ตอนที่แล้วบาทที่ 58
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบาทที่ 60

บาทที่ 59


บาทที่ 59

“หือ ทำไมต้องแย่ล่ะ” หงเซียวสงสัย

“ก็เพราะว่ามารตนนั้นเป็นชั้นปัจฉิมเซียน ทำให้พวกเราไม่สามารถตรวจสอบสถานะได้ นึกว่าเป็นชั้นมัชฌิมเซียนขั้นปลาย ทั้งที่พวกเราโจมตีอย่างรุนแรงด้วยทุกอย่างที่มี แต่มารตนนี้กลับสามารถป้องกันตัวได้ กระทั่งเราตั้งค่าไว้สูงสุดแล้วก็ยังยิงหมอกดำของอีกฝ่ายไปไม่หมดเลย”

“แล้วตอนนี้ยังสู้กันอยู่เหรอ” หงเซียวถาม

“มารตนนั้นเห็นว่าพวกเราสามารถเจาะเกราะได้ก็ตกใจหนีไปแล้ว คงไม่รู้ว่าพวกเราโจมตีต่อไม่ไหวแล้วเช่นกัน” ปลายสายกล่าว

“จัดกำลังรบใหม่ ดึงเอาอาวุธหนักทั้งหมดและไปประจำชายแดนบริเวณนั้นเป็นแนวยาว และปรับบริเวณอื่นให้อยู่ในสภาพต้านรับ ผลิตอาวุธทุกอย่างให้เร็วกว่าเดิม” หงเซียวกล่าว

“ขอรับท่านผู้นำ” ปลายสายตอบรับ

หงเซียวครุ่นคิด เป็นไปได้หรือไม่ว่า มารระดับสูงตนนี้กำลังแวะไปหามารชั้นมัชฌิมเซียนที่เป็นคนในสังกัดตนเอง เผอิญว่าที่มารตนนี้กำลังจะไปนั้นเป็นอาณาเขตที่ยึดครองแล้ว เสียดายที่พวกเขาเอาศัตรูไม่อยู่ แต่ก็ยังดีที่ไม่ถูกตอบโต้ ไม่รู้ว่าจะเสียหายมากน้อยเพียงไหน

เดิมทีกำลังพลของพวกเขานั้นจะทำการพักสองในสามและประจำแนวรบเพียงหนึ่งในสาม เมื่อเป็นเช่นนี้กำลังพลทุกคนถูกเรียกเข้าประจำหน่วยรบทันที

พวกเขาใช้เครือข่ายที่จัดตั้งในอาณาเขตของศัตรูคอยรายงานผลการเตรียมตัวของศัตรู และพบการรวบรวมกำลังนับหมื่นคนจากทั่วทุกทิศมารวมตัวกันที่ปราสาทแห่งหนึ่ง ซึ่งน่าจะมีทั้งมารชั้นปฐมเซียนและชั้นมัชฌิมเซียน ซึ่งชั้นมัชฌิมเซียนของศัตรูน่าจะมีหลักหลายร้อยไปจนเป็นพัน

กองกำลังของอาณาจักรใหม่ของหงเซียวนั้น มีชั้นมัชฌิมเซียนเพียงเจ็ดคนเท่านั้นในตอนนี้ นั่นก็คือพวกหงเซียวทั้งหก และประธานาธิบดีซึ่งใช้ความร่ำรวยของตนเองทุกวิถีทางในการบรรลุชั้นมัชฌิมเซียน แม้ว่าผู้ว่าการรัฐจะจ่อเข้ามาเป็นมัชฌิมเซียนในเร็ววันนี้แต่หากเทียบกันแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เทียบกันไม่ได้

ที่พวกเขาจะได้เปรียบก็คือคนในชั้นปฐมเซียนของพวกเขามีนับล้านคน และมีอาวุธที่สามารถจัดการมารชั้นมัชฌิมเซียนได้ภายในการยิงไม่กี่ที

แต่หงเซียวจำได้ว่าพวกมารสามารถสร้างยันต์ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นยันต์สีดำที่สามารถเรียกสัตว์มารชั้นมัชฌิมเซียนออกมาได้

หงเซียวเรียกหญิงสาวทั้งห้าออกมา พวกเธอก้าวเข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียนในวิชาใหม่ วิชาเซียนห้าธาตุไปหมาดๆ พวกเธอกำลังคึกคัก

“พี่ชาย พวกเราทั้งหาอาสาไปจัดการกับมารชั้นปัจฉิมเซียนเอง” จินหลินเป็นตัวแทนกล่าวแทนคนอื่น หลังจากที่มองดูทุกคนและเห็นทุกคนพยักหน้าแล้ว

หงเซียวยกมือกุมขมับ “อย่าประมาทไป น้องก็รู้ว่าพวกน้องยังสู้ชั้นมัชฌิมเซียนระดับเจ็ดไม่ได้เลยจากที่เคยวัดพลังกันมา ถ้าไม่ใช่เพราะอาวุธของพวกเราและธาตุที่แพ้ทางกัน มีหรือจะชนะ”

“น่าพี่ชาย อย่างน้อยพวกเราก็มีจำนวนเยอะแยะ ผึ้งเซียนของเรามีคนละพันกว่าตัว ทุกตัวล้วนทำให้อยู่ในชั้นมัชฌิมเซียนก็ได้ทั้งสิ้น” จินหลินกล่าว

“แต่ผึ้งเซียนในธาตุที่พวกเราได้เปรียบอีกฝ่ายนั้นทำได้แค่ระดับหนึ่งชั้นมัชฌิมเซียนนะ” หงเซียวกล่าวแก้

“แต่จำนวนของชั้นมัชฌิมเซียนของเราก็เหนือกว่า เห็นไหมพี่ชาย ทั้งหากว่ามีจำนวนลดลงไปเมื่อไหร่ เราก็สร้างเพิ่มได้ทันที ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นหากบาดเจ็บล้มตายลงก็จบกัน” เหมยเหมยตอบกลับ

ใช่ ศัตรูนั้นชอบเข่นฆ่ากันเอง ทั้งไม่สามารถผลิตมารจำนวนมากออกมาได้ถ้าไม่เสียสละชีวิตของคนจำนวนมหาศาล เพราะการทำเช่นนั้นก็จะไม่มีคนที่ทำงานทาสให้พวกมัน ทำให้พวกมันมีจำนวนคนในชั้นปฐมเซียนและมัชฌิมเซียนจำกัด แต่อาณาจักรของหงเซียวนั้นกลับมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลที่มีทุกคนเป็นเซียนและประชากรของเขามีนับสิบล้านคน

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ระวังตัวกันไว้ด้วยล่ะ” หงเซียวกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

เขาไปด้วยไม่ได้ เพราะว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เขากำลังคิดคาถาใหม่ๆสำหรับวิชาเซียนเจ็ดเมฆา

วิชาเซียนเจ็ดเมฆานั้นเกี่ยวพันกับการใช้เมฆหมอกควัน เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถคิดหาวิธีดีๆในการใช้มันออกมาได้ จึงทำให้เซียนเจ็ดเมฆากลายเป็นสำนักเซียนระดับกลาง

ที่หงเซียวกำลังคิดอยู่นั้น เขากำลังคิดถึงเมฆและการก่อให้เกิดสายฟ้า ลูกเห็บ หิมะ ซึ่งวิชาเซียนอื่นไม่มี แต่วิชาปราณหลายวิชาที่มีความสามารถในการสร้างความเย็นและสายฟ้า ซึ่งที่หงเซียวรู้จักนั่นก็คือ ปราณเสือหิมะ และปราณเกราะสายฟ้า

ที่ชิวเยว่ยังคงเก็บวิชาเซียนเจ็ดเมฆาเอาไว้ทั้งที่ไม่มีอะไรโดดเด่นก็เพราะว่าบุญคุณของอาจารย์ที่รับเธอและส่งเสริมให้เธอได้เป็นเซียน แม้ว่ามันจะด้อยกว่าวิชาอื่นที่พวกเธอใช้อยู่กันเป็นประจำก็ตาม

คาถาที่หงเซียวร่างไว้ในใจสำหรับวิชาเซียนเจ็ดเมฆาก็คือ

คาถาพายุฟ้าคะนอง สร้างเมฆที่มีความปั่นป่วนรุนแรงทำให้เกิดสายฟ้าฟาดสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง

คาถาพายุลูกเห็บ สร้างเมฆที่ถูกส่งไปยังบรรยากาศชั้นสูงและเกาะตัวเปลี่ยนเป็นอุกาบาตน้ำแข็งขนาดใหญ่ตกสู่เป้าหมาย

คาถาพายุหิมะ สร้างหมอกบางเบาพื้นที่กว้างและใช้เคล็ดวิชาเปลี่ยนมันให้เย็นจัดในทันทีขณะที่พัดใส่เป้าหมาย

คาถาหอกน้ำแข็ง สร้างเมฆหนาแน่นเป็นรูปหอกแล้วเปลี่ยนให้มันเย็นจัดเกาะตัวเป็นหอกน้ำแข็งขณะที่พุ่งเข้าใส่เป้าหมาย

คาถาทอร์นาโด สร้างความเปลี่ยนแปลงอากาศเกิดเป็นทอร์นาโด

นอกจากนี้เขาก็วางแผนคิดค้นคาถาใหม่ๆสำหรับวิชาเซียนคุณไสย วิชาเซียนสกุณา ด้วยเช่นกัน

ความเปลี่ยนแปลงที่แนวหน้าเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เขาได้รับรายงานตลอดเวลาถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป มารรวมตัวกันรวดเร็วมากและบุกโจมตีเข้ามายังปราสาทที่ถูกยึดครอง

เพราะเสาแสงจำนวนมากที่ถูกติดตั้ง ทำให้มารที่บุกเข้ามาระลอกแรกต่างพากันล้มตาย แม้ว่าจะคอยระวังป้องกันอยู่แล้ว แต่ก็มากกว่าครึ่งที่สามารถล่าถอยไปได้

เพราะความโกรธแค้นที่มีต่อพวกมาร พวกที่ถูกจับได้ไม่มีคนที่ได้รับการไว้ชีวิต

พวกมารเริ่มใช้ยันต์เรียกสัตว์มารจากต่างมิติมาต่อสู้ แต่สัตว์มารจากต่างมิติก็สู้ไม่ได้

พวกมารเริ่มรู้จุดอ่อนของอาวุธแสง และใช้โล่ขนาดใหญ่กว่าตัวเป็นเครื่องปกป้องเพื่อเข้าถึงเสาแสงและทำลายเสาแสงหลายต้น เซียนชาวบ้านออกไปต่อสู้ป้องกันเสาแสงที่เหลือ เพราะว่ามีเสาแสงคอยยับยั้งอำนาจมาร ทำให้มารต่อสู้ไม่ถนัดจำเป็นต้องล่าถอยไป

พวกมารใช้ก้อนหินขนาดยักษ์ขว้างใส่เสาแสงด้วยพลังปราณมหาศาล ชาวบ้านไม่อาจยับได้เพราะว่ามีพลังเซียนต่ำกว่า แม้ว่าจะปัดก้อนหินยักษ์เหล่านั้นให้เฉไปได้บ้าง แต่ก็มีจำนวนมากเกินไปและหนักเกินไปที่จะจัดการได้ ทำให้เสาแสงจำนวนมากเสียหาย พวกเขาต้องถอยอย่างต่อเนื่อง แม้จะใช้สไนเปอร์แสงยิง แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ใส่เกราะปกป้อง

จินหลินไปถึง พวกเธอส่งผึ้งเซียนธาตุไฟชั้นมัชฌิมเซียนเข้าไปจัดการกับมาร เกิดเป็นการต่อสู้ตะลุมบอน มารชั้นมัชฌิมเซียนเข้าร่วมการต่อสู้ แต่พวกมันก็ค้นพบว่าจำนวนของชั้นมัชฌิมเซียนของตนเองน้อยเกินไป จนต้องทำให้หัวหน้ามารชั้นปัจฉิมเซียนออกต่อกรกับผึ้งเซียนของหญิงสาวทั้งห้า

ผึ้งเซียนถูกทำลายเร็วมากพวกเธอไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ทัน แต่หัวหน้ามารก็ไม่ได้ต่อสู้นาน มันส่งสมุนออกมาต่อสู้แทน เกิดการต่อสู้ในช่วงชั้นปฐมเซียนเป็นส่วนใหญ่

หญิงสาวทั้งห้าสูญเสียพลังเซียนไปเป็นจำนวนมากจากการสร้างผึ้งเซียน พวกเธอและภูษาเซียนจึงต้องพักโคจรพลังเซียน

ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก และสุดท้ายการต่อสู้ได้หยุดยั้งเปลี่ยนเป็นการเผชิญหน้า

ทั้งสองฝ่ายได้สร้างสิ่งกีดขวางขึ้นมาระหว่างกัน สำหรับพวกมารก็คือการสร้างที่กำบัง และสะสมหินสำหรับขว้างปา สำหรับเซียนชาวบ้านก็คือเสาแสงและกำแพงดินที่สร้างขึ้นมาจากปราณ ปกป้องไม่ให้เสาแสงถูกขว้างทำลาย

ทั้งสองฝ่ายไม่อาจรุกคืบหน้าไปได้

เซียนชาวบ้านพยายามใช้แผนใต้ดิน ส่งคนอ้อมไปยังเขตแดนอื่นและแทรกซึมเข้าไปสร้างเครือข่ายเซียนชาวบ้านขึ้นโดยไม่มีการลุกขึ้นต่อสู้ในทันที

นี่คือข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อหงเซียวเห็นว่าเหตุการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็วางใจว่าคงไม่เกิดการต่อสู้ใหญ่อีกในเร็ววันนี้ และนี่จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่อาณาจักรของเขาจะได้พัฒนาและสะสมกำลังต่อสู้ใหม่อีกครั้ง

เขาสงบใจและวิจัยสร้างคาถาใหม่อย่างวางใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด