ตอนที่แล้วบทที่ 237 ปราสาทหินยักษ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 239 ภูเขาเสียงอสูร

บทที่ 238 เผ่าเสียงอสูร


บทที่ 238  เผ่าเสียงอสูร

ในความมืดมิดที่ไม่อาจมองเห็นได้ ฉื่อหยานค่อยๆตื่นขึ้นมา

เปิดดวงตาของเขา เขาใช้จิตสำนึกวิญญานของเขาสังเกตไปรอบ ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อจิตสำนึกของเขาถูกปล่อยออกไป ก็มีความเจ็บปวดมหาศาลเกิดขึ้นในห้วงจิตสำนึก ความเจ็บปวดนี้กระตุ้นออกมาอย่างรุนแรงในห้วงจิตสำนึกของเขา มันเกือบจะทำให้เขาเป็นลมอีกรอบหนึ่ง

ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพยายามที่จะอดทนต่อความเจ็บปวด พร้อมกับรีบกลั้นหายใจ แล้วถอนจิตสำนึกของเขากลับมา

เมื่อจิตสำนึกถูกถอนออกมา ความเจ็บปวดก็หายไป

ดวตางก็กลับมาสดใส อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่อาจเห็นอะไรรอบๆได้อยู่ดี

คลำไปทั่วๆในความมืดมิด เขาตระหนักว่ารอบๆเขาเต็มไปด้วยศิลาเหมันเยือกที่เยือกเย็น หินพวกนี้แข็งแกร่งและทนทานเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับหินนี่มากนัก แต่ดูเหมือนมันจะสามารถปิดกั้นจิตสำนึกได้เมื่อใดก็ตามเขาเขาส่งจิตสำนึกออกไปอีกครั้ง เขาจะรู้สึกปวดหัวทันที

ดวงตาของเขากลายเป็นจริงจัง แต่เขาก็ยังมองไม่เห็น เขาลุกขึ้นยืนเพื่อขยับร่างกายให้อุ่นขึ้น เมื่อเขาพยายามที่จะกระตุ้นพลังในร่างกายของเขา เขาก็ตระหนักได้ว่าพลังปราณลึกลับของเขาก็ถูกปิดกั้นเช่นกัน เขาไม่สามารถใช้พลังของเขาได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม

พลังปราณลึกลับและห้วงจิตสำนึกทั้งคู่ต่างก็ถูกผนึกไว้ เขาเองก็เป็นเหมือนกับนักรบคนอื่นๆ หากพลังเหล่านี้ถูกผนึกไว้เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยาน แม้ว่าพลังปราณลึกลับและห้วงจิตสำนึกจะถูกผนึกไว้ เขาก็ยังคงมีพลังที่สามารถใช้ในสถานการร์เช่นนี้ได้ ด้วยการฝึกฝนของเขา เขาสามารถใช้พลังงานเชิงลบที่อยู่ในเส้นชีพจรของเขาได้ ถ้าเขากระตุ้นพลังนี้ขึ้นมา เขาก็ยังคงต่อสู้ได้

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่สิ่งที่วิกฤตจริงๆตอนนี้ก็คือว่า เขานั้นไม่รู้วิธีที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้

ห้วงจิตสำนึกไม่สามารถใช้ได้ หากจิตสำนึกถูกปิดกั้น มันก็ยากสำหรับเขาที่จะติดต่อเข้าไปในแหวนสายโลหิตหรือสื่อสารเปลวเหมันเยือกแข็งและแกนเพลิง

ในถ้ำหินที่มืดสนืท ฉื่อหยานยังคงเงียบอยู่

เขามั่นใจว่าคนที่จับเขามา และยังไม่ฆ่าเขาจะต้องปรากฏตัวแน่ ในไม่ช้าก็เร็ว เขาไม่ได้รู้จักสถานที่แห่งนี้ เขาจึงต้องระมัดระวังไว้โดยไม่กระตุ้นพลังเชิงลบเพื่อพังถ้ำแห่งนี้ เขาเลือกที่จะรออยู่เงียบๆแทน

" ท่านหญิงอีฉู่ปี่่จับเขาไว้ที่ไหน ? ที่แห่งนี้ของพวกเราไม่ได้ต้อนรับพวกมนุษย์มานาน เราไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนั้นมาจาก "

" เอ่อ มนุษย์นั้นไม่ค่อยปรากฏตัวในสถานที่ของเรานัก คราวนี้ ผู้นำอีฉู่ปี่่ได้ออกไปสำรวจและนำตัวเขากลับมา แต่นางเพียงแค่คุมขังเท่านั้นโดยไม่ได้ลงมือใดๆ เราไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วนางจะทำอะไรกันแน่

" ยังไงก็ตาม เราพาเจ้านี้ไปหาผู้นำอีฉู่ปี่่เถอะ”

ฉื่อหยานได้ยินเสียงพูดของชายสองคนที่อยู่รอกห้องคุมขังหินอย่างชัดเจน

ไม่นานหลังจากนั้น ก็เสียงเอี๊ยดอ๊าดของประตูห้องคุมขังดังขึ้น ทันทีก็มีแสงไฟสลัวส่องมาจากภายนอกเข้าไปในห้อง จากนั้นก็มีคนสองคนที่มีผิวซัดดูมัวหมองปรากฏอยู่พร้อมกับแสงสีส่องเข้ามา

ภายใต้แสงแสงสลัว ฉื่อหยาน กลายเป็นจริงจังและเขาก็ตระหนักว่าใบหน้าของคนเหล่านี้ต่างมีสีซีดเซียวและร่างกายก็ผอมเป็นอย่างมาก พลังปราณมืดมนที่เย็นยะเยียบลอยออกมาจากพวกเขา ร่างกายของพวกเขาดูเหมือนไม่มีความอบอุ่นใดๆอยู่ นี่คือ ปีศาจ ตัวเป็น ๆ !

" ลุกขึ้น เดินตามเรามาข้างนอก ท่านหญิงของเราต้องการพบเจ้า " หนึ่งในผู้ชายสองคนพูดขึ้นอย่างเย็นชา

ฉื่อหยานขมวดคิ้วของเขา แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาทำตามที่คนเหล่านี้พูด

" เจ้าควรเชื่อฟังเรา ไม่อย่างนั้นข้าจะสั่งสอนเจ้า " ผู้ชายเย็นชาชายตามองที่ฉื่อหยาน แล้วเดินไปข้างหน้า เพื่อนำทาง " ตามเรามา "

ฉื่อหยานไม่พูดอะไร และเดินออกออกไปจากถ้ำหินอย่างรวดเร็วและสังเกตไปรอบๆอย่างเงียบๆ

เขาเดินอยู่บนทางเดินที่ใหญ่และยาวไกล กำแพงทั้งสองข้างทำจากหิน มีภาพวาดของสัตว์อสูรมากมายอยู่บนกำแพง หินบางก้อนเรืองแสงออกมา .

พวกเรืองแสงนั้นสว่างไม่มากนักมันส่องแสงสลัวๆออกมา ฉื่อหยานไม่สามารถเห็นได้เลยว่าสัตว์อสูรชนิดใดกันที่ถูกวาดอยู่บนกำแพงหิน

ผู้ชายสองคนมีร่างกายที่ดูมืดมนเยือกเย็น ขณะที่พวกเขากำลังเดินนำไป พวกเขามักจะหันหัวกลับมามองที่ฉื่อหยาน ด้วยความระวัง .

เป็นเพราะห้วงจิตสำนึกยังถูกปิดกั้นอยู่ ฉื่อหยานจึงไม่ได้ส่งจิตสำนึกของเขาออกไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรู้ได้ว่าทั้งสองคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ' . อย่างไรก็ตาม ดูจากการเคลื่อนไหวและร่างกายที่มืดมน ระดับของพวกเขาคงไม่สูงมากนัก ถ้าความพลังของเขากลับมาสมบูรณ์เมื่อ เขามั่นจะว่าจะต้องฆ่าสองคนนี้ได้อย่างแน่นอน

แต่ในสถานการณ์นี้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฉื่อหยานจึงไม่ได้คิดที่จะทำอะไร

นายหญิงที่พูดถึงนั้นสามารถหลบซ่อนจากห้วงจิตสำนึกของเขาและจับกุมเขาได้ เสียงที่นางพูดนั้่นเยือกเย็นมาก นางสามารถจับกุมเขาได้อย่างง่ายดายนั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่านางนั้นมีระดับที่เหนือกว่าเขามากๆ

ด้วยตัวตนของยอดฝีมือเช่นนี้ หากเขาขัดขืนและต่อสู้หละก็ เขาจะต้องได้รับผลตามมาที่รุนแรงแน่

อย่างเชื่อฟัง เขาเดินตามสองคนนั้นไป ผ่านทางเดินยาว ฉื่อหยานก็เข้าไปในห้องโถงใหญ่

ห้องโถงขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยเสาหินขนาดใหญ่ตั้งตะหงานอยู่ในห้อง มีชายหญิงที่ดูมืดมนหลายคนยืนอยู่ ราวกับว่ากำลังรอบางสิ่งหรือใครบางคนอยู่

กลิ่นอายของพวกเขาดูหนาวเย็นพร้อมกับร่างกายซูบผอม เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ค่อยได้พบเจอกับแสงแดดมากนัก

ในห้องโถงใหญ่ ชายชราที่มีเคราเหมือนแพะหายใจเข้าออกอย่างหนักแน่น ใบหน้าและดวงตาของเขาคล้ายกับบัณฑิต เขานั่งอยู่คนเดียวตรงกลางห้องโถง เหล่าชายหญิงทั้งหมดต่างก็ยืนอยู่ข้างๆเขา พวกเขาดูเหมือนคนรับใช้และคนคุ้มกัน

ข้างๆ เขาเป็นหญิงสาวในชุดราชวงศ์ที่ดูสูงศักดิ์ยืนอยู่ . นางมีใบหน้าที่งดงามพร้อมกับขนตาที่น่าหลงไหล

ในเวลานี้ , ดวงตาที่เหมือนคริสดัลสดใสของนางกำลังจ้องมาที่ฉื่อหยานจากไกลๆ จากนั้นนางก็พูดออกมาอย่างเย็นขา " ท่านพ่อ นี่คือมนุษย์ที่ข้าจับได้ "

ชายชราลูบเคราเล็กน้อยจากนั้นก็พยักหน้า . ดวงตาสีเทาซีดของเขามองฉื่อหยานผ่านๆ

ฉื่อหยานยังคงยืนอยู่ แต่เขาสัมพัสได้อย่างชัดเจนว่ามีกลิ่นอายที่หนาวเย็นกำลังแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขนของเขา มันลอยเข้าไปในร่างของเขาอย่างเงียบๆ เหมือนกับว่ามันกำลังสำรวจทุกสิ่งที่อยู่ในร่างของเขา

" เจ้ามนุษย์ เจ้ามาจากไหนรึ ? " หลังสังเกตอย่างรอบคอบ ชายชราก็ถามด้วยเสียงที่พึ่งพอใจ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดเลยว่าจะได้ยิน

" พวกท่านเป็นใครกัน ? " ฉื่อหยานถามกลับไปโดยไม่ตอบ " ข้างในนี้คือหุบเหวสนามรบ ในตำนานกล่าวว่าไม่มีนักรบคนใดอยู่ในหุบเหวสนามรบตั้งแต่โบราณ หุบเหวสนามรบกลิ่นอายธรรมชาติและพลังนั้นบางเบา เหตุใดพวกท่านจึงอยู่ที่นี่ได้ แท้จริงแล้วพวกท่านเป็นใครกันหรือ ? แล้วที่นี่ใช่หุบเหวสนามรบหรือไม่ ? "

" สามหาว ! " หญิงงามสีหน้ากลายเป็นบึ้งตึง จากนั้นก็พูดออกมาอย่างเย็นชา " เจ้าเพียงคำถามของเสด็จเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ถามใดๆ ! หยุดคำพูดขยะของเจ้าเสีย ! "

ตอนนั้นเองพลังวิญญานที่แหลมคมเหมือนกับดาบก็พุ่งมาที่ฉื่อหยาน

ฉื่อหยานยังคงแสดงออกเช่นเดิม แต่โดยทันทีในห้วงจิตสำนึกของเขาก็รู้สึกเหมือนมีหนอนนับพันตัวกำลังกัดกร่อนอยู่ภายใน ซึ่งนั่นทำให้เข้าเจ็บปวดเป็นอย่างมากจนเขาเกือบจะร้องออกมา

เขาขบฟันแน่น ใบหน้าของฉื่อหยานกลายเป็นดุร้ายแต่ก็ไม่ได้ร้องออกมา , พร้อมกับที่เขาจ้องไปที่หญิงสาว

" ไม่เป็นไร อีฉู่ปี่่ " ชายแก่โบกมือของเขาส่งสัญญาณให้อีฉู่ปี่่หยุดโจมตีวิญญานของฉื่อหยาน เขามองฉื่อหยานอย่างรอบคอบ , และกล่าวว่า , " เจ้านับได้ว่าไม่เลว ถูกโจมด้วยพันวิญญานกลืนกินของเผ่าเสียงอสูร แต่เจ้ากลับไม่ร้องออกมาสักคำ ถ้าข้าคิดไม่ผิด ระดับของเจ้าสมควรเป็น ระดับปฐพี”

" อ๊ะ ? ท่านพ่อ ย่อมไม่ใช่เช่นนั้นแน่ " หญิงงามที่ชื่ออีฉู่ปี่่ ตะโกนออกมาอย่างมั่นใจ " มันชัดเจนว่าเขานั้นมีห้วงจิตสำนึก มีเพียงนักรบระดับรู้แจ้งเท่านั้นที่สามารถมีได้ เป็นไปไม่ได้ที่นักรบระดับปฐพีจะมีมัน.."

" ท่านพูดถูกกแล้ว ข้ามีระดับเพียงปฐพีเท่านั้น " ฉื่อหยานค่อยๆพยักหน้า " ข้ามาที่จากโลกข้างนอก จริงๆข้าสมควรอยู่ที่หุบเหวสนามรบ เพราะเหตุผลบสงอย่างข้าจึงถูกส่งมาที่นี่ ก่อนหน้านี้ ข้าได้อยู่ในทะเลทรายที่ร้อนระอุ ต่อมา ข้าถูกส่งมาที่นี่ .

" เจ้าอยู่ระดับปฐพีจริงๆรึ ? " เห็นได้อย่างชัดเจนว่าดวงตาที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความตกตะลึง นางมองฉื่อหยานอย่างสงสัย " เจ้านั้นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ถ้าไม่เช่นนั้น เหตุใดระดับปฐพีเช่นเจ้า ถึงสามารถมีห้วงจิตสำนึกได้ หึ ! ไม่เลว เจ้าจะต้องไม่ใช่นักรบทั่วไปอย่างแน่นอน "

ชายแก่จ้องฉื่อหยานพร้อมกับพยักหน้าของเขาอย่างช้าๆ เขาเงียบไปสักพักแล้วบอกว่า " เจ้าบอกว่าเจ้ามาจากโลกภายนอก แล้วเจ้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเผ่าเสียงอสูรบ้างหรือไม่ ? "

ฉื่อหยานส่ายหน้า

ใบหน้าของชายชราดูหม่นหมอง ดวงตาของเขาดูเศร้าศร้อย เขากล่าวว่า " เราไม่ได้ออกจากที่นี่ไปเป็นเวลานาน นานเสียจนมนุษย์ไม่อาจจำเผ่าเสียงอสูรได้ อ่า… นี่ช่างน่าเศร้านัก เราไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ ข้าอยากรู้จริงๆว่าจะมีใครที่หาทางออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่. "

" ท่านพ่อ ไม่ใช่ว่าเราได้ใช้ชีวิตที่นี่ก็ดีแล้วอย่างงั้นหรือ ? เหตุใดท่านจึงอยากออกไปโลกภายนอกกัน ? " อีฉู่ปี่ถามอย่างสับสน

" เจ้าไม่เข้าใจ . . . " ชายชราถอนหายใจ เขาไม่ได้พูดอะไรอีก

ฉื่อหยานได้แต่ประหลาดใจ หลังจากถูกอีฉู่ปี่โจมตีวิญญาน เขาก็บาดเจ็บพอสมควร แม้ว่าเขาจะยังคงมีข้อสงสัยบางอย่าง แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะถามออกไป

" ข้ามีคำถามบางอย่างและข้าหวังว่าเจ้าจะตอบตามความจริง ถ้าคำตอบของเจ้าช่วยข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไปตามทางของเจ้า แต่ถ้าคำตอบของเจ้าไม่สามารถช่วยอะไรข้าได้ ชีวิตเจ้าก็ตกอยู่หายนะ ข้าจะทำให้เจ้าหายไปอย่างสมบูรณ์ . " ชายชราก้มศีรษะพยักหน้า พลันยกศีรษะของเขาอีกครั้ง และมองไปที่ฉื่อหยานด้วยสีหน้าจริงจัง

ในเวลาเดียวกัน , บางอย่างที่แปลกประหลาดก็ลอยออกมาจากชายชรา

รูปแบบบางอย่างที่อยู่ในร่างของเขา จู่ๆก็หายไปในพริบตา จากนั้น ห้วงจิตสำนึกของเขาก็ฟื้นคืนมา และ พลังปราณลึกลับของเขาก็เริ่มโคจรอีกครั้ง

สิ่งที่ปิดกั้นจิตสำนึกวิญญานอยู่ได้หายไป ฉื่อหยานส่งจิตสำนึกไปที่ชายชราตรงหน้าเขาและลูกสาวของเขาอีฉู่ปี่อย่างเงียบๆ

เมื่อจิตสำนึกใกล้จะถึงชายชรา ตอนนั้นเองก็ดูเหมือนจะมีม่านพลังอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ป้องกันอยู่ เมื่อจิตสำนึกของเขาใกล้จะถึงอีฉู่ปี่ ม่านพลังนั่นก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร

ระดับนภา !

หลังจากจิตสำนึกสัมพัสไปที่อีฉู่ปี่ สีหน้าชองฉื่อหยานก็ตกตะลึง เขาเกือบจะตะโกนออกมา หญิงสาวคนนี้อายุไม่มากนัก แต่กลับอยู่ในระดับนภา !

หากนางยังอยู่ในระดับนภา แล้วชายชราคนนั่นหละ ?

" ไม่ต้องคิดมาก ยังไงเจ้าก็ไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้"

ใบหน้าของชายชราก็ดูไม่สนใจ พร้อมกับพูดออกมาอย่างเย็นชา " อย่างแรก บอกข้ามาว่าเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ก่อนจะเข้ามายังทะเลทราย เจ้ามาจากที่ไหน ? ,เจ้าสามารถกลับไปยังเส้นทางที่เจ้ามาได้หรือไม่ ? ถ้าเจ้าสามารถกลับไปยังเส้นทางเดิมที่เจ้ามาได้ ข้าก็จะไม่สร้างปัญหาให้เจ้า แต่ข้ายังจะตอบแทนเจ้าด้วย”

" ข้าไม่สามารถกลับไปทางเดิมได้ ขออภัยด้วย แต่ข้าก็ยังต้องการที่จะกลับไป ถึงแม้จะกลับไปไม่ได้ก็ตาม " ฉื่อหยาน ส่ายหัวอย่างไม่เต็มใจ .

ชายชราขมวดคิ้วแน่น และเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง

แต่ตอนนี้ ก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ หลังจากหมอบคลานเข้ามา เขาก็พูดขึ้น "นายท่าน เราเพิ่งค้นพบนักรบมนุษย์อื่น ๆ พวกเขามีเกือบจะร้อยคน "

ฉื่อหยานรูม่านตาก็หดลง เขามั่นใจว่านั่นต้องเป็น ฉาวจื่อหลานและเหล่านักรบแน่นอน !

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด