ตอนที่แล้วตอนที่ 9 แท่นจ้าวอาคม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 ตลาดหมู่บ้านแร่ห้าสี

ตอนที่ 10 พรสวรรค์ระดับ 7 !


“นี่พี่พลพวกเรากลับกันเถอะ ข้ารู้สึกว่ามันน่าเบื่อจะตายไป ข้าอยากไปตลาด”

เหนือภพพูดขึ้นด้วยท่าทีเบื่อหน่าย ในใจเวลานี้อยากจะกลับไปหาแม่กับน้องใจจะขาดแล้ว พลเห็นดังนั้นก็ถอดถอนหายใจ อุตส่าห์พาเข้ามาหาประสบการณ์แทนที่จะสนใจบ้าง

“เอาเถอะ เจ้าก็กลับไปก่อนละกัน ข้ายังอยากดูอีกสักหน่อย หลานสาวข้ายังไม่ได้ทดสอบเลยข้าจะไปได้ยังไงเล่า ขืนน้องสาวข้ารู้ว่าข้าไม่สนใจดูหลานในงานพิธี ข้าคงโดนด่าหูชาแน่”

เหนือภพเดินออกมาจากงานพิธีมาไม่ไกลนัก ตอนนี้เขาเดินออกมาถึงลานโล่งที่หน้าประตูหลักแล้ว ทันใดนั้นก็มีเสียงใสเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยดังขึ้นพร้อมกับมีมือมาสะกิดที่หัวไหล่ของเหนือภพในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

“นี่ เจ้าคือ ลูกพี่เหนือภพ ใช่หรือเปล่า”

เหนือภพหันมองอย่างสงสัย เหลือบมองเด็กชายวัยอายุไล่เลี่ยกับเขาแต่มีร่างกายที่เล็กกว่า ทั้งสองคนมีผิวพรรณและหน้าตาอยู่ในระดับที่ดี เสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนเป็นผ้าชั้นดี สภาพภายนอกยังแตกต่างกันขนาดนี้ เขาจำไม่ได้ว่าเขาเคยรู้จักกับคนระดับนี้มาก่อน

“พวกเจ้าเป็นใคร ข้ารู้จักพวกเจ้าหรือเปล่า”

เหนือภพลังเล หรือว่าเขารู้จักแล้วจำไม่ได้ ไม่สิเขาจำได้ว่า ตอนเรียนเขามีเพียงแค่พี่ดำเป็นเพื่อน ส่วนเพื่อนคนอื่นก็แค่รู้จักกันผิวเผินทักทายกันบ้างตามโอกาสภายในชั้นเรียนเท่านั้น ไม่เคยมีการคบหาสนิทสนมกัน

“ลูกพี่จำพวกผมไม่ได้ก็ไม่แปลก พวกเราคือบุคคลที่ยกย่องลูกพี่จากใจ”

เด็กชายผมสีฟ้าพูดอย่างตื่นเต้น

“ใช่ ความองอาจของลูกพี่ตอนนั้นกับพี่ดำ ทำให้พวกอวดดีพวกนั้นถึงกับฉี่รดกางเกง ช่างสะใจพวกข้ายิ่งนัก ลูกพี่เป็นตำนานในใจพวกเราอย่างแท้จริง”

เด็กชายผมสีครามกล่าวสนับสนุนด้วยอารมณ์เทิดทูนไม่ต่างกัน

'อย่าบอกนะว่า...'

สีหน้าเหนือภพมืดครื้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป็นเรื่องไหน ความละอายใจก็ปรากฏแวบผ่านในแววตาของเขา เหตุการณ์ในวัยเด็กก่อนหน้านั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ดีและน่าจดจำเท่าไหร่นัก เพราะเรื่องแบบนั้นทำให้พ่อของเขาต้องตาย เขาจึงไม่รู้สึกว่ามันน่าภาคภูมิใจ ออกจะรู้แย่กับการกระทำไม่ยั้งคิดนั้น

“ขอโทษนะ ข้ารีบ” เหนือภพพูดตัดบทและรีบวิ่งออกไปในทันที

เด็กชายสองคนพอเห็นเช่นนั้นก็ไม่เข้าใจได้เกาหัวแกร๊กๆ พลางมองหน้ากัน

“เป็นอะไรของเขากันนะ” เด็กชายผมสีฟ้ากล่าว

เด็กชายอีกคนส่ายหน้า เขาเองก็ไม่เข้าใจแต่ก็ไม่คิดไล่ตาม ลูกพี่คงมีธุระจริงๆ จึงพากันเดินไปยังพิธีวัดปราณอาคมที่ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต เสียงพูดคุยของผู้คนในงานยังคงครึกครื้น เมื่อเด็กชายทั้งสองมาถึง เด็กชายผมสีฟ้าที่มีสายตาดีกว่าก็สะกิดเพื่อนสนิทข้างกายให้มองไปยังแท่นจ้าวอาคม

“เพื่อนดูนั่นสิ เจ้าเด็กที่ลูกพี่เคยอัดจนสลบนี่”

สายตาของเด็กทั้งสองคนยามมองไปยังเด็กชายผมสีส้มเข้มที่มีอายุมากกว่าพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกดูแคลน

“อย่าไปสนใจคนอย่างมันเลยเพื่อน นั่นพี่สาวข้ากำลังขึ้นจะไปวัดปราณ”

สายตาของเด็กชายทั้งสองคนถูกดึงดูดไปที่เด็กหญิงผมหยักศกทิ้งตัวยาวสลวยระแผ่นหลัง ผมสีครามเปล่งประกายยามต้องแสงแดด ร่างกายของเธอนั้นไร้ซึ่งเครื่องประดับตกแต่งอื่นใด เธอเครื่องแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสีขาวคาดทับด้วยเสื้อกั๊กสีฟ้า เป็นชุดที่ดูเรียบง่ายแต่สง่างามด้วยผ้าเนื้อดีที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกับชุดของเด็กชายผมสีคราม

“มีนา พรสวรรค์ระดับ 7”

เมื่อเสียงประกาศของหัวหน้าไทสิ้นสุดลง ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆผู้เฒ่าพสุธา ผู้ซึ่งวางท่าราวกับว่าไม่เคยมีตัวตนมาก่อน ถึงกับเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่ยากจะเข้าใจความคิด มีเพียงท่าทีพึงพอใจเท่านั้นที่ชัดเจน ปรากฏการณ์นี้ทำให้เหล่าครูฝึกต่างถิ่นถึงกับตื่นตะลึง หัวใจเต้นรัว ตื่นเต้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ไม่สิ แม้แต่เมืองหลวงแห่งอมตะนครก็ยังไม่เคยมีใครมีปราณอาคมตื่นขึ้น ถึงระดับ 7 มาก่อน แค่พยัคฆ์คีรีมีพรสวรรค์ระดับ 5 ก็นับว่าหาได้ยากแล้ว การจะมีพรสวรรค์ระดับ 5 นั้น โอกาสเกิดขึ้นมีเพียงแค่หนึ่งในล้านเท่านั้น ไม่สิแค่ หนึ่งในล้านบางทีอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ เพราะในประวัติศาสตร์ของอมตะนครหลายพันปีที่ผ่านมา นอกจากองค์จ้าวแคว้นในแต่ละรุ่นแล้ว ก็ยังไม่เคยมีปรากฏขึ้นกับบุคคลภายนอกราชวงศ์มาก่อน

แต่นี่พรสวรรค์ระดับ 7 มันอยู่นอกเหนือความเข้าใจของผู้คน เพียงแค่พวกเขาได้เห็นได้เป็นสักขีพยานในเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติแล้ว พรสรรค์ระดับนี้การที่องค์จักรพรรดิต้องมาเชิญไปพบด้วยตัวเองก็ยังถือว่าไม่เพียงพอเลยด้วยซ้ำ

พยัคฆ์คีรีที่นั่งอยู่ข้างหลังผู้เฒ่าพสุธา ถึงกับเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วจ้องมองไปยังมีนา มีนาคือว่าที่คู่หมั้นของเขาที่พวกผู้ใหญ่เป็นคนตกลงกันตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ และตั้งแต่เด็กจวบจนวันนี้เขายังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเธออย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยสักครั้ง ทุกครั้งเธอมักจะตีตัวออกห่างจากเขาเสมอ ไม่ว่าจะไล่ตามยังไงเขาก็ไม่เคยไล่ตามนางทัน

เขาไม่เคยรู้เหตุผลมาก่อนจนกระทั่ง...วันนี้

‘...เพราะเช่นนี้สินะ เจ้าถึงไม่สนใจข้า เจ้าคงคิดมาตลอดว่าข้ามันไม่คู่ควรกับเจ้า’

พยัคฆ์คีรีครุ่นคิดพลางรู้สึกเจ็บปวดในใจ ขณะเดียวกันนั้นสายตาของเขาก็ผสานกับมีนาที่หันมองมาชั่วแว่บหนึ่ง ใบหน้าของมีนามักเรียบเฉยไม่สนแม้จะมองเขาด้วยซ้ำ มันทำให้พยัคฆ์คีรีสูญเสียความมั่นใจ ราวกับความองอาจห้าวหาญถูกสั่นคลอน

พอมีนาทดสอบปราณอาคมเสร็จก็รีบจากไปในทันที ภายในใจของเธอนั้นกำลังถูกความรู้สึกผิดโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

‘ข้าไม่ควรมาทดสอบในวันนี้เลย ท่านพ่อคงต้องตำหนิข้าแน่ พยัคฆ์คีรีคงคิดว่าข้าต้องการจะข่มทุกคน และคงไม่มีใครอยากแต่งงานกับข้าแล้วสินะ’

และแล้วบรรยากาศของงานพิธีก็ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย เมื่อผู้เข้าทดสอบคนสุดท้ายเข้าทดสอบ ผู้คนภายในลานพิธีก็หายไปมากกว่าครึ่ง โดยเฉพาะเหล่าครูฝึกต่างถิ่นพวกเขาหายตัวไปพร้อมกับช่วงเวลาที่มีนาขอแยกตัวออกงานมาก่อนเวลา เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนคือต้องการดึงตัวมีนาเข้าไปยังสถานศึกษาของตัวเองเพื่อที่จะเพิ่มชื่อเสียงให้สถานศึกษา

เด็กสาวคนสุดท้ายเดินออกไปที่แท่นจ้าวอาคมพลางหันซ้ายหันขวา แต่ก็แทบจะไม่เหลือใคร บรรยากาศช่างดูเงียบเหงายิ่งนัก ไม่มีใครมาคอยร่วมลุ้นกับเธอเลยหรือ แต่ก็ยังดีที่เธอเห็นท่านลุงพลที่คอยยืนยิ้มให้กำลังใจอยู่ไม่ไกลนัก

ภายในเงามืดมุมอับสายตาของผู้คน เด็กหญิงสูงศักดิ์กำมือแน่นจนเล็บที่ตกแต่งมาอย่างดีจิกเข้าไปในฝ่ามือลึกจนมีเลือดซิบออกมา สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกริษยาเคียดแค้นมากว่ายามที่พูดถึงเหนือภพเสียอีก

“เจ้ารู้ไหม นังมีนา มันเป็นใคร มาจากตระกูลอะไร”

“ประวัติของนางมีที่มาไม่แน่ชัด แต่ที่ข้ามั่นใจคือตระกูลของนางมีรูปแบบปราณอาคมมัจฉาคู่ที่สืบทอดมานาน และปราณอาคมดังกล่าวนั้น อาจจะมีความเกี่ยวของกับนิกายมัจฉาสวรรค์ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม”

องครักษ์เงายืนค้อมตัวลงเล็กน้อยระหว่างรายงาน

“หากเป็นคนจากนิกายมัจฉาสวรรค์ ข้าคงแตะต้องมันไม่ได้ ข้าอยากให้เจ้ายกเลิกเรื่องเจ้าเด็กสารเลวเหนือภพนั่นไปก่อน ข้าต้องการรู้เกี่ยวกับนังมีนาให้มากกว่านี้ ข้าไม่ต้องการให้ผู้หญิงหน้าไหนมาอยู่ในใจพี่คีรีนอกจากข้า”

“ขอรับองค์หญิง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด