ตอนที่แล้วบทที่ 31 จำใจขายเลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 คนขายยาปลอม

บทที่ 32 ความอับอายของหยุนปิง


วันเวลาที่ผ่านมาหยุนปิงไม่ได้ไปที่มหาวิทยาลัยเลย  เจอจำได้เพียงว่าวันนั้นหลังจากที่เธอกลับจากมหาวิทยาลัย  ตอนแรกเธอคิดจะไปหาซื้อของจากซุปเปอร์มาเก็ต  แต่ระหว่างทางได้พบเจอกับรุ่นพี่สมัยยังเรียนอยู่คนหนึ่ง  รุ่นพี่คนนั้นเหมือนว่าจะซื้อเครื่องดื่มมา 2 ขวด เขาส่งให้เธอขวดหนึ่ง  ถึงแม้เธอจะไม่อยากพูดคุยกับรุ่นพี่คนนี้มากนักแต่เขาก็เซ้าซี้จนเธอยากจะปฏิเสธ  กระทั่งถึงกับช่วยเธอเปิดขวดด้วยซ้ำ

หลังจากที่เธอดื่มไปได้ไม่กี่อึก  พูดไม่กี่ประโยคเธอก็คิดจะบอกลาเขา  ใครจะรู้ว่าตอนนั้นเองเธอจะรู้สึกมึนหัวขึ้นมา  แต่ถึงอย่างนั้นหยุนปิงเองก็ไม่ใช่มือสมัครเล่น  เธอใช้ชีวิตอยู่ด้วยตัวคนเดียวในสังคมนี้มาหลายปีแล้ว  เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเธอก็รู้ทันทีว่าเครื่องดื่มที่รุ่นพี่คนนั้นยื่นให้เธอดูท่าจะมีปัญหาแล้ว

หยุนปิงคิดจะตะโกนขอความช่วยเหลือทันที  แต่เธอก็ยิ่งรู้สึกมึนหัวมากขึ้นจนแม้แต่จะพูดก็ยังทำไม่ได้  เรื่องหลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้แล้ว  แล้วทำไมคืนนั้นเธอตื่นมาถึงเห็นเย่โม่กันล่ะ?  หรือว่าเขาจะร่วมมือกับรุ่นพี่ของเธอคนนั้น?

ความคิดแรกของหยุนปิงคือแจ้งตำรวจให้ไปจับเย่โม่ซะ  ทว่าเมื่อตรวจดูแล้วก็พบว่าเธอยังไม่ได้ถูกข่มขืน  ของภายในห้องก็ไม่ได้หาย  สิ่งเดียวที่เสียหายคือประตูห้องของเธอที่ถูกถีบจนพัง

เมื่อคิดถึงเย่โม่ที่อายุยังน้อยแบบนี้หยุนปิงก็ถอนหายใจ  ปล่อยเขาไปละกัน  แต่ความรังเกียจเย่โม่ภายในใจของเธอนั้นพุ่งทะยานจนถึงขีดสุด  เพียงแต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเย่โม่รู้จักกับรุ่นพี่ของเธอคนนั้นได้อย่างไร

หลังจากที่หยุนปิงตรวจเช็คไปรอบๆ ห้องก็ได้พบว่าภายในห้องของเธอเหมือนจะเคยเกิดการต่อสู้กันขึ้น  เธอเจอแม้กระทั่งซากกล้องดิจิตอลที่ถูกกระแทกจนพังยับ  หรือว่าพวกเขา 2 คนสู้กันว่าใครจะได้เอาเธอก่อนกัน?  หยุนปิงคิดถึงตรงนี้ก็ทั้งโกรธทั้งอาย

หยุนปิงตัดสินใจแล้วว่าวันพรุ่งนี้จะไปถามเย่โม่ให้รู้เรื่อง  ทว่าข่าวในเช้าวันถัดมาทำให้เธอล้มเลิกความคิดที่จะไปถามเย่โม่  เธอเห็นในข่าวว่าที่เซนจูรี่สแควร์มีชาย 2 คนถูกถอดเสื้อผ้าจนเปลือยล่อนจ้อน  ถูกซ้อมจนกลายเป็นคนเสียสติแล้วทิ้งพวกเขาไว้ในรถ  ถึงในข่าวจะเซ็นเซอร์หน้าของเหยือผู้เคราะห์ร้ายไว้  แต่หยุนปิงกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างแปลกๆ

หยุนปิงค้นหาข่าวในอินเทอร์เน็ตทันที  จนกระทั่งค้นไปเจอภาพชัดๆ ของชาย 2 คนนั้น  คนหนึ่งคือเจิ้งเหวินเฉียว  ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือรุ่นพี่ที่วางยาเธอคนนั้นเอง

หยุนปิงหวนนึกถึงเย่โม่ขึ้นมาทันที  เธอสงสัยว่าเรื่องของชาย 2 คนนี้อาจจะเป็นฝีมือของเย่โม่ก็ได้   แต่ไม่ว่ายังไงรุ่นพี่ของเธอคนนั้นก็กลายเป็นคนเสียสติไปแล้ว  เธอรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก  เรื่องนี้เธอไม่แน่ใจว่าใช่ฝีมือของเย่โม่รึเปล่า  หรือต่อให้เย่โม่เป็นคนลงมือจริงๆ เธอก็จะไม่เปิดโปงเขาแน่นอน  แต่การที่เย่โม่คิดจะเอารัดเอาเปรียบเธอในคืนนั้นก็ยังทำให้หยุนปิงเกลียดเขาอยู่ดี

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรเธอคืนนั้น  หยุนปิงคิดว่าเธอรู้ดี  คงเพราะเดิมทีเขามันคนไร้ความสามารถในด้านนั้นอยู่แล้ว  แต่เพราะอะไรเย่โม่ถึงไปโผล่ในห้องของเธอได้กัน?  แล้วทำไมรุ่นพี่ของเธอคนนั้นถึงถูกซ้อมจนเสียสติได้?  เธอคิดไม่ออกจนต้องถอดใจ

ตั้งแต่วันนั้นหยุนปิงจึงขอลาหยุดไปครึ่งเดือน  แต่เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าคนแรกที่เธอเจอเมื่อกลับมาที่มหาวิทยาลัยจะเป็นเย่โม่

เย่โม่เพิ่งจะฝึกเสร็จ  ขณะที่เขาเตรียมจะไปหาชือซิวก็เห็นหยุนปิงเดินเข้ามหาวิทยาลัยมา  พอเย่โม่เห็นหยุนปิง  เขาก็อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงร่างกายอันเปลือยเปล่าของเธอคืนนั้น  รวมถึงหน้าอกอันอวบแน่นของเธอ

ส่วนหยุนปิงเอง  เมื่อได้เห็นเย่โม่เปลวไฟแห่งความโกรธในใจของเธอก็ปะทุขึ้นมา  ยิ่งเย่โม่จ้องมองเธอด้วยสายตาแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เธอโกรธมากขึ้นไปอีก  แล้วพอคิดว่าร่างกายอันเปลือยเปล่าของเธอถูกคนๆ นี้มองเธอก็รู้สึกโกรธจนแทบบ้า

“เย่โม่!  มานี่หน่อย”  ถึงโทนเสียงของหยุนปิงจะยังคงสงบนิ่ง  แต่ภายใต้อาการสงบนิ่งนั้นกลับมีเปลวไฟแห่งความโกรธที่ไม่อาจสงบลงได้

แน่นอนว่าเย่โม่ไม่รู้ว่าหยุนปิงเห็นเขาในคืนวันนั้น  เย่โม่จึงเดินไปหาหยุนปิงด้วยอาการสงบนิ่ง   “อาจารย์หยุน  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

หยุนปิงไม่ได้พูดอะไร  เธอเพียงเดินนำไปยังสถานที่เงียบๆ ที่ไร้ผู้คนภายในมหาวิทยาลัย  เย่โม่ที่เดินตามไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกลางๆ ว่ามีบางอย่างผิดปกติ  หรือว่าคืนนั้นหยุนปิงจะรู้ว่าเป็นเขา?  เป็นไปไม่ได้หรอก  หยุนปิงนอนไม่ได้สติอยู่ตลอด อีกอย่างคืนนั้นเขาก็ใส่หน้ากากอยู่ เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา?

เมื่อหยุนปิงแน่ใจว่าไม่มีคนอยู่แถวนั้น  เธอก็มองเย่โม่ด้วยสีหน้าโกรธจนแดง  “ดูดีมากใช่ไหม?”

“อะไรดูดีมาก?  ทิวทัศน์แถวนี้ก็ธรรมดาๆ นะ?”  เย่โม่รู้สึกได้ถึงลางไม่ดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง  ทันใดนั้นเองหยุนปิงก็ยกมือขึ้นตบหน้าเย่โม่โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

อย่าว่าแต่ตอนที่เย่โม่ระวังตัวแบบนี้เลย  ต่อให้เขาไม่ระวังตัวฝ่ามือของหยุนปิงก็ไม่มีทางสัมผัสหน้าเขาได้  เย่โม่คว้าข้อมือของหยุนปิงเอาไว้  เขาพูดอย่างเย็นชา  “อาจารย์หยุนปิง!  ถ้าไม่มีเรื่องอะไรงั้นผมไปล่ะ  ถ้าคุณยังกล้าลงไม้ลงมือกับผมล่ะก็ผมจะไม่เกรงใจแล้ว  ไม่อย่างนั้นคุณได้ลงไปอาบน้ำในทะเลสาบของมหาลัยแน่”  พูดจบเย่โม่ก็หันหลังเดินจากไป

“เย่โม่!  ไอ้คนขี้โกง!  ไอ้ลูกศิษย์ไร้ยางอาย!”  เมื่อเห็นเย่โม่เดินจากไปอย่างไม่ลังเลแบบนี้  หยุนปิงก็ตะโกนด่าเขาทันที  ต่างจากท่าทีเย็นชาตามปกติของเธออย่างสิ้นเชิง

แต่เย่โม่ก็ไม่ได้สนใจเธอสักนิด  เขาเดินจากไปไม่เห็นแม้แต่เงา  ถึงหยุนปิงจะถูกเรียกว่าอาจารย์เย็นชาก็จริง  แต่เมื่อคิดถึงท่าทีที่เย่โม่มีต่อเธอแล้วก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา  ผ่านไปครู่ใหญ่หยุนปิงถึงได้ลูบดวงตาอันบวมแดงของเธอแล้วเดินออกไป

หลังจากหยุนปิงเดินออกไป  ไม่ไกลจากตรงนั้นก็ปรากฏหญิงสาวคนหนึ่ง  เธอมองหลังของหยุนปิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ  เธอพึมพำกับตัวเอง  “คิดไม่ถึงว่าเย่โม่จะรังแกแม้กระทั่งอาจารย์หยุนปิง  คนๆ นี้เลวไปถึงกระดูกจริงๆ”

……….

“เย่โม่!  นายกลับมาแล้ว”  พอเย่โม่เปิดประตูเข้าไปในสวน  หนิงชิงเชวี่ยตรงเข้ามากอดแขนของเขาราวกับนกตัวน้อยๆ

เย่โม่เงยหน้ามองด้านหลังของหนิงชิงเชวี่ย  ก็พบกับหญิงสาวผมยาวรูปร่างผอมสูงคนหนึ่ง  อายุไล่เลี่ยกับหนิงชิงเชวี่ย  ดวงตาสุกสกาว  ราวกับว่าจะสามารถสื่อออกมาเป็นคำพูดได้เลย  เธอมองพิจารณาเย่โม่ด้วยท่าทีที่ดูฉลาดเท่าทันคน

“เย่โม่  ให้ฉันแนะนำเพื่อนให้รู้จัก  นี่คือเพื่อนสมัยเรียนของฉันชื่อโจวเล่ย  เธอมาหาฉันที่หนิงไห่โดยเฉพาะเลย  โจวเล่ย  คนนี้คือสามีของฉัน… เย่โม่”  หนิงชิงเชวี่ยแนะนำพวกเขาอย่างกระตือรือร้น  ทว่ามีเพียงตัวหนิงชิงเชวี่ยที่รู้ดี  หากไม่ใช่เพราะเธออยากให้คนอื่นๆ รู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเย่โม่เร็วๆ ล่ะก็  เธอไม่มีทางเต็มใจพูดกับใครเยอะแยะมากมายแบบนี้แน่  โจวเล่ยเป็นนักข่าว  หนิงชิงเชวี่ยย่อมรู้ถึงจุดประสงค์ที่เพื่อนของเธอคนนี้มาเยี่ยมเป็นอย่างดี

“อา!  สวัสดี  พี่สาวโจว”  เย่โม่พูดพลางยื่นมือไปเช็คแฮนด์โจวเล่ย

“สวัสดี  คุณชายเย่  คราวหลังเรียกชื่อฉันตรงๆ ว่าโจวเล่ยได้เลย  ฉันเองก็ขอเรียกนายตรงๆ ว่าเย่โม่ก็แล้วกัน”  โจวเล่ยยิ้มให้อย่างมืออาชีพ  ทว่าเธอกลับแอบรู้สึกประหลาดใจ  เธอเคยได้ยินเรื่องของเย่โม่มาก่อน  อีกทั้งเธอเองก็คิดเหมือนคนอื่นๆ ว่าที่หนิงชิงเชวี่ยแต่งงานกับเย่โม่ครั้งนี้  จริงๆ แล้วก็เพื่อหลีกเลี่ยงตระกูลซ่ง   แถมพอมองไปยังที่พักของหนิงชิงเชวี่ยตอนนี้เธอก็ยิ่งมันใจ  ทว่ามาตอนนี้เธอได้พบกับท่าทีอันสงบนิ่งเยือกเย็นของเย่โม่แล้ว  เป็นครั้งแรกที่โจวเล่ยรู้สึกสงสัยในการตัดสินของตัวเอง

“เธอนี่จริงๆ เลยชิงเชวี่ย  ในเมื่อเพื่อนสมัยเรียนมาเยี่ยมแบบนี้ก็ควรโทรบอกกันบ้าง  เออจริงสิ!  โจวเล่ยเพิ่งมายังไม่ได้กินอะไรเลยใช่ไหม  ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปหาอะไรกินกันเถอะ  ต้องขอโทษด้วยนะโจวเล่ย  ที่พักออกจะดูธรรมดาไปบ้าง  ชิงเชวี่ยเองที่มาอยู่ที่นี่กับผมก็ลำบากไปบ้าง  แต่นี่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น  ผมจะไม่ยอมให้ชิงเชวี่ยมาลำบากกับผมนานๆ แน่นอน”  เย่โม่ไม่มีเวลาจะไปเสียให้กับเพื่อนของหนิงชิงเชวี่ย  ในใจเขารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก  รีบกินให้จบๆ แล้วรีบไล่หญิงสาวที่มาหาข่าวคนนี้ไปเสียจะดีกว่า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด