ตอนที่แล้วบทที่ 243 บอกเหตุผลข้ามา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 246 ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

บทที่ 245 เขานั้นพิเศษยิ่ง


บทที่ 245 เขานั้นพิเศษยิ่ง

"โฮ๊กกก โฮ๊กกกก "

นอกเมืองหินยักษ์โบราณ ในป่าหนาทึบ เสียงคำรามของสัตว์อสูรเสียงดังขึ้นอย่างต่อนเนื่อง

กลุ่มคนจากเผ่าเสียงอสูรต่างก็หลบซ่อนอยู่ในเมือง และไม่กล้าที่จะออกไป เพราะกลัวจะถูกทำร้ายโดยสัตว์อสูรเสียงที่อยู่ด้านนอก

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สัตว์อสูรเสียงในภูเขาเสียงอสูรทั้งหมดออกมาจากภูเขา เนื่องจากรูปแบบที่ผนึกอ่อนแอลง ซึ่งทำให้พวกมันออกมาอยู่รอบๆ

มีทั้งเสียงของสัตว์ และแม้กระทั่งอสูรทารก ระดับหกและเจ็ด

อสูรทารกอาจได้รับการกล่าวว่าเป็น ศัตรูตามธรรมชาติของเผ่าเสียงอสูร การมีอสูรทารกอยู่ภายนอก จึงทำให้แต่ละคนในเผ่าเสียงอสูรอยู่ในความกังวล เมื่อได้ยินเสียงร้องที่หวีดหวิวของอสูรทาก พวกเขาจะรู้สึกหวาดกลัวมากทันที

ในเมืองหินยักษ์โบราณที่บนกำแพงหินลาวาสีเทาเข้ม เต็มไปด้วยภาพวาดของสัตว์อสูรที่แตกต่างกัน หินเรืองแสงแต่ละก่อนถูกห่อหุ่มอยู่ในกำแพง ซึ่งเปล่งประกายเรืองแสงออกมา

เมืองใหญ่เมืองนี้ถูกปกคลุมด้วยพลังที่แข็งแกร่ง พลังนี้ไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่าคลื่นพลังที่ไหลเวียนจำนวนมหาศาลนี้เป็นที่สิ่งคอยปกป้องเมืองนี้จากสัตว์อสูรเสียง

อาศัยรูปแบบป้องกันที่ปกคลุมรอบเมืองโบราณ ทำให้ป้องกันสัตว์อสูรเสียงทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกไว้ สัตว์อสูรเสียงได้แต่เพีนงหอนอยู่ภายนอกเท่านั้น ไม่กล้าบุกเข้ามาที่เมืองโบราณ

บนกำแพงเมืองหินยักษ์โบราณ

อีเทียนโหมวใส่เสื้อสีฟ้ายืนอยู่ ใบหน้าของเขาดูระมัดระวังอย่างมากเมื่อจ้องมองออกไปไกลๆ พร้อมกับข้างๆมีผู้นำอีกสองคนยืนอยู่ คือ หยาเหมิง และ คาป้า

อีฉู่ปี่ และ หยาจี่ ยืนอยู่เบื้องหลัผู้นำทั้งสาม อีเทียนโหมว หลี่เหมิง และ คาป้า พวกเขามองออกไปด้วยท่าทางจริงจัง

นอกเมือง , เสียงสัตว์อสูรคำรามกรีดร้องดังก้องไม่หยุดหย่อน พลังหยินทีทมืดมิดและหนาวเย็นรวมกันอยู่รอบๆเมือง . สัตว์อสูรเสียงทุกชนิดต่างก็ล้อมรอบเมืองโบราณอยู่ดูเหมือนพวกมันกำลังรออะไรบางอย่าง

สามผู้นำยืนอยู่กำแพงหินพร้อมกับขมวดคิ้ว และพูดกันด้วยเสีนงเคร่งขรึม พวกเขาดูไม่ดีนัก

" ฉู่ปี่ นักรบมนุษย์ที่เจ้าจับได้อยู่ไหนงั้นรึ ? " หยาจี่ ที่ถือไข่มุกมรกตอยู่ถามขึ้น

ภายในไข่มุกนั้นมีแสงวิญญานเคลื่อนไหวไปมา ผสานกับไข่มุกที่อยู่ในมือของเขา และเกิดเป็นประกายแสงเล็กๆแปลกๆประกายออกมาบ่อยครั้ง

" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า ?" อีฉู่ปี่ขมวดคิ้วของนางเล็กน้อย นางไม่อยากจะตอบอะไรเขามากนัก นางหันกลับไปมองหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ และถามว่า " เชว่เฟย , พ่อของเจ้านั้นคุ้นเคยกับภูเขาเสียงอสูรดี เขามักจะไปภูเขาเสียงอสูรบ่อยๆ เจ้ารู้มั้ยว่าทำไมผนึกที่ป้องกันภูเขาเสียงอสูรจึงอ่อนแอลง ? "

เชว่เฟย เป็นลูกสาวคนเดียวของหัวหน้า คาป้า ผิวคนนางขาวราวกับหิมะ, มีขนตางอนงาม , แววตาลึกซึ้ง นับได้ว่านางเป็นหญิงสาวที่งดงามอย่างมากในเผ่าเสียงอสูรเลยก็ว่าได้

" ข้าเองก็ไม่รู้ รูปแบบที่ผนึกอยู่อ่อนแอลงอย่างแปลกประหลาด . เวลา นี้มันเป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ อสูรทารกหลายตนออกมาจากภูเขาเสียงอสูร พวกมันวนเวียนไปรอบๆเมืองโดยไม่ไปไหน สุดท้ายแล้วพวกมันต้องการจะทำอะไรกัน ? " เชว่เฟยส่ายหน้า และตอบอย่างไม่มั่นใจ

" ฉู่ปี่ นักรบมนุษย์คนนั้นค่อนข้างอันตราย เจ้าควรแลกเปลี่ยนเขากับข้านะ " หยาจี่หลอมรวมวิญญานเข้าไปในไข่มุกอย่างต่อเรื่อง ภายในไข่มุกวิญญานหมุนเวียนอยู่ภายใน

" ไข่มุกพระเจ้าพลังหยินเหล่านี้หลอมขึ้นมาจากวิญญานนักรบด้วยวิธีการลับบางอย่าง พวกมันจะมีประโยชน์มากสำหรับการบ่มเพาะวิญญานของเรา ถ้าเจ้าส่งเขามาให้ข้า ไข่มุกพระเจ้าพลังหยินเหล่านี้จะเป็นของเจ้า "

" หยาจี่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าใจกว้างเช่นนี้ ? " เชว่เฟยสงสัย นางลืมตาขึ้นและถามด้วยความประหลาดใจ "เพียงแค่นักรบมนุษย์คนหนึ่ง เจ้ากลับใช้ไข่มุกพระเจ้าพลังหยินเหล่านี้แลกเปลี่ยน เขาพิเศษขนาดนั้นเชียวรึ ? "

" นักรบที่ข้าจับมาสามารถแลกเปลี่ยนกับชายคนนั้นได้ โดยไม่คาดคิด เจ้ากลับไม่คิดที่จะแลกแม้แต่นิด ดูเหมือนเขาจะมีความลับบางอย่างสินะ หึ ข้าคิดว่าเขาต้องพิเศษแน่นอน "

เชว่เฟยสังเกตเห็นว่าฉู่ปี่ไม่ได้ต้องการแลกเปลี่ยน นางเดาฉู่ปี่อาจจะรู้อยู่แล้วว่าฉื่อหยานนั้นพิเศษ , แต่นางนั้นต้องการรู้เรื่องของเขามากกว่านี้ นางจึงถามขึ้น " งั้นฉู่ปี่ เจ้าจับเขามาได้สักพักแล้ว เจ้าคงรู้สินะสินะว่าเขามีบางอย่างที่พิเศษ ? "

"ก็ไม่มีอะไรหนิ " อีฉู่ปี่ตอบอย่างเย็นชา

หยาจี่ ยิ้ม แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อนาง " ถ้าเช่นนั้น เจ้ามาที่วังของข้า และข้าจะให้เข้าเลือกนักรบมนุษย์ห้าคน ข้าจะใช้นักรบมนุษย์ห้าคนนั้นแลกเปลี่ยนกับเขา เจ้าคิดว่าไง ? "

" หยาจี่ เจ้านี่น่ารำคาญเสียจริง " ใบหน้าของอีฉู่ปี่กลายเป็นหงุดหงิด

หยาจี่สูดลมหายใจเข้าลึก ตาของเขากลายเป็นเย็นชา และเต็มไปด้วยความโกรธ

" โฮ๊กกกกกกก ฮือออออออ "

ในตอนนี้เอง เสียงสัตว์อสูรหอนคำรามดังก้องก็ดังมาจากในป่าลึกจากภายนอกเมืองหินยักษ์โบราณ

" หวือ….หวือ... "

เป็นมนุษย์วิหคสูงห้าถึงหกเมตรมีปีกสีเทา เขาถูกโจมตีโดยสัตว์อสูรเสียง เขากระพรือปีกพร้อมกรีดร้องออกมาและพยายามหนี

สัตว์อสูรเสียงโจมตีจากทุกทิศทาง แต่ผู้เฒ่าของตระกูลปีกสีเทาก็ไม่หวาดกลัว ร่างกายของเขาปรากฏสายลมขึ้นมา ซึ่งทำให้สัตว์อสูรเสียงถูกซัดออกไป

ภายใต้ความกดดันของสัตว์อสูรเสียงผู้อาวุโสของตระกูลปีกสีเทายังคงมุ่งหน้ามาทางเมืองหินยักษ์โบราณ

ม่านพลังรูปแบบป้องกันที่กำแพงเมืองหินยักษ์โบราณของเผ่าเสียงอสูรหดตัวลงอย่างแปลกประหลาด และปล่อยให้เขาเข้ามาในเมืองโบราณได้อย่างเสรี

" ตั่วหลงเกอ , ท่านมาทำอะไรที่นี่รึ ? " หัวหน้าหยาเมิง ' หัวที่เต็มไปด้วยเส้นผมสีขาวก้มมากบนฟ้าและหัวเราะ เขาป้องมือของเขาไปที่ชายชราจากเผ่าปีกทางที่อยู่ไกลออกไป " เรากำลังคุยกันว่าเราน่าจะเยี่ยมตระกูลปีกเทาบ้างกันอยู่หรือไม่พอดี ไม่คิดเลยว่า ท่านตั่วหลงเกอจะมาที่นี่เสียก่อน นี่ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ "

อีเทียนโหมวตาสีขี้เถ่าของเขากลายเป็นกังวล แอบมองไปที่อีฉู่ปี่และ ส่งสัญญาณบางอย่างให้นาง

อีฉู่ปี่ที่คุยกับหยาจี่ เชว่เฟย อยู่ทันใดนั้นสายตาของนางเปลี่ยนไป นางพยักหน้าหัวของนางเล็กน้อย โดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น และคุยกับเชว่เฟย และ หยาจี่ " ข้ามีบางอย่างต้องทำ ตอนนี้ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว"

เมื่อนางพูดเสร็จ โดยไม่รอนางก็จากไปทันที หยาจี่ และเชว่เฟยต่างก็มองไปที่ ร่างกายบอบบางของนาง พร้อมกับพริบตามองด้วยความสงสัย

ชายชราจากตระกูลปีกเทา ตั่วหลง ดวงของเขาตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ,เขาจ้องมองไปที่ หยาเมิง อีเทียนโหมว และคาป้า จากนั้นก็ตระโกนออกมา " ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าจับมนุษย์ได้ ? "

" ถูกต้องแล้ว " ใบหน้าของหยาเมิงมองไปอย่างตกตะลึง " ก่อนหน้านี้ มีมนุษย์จำนวนหนึ่งปรากฏตัวในป่าใกล้ๆกับที่นี่ โดยไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร แต่ตอนนี้พวกเขาถูกจับและถูกคุมขังอยู่ . เหตุใดท่านตั่วหลงเกอ ถึงสนใจมนุษย์เหล่านี้รึ ? หรือว่าตระกูลปีกเทาของท่านต้องการใช้จิตวิญญานของมนุษย์เพื่อฝึกบ่มเพาะอะไรบางอย่าง ? "

" เอานักรบเหล่านั้นมาให้ข้าดูที ข้าต้องการหาใครบางคน " ดวงตาตั่วหลงกลายเป็นดุร้ายเหมือนงูพิษ " ฮันหลง ลูกชายของข้าถูกฆ่าโดยมนุษย์ ข้าอยากบดกระดูกของมันให้เป็นผุยผง และทำให้มันต้องเผชิญกับความทุกทรมานทุกประเภท "

" ว่าไงนะ ! " หยาเมิง คาป้า และ อีเทียนโหมวช่วยไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ

" ได้ ข้ารู้แล้วต้องทำเช่นไร " หยาเมิงพยักหน้า เขาเข้าใจแล้วว่าเรื่องนี้สำคัญเช่นไร เขาหันไปหาหยาจี่และพูด , " นำนักรบมนุษย์ทั้งหมดมาที่นี่

ทันทีร่างของหยาจี่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

" อีเทียนโหมว ข้าได้ยินว่า ท่านจับมนุษย์ได้คนหนึ่งเช่นนหนิ ท่านจะ . . . . . . . ? " หยาเมิงมองไปที่อีเทียนโหมว

" อีเฟิง เจ้ากลับไปและนำตัวมนุษย์นั่นมาที่นี่ . " อีเทียนโหมวไม่ได้พูดอะไรมาก เขามองไปที่ใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาจากนั้นก็ออกคำสั่ง ทันทีอีเฟิงก็จากไป

" ตั่วหลงเกอ , ในพื้นที่ตระกูลปีกเทาของท่านเต็มไปด้วยสัตว์อสูรเสียงอยู่ทุกหนแห่งเหมือนกันหรือไม่ " คาป้า ก็ถาม

" ไม่ มีเพียงเฉพาะพื้นที่ของพวกเจ้าเท่านั้นที่มีสัตว์อสูรเสียงอยู่มากมาย 'ในพื้นที่ของเรามีเพียงสัตว์อสูรระดับต่ำเท่านั้น มันง่ายมากที่เราจะกวาดล้างพวกมันให้หมด " ตั่วหลงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา มันดูเหมือนเขาไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ เขาสนใจเพียงแก้แค้นเท่านั้น

คาป้าเหมือนจะถามอะไรบางอย่าง แต่พอเห็นใบหน้าที่เย็นชาของเขา เขาก็ยิ้ม และก็เลิกคิดที่จะถาม

หยาเมิง อีเทียนโหมว ก็ไม่ได้พูดอะไร และเฝ้ารออย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าแปลกๆ

หลังจากนั้นไม่นาน

หยาจี่ และคนอื่น ๆของเผ่าเสียงอสูรใช้สัตว์ดึงกรงใหญ่มา ภายในกรงมี ฉาวจื่อหลาน พานโจว และคนอื่น ๆอยู่

ฉาวจื่อหลาน กู่หลินหลง พานโจว และซูหยางซิงนั่งอยู่ที่มุมพร้อมกับที่สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป พวกเขาจ้องไปที่คนเผ่าเสียงอสูรและตั่วหลงจากตระกูลปีกเทา ด้วยความกดดัน

เมื่อสองสามวันก่อน ได้มีคนหายไปอย่างสมบูรณ์ทีละคน

พวกเขาเข้าใจว่าหยาจี่ทีเป็นคนจับคนเหล่านั้นไปและเขาก็คงเป็น คนที่ฆ่าคนเหล่านั้น แม้ว่าฉาวจื่อหลานจะไม่กล้าใช้จิตวิญญานต่อสู้ของนาง นางก็ยังสัมพัสได้ลางๆว่าวิญญานของพวกเขาถูกดึงออกจากร่าง  กลายเป็นยาวิเศษที่ให้เผ่าเสียงอสูรใช้บ่มเพาะ

เมื่อฉาวจื่อหลาน พูดถึงสิ่งที่นางสัมพัสได้ คนอื่นๆทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเริ่มเสียใจที่เข้ามายังหุบเหวสนามรบเพิ่อฆ่าหยางมู่และฉื่อหยาน หากพวกเขาไม่ตามมาหละก็ . . . . . . .

ดวงตาของตั่วหลงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขากลอกตาไปมา พร้อมกับส่ายหัวไม่หยุด

ผลึกสีเขียวกลมก็โผล่ออกมาในมือของตั่วหลง เขาพลิกมือเล็กน้อย แล้วผลึกกลมสีเขียวก็ส่องแสงออกมา

ในช่วงกลางของแสงสีเขียว ปรากฏเป็นภาพลักษณะเหมือนกับฉื่อหยานค่อยๆปรากฏขึ้น

" ฉื่อหยาน ! " ฉาวจื่อหลาน , พานโจว กู่หลินหลงและซูหยานซิง , ผู้ที่ถูกขังอยู่ในกรง มีความกลัวอยู่ในสายตาของพวกเขาและจิตใจของพวกเขาก็สั่นสะท้าน ทันทีที่รู้ใครคือคนที่ตั่วหลงตามหา.

" นั่นเขา ! " หยาจี่ขบฟันแน่น

" เขาคือคนถูกจับมาโดยอีฉู่ปี่ ข้าเคยเจอเขามาก่อน "

หันไปมองตั่วหลงที่มีสายตาเย็นชา หยาจี่ไม่ที่จึงไม่กล้าที่จะโกหก เขาจึงรีบกล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว " เขาค่อนข้างจะพิเศษเล็กน้อย คนที่ข้าจับมานั้นล้วนแต่ไล่ล่าเขา คนเหล่านั้นรวมกันยังไม่สามารถฆ่าเขาได้ "

" อีเทียนโหมว ! " ร่างกายตั่วหลงทันทีก็มันพลังไหลออกมา เขาตะโกนและร้องออกมาด้วยความโมโห " รีบพามันมาให้ข้า ! "

ในดวงตาสีขี้เถ่าของอีเทียนโหมว เส้นสีเทาปรากฏขึ้นอย่างชัดเจย กระแสการไหลเวียนของวิญญานแปลกประหลาดได้ทะลักออกมาจากหัวของเขาในทันที พลังปราณลึกลับรวบรวมอย่างรวดเร็วในร่างกายของเขาและโคจรผ่านผ่านเส้นเลือดของเขา เขาพร้อมที่จะจัดการกับตั่วหลง

" ข้าบอกแล้วว่าอีเฟิงจะพาเขามาเอง ! " อีเทียนโหมวสีหน้าของเขากลายเป็นเย็นชาด้วยความระมัดระวัง และพูดขึ้นว่า "อีกไม่ช้าเขาจะมาที่นี่ ตั่วหลง , ท่านไม่ควรกังวลมากเกินไป "

" ได้ ข้สหวังว่าจะสามารถพาเขามาที่นี่ได้นะ ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่มีความเมตตา . " ดวงตาของตั่วหลงก็เบิกกว้างพร้อมกับค่อยๆพยักหน้า

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด