ตอนที่แล้วบทที่ 246 ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 248 ข้อตกลงที่ไม่เป็นธรรม

บทที่ 247 เรื่องร้ายกลายเป็นดี


บทที่ 247 เรื่องร้ายกลายเป็นดี

" พลังปราณหยินกำลังหลอมรวมกัน !   เกิดอะไรขึ้น ? "

" ไม่รู้สิ อย่างไรก็ตาม เขาเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น เขาจะมีความสามารถในการดูดซับพลังปราณหยินได้อย่างไรกัน ? นอกจากนี้  ความเร็วในการดูดซับพลังปราณหยินยังเร็วกว่าสัตว์อสูรเสียงเสียอีก”

" มนุษย์ไม่น่าจะมีพลังเช่นนี้ได้ แม้จะเราชาวเผ่าเสียงอสูรก็ไม่สามารถดูดซับได้เร็วเท่านี้ ร่างกายของเราไม่สามารทนต่อพลังหยินมากมายเช่นนี้ได้ ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ! ? "

สามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรทั้งหมดก็ตกใจพร้อมกับอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาดวงตาเบิกกว้าง และหันไปปรึกษากันอย่างวุ่นวาย

ณ จุดที่สัตว์อสูรเสียงรวมตัวกันอยู่ ชายวัยกลางคนจากตระกูลปีกดำกำลังยืนอยู่ เขามีปีกสีดำ และมีลักษณะภายนอกที่แปลกประหลาด เขายืนอยู่ข้างๆหญิงงามสูงวัยของตระกูลปีกขาวซึ่งนางมีปีกสีขาวนวลราวกับหิมะ จากไกลๆพวกเขามองฉื่อหยาน ที่ร่างปกคลุมไปด้วยเปลวไฟที่ลุกโชน และมีวังวนพลังหยินหมุนวนอยู่บนหัว

" ตี่ฉาน สิ่งที่ออกมาจากร่างของชายคนนั้นใช่เปลวไฟนภาหรือไม่ ? " หญิงสาวสูงวัยที่มีปีกสีขาวงดงามถามด้วยเสียงนุ่มนวล

" มันคือเปลวไฟนภา ! " ตี่ฉาน เป็นผู้นำตระกูลปีกดำ [ 1 ] เขาตอบพร้อมกับแววตาของเขาส่องประกายประหลาดออกมา " ตอนแรก รูปแบบที่ผนึกอยู่อ่อนแอลง และตอนนี้ก็มีคนที่ครอบครองเปลวไฟนภาปรากฏตัวขึ้น บางทีเราอาจจะสามารถออกไปจากดินแดนแห่งนี้ได้ก็เป็นได้ ยู่โหลว เราต้องอย่าให้ตั่วหลงลงมือได้  ข้าได้ยินมาว่ามนุษย์ที่มีเปลวไฟนภาคนนี้กำลังถูกตั่วหลงอยู่ เขาน่าจะเป็นคนที่ฆ่าฮันหลง”

" ใช่ เราต้องหยุดเขาไว้ให้ได้ เราไม่สามารถปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเขาได้ " ยู่โหลว  ผู้นำตระกูลปีกขาวพยักหน้าเล็กน้อย

ตี่ฉาน หัวหน้าของตระกูลปีกดำและยู่โหลว หัวหน้าของตระกูลปีกขาวปรึกษากันสักพักจากนั้นก็กลับไป

นักรบระดับสูงหลายคนของตระกูลปีกดำและปีกขาวก็เริ่มลงมือจัดการสัตว์อสูรเสียงที่อยู่รอบๆ ทันทีที่ตี่ฉานและยู่โหลวออกไป อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะเอาชนะสัตว์อสูรเหล่านั้น

นักรบระดับสูงของตระกูลปีกดำและตระกูลปีกขาวตระกูลนั้นมีมากกว่าตระกูลปีกเทามากนัก พวกเขาต่างก็เป็นนักรบที่มีประสบการณ์ที่โดดเด่นทั้งหมด ด้านหลังภูเขาเสียงอสูร พวกเขาสามารถจัดการกับสัตว์อสูรเสียงจำนวนมากได้ไม่ยากนัก

แม้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับการโจมตีของสัตว์อสูรเสียง โดยไม่มีตี่ฉานและมู่โหลวช่วย พวกเขาก็สามารถรับมือได้สบาย

คาป้า ของเผ่าเสียงอสูรสีหน้าดูเหมือนกำลังใคร่ครวญคิดพิจารณาบางอย่าง อย่างระมัดระวังก่อนที่จะพูดว่า " เราต้องไปดูให้เห็นกับตา ดูเหมือนเขาจะพิเศษเล็กน้อบ บางทีเขาอาจเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเราที่จะได้ออกไปจากดินแดนบ้าๆแห่งนี้ ใช่แล้ว ชายคนนี้จะตายไม่ได้ ถ้าเขาตาย บางทีเราอาจจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อีก "

หลังจากฉื่อหยานได้ปล่อยเปลวไฟนภาออกมา และใช้เคล็ดทมิฬเพื่อรวบรวมพลังหยินที่อยู่ในท้องฟ้าและพื้นดิน ทัศนคติ ของ หยาเมิงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเริ่มที่อยากจะปกป้องชีวิตของฉื่อหยาน

" เจ้าไม่กลัวว่าเปลวไฟนภานั้นจะส่งผลต่อพวกเราเผ่าเสียงอสูรทั้งหมดงั้นรึ ? " อีเทียนโหมว แอบยิ้ม

" เขานั้นอยู่เพียงระดับปฐพี เรายังสามารถควบคุมเขาได้ รอจนกว่าเราจะออกไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้ได้เสียก่อน จากนั้นเราค่อยจัดการเขา . " คาป้าพูดอย่างเย็นชา

" จะทำเช่นนั้นจริงรึ ? " อีเทียนโหมวยิ้ม " ข้ารู้ว่าทุกคนอยากรู้เกี่ยวกับวิธีการที่เขารดูดซับพลังหยิน ยังไงก็ตาม , เรา , ตระกูลเสียงอสูร อาศัยโดยใช้พลังหยิน ถ้าเราสามารถรู้วิธีการในการดูดซับพลังหยินของเขาได้ เผ่าของเราระดับการบ่มเพาะจะต้องพัฒนาขึ้นแน่

" เอ่อ . . . นี่เองก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเผ่าเราเช่นกัน " คาป้า พูดด้วยโทนเสียงต่ำ

" งั้นจะรออะไรอยู่ล่ะ เราควรจะไปได้แล้ว ถ้าเขาโดนฆ่า เรายังจะได้อะไรอีก " หยาเมิงตะโกนพร้อมกับพุ่งออกไป โดยเขาไม่กลัวการคุกคามของอสูรทากรเลย

" อีเฟิง อีฉู่ปี่ เจ้าสองคนอยู่ทีนี่ และอย่าปล่อยให้ เมืองโบราณได้รับความเสียหายใดๆ . " อีเทียนโหมวก้มหน้ามองและออกคำสั่งจากนั้นก็บินตามอีกสองคนไป

เปลวไฟลุกโชนรอบร่างของฉื่อหยาน ; พลังหยินถูกดูดซับเข้าไปในวังวนเหนือหัวของเขา วังวนพลังหยินหมุนวนอยู่หลายสิบครั้งไม่นานมันก็มีขนาดใหญ่ขึ้น

ในขณะนี้ วังวนหมุนไปมาบรรยากาศรอบๆก็เปิดออก พลังหยินที่อัดแน่นอยู่ในอากาศกลายเป็นเหมือนมังกรยักษ์สีเทาหมุนวนอย่างรวดเร็วมันดูดซับพลังหยินที่อยู่ในพื้นดินและท้องฟ้าบริเวณรอบๆ

ยิ่งมีพลังหยินถูกดูดซับเข้ามารอบๆร่างหนาแน่นเท่าใด . เปลวไฟนภารอบๆร่างของฉื่อหยานก็ยิ่งได้รับผลกระทบจากพลังหยิน . พลังไฟที่ลุกโชนออกมาจากภายในร่างกายของเขาค่อยๆหายไป

ในขณะที่ร่างของฉื่อหยานถูกครอบคลุมไปด้วยพลังหยิน รอบๆร่างของเขาพลังหยินอัดแน่นกันเป็นชั้นหนาและหมุนวนอย่างต่อเนื่อง

ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรเสียงที่อยู่รอบๆต้องการจะโจมตีเขาขณะที่ร่างกายของเขายังคงดูดซับพลังหยินอย่างหนักจนไม่สามารถขยับได้

ร่างของฉื่อหยานลอยอยู่เงียบๆกลางอากาศ ในขณะเดียวกันร่างกายของเขาลอยขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับวังวนพลังหยินที่อยู่บนหัวของเขา มันก็หยุดเมื่ออยู่ห่างจากพื้นดินหนึ่งร้อยเมตร

เขาไม่สามารถควบคุมวังวนพลังหยินที่พึ่งปรากฏขึ้นมาได้เลย ในขณะเดียวกัน ตั่วหลง หัวหน้าของตระกูลปีกสีเทายังคงไล่ตามเขามา ฉื่อหยานนั้นอยากออกไปจากสภาพปัจจุบันของเขาในตอนนี้มาก แต่เขารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงผิดปกติที่เกิดขึ้นกับวังวนพลังหยินภายในร่างกายของเขา เขาไม่สามาถควบคุมได้

เจ้าพรรคสามเทพ บัดซบ !

ฉื่อหยานช่วยไม่ได้ที่จะก่นด่าออกมา เคล็ดทมิฬและจิตวิญญานแห่งดวงดาวทั้งสองต่างก็เป็นพลังของพรรคสามเทพซึ่งตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมพวกมันได้เลย

ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ความผิดของเคล็ดทมิฬและจิตวิญญานแห่งดวงดสวของพรรคสามเทพทำให้เขาตกอยู่ในหายนะตลอด

คราวนี้ก็เช่นกัน

ในเวลานี้ ขณะที่ตั่วหลงยังคงไล่ตามเขามา เขากลับทำได้แค่ยืนนิ่ง เพราะความผิดปกติของเคล็ดทมิฬ ร่างกายของเขาจึงถูกตรึงไว้กลางอากาศ อีกไม่นาน เมื่อตั่วหลงมาถึง เขาจะต้องตายแน่ๆ

ความผิดปกติของเคล็ดทมิฬ จะทำให้เขาถูกฆ่า !

อยู่นิ่งๆในอากาศ เขาหมดหนทาง เขาพยายามหยุดวังวนพลังหยิน. ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย พลังหยินยังคงดดูดซับเข้ามาในวังวรไม่หยุด พลังหยินหนาแน่นที่อยู่รอบๆไกลรวมตัวเข้าไปในศูนญ์กลางของวังวนพลังหยิน ต่อมามันก็ค่อยๆไหลเข้าไปในเส้นชีพจรของเขา และไข่มุกพลังหยินเล็กๆสามเม็ดก็ถูกสร้างขึ้นในวังวนหลังหยินอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่ไข่มุกพลังหยินทั้งสามปรากฏขึ้น พวกมันก็ประทับเข้าไปในเส้นชีพจรของเขาอย่างรวดเร็ว พลังหยินที่หนาวเย็นเริ่มไหลไปมาในเส้นชีพจรของเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับทำให้ความเร็วในการหวุนวนของวังวนพลังหยินที่อยู่บนหัวของเขาหมุนเร็วขึ้นเช่นกัน

ฉื่อหยาน ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พลังหยินธรรมชาติในสถานที่แห่งนี้หนาแน่นกว่าพื้นที่พลังหยินเป็นอย่างมาก

ในเวลาอันสั้น ไข่มุกพลังหยินทั้งสามก็ถูกสร้างขึ้นในเส้นชีพจรของเขา ถ้าไม่ใช่ว่าตั่วหลงไล่ตามเขาอยู่ เขาคงจะรู้สึกดีกว่านี้ เขารู้ดีว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดนั้นเป็นเรื่องที่ดี มันเป็นเรื่องดีเคล็ดทมิฬสามารถดูดซับพลังหยินได้จากทุกหนแห่ง

แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตั่วหลงยังคงไล่ตามเขาอยู่ ไม่ว่าครั้งนี้จะมีพลังหยินมากมายเท่าใดในร่างเขา เมื่อตั่วหลงมาถึง หนทางเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเขาก็คือ ความตาย

ตามที่อีฉู่ปี่บอก ตั่วหลงอยู่ในจุดสูงสุดของระดับนภา มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเพียงอีกก้าวเดียวเขาก็จะก้าวเข้าสู่ระดับพระเจ้าด้วยพลังอาคมทมิฬ

คนที่อยู่ในระดับนั้นสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย เมื่อเผชิญกับคนที่มีระดับพลังสูงกว่าเขาหลายขั้น ไม่ว่าเขาจะสามารถดูดซับพลังหยินได้มากมายเพียงใด มันก็ไม่มีประโยชน์เลยในเวลาแบบนี้

เขาปล่อยให้ร่างของเขาดูดซับพลังหยินจากพื้นดินและท้องฟ้าอย่างเงียบๆ ฉื่อหยานไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรอตั่วหลงมาถึง

" บูม "

ทันทีที่ตั่วหลงก็พุ่งเข้าไปชั้นเมฆพลังหยินสีเทา เขาก็ติดอยู่ที่คลื่นพลังสีขาวดำทั้งสองที่กำลังหมุนวนอยู่

ร่างกายของตั่วหลงสั่นสะท้านตลอดเวลา เมื่อถูกโจมตีโดยคลื่นพลังทั้งสองร่างของเขาก็ถูกผลักไปด้านหลัง เขาถูกผลักกระเด็นกลับไปร้อยเมตรก่อนที่จะยืนนิ่งอยู่บนพื้นดิน

" ตี่ฉาน ! ยู่โหลว " ตั่วหลงหันหน้าไปอีกทางพร้อมกับคำรามออกมา

" เจ้ามาขวางข้าทำไม ! ? " ไม่มีใครู้ว่าเมื่อไหร่ จู่ๆคาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมวก็ค่อยๆปรากฏขึ้นห่างไปหลายร้อยเมตรจากตั่วหลง พวกเขาขมวดคิ้วเข้าหากัน พร้อมกับมองไปที่ตั่วหลง

" พวกเจ้าก็ด้วยรึ ! " เห็นความตั้งใจของทั้งสามคน ตั่วหลงดวงตาก็เปิดกว้างพร้อมกับจ้องมองไปที่พวกเขาและพูดอย่างเย็นชา" เจ้าต้องการที่จะหยุดข้างั้นรึ? "

" ถ้าเจ้าจะฆ่าเขา พวกเราก็จะร่วมมือกันเพื่อหยุดเจ้า " หยาเมิงพยักหน้าตอบกลับ

" เจ้ากล้าที่จะลองดีกับข้างั้นรึ ! " ตั่วหลงยกศีรษะของเขาขึ้นบนฟ้าและหัวเราะอย่างเยือกเย็น . เขาพูดขึ้น " เจ้ากล้าที่จะลองกับตระกูลปีกเทา เจ้าคิดถึงผลที่จะตามมาแล้วหรือยัง "

" พอได้แล้ว ตั่วหลง ! " เสียงของตี่ฉานก็ดังขึ้นพร้อมกับมีสายฟ้าสีดำปรากฏขึ้น ตี่ฉานกระพือปีกของเขาและเขาก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าตั่วหลงในชั่วพริบตา

ยู่โหลวค่อยๆกระพือปีกขาวนวล และปรากฏอยู่ข้างหลัง ตี่ฉาน นางมองไปที่ตั่วหลงอย่างไม่สบอารมณ์และกล่าวว่า " ตั่วหลง เจ้าสงบสติเสีย เรามีเรื่องจะคุยกับเจ้า พวกเขาทั้งสามต่างมาด้วยเจตนาดี พวกเขามาที่นี่เพื่อเผ่าของเราทั้งสอง อย่าเข้าใจผิดไป  "

ตี่ฉานและยู่โหลวบินอยู่ ประกบซ้ายขวาตั่วหลง

ตั่วหลง สีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่หยุดเลย เมื่อกลุ่มของผู้นำเผ่าเสียงอสูรทั้งสามเขาก็จะตะโกนขู่ออกมา

แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ ตี่ฉาน และ ยู่โหลว เขาก็ไม่มีความคิดที่จะทะเช่นนั้นอีก

ความแข็งแกร่งของตระกูลปีกขาวและปีกดำทั้งสองนั้นแข็งแกร่งกว่าตระกูลปีกเทามาก ความสามารถส่วนตัวของตี่ฉานและยู่โหลวเองก็สูงกว่าเขา

ตี่ฉาน นั้นดุร้าย และ ยู่โหลวเองก็เจ้าเล่ห์ ตั่วหลงรู้จักพวกเขาทั้งสองดี เขานั้นตัวคนเดียว จะไม่เป็นการฉลาดเลยหากเขายังคงฝืน ไม่ต้องพูดถึงเลยถึงแม้จะมีพวกเขาอยู่เพียงคนเดียว เขาก็ไม่กล้า แต่ตอนนี้พวกเขากลับมีสองคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง

คาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมว อยู่รวมกัน ด้วยความสามัคคีของพวกเขา เขาไม่ประมาทแม้แต่นิดเดียว

" ทำไมเจ้าถึงปกป้องมัน  ? " ตั่วหลงขบแน่นฟันของเขาและค่อยๆถามขึ้น

" เขาสามารถพาเราออกไปจากดินแดนแห่งนี้ได้ เปลวไฟนภาในร่างของเขานั้นแข็งแกร่งมาก มันสามารถเผาทำลายผนึกที่ภูเขาเสียงอสูรได้ อย่างที่เจ้ารู้ ภายในภูเขาเสียงอสูรนั้น อาจจะมีวิธีที่ทำให้เราออกจากดินแดนแห่งนี้ได้ "

ตี่ฉาน ยิ้มและพูดกับตั่วหลง " เจ้านั่นต้องตายแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอจนกว่าเราจะหาวิธีที่จะออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน แล้วเจ้าจะจัดการกับมันอย่างไรก็เรื่องของเจ้า แต่ก่อนที่จะหาวิธีออกไปได้ เจ้าไม่สิทธิ์ทำเช่นนั้น ! "

" พวกเจ้าทุกคนก็คิดเช่นเดียวกันงั้นรึ " ตั่วหลง มองไปรอบ ๆ

ยู่โหลว คาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมว ทุกคนพยักหน้า ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของตี่ฉาน

" ได้ ! ตอนนี้ข้าจะยังไม่ทำอะไรมัน หวังว่าการตัดสินใจของพวกเจ้าจะถูกต้องนะ . " ตั่วหลงกล่าวด้วยใบหน้าที่ละห้อย หลังจากคิดสักพัก ภายใต้ความกดดันของคนเหล่านั้น เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยอมรับมัน เขาพยักหน้าและบอกว่า " ข้าคงต้องขอตัวก่อน ข้าจะกลับตระกูลปีกสีเทา หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆก็แจ้งให้ข้าทราบด้วย อีกสิ่งหนึ่ง หลังจากเรื่องทุกอย่างจบ พวกเจ้าจะต้องจับเจ้าสารเลวนี้มาให้ข้าเป็นๆ"

" อืม ข้าจะจัดการให้ " ตี่ฉานอกล่าวอย่างใจเย็น

ตั่วหลง ไม่พูดอะไรอีก และจากไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด ในเวลาไม่นาน เขาก็หายไปจากสายตา

" ข้าคิดว่าตอนนี้เราควรไปดูเจ้าเด็กนั่นก่อน เขานั้นเป็นมนุษย์ผู้น่ารักที่ทำให้เรามีแสงสว่างที่จะออกไปจากที่นี่ " ยู่โหลวยิ้มอย่างทรงเสน่ห์

" อืม ข้ารู้ดีว่าเปลวไฟนภานั้นอันตรายต่อคนจากเผ่าเสียงอสูรเพียงใด แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจสถานการณ์ และไม่ทำอะไร ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่มีความเมตตา "

ใบหน้าของคาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมวก็เปลี่ยนไป ภายใต้การจ้องเขม้งของยู่โหลว พวกเขาพยักหน้าแสดงออกเชื่อฟัง

" ถ้าเราทุกคนต้องพ้องต้องกันแล้ว ก็ไปที่นั่นกันเถอะ " หลังจากพูดจบประโยค ตี่ฉานทันทีก็รีบมุ่งไปที่ฉื่อหยาน ที่แห่งนั้นปกคลุมไปด้วยพลังหยินหนาแน่น คนอื่นเองก็ตามไปอย่างใกล้ชิด พวกเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้ว่าฉื่อหยานทำเช่นไร บริเวณนั้นถึงได้เป็นเช่นนี้

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด