ตอนที่แล้วTB:บทที่ 16 การทดลอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTB:บทที่ 18 เดทแรก

TB:บทที่ 17 ป่าวประกาศ


TB:บทที่ 17 ป่าวประกาศ

"นี่ๆ วันนี้ ทำไมนายถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?" จี้โม่ซีถามขึ้นหลังจากที่เธอได้ขึ้นรถไปแล้ว เธอไม่คิดว่าเฉินหลงจะมาหาเธอในวันนี้ แต่ภายในใจของเธอกลับมีความรู้สึกดีๆหลงเหลืออยู่ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบผู้ชายที่มีไมตรีและความรู้สึกดีๆให้แก่กันหรอก

"เธอก็รู้นี่ว่าในตอนนี้ฉันเป็นคนว่างงานแล้ว แล้วฉันก็มีเวลาเหลือเฟือเลยด้วย ถ้าเธออยากไปโรงพยาบาล ฉันก็อยากใช้โอกาสนี้ไปส่งเธอยังไงล่ะ" เฉินหลงตอบ "แต่ถ้าเกิดว่ามันทำให้เธอลำบากใจ ฉันก็จะไปส่งเธอที่โรงพยาบาลแล้วก็กลับออกมาเลยก็แล้วกัน"

“นี่ อย่าบอกนะว่านายอยากไปกับฉันเหรอ?” จี้โม่ซีมองไปทางเฉินหลงแล้วถามขึ้นมาในทันที

"นั่น เอ่อ คือ... " การตอบกลับของจี้โม่ซีแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนั้น ทำให้เฉินหลงรู้สึกว่าสติสตังของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนหน้านี้เฉินหลงเคยแอบชอบจี้โม่ซี แล้วตอนนี้เธอกลับถามประโยคนี้แบบนั้นขึ้นมาในทันที โดยที่เขาไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เลยสักนิด ตามธรรมชาติแล้วเฉินหลงรู้สึกว่าเขากำลังลนลาน เขาเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เขาเป็นโจรขโมยของคนหนึ่งกำลังถูกใครก็ไม่รู้ขัดจังหวะในตอนที่เขากำลังขโมยของอยู่

"ไม่ใช่เหรอ?" จี้โม่ซีถามซ้ำอีกครั้ง

"ใช่! ฉันอยากไปกับเธอ!" เฉินหลงกัดฟันแล้วพูดเสียงดังฟังชัดออกไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้

ตั้งแต่ที่จี้โม่ซีพูดอย่างนั้นออกมา และในวันนี้เฉินหลงคงต้องทำให้เรื่องทุกอย่างมันชัดเจน แต่ถ้าเกิดว่าเขาทำไม่สำเร็จขึ้นมา เขาก็จะรู้สึกอยากตายขึ้นมาในทันที

หลังจากนั้นเฉินหลงก็มองไปที่จี้โม่ซีราวกับว่าเขาเป็นผู้เสียสละที่กำลังจะตายในหน้าที่ยังไงอย่างนั้น

"โถ่เอ้ย ถ้านายอยากจะไปด้วยกันก็ไปสิ เรื่องแค่นี้เองไม่เห็นจะต้องส่งเสียงดังไปเลย ฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรนายสักหน่อยนะ!" จี้โม่ซีรู้สึกมีความสุข แต่สีหน้าของเธอกลับเรียบเฉย

"เธอบอกว่าอะไรนะ?" เฉินหลงร้องอุทานขึ้น

เมื่อเขาได้ฟังคำตกลงง่ายๆของจี้โม่ซีแล้ว เฉินหลงไม่ได้ตอบอะไรเธอ

"ฉันบอกว่าฉันเต็มใจให้นายตามไปด้วยยังไงล่ะ แต่ถ้านายยังทำเป็นไม่ได้ยินมันอีก ก็ถือซะว่าฉันไม่เคยพูดก็แล้วกัน!" ท่าทางของจี้โม่ซียังคงสงบนิ่ง แต่ใบบนหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มบางๆประดับอยู่บนมุมปากของเธอ

“ไม่สิ! เธออนุญาตให้ฉันไปด้วยแล้ว เธอห้ามกลับคำเหมือนกับว่าเธอไม่เคยพูดมันออกมาสิ” เฉินหลงรีบตอบอีกฝ่าย

ล้อเล่นน่า คนที่เขาแอบชอบออกปากยอมให้เขาติดสอยห้อยตามไปด้วย เฉินหลงจะไม่ยอมเป็นคนโง่ที่ไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่ายเด็ดขาด

"เอาล่ะ พอๆ ไปตั้งใจขับรถได้แล้วย่ะ!" โม่ซีพูดพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มปรากฎอยู่

เฉินหลงรีบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยความตื่นเต้น

หลังจากรถสตาร์ท เฉินหลงหันมาถามเธอว่า "ทำไมเธอยอมให้ฉันไปด้วยล่ะ?"

พูดตามตรงแล้ว จี้โม่ซีตอบตกลงอย่างง่ายดาย เพราะอย่างนั้นเฉินหลงจึงอยากรู้เหตุผลว่าทำไมอีกฝ่ายถามยอม

"ก็นายหน้าตาหล่อเหลา อีกอย่าง สถานะทางการเงินของนายก็ดีมากด้วย ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่อยากได้แฟนที่หล่อและรวยหรอกนะ และอีกอย่าง ฉันคิดว่านายเป็นคนที่ใจดีมากๆ สำหรับฉันแล้ว นั่นแหละความจริง" จี้โม่ซีจ้องมองไปที่เฉินหลงอย่างพินิจพิจารณา "แล้วทำไมนายถึงอยากตามฉันมาด้วยล่ะ?"

"เธออยากได้ฟังเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกล่ะ?" รอยยิ้มร้ายกาจของเฉินหลง

"ถ้าอย่างงั้นของฟังเรื่องโกหกก่อนก็แล้วกัน" จี้โม่ซีตอบ

"เพราะว่าเธอเป็นคนที่สวยมากคนหนึ่ง มีผู้ชายคนไหนบ้างล่ะที่ไม่อยากได้สาวสวยมาเป็นแฟน?" เฉินหลงพูดซ้ำประโยคที่จี้โม่ซีเพิ่งจะพูดออกมา แค่สลับเพศกันเท่านั้น

"นี่นายหาว่าฉันไม่สวยเหรอยะ!?" จี้โม่ซีทำท่าขู่อีกฝ่ายพร้อมกับจ้องไปที่เฉินหลง

เมื่อเขาเห็นว่าจี้โม่ซีกำลังเข้าใจผิด เฉินหลงจึงรีบอธิบายอีกฝ่ายว่า "ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น!"

"ล้อเล่นย่ะ! แล้วเรื่องจริงล่ะ" จี้โม่ซีพูดพร้อมกับส่งยิ้ม

"ฉันแอบชอบเธอตั้งแต่สมัยมัธยม แต่ตอนนั้นเธอเป็นเหมือนกับนางฟ้า ฉันไม่อยากเป็นไอ้ขี้แพ้ที่ได้แต่แอบชอบเธออีกแล้ว" เฉินหลงหัวเราะเยาะให้กับความรักลับๆที่เขามีต่อจี้โม่ซี

"โห นี่นายแอบชอบฉันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเลยเหรอ?" จี้โม่ซีจ้องมองเฉินหลงด้วยความประหลาดใจ

เฉินหลงแอบชอบเธอ จี้โม่ซีไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

เฉินหลงไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขาทำเพียงแค่พยักหน้า

"แล้วทำไมตอนนั้นนายไม่มาสารภาพมันกับฉันล่ะ?" จี้โม่ซีจ้องหน้าเฉินหลง

"ก็บอกว่าตอนนั้นเธอเป็นเหมือนกับนางฟ้ายังไงเล่า เทียบกันแล้ว สิ่งที่ฉันต้องมีในฐานะไอ้ขี้แพ้คืออะไรล่ะ?" เฉินหลงตอบ

ในตอนที่เขาอยู่ที่โรงเรียนมัธยม เขาเป็นไอ้ขี้แพ้ที่ต้องรู้สึกถึงความต่ำต้อย ในตอนนั้น เขาไม่มีความกล้าไปสารภาพคำใดๆต่อเด็กผู้หญิงในชั้นเรียนได้เลย

"ก็ถ้านายบอกฉันตั้งแต่ตอนนั้น บางทีนายอาจจะไม่ต้องรอจนถึงตอนนี้ก็ได้ไงเล่า" จี้โม่ซีตอบเสียงเบา

หลังจากได้ยินคำพูดของจี้โม่ซีแล้ว เฉินหลงจ้องมองไปที่เธอ

"จริงเหรอ?"

"ก็อาจจะนะ" ทางด้านจี้โม่ซีเองก็จ้องมองเฉินหลงเช่นกัน

คำพูดของจี้โม่ซีทำให้หัวใจของเฉินหลงร้อนรุ่มขึ้นมาในทันที ถ้าไม่ใช่เพราะในตอนนี้เขาต้องขับรถล่ะก็ เฉินหลงอยากจะดึงจี้โม่ซีเข้ามาจูบหนักๆสักทีให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

เมื่อขับรถมาถึงที่โรงพยาบาล เฉินหลงจอกรถและซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและตะกร้าผลไม้ในร้านค้าข้างนอก

"อย่าซื้อพวกของแบบนั้นเลย" จี้โม่ซีมองไปทางเฉินหลงที่ซื้อของมามากมาย แล้วพูดออกมา

"อืม เขาก็เป็นน้องชายของฉันนะ" เฉินหลงตอบจริงจัง

เมื่อเขารู้ว่าจี้โม่ซีเองก็มีความชื่นชอบในตัวเขาเช่นกัน หนังหน้าของเฉินหลงก็หนาขึ้นมาในทันทีทันใด

"ใครเป็นน้องชายของนายนะ?" หลังจากได้ยินคำพูดของเฉินหลง ใบหน้าของจี้โม่ซีได้เปลี่ยนเป็นสีแดง

แต่ถึงอย่างนั้นเฉินหลงก็ไม่สนใจหน้าสีแดงของจี้โม่ซี

เฉินหลงหิ้วของขวัญพวกนั้น แล้วเดินตามจี้โม่ซีไปยังวอร์ด(ห้องผู้ป่วย)ของน้องชายของจี้โม่ซี

เพราะโรคของพี่ของจี้โม่ซี ห้องพักของเขาจึงเป็นห้องเดี่ยว ดังนั้นค่าใช้จ่ายต่างๆจึงมีราคาสูง

"พ่อคะ แม่คะ น้องชาย..." เมื่อเข้ามาในห้อง จี้โม่ซีขานเรียกชายและหญิงวัยกลางคนที่อยู่ในห้องเบาๆ เช่นเดียวกับเด็กอายุ 17 -18 ปีที่นอนอยู่บนเตียง เขามีอะไรบางอย่างคล้ายกับจี้โม่ซี

พ่อและแม่ของจี้โม่ซีทั้งคู่ต่างอายุสี่สิบ แต่ใบหน้าของพวกเขาทั้งสองกลับโศกเศร้าเนื่องจากอาการป่วยของลูกชายของตน เมื่อพวกเขาได้เห็นหน้าลูกสาวของเขาแล้ว ถึงบนใบหน้าของพวกเขาจะมีรอยยิ้มประดับอยู่ แต่ความเสียใจกลับหลงเหลืออยู่ในดวงตาคู่นั้น

"คุณลุง คุณป้าครับ" เฉินหลงเดินตาม จี้โม่ซีเข้ามาในห้อง เขาทักทายพ่อและแม่ของจี้โม่ซีด้วยรอบยิ้ม

"ไม่ทราบว่า คนนี้คือ..?" พ่อของจี้โม่ซี จี้กวงรุ่ย มองไปที่เฉินหลงด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

ลูกสาวของเขาไม่เคยมากับผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือมาเยี่ยมน้องชายที่โรงพยาบาล

"เขาชื่อเฉินหลง เขาเป็นเพื่อนของหนูเองค่ะ" จี้กล่าว

"นั่งก่อนสิ เสี่ยวเฉิน ฉันขอเรียกเธอว่าเสี่ยวเฉินก็แล้วกันนะ" จี้กวงรุ่ยลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วส่งยิ้มไปให้เฉินหลง

จี้กวงรุ่ยได้ฟังคำพูดของจี้โม่ซี เขาก็รู้ในทันทีว่าหากเฉินหลงเป็นแค่เพื่อนของลูกสาวของเขาจริงๆ เธอไม่น่าจะพาเขามาถึงที่นี่ได้ นอกจากนี้ จี้กวงรุ่ยเองก็รู้สึกถูกชะตากับเฉินหลงเมื่อเขาเห็นอีกฝ่ายในครั้งแรก

"ขอบคุณครับแต่ว่าไม่เป็นไร ผมยืนได้ คุณนั่งเถอะครับ" เฉินหลงรีบตอบอีกฝ่ายในทันที

“เสี่ยวเฉินเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก นั่นทำให้ฉันรู้สึกประหม่าจริงๆ” จี้กวงรุ่ยรู้สึกประหม่านิดหน่อย

“ไม่เป็นไรครับ ถ้ามีอะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้ บอกมาได้เลยนะครับ ผมยินดี” เฉินหลงกล่าว

"เสี่ยวเฉิน เธอทำอะไรอยู่?" จี้กวงรุ่ยถาม

หลังจากนั้นจี้กวงรุ่ยก็ได้เข้าสู่โหมดคิดบัญชีในทันที

แน่นอนว่าเฉินหลงต้องพูดถึงหน้าที่การงานของเขาในตอนนี้ แต่เขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายไปว่าเขากำลังตกงาน เขาแค่บอกกับอีกฝ่ายว่าตอนนี้เขากำลังวางแผนที่จะทำธุรกิจส่วนตัว

ในตอนนี้ เฉินหลงเป็นหนึ่งในสิบล้านคน ที่พูดได้โดยธรรมชาติเลยว่า เขาดูเป็นคนที่ไว้ใจได้ ประกอบกับที่เขาได้ทราบถึงหน้าที่การงานของเฉินหลงแล้ว สิ่งนั้นทำให้จี้กวงรุ่ยมองเฉินหลงในแง่มุมที่ดีมากยิ่งขึ้น

"เสี่ยวเฉิน เธอมาจากเมืองหนานซี แล้วเธอมีความคิดที่จะซื้อบ้านที่ซิงเฉิงบ้างไหม?" ถึงแม้ว่าจี้กวงรุ่ยจะมองเฉินหลงในแง่มุมดีมากๆ แต่เขาก็ยังคงต้องการที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง ในกรณีที่ลูกสาวของเขาจะต้องไปอยู่ร่วมกับอีกฝ่ายจริงๆ

"คุณลุงครับ ผมได้ซื้อบ้านที่เมืองซิงเฉิงเอาไว้แล้วครับ" เฉินหลงไม่ตั้งใจพูดออกหน้าออกตา เขาแค่บอกว่าเขาซื้อบ้านไว้หลังหนึ่งที่เมืองซิงเฉิง แต่เขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายว่าบ้านที่เขาซื้อไว้คือวิลล่าสุดหรู