ตอนที่แล้วบทที่ 245 เขานั้นพิเศษยิ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 247 เรื่องร้ายกลายเป็นดี

บทที่ 246 ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย


บทที่ 246 ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

บนกำแพงเมืองโบราณ ตั่วหลง ร่างกายเต็มไปด้วยแรงกดดันจิตสังหาร ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้น เขายืนรออย่างเงียบๆ

ทั้งสามคน คาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมว ยืนอยู่ข้างๆด้วยความระมัดระวัง และไม่พูดอะไร

หลายคนของเผ่าเสียงอสูรหายใจอย่างอึดอัน พวกเขายืนตรง และไม่กล้าที่จะมองไปที่ตั่วหลง

โดยทั่วไปความแข็งแรงของเผ่าปีก นั้นมีมากกว่าเผ่าเสียงอสูร เมื่อเร็วๆ นี้ ถ้าไม่ใช่เผ่าอีกปีกสู้กันเอง เพราะความขัดแย้งภายในภายในของเผ่าปีก เผ่าเสียงอสูรอาจจะโดนกำจัดแล้วก็เป็นได้

เผ่าปีกนั้นมีมีร่างกายที่แข็งแกร่ง พลังปราณลึกลับของพวกเขามีจำนวนมหาศาลและหนาแน่นเป็นอย่างมากและพวกเขายังสามารถรับมือกับการโจมตีวิญญานของเผ่าเสียงอสูรได้อีก พวกเขามีข้อได้เปรียบเหนือเผ่าเสียงอสูรเป็นอย่างมาก

ตั่วหลง คือ ยอดฝีมือของตระกูลปีกเทา แม้ว่าตระกูลปีกเทาจะไม่แข็งแกร่งเท่าตระกูลปีกสีดำและปีกขาวแต่พวกเขาก็เต็มไปด้วยความกล้าหาญ ตระกูลปีกสีเทาของตั่วหลง คือขุมกำลังหลักที่เห็นด้วยในการนำชาวเผ่าอสูรมาเป็นทาส

เพราะฉะนั้น ตั่วหลงจากปีกสีเทานั้นจึงเป็นที่รังเกียจมากที่สุดสำหรับเผ่าเสียงอสูร ชาวเผ่าเสียงอสูรจึงกลัวเขาเป็นแย่างมาก

ตั่วหลงอยู่ที่นี่ก็ทำให้ทั้งสามคน คาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมว สั่นสะท้านแล้ว ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นของเผ่าเสียงอสูร ตั่วหลงนับได้ว่าเป็นตัวตนที่พวกเขาหวาดกลัวที่สุด พวกเขาไม่รู้เลยว่าตั่วหลงต้องการจะทำอะไร

ดวงตาสดใสของฉาวจื่อหลานสั่งเกตุร่างกายของตั่วหลงหนึ่งครั้ง นางจ้องมองไปที่ผลึกกลมสีเขียวในมือของตั่วหลงเงียบๆ ด้วยความประหลาดใจ

นางไม่รู้เลยว่าฉื่อหยานทำอะไรผิดตั่วหลงถึงได้ตามหาเขาเช่นนี้ แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าของตั่วหลง นางก็รู้ได้เลยว่าฉื่อหยานได้ทำเรื่องร้ายแรงไปแล้วในครั้งนี้

ครั้งนี้ไม่ใช่การล้อเล่นแน่นอน !

ฉาวจื่อหลานถอนหายใจออกมาอย่างอิดออน นางเคยหวังไว้ว่า ฉื่อหยานจะโจมตีเผ่าเสียงอสูร เพื่อให้นางได้มีโอกาสที่จะหลบหนีการควบคุมวิญญานของเผ่าเสีนงอสูร แต่ตั่วหลงที่มาเยือนที่นี่ ทำให้ฉื่อหยานตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน ตอนนี้ทุกคนถือว่าเขาเป็นหนามในสายตาของพวกเขา แล้วหลังจากนี้เขาทำยังไง ?

ฉาวจื่อหลาน สามารถจินตนาการแล้วว่าฉื่อหยานจะต้องถูกนำตัวมาและถูกคุมขัง เขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการทรมานของตั่วหลง จนเขารู้สึกว่าตายเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่และเขาจะต้องตายก่อนนางแน่ๆ

ซูหยานซิงและพานโจวที่ยังอยู่ในกรง ก็มีความคิดเดียวกัน

ทันใดนั้น ร่างของอีเฟิงก็ปรากฏจากระยะไกล

โดนยังาไม่ถึงยี่เฟิงก็ตะโกนออกมา " ผู้บังคับบัญชาใหญ่ ชายคนนั้นหนีไปแล้วขอรับ ! เราไม่รู้เลยว่าเขาออกเมืองไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้เขาสมควรอยู่ด้านนอกเมืองแล้วขอรับ  "

" อะไรนะ ! " อี้เทียนโหมมช่วยไม่ได้ที่จะร้องออกมา

" ทางไหน ? " ตั่วหลงตะโกนออกมาด้วยเสียงดุดัน

" ทางนั้นขอรับ ! " อีเฟิงชี้ไปทางด้านนอกของเมือง

" อีเทียนโหมว หวังว่ามันคงจะไม่ใช่ฝีมือเจ้านะ ! รอจนกว่าข้าจะจับมันได้เสียก่อน ข้าจะถามมัว่าเจ้าเกี่ยวด้วยหรือไม่ ! " ตั่วหลงร่างกายเต็มไปด้วยความโกรธบรรนากาสรอบด้านกลายเป็นบิดเบี้ยว " ถ้าข้ารู้ว่าเป็นฝีมือของเจ้า อย่าหาว่าข้าไม่ปราณี !"

เมื่อเขาพูดจบ ตั่วหลงก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

หลี่เมิง คาป้า อีเทียนโหมว และ นักรบระดับสูงคนอื่นๆของเผ่าเสียงอสูรทั้งหมดต่างก็ตกอยู่ในความประหลาดใจและบินไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศที่ตั่วหลงมุ่งหน้าไป

บนกำแพงเมืองโบราณอีแห่งหนึ่ง

หยาเมิง คาป้า อีเทียนโหมว หยาจี่ และคนเผ่าปีศาจเสียงก็มองไปข้างหน้าห่างไกลออกไปพร้อมกับสีหน้าแปลกประหลาด

ฝูงสัตว์อสูรเสียงล้อมรอบพื้นที่ไปรอบๆทั่วป่า เสียงอสูรทารกระดับหกร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนจะมีสัตว์อสูงเสียงมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้น มีสัตว์อสูรเสียงรวมตัวกันอยู่ไม่น้อยกว่าพันตัว มันรวมตัวอยู่กันอย่างหนาแน่นเหมือนกับฝูงยุงที่รวมตัวกันเป็นก้อนเมฆ

ด้านหลังกลุ่มสัตว์อสูรเสียงฝูงใหญ่ มีแสงส่องประกายออกมา มองจากที่ไกลๆ จะเห็นนักรบระดับสูงของเผ่าปีกต่อสู้กับสัตว์อสูรเสียงอย่างอุกอาจอยู่

เปลวไฟแสงสีแดงฉานเป็นเหมือนกับสายฟ้าฟาดไปยังร่างของสัตว์อสูรเสียง

ใกล้ๆกับไฟสีแดงฉานเป็นตั่วหลง ผู้ที่เต็มไปด้วยคมมีดสายลมเคลื่อนไหวอยู่ในอากาศรอบๆตัวตาของเขาเปิดกว้างพร้อมกับยิ้มจนเห็นฟันได้อย่างชัดเจน เขามองลงมาจากบนฟ้าและหัวเราะ

" เป็นเปลวไฟที่รุนแรงจริงๆ ! นี่หนะหรือคนที่เจ้าจับได้ ? " คาป้าจ้องไปที่เปลวไฟที่กำลังลุกโชต เขาค่อย ๆสังเกตไปสักพัก จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป " เป็นไปไม่ได้ ! เปลวไฟที่เผาไหม้อยู่นั่นน , ไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา มันเป็น. . . . . . . . เป็นเปลวไฟนภา ! นี่คือเปลวไฟนภา ! อีเทียนโหมว ดี… เจ้าทำได้ดีจริงๆ หึ ! "

อีเทียนโหมวแววตาก็ส่องประกายออกมา ร่างของเขาโอนเอนเล็กน้อยในขณะที่พูดอย่างเรียบเฉย " ข้าไม่รู้เรื่องนี้ . . . . . . . "

" เจ้าไม่รู้  ? " หยาเมิง มองไปด้วยสีหน้าสงสัย " ร่างของเขามีผนึกวิญญานของเจ้าอยู่ ถ้าเจ้าผนึกรูปแบบวิญญานไปในร่างกายของเขา ทำไมเจ้าจะไม่รู้ความลับของร่างกายเขากัน ? อีเทียนโหมว เจ้ากล้าที่จะเล่นกับไฟจริงๆงั้นรึ ? มันอาจจะเผาเจ้าเป็นเถ้าถ่านก็ได้ ? เจ้าเป็นผู้นำ เจ้าไม่รู้หรือไงว่าเปลวไฟนภาอันตรายต่อพวกเราเผ่าเสียงอสูรเพียงใด ! "

" ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะมีเปลวไฟนภา " อีเทียนโหมวส่ายหน้า " แต่ไม่ต้องห่วง ตั่วหลงได้ไปที่นั่นแล้ว เขาไม่เกี่ยวอะไรกับเราอีก จะมีเปลวไฟนภาหรือไม่มี เขาไม่สามารถรอดจากตั่วหลงไปได้หลอก เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว เจ้าอย่าได้กังวลมากไป”

เมื่ออีเทียนโหมวพูดเสร็จ ร่างของอีฉู่ปี่ก็ปรากฏขึ้นเงียบๆใต้กำแพงเมืองโบราณ

" เจ้ายังจะบอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าอีกรึ ? "สีหน้าของคาป้าก็กลายเป็นเย็นชา " บางทีเจ้าเองก็อาจจะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนฆ่าลูกของตั่วหลง ถ้าไม่ เจ้าคงไม่ปล่อยให้อีฉู่ปี่ปล่อยเขาเป็นอิสระหลอก อีเทียนโหมว เจ้ารู้มั้ยว่าเจ้ากำลังทำอะไร ? เมื่อตั่วหลงจับเขาได้และสอบปากคำเขา หลังจากที่ฆ่าเขาเสร็จแล้ว ตั่วหลงก็จะมาตามล่าเจ้าเพื่อล้างแค้น เจ้าก็รู้จักนิสัยของตั่วหลงดีหนิ , ทำไมเจ้าถึงยังทำเช่นนั้นกัน ? "

" ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร . " หน้าของ อีเทียนโหมวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง " แม้ว่าตั่วหลงจะต้องการจะล้างแค้นข้าจริงๆ แล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า เหตุใดเจ้าถึงสนใจนัก "

" ดี…. ! " หน้าของคาป้ากลายเป็นเย็นชา เขาพยักหน้าไปที่อีเทียนโหมว จู่ๆ เหมือนกับว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา " ข้าเข้าใจแล้ว…. ข้าเข้าใจแล้ว…. อีเทียนโหมว นะ อีเทียนโหมว ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้าแล้ว ฮาฮา เปลวไฟนภานั้นเป็นหายนะของเราเผ่าเสียงอสูร . เจ้าต้องการที่จะใช้มันควบคุมข้าและหยาเมิงสินะ ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว... .

หยาเมิงสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขาค่อยๆพยักหน้า . " นี่สินะ ! อีเทียนโหมว นะ อีเทียนโหมว แผนของคุณเจ้านั้นฟังดูดีเป็นอย่างมาก แต่เสียใจด้วยตอนนี้ ตั่วหลงได้อยู่ที่นี่แล้ว และกำลังจะฆ่าเขา เจ้าคิดว่า ตั่วหลงคงไม่รู้สินะว่าใครฆ่าลูกชายของเขา เจ้าพลาดแล้ว "

" พวกเจ้าคิดกันไปเอง " อี้เทียนโมส่ายหน้า ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลง

" แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ " คาป้ายิ้มออกมาบางๆ

สีหน้าของหยาเมิงเย็นยะเยือกสามาหาร เห็นได้อย่างชัดมากว่าเขาไม่พอใจกับการกระทำของอีเทียนโหมว และเขาก็แอบคิดที่จะจัดการกับอีเทียนโหมวอย่างลับๆ

ด้วยเปลวไฟที่ลุกโชนออกมาจากร่างกายของเขา ฉื่อหยานกลายเป็นเหมือนกับจรวดพุ่งไปยังกลุ่มสัตว์อสูรเสียง

หลังจากที่อีฉู่ปี่บอกฉื่อหยานว่าตั่วหลงมาหาตัวเขา เขาก็กระแอมเสียงออกมาจากและคำ และพุ่งออกจากเมืองด้วยความเร็วแสง

ที่เขาฆ่าฮันหนานก็เพราะ เขาไม่ต้องการจะให้เบื้องหลังของฮันหนานรับรู้ , เขาได้ฆ่าฮันหนานและนักรบอีกสองคน , ด้วยการตายของทั้งสาม เขาคิดว่าถ้าฆ่าศัตรูอย่างไม่เหลือซากจะไม่มีตามตัวเขาได้ แต่เขาคิดผิด

ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่หนีไปซ่อนตัวเท่านั้น

เขารู้ว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากเปลวไฟนภาได้ เขาจึงไม่เกรงกลัวสัตว์อสูรเสียง ดังนั้น สถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร สถานที่แห่งนั้นจะเป็นที่หลบซ่อนของเขา

ภูเขาเสียงอสูร

เขารู้มาจากฉู่ปี่ว่ามีที่หลบภัยขนาดใหญ่และแข็งแรงอยู่ในภูเขาเสียงอสูร ที่หลบภัยนี้ตั้งอยู่โดดเดี่ยวในภูเขาเสียงอสูร แม้แต่สามผู้นำของเผ่าปีกก็ไม่อาจเอาทำลายที่หลบภัยนี้ได้ ภายในภูเขาเสียงอสูร เต็มไปด้วยด้วยสัตว์อสูรเสียงและพลังหยินที่แข็งแกร่ง นอกจากสัตว์อสูรเสียงแล้ว พลังของคนธรรมดาเมื่อเขามายังที่แห่งนี้จะลดลง

เขาเพียงต้องการที่จะเข้าไปในภูเขาเสียงอสูรเท่านั้น ด้วยเปลวไฟนภาภายในร่างกายของเขา เขาจึงไม่กลัวสัตว์อสูรเสียงโจมตี เปลวไฟนภานั้นสามารถเผาผลาญทุกสิ่งได้ บางทีแม้แต่ที่หลบภัยก็อาจจะถูกเผาได้เช่นกัน ภูเขาเสียงอสูรนั้นเป็นสถานที่อันตรายสำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉื่อหยานแล้วมันเป็นสถานที่เดียว ที่สามารถปกป้องเขาจากการตามล่าของตั่วหลงได้

ด้วยเปลวไฟที่ลุกโชนออกมาจากร่าง ฉื่อหยานปล่อยเปลวไฟนภาออกมา ร่างกายของเขาส่องแสงออกมาพร้อมกับมุ่งเข้าไปในฝูงสัตว์อสูรเสียง

สัตว์อสูรเสียงเกือบพันรวมตัวกันอยู่ตรงนั้นและล้อมรอบคนจากเผ่าปีกดำและปีกขาวประมาณสิบคน ท่ามกลางสัตว์อสูรเสียงเหล่านั้น มีบางตัวที่อยู่ในระดับหกและเจ็ด พลังหยินที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากสัตว์อสูรเสียงเหล่านี้ , สามารถทำให้เกิดกลายเป็นเมฆสีเทาที่สามารถมองเห็นจากระยะไกลได้อย่างชัดเจน

ฉื่อหยาน เป็นเหมือนกับจรวดและยิงตรงไปที่สัตว์อสูรเสียงรวมกันอยู่

พลังหยินที่ไหลอยู่ในอากาศเป็นเหมือนกับเมฆสีดำที่เคลื่อนไหวไปมา พลังหยินนั้นประทะเข้ากับใบหน้าของฉื่อหยาน เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และเขาก็รู้สึกสบายตัวมากขึ้น ความคิดและสติของเขาชัดเจนมากขึ้น

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ขณะที่ทำอย่างระมัดระวัง สักพักร่างกายของฉื่อหยานก็สั่นเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข

เส้นชีพจรสามเส้นที่หน้าอกของเขาสร้างวังวนพลังหยินขึ้นมาซึ่งมันไหลเวียนอย่างเงียบๆ การไหลเวียนของวังวนพลังหยินทำให้พลังหยินที่อยู่รอบๆหายไป ร่างกายของเขาเริ่มที่จะดูดซับและรวบรวมพลังหยินอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน วังวนเล็กก็ปรากฏขึ้นบนหัวของเขา ในขณะที่วังวนนี้ปรากฏขึ้น ทันทีพลังของมันก็รุนแรงขึ้น

พลังหยินที่อยู่ในบริเวณรอบๆที่เหมือนกับเมฆสีเทากลายเป็นเหมือนกับลมบ้าหมู พลังหยินที่อยู่รอบๆถูกดูดเข้ามาในวังวนพลังหยิน ทำให้วังวนนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น

เคล็ดทมิฬ !

เคล็ดวิชาพิเศษนี้มาจากพรรคสามเทพ มันเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อใช้ในสถานที่ที่มีพลังหยินเข้มข้น ถ้าใช้เคล็ดทมิฬในสถานที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น มันจะสร้างวังวนขึ้นมาและดูดซับพลังหยินที่อยู่ในที่แห่งในด้วยตัวเอง และกลายเป็นไข่มุกอยู่ภายในวังวนพลังหยิน

ปีที่แล้วในพื้นที่พลังหยิน เขาใช้เคล็ดทมิฬเพื่อต้านทานพลังหยินที่เข้ามาในร่างเท่านั้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะกระตุ้นมันขึ้นมา และตอนนั้นเขาก็ได้ดูดซับพลังหยินทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่พลังหยินเขามา

เหตุการณ์ครั้งนั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก ในตอนนี้เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของวังวนพลังหยิน , ที่ปรากฏขึ้นบนหัวของเขา ฉื่อหยาน ก็รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เหมือนกับตอนนั้นกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

เขาเคลื่อนไหวผ่านอากาศ เปลวไฟยังคงลุกโชนออกมาจากร่างเขา แต่วังวนพลังหยินยังคงกลั่นและดูดซับพลังหยินอยู่บนหัวของเขา ศูนย์กลางของวังวนพลังหยินเป็นเหมือนกับพลังดึงดูดที่รุนแรง ซึ่งมันดูดซับพลังหยินทั้งหมดที่อยู่รอบๆเข้ามา

ในพื้นที่แห่งนี้ มีสัตว์อสูรเสียงมากกว่าพันตัวที่สัมพัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในพื้นที่แห่งนี้ พวกมันเริ่มจ้องฉื่อหยานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ .

จากกำแพงเมืองโบราณที่อยู่ห่างออกไป ทั้งสามคน คาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมวก็ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ พวกเขามองไปยังฉื่อหยานและสถานที่ที่เขาอยู่ด้วยดวงตาที่เปิดกว้างและปากที่อ้าค้างไว้

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด