ตอนที่ 1 เหนือภพ


เรื่องราวที่จะกล่าวนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโลกของฮันเตอร์ ฮันเตอร์คือนักล่าสัตว์อสูร สัตว์ร้ายที่มักจะออกอาละวาดทำร้าย และล่ามนุษย์เป็นอาหาร แต่การจะเป็นฮันเตอร์ได้นั้นต้องผ่านการทดสอบจากผู้ชี้นำ เมื่อเด็กชายหญิงทั้งหลายมีอายุครบ 12 ปีบริบูรณ์ 'ผู้ชี้นำ' ผู้ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร หรือเป็นตัวอะไร มาจากไหน ทุกคนต่างรู้ว่าเพียงว่าไม่ว่ามนุษย์หรือเผ่าพันธุ์อื่นๆ ในโลกใบนี้ ล้วนต้องได้พบกับผู้ชี้นำกันทุกคนไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีการลำเอียง

แม้จะเป็นคนป่าที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก หรือเป็นเด็กที่ถูกทิ้งไม่มีประวัติหรือไม่มีใครรู้จักเลย หรือจะเป็นเด็กที่ป่วยหลับเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา ผู้ชี้นำก็จะไปพบพวกเขา

ผู้ชี้นำ จะพูดคุยกับเด็กอายุ 12 ปี บริบูรณ์เท่านั้น ว่ากันว่าผู้ชี้นำคือพระเจ้าของโลกใบนี้ แต่นั่นเป็นเพียงคำร่ำลือ ไม่ว่าจะคาดเดากันไปแค่ไหนก็ยังไม่เคยมีใครเคยได้รู้คำตอบที่แท้จริง มีเพียงคำเล่าขานจากของผู้เคยผ่านวัย 12 ปีเท่านั้น ที่เล่าสืบๆต่อกันมานานนับหลายแสนสหัสวรรษ หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ไม่มีใครรู้ได้

ณ หมู่บ้านหนึ่งในเขตชนบทที่ห่างไกลจากเมืองหลวงนับพันไมล์ หมู่บ้านแห่งนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยเทือกเขาหินอันแห้งแล้ง เทือกเขานี้ประกอบไปด้วยภูเขาหินมากมายสลับทับซ้อนกันไปมา มีธรรมชาติเช่น แม่น้ำ ลำธาร ทุ่งหญ้า ป่าเขียวอยู่เพียงเล็กน้อย นับได้ว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไม่อุดมสมบูรณ์ที่สุดเป็นอันดับต้นๆของแผ่นดิน จึงมีผู้คนตั้งรกรากอาศัยอยู่ที่นี่แค่เพียงประมาณห้าสิบหลังคาเรือน

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีสองสิ่งที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ใต้ภูเขาเหล่านี้นั่นคือ สัตว์อสูรและแร่ ผู้คนที่นี่ดำรงชีวิตด้วยการขุดแร่ ขุดแร่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น มันเป็นอาชีพเลี้ยงปากท้อง อาชีพในฝันของคนวัยหนุ่มสาว อาชีพอันทรงเกียรติ และก็เต็มไปด้วยความท้าทาย

ท้องฟ้ายังคงมืดมิด เสียงร้องของสัตว์กลางคืนเริ่มจะจางหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยเสียงนกกาที่กำลังจะออกหากินยามเช้า

“เหนือภพ ลูกจะเข้าไปในเหมืองอีกแล้วเหรอลูก”

ผู้เป็นแม่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นลูกชายกำลังจะออกจากประตูบ้านซอมซ่อหลังนี้ไป เธอถูกปลูกให้ตื่นด้วยเสียงเตรียมข้าวของสำหรับไปเข้าเหมืองของลูกชายได้สักพักแล้ว

"ครับแม่ แม่ไม่ต้องห่วงครับ วันนี้ผมจะขุดแร่หนึ่งสีออกมาให้ได้เลยครับ แม่กับน้องจะได้มีชุดใหม่"

เหนือภพตอบรับด้วยรอยยิ้ม แม้ร่างกายเขาจะสูบผอมไปสักหน่อยแต่ก็ล้วนเป็นมวลกล้ามเนื้อ ผิวหนังแห้งกร้านแต่ประกายในดวงตาเต็มไปด้วยพลังงานแห่งชีวิตเต็มเปี่ยม

เหนือภพมองกลับไปยังร่างของหญิงวัยกลางคน ผู้มีเค้าโครงใบหน้างดงาม ผมยาวสีดำที่เคยเงางาม แต่บัดนี้มันแตก แห้ง และทรุดโทรม ตอนนี้แม่ของเขาป่วยหนักไม่สามารถทำงานอะไรได้มากนัก ฐานะของพวกเขาจนมากจึงไม่สามารถรักษาแม่ให้หายได้ ดังนั้นเขาจึงต้องทำงานให้หนัก หาเงินให้ได้มากๆ เพื่อให้ครอบครัวของเขาหลุดพ้นจากกระท่อมไม้เก่าที่มีเพียงห้องเดียวนี้

"จ๊ะ คนเก่งของแม่ ยังไงก็ระมัดระวังหน่อยนะลูก ช่วงนี้ในหมู่บ้านยิ่งลือกันหนาหูว่ามีสัตว์อสูรในเหมืองออกมาทำร้ายชาวบ้านกันหลายราย แม่ไม่อยากให้ลูกเข้าไปเลย"

แววตาอ่อนล้าในดวงตาสีนิลเข้มของผู้เป็นแม่เต็มไปด้วยความกังวล แต่เธอก็รู้ดีว่า เธอไม่อาจห้ามเขาได้ จึงทำได้เพียงบอกเตือนให้ระมัดระวังมากขึ้น

"ชาวบ้านก็พูดไปแบบนั้นละ แม่อย่าคิดมากเลย งั้นผมไปแล้วนะครับ"

"จ๊ะ ระวังด้วยนะ"

เด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงเธอมองไปยังพี่ชาย ก่อนมองไปยังสำรับอาหารที่ตั้งเอาไว้บนโต๊ะอาหารไม่ไกลจากปลายเตียงที่เธอกับแม่กำลังนอนอยู่บนนั้น

อาหารเช้า กลางวันและเย็นที่พี่มักจัดเตรียมเอาไว้ให้เธอกับแม่ทุกวันก่อนออกไปทำงาน แต่พอเธอมองไปยังสัมภาระของพี่ชายที่ขนเข้าไปในเหมืองทุกวัน นอกจากน้ำดื่มแล้วเธอกลับไม่เห็นอาหารอยู่ในนั้นเลย

"พี่คะ พี่อย่าลืมอาหารกลางวันสิคะ"

เสียงของเด็กสาวร่างเล็กน่ารัก ผมสีดำขลับยาวยุ่งฟูจากการเพิ่งตื่นนอน เธอไม่ได้แค่พูดเท่านั้น เธอคลานลงจากเตียงด้วยสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ตั้งใจจะไปตักแบ่งอาหารส่วนของเธอให้กับพี่ชาย เพราะเธอตัวเล็ก กินนิดหน่อยก็พอแล้ว แต่พี่ชายต้องทำงานทั้งวันจะอดอาหารไม่ได้เด็ดขาด

เหนือภพหันมองไปยังน้องสาวตัวน้อยด้วยใบหน้าอ่อนโยน ดวงตาสีดำเข้มของเขามีประกายเอ็นดูในขณะที่เขาพุ่งตรงเข้าอุ้มน้องสาวมาไว้ในอ้อมอกอย่างอดใจไม่ไหว

"น้องพี่น่ารักจังเลย เป็นห่วงพี่อีกแล้ว แบบนี้พี่ก็เขินแย่เลย มามะมาให้พี่หอมให้ชื่นใจหน่อย"

"พี่บ้า พี่ลามก หนูโตแล้วนะ"

เด็กสาวพยายามใช้สองมือเล็กๆ ผลักดันใบหน้าของพี่ชายที่กำลังขโมยจูบหอมแก้มป่องๆของเธออย่างอุกอาจ เด็กสาวทั้งหงุดหงิดปนเขินอาย กว่าจะดิ้นรนออกมาจากอ้อมแขนอันใหญ่โตของพี่ชายมาได้ ก็ทำเอาเธอหอบแฮกเธอถอยฉากไปไกล ใบหน้าจิ้มลิ้มขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าแง่งอนจ้องหน้าพี่ชายแท้ๆ อย่างเอาเรื่อง

...ว้า ชื่นใจจัง...

เหนือภพยิ้มแก้มปริ ราวกับว่าร่างกายได้รับพลังงานเต็มเปี่ยมพร้อมออกวิ่งทางไกล เพราะสำหรับเขาแล้วไม่มีพลังงานใดในโลกที่ดีไปกว่าอ้อมกอดของแม่และน้องสาวอีกแล้ว ขณะที่เหนือฟ้า น้องสาวตัวน้อยเพิ่งนึกได้ว่าพี่ชาย แกล้งลืมอาหารกลางวันอีกแล้ว

"แม่คะ พี่ภพแกล้งลืมอาหารกลางวันอีกแล้วค่ะ"

เหนือฟ้าเสียงสั่นเครือ เด็กสาวตัวน้อยโผเข้าไปกอดแม่ทั้งน้ำตา แม้เธอจะมีอายุเพียงแค่หกขวบ แต่เธอก็รู้ว่าสิ่งที่พี่ชายทำนั้น ล้วนทำเพื่อเธอและก็แม่ มันทำให้เธอเสียใจมาก เสียใจมากที่เธอยังโตไม่พอที่จะแบ่งเบาภาระให้กับครอบครัว

พี่ชายไม่เคยกินข้าวเช้า ไม่เคยห่อข้าวกลางวันไปกินตั้งแต่ที่เธอเริ่มจำความได้แล้ว พี่ชายมักเป็นแบบนี้เขายอมอดเสมอ เพียงเพื่อทำให้เธอกับแม่ได้กินอาหารมากขึ้น

ผู้เป็นแม่พอเห็นแบบนั้นก็ยิ่งเศร้าหมองเจ็บแค้นในใจ ในฐานะแม่ที่อ่อนแอไร้ประโยชน์ ไม่สามารถเป็นเสาหลักดูแลลูกๆได้เลย ผู้เป็นแม่โอบกอดลูกสาวเอาไว้ในอก ขณะที่มือลูบศีรษะลูกสาวอย่างแผ่วเบา เธอเสียใจจนอยากจะร้องไห้ออกมาวันละหลายครั้ง แต่เธอต้องอดทน ในฐานะผู้เป็นแม่เธอต้องเข้มแข็งเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ

'แม่ขอโทษนะ'

ผู้เป็นแม่ได้แต่ขอโทษในใจ หลังกล่อมลูกสาวจนหลับไปในอ้อมอก เธอก็หวนคิดถึงอดีต

สามีเธอตายเพราะถูกสัตว์อสูรโจมตีในเหมืองแร่ ฐานะที่ไม่ค่อยจะดีอยู่แล้วก็ย่ำแย่ลงไปอีก หลังจากนั้นเพื่อเลี้ยงดูลูกทั้งสองคน เหนือภพกับเหนือฟ้าให้เติบใหญ่

เธอก็ต้องทนทำงานทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ทั้งบาร์เหล้า สาวขายบริการ จวบจนกระทั่งรับจ้างเย็บผ้าในกลางคืน เธอใช้เวลาที่เธอมีอย่างคุ้มค่าที่สุด พอเช้ามาก็ออกไปแสวงโชคที่เหมืองเพื่อที่จะหาเงินให้ได้มากๆ เป็นทุนให้เหนือภพกับเหนือฟ้าได้เข้าเรียน หวังว่าลูกๆจะได้มีอนาคตที่ดี แต่ทว่าเหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง

เมื่อสองปีก่อน ขณะที่ทำงานขุดเหมืองเหมือนเช่นทุกวันในเวลากลางวันกลับมีสัตว์อสูรออกอาละวาด คนงานขุดเหมืองบาดเจ็บล้มตายไปหลายคน ถึงเธอจะรอดมาได้แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เงินที่เก็บสะสมไว้เพื่อเป็นค่าเล่าเรียนของเหนือภพและเหนือฟ้าถูกนำมาใช้ในการรักษา หวังให้อาการบาดเจ็บของเธอดีขึ้นแต่ก็ไม่มีประโยชน์เลย กลับโชคร้ายยิ่งกว่าเดิม

เธอต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไปเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ตั้งแต่นั้นมา เหนือภพที่มีอายุเพียงแค่สิบปี ก็ทำทุกอย่างแทนเธอ แม้เธอจะไม่ย่อท้อรับจ้างเย็บผ้าอย่างหนักหน่วง แต่รายได้ที่ได้รับก็ไม่เพียงพอที่จะจุนเจือครอบครัว เทียบไม่ได้กับการขุดแร่ในเหมือง ซึ่งได้เงินเยอะกว่า เหนือภพจึงเป็นคนที่ต้องแบกรับภาระนี้เอาไว้คนเดียว ทำให้เธอผู้เป็นแม่รู้สึกผิดอย่างมาก