่าเขาจะต้องควบคุมปีศาจทั้งห้านี้ตลอดเวลา ถ้าไม่แล้ว เมื่อห้าปีศาจได้ออกมาจากการควบคุมจิตสำนึกของเขา เขาจะกลายเป็นปีศาจบ้าคลั่ง และเป็นการยากที่จะได้สติอีกครั้ง

ถ้ามันเกิดขึ้น , ห้าปีศาจในห้วงจิตสำนึกจะเปลี่ยนแปลงจิตใจของเขาและสติของเขาก็จะหายไปทีละน้อย

ห้าปีศาจและจิตวิญญานแห่งดวงดาวได้ร่วมกันดูดซับพลังงานเชิงลบไปเป็นจำนวนมาก หากพลังงานเชิงลบเหล่านั้นถูกปลดปล่อยออกมามันจะผลักดันทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะบ้าคลั่งแน่นอน จริงๆแล้ว หลังจากที่ถูกโจมตีโดยพลังงานเชิงลบ จิตสำนึกของเขาก็ค่อยๆลางเลือนไป เป็นเส้นชีพจรของเขาที่กลั่นพลังเหล่านั้นออกมา

เมื่อห้าปีศาจควบคุมจิตสำนึกของเขาและแทนที่วิญญาณของเขา เขาก็อาจจะถึงจึเสิ้นสุดในนรกนิรันดร์ เขาจะไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีก

ในขณะที่ห้วงจิตสำนึกของเขาตกอยู่ในสภาวะผิดปกติ ฉื่อหยาน ก็วิ่งลงมาจากภูเขาเสียงอสูรโดยใช้เวลาเพียงลมหายใจเดียว จากนั้นเขาก็เห็น คาป้า ตี่ฉาน และ ยู่โหลวยืนอยู่

" นี้มันพึ่งถูกทำลายไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้ารู้สึกว่า เจ้าต้องใช้พลังมากกว่านี้อีกเล็กน้อยและใช้พลังเปลวไฟนภามากกว่านี้ถึงจะสามารถทำลายม่านพลังได้ " ตี่ฉานปิดดวงตาของเขา จากนั้นก็เปิดมัน " อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น ทำไมเจ้าถึงกลับมากัน ? "

" ข้าถูกโจมตีกลับ ถ้าข้าไม่ถอนตัว ข้าก็คงไม่มีโอกาสได้ลงมืออีกครั้งแน่ " ฉื่อหยานขบฟันของเขาเล็กน้อย เขาหายใจอย่างหนัก ดวงตาของเขาเปล่งประกายแสงที่รุนแรงออกมา เขาดูเหมือนจะไม่หวาดกลัวต่อแรงกดดันจากนักรบระดับสูงทั้งห้าคนนี้เลย และเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ " ท่านมีทางแก้หรือไม่ ถ้าไม่ เมื่อข้าถูกโจมตีกลับแล้วตกตายไป ข้าก็จะช่วยอะไรท่านไม่ได้อีก ข้าจะแน่ใจกว่านี้หากท่านให้เวลาข้าอีกเล็กน้อย แค่เพียงเวลาอีกเล็กน้อยข้าสัญญาเลยว่าจะสามารถทำลายม่านพลังได้อย่างแน่นอน”

สีหน้าของอีเทียนโหมวก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และกล่าวว่า " จิตสำนึกของเขาแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก , เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในห้วงจิตสำนึกของเขา ดูเหมือนว่าอีกไม่นานมันจะถูกปลดปล่อยออกมา . . . . . . . ? "

" ห้วง…. ห้วงจิตสำนึก ! " ตี่ฉาน และยู่โหลว ช่วยไม่ได้ที่จะอุทานออกมา พร้อมกับมองไปที่อีเทียนโหมวด้วยความประหลาดใจ

เผ่าปีกนั้นความรู้และสัมพัสในด้่านวิญญานนั้นอยู่ห่างไกลกับเผ่าเสียงอสูรเป็นอย่างมาก . ตี่ฉาน และยู่โหลวไม่รู้เลยว่าฉื่อหยานนั้นมันห้วงจิตสำนึก ดังนั้น หลังจากได้ยินสิ่งที่อีเทียนหโมวพูดพวกเขาก็รู้สึกหวาดหวั่นทันที

" อ๊ะ เจ้าเด็กบ้า ข้าไม่เห็นเคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้ามีห้วงจิตสำนึกด้วย " คาป้า และหยาเมิงนั้นไม่เคยส่งวิญญานสำรวจฉื่อหยานอย่างระเอียดเลย ด้วยคำพูดของอีเทียนโหมว พวกเขาทั้งสองก็ปล่อยวิญญานของตนเพื่อสำรวจฉื่อหยานทันที แล้วพวกเขาก็ได้รู้ว่าฉื่อหยานนั้นมีห้วงจิตสำนึกเหมือนกับนักรบในระดับรู้แจ้ง

" เด็กโง่ เจ้าอยู่เพียงระดับปฐพีมิใช่รึ ? " ยูโร่วลูบหน้าผากของนาง และพูดขึ้นด้วยความสับสน

" ใช่แล้ว ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีห้วงจิตสำนึก แต่ถ้ามันคือห้วงจิตสำนึกจริงๆ ในตอนนี้ ภายในห้วงจิตสำนึกของเขาถึงมีวิญญานที่มีคุณลักษณะแตกต่างกันถึงห้าชนิดได้ ? นอกจากนี้ พวกมันยังขัดแย้งซึ่งกันและกันอีก มันเริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อห้วงจิตสำนึกของเขา และดูเหมือนมันกำลังจะระเบิดออกมจากห้วงจิตสำนึกของเขา " อีเทียนโหมวพูดด้วยโทนเสียงต่ำ " เขาจะตายไม่ได้ "

ตี่ฉานสีหน้าก็เปลี่ยนไป และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า " นี่ แล้วเราควรจะทำไงดี เพื่อที่จะช่วยเจ้าไม่ถูกโจมตีตอบโต้ได้ " .

" ผู้หญิง " ดวงตาของฉื่อหยานตาก็ค่อยๆ กลายเป็นสีแดง เขาหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง และพูดว่า " ข้าต้องการผู้หญิงที่จะให้ความรวมมือ โดยเร็วที่สุด นำหญิงสาวมนุษย์สามคนที่ท่านจับได้มาเดี๋ยวนี้ . หญิงสาวทั้งสามคนสามารช่วยหลีกเลี่ยงการโจมตีสวนกลับได้ เมื่อข้าฟื้นฟูเสร็จ อีกเพียงไม่กี่วันข้าก็จะสามารถทำลายม่านพลังได้"

" เพียงหญิงสาวเหล่านั้นนะรึ ? " ตี่ฉานสับสน " ง่ายขนาดเชียวรึ "

ฉื่อหยานพยักหน้า .

สีหน้าของยู่โหลวก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาของนางส่องประกายเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า " ข้าไม่รู้ว่าเด็กโง่น้อยคนนี้ฝึกเคล็ดวิชาชั่วร้ายอะไร หึหึ  ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความปรารถนาเล็กน้อย . อืม ถ้าเพียงแค่ผู้หญิงหละก็ มันก็ง่ายนิดเดียว หยาเมิง ไปที่บ้านของเจ้า ถามลูกชายของเจ้าหยาจี่สิว่า จะมีปัญหาอะไรหรือไม่หากเราต้องการหญิงสาวทั้งสามคนนั้น"

" ไม่ ไม่มีปัญหา . . . " หยาเมิงก็สับสน เขามองไปที่ฉื่อหยานด้วยประกายชั่วร้าย

" พาเขาไป " ตี่ฉานพยักหน้าให้กับยู่โหลวพร้อมกับกระพือปีกสีดำของเขาและ ร่างเขาก็ค่อยๆหายไป

" เจ้าตั่วร้าย ถ้าเจ้าสามารถทำลายม่านพลังได้ อย่าว่าแต่หญิงสาวมนุษญ์สามคนเลย , แม้แต่หญิงสาวจากเผ่าเสียงอสูรหรือเผ่าปีก ถ้าเจ้าต้องการ ข้าก็สามารถมอบพวกนางให้เจ้าได้ และเจ้าก็สามารถทำทุกสิ่งที่เจ้าต้องการได้ . " ยูโหลงยิ้มเล็กน้อย

" เราไม่ได้ขาดแคลนหญิงสาวที่งดงาม กับหญิงสาวของเผ่าเสียงอสูร เจ้าสามารถสนุกกับพวกนางได้เต็มที่ตามที่เจ้าต้องการ"

ยู่โหล่วจับไปที่ฉื่อหยานพร้อมกับกระพือปีกบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และมุ่งเข้าไปใกล้กับเมืองหินยักษ์โบราณ

ฉื่อหยาน แววจาของเขาทั้งหมดก็กลายเป็นสีแดงฉาน ลมหายใจของเขาเริ่มหนักขึ้น หนักขึ้น เขาได้กลิ่นหอมของกล้วยไม้จากมือเล็กๆของยู่โหลวที่จับเขาอยู่ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะมีความคิดที่ชั่วร้าย .

กลางอากาศ ฉื่อหยาน ก็ยกศีรษะขึ้นมองสาวสวยผิวขาวราวกับหิมะที่งดงามคนนี้ นางเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ และ ดวงตาของเขาค่อยๆกลายเป็นต้องมนตร์สะกด

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด