ตอนที่แล้วบทที่ 28 สะกดรอยตาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 ชีวิตหลังแต่งงาน

บทที่ 29 ความประทับใจครั้งที่ 2 ของหนิงชิงเชวี่ย


เย่โม่รู้สึกเหนื่อยจนไม่ได้สังเกตว่าหยุนปิงตื่นขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาดึงผ้าห่มมาคลุมร่างของ  หยุนปิงอย่างลวกๆ  “ถือว่าวันนี้เธอโชคดีไป  ดูจากทัศนคติที่มีต่อผม  ผมไม่มีทางช่วยแน่  แต่ใครใช้ให้วันนี้ผมอารมณ์ดีแบบนี้ล่ะ”

พูดจบเย่โม่ก็ปิดประตู  เขากลับมาข้างนอกเพื่อแบกเจิ้งเหวินเฉียวและชายวัยกลางคนอีกครั้ง  จากนั้นจึงเดินจากไปสบายๆ

เย่โม่ถอดเสื้อผ้าของพวกเขาออกจนหมดแล้วจัดการสั่งสอนไปรอบหนึ่ง  เขากระทืบอวัยวะเพศของชายทั้ง 2 จนแหลกละเอียดแล้วทิ้งพวกเขากองไว้ตรงเบาะหลังรถ  จากนั้นเขาก็ขับตรงไปยังเซ็นจูรี่สแควร์  เขาจอดรถไว้ตรงสถานที่ข้างหน้าที่มองเห็นได้ง่าย  ก่อนจะจากไปเย่โม่ก็ไม่ลืมที่จะเปิดกระจกรถทิ้งไว้

..........

เย่โม่พอออกไปทำธุระข้างนอกก็ใช้เวลาทั้งวัน  หนิงชิงเชวี่ยที่รอเขาอยู่ที่สวนจึงเกิดอาการกระวนกระวายอยู่บ้าง  เดิมทีวันนี้เธอวางแผนเอาไว้ว่าจะไปจดทะเบียนสมรส  แต่ตอนนี้เย่โม่ยังไม่กลับมาเลย  เหมือนกับลืมเรื่องที่รับปากไว้กับเธอแล้ว

ตอนเช้าเมื่อซู่เวยกับหนิงชิงเชวี่ยได้เจอหน้ากันก็รู้สึกกระอักกระอ่วนต่อกันอยู่บ้าง  ซู่เวยคิดในใจว่าสาวสวยอย่างหนิงชิงเชวี่ย  ไม่รู้ว่าเย่โม่ไปหามาได้ยังไง  และไม่รู้ว่าผู้หญิงอย่างหนิงชิงเชวี่ยคิดยังไงถึงได้มาอยู่ก่อนแต่งกับผู้ชายจนๆ อย่างเย่โม่แบบนี้  ตัดสินคนจากหน้าตาไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ  ถึงแม้ในสายตาของเธอเย่โม่จะไม่ได้เลวร้ายอะไร  แต่ได้คนอย่างหนิงชิงเชวี่ยมาแบบนี้ดูจะเกินไปหน่อยแล้ว

หนิงชิงเชวี่ยเองก็คิดคล้ายๆ กับซู่เวย  เธอคิดว่าทำไมซู่เวยถึงมาอยู่กับเย่โม่ได้ในเมื่อเย่โม่เองก็หมดสมรรถภาพ  แต่เรื่องนี้จะเอ่ยปากถามก็ดูจะไม่เหมาะสม  ทั้ง 2 คนนี้ต่างก็นึกไปว่าสิ่งที่ตัวเองคิดไว้นั้นถูกแล้ว

หนิงชิงเชวี่ยเห็นซู่เวยออกไปทำงานแล้ว  เมื่อได้อยู่คนเดียวในสวนของคนแปลกหน้าเธอจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย  เธอรอเย่โม่ตั้งนานแต่เขาก็ยังไม่กลับมา  หนิงชิงเชวี่ยเห็นว่าในสวนของเย่โม่ปลูกต้นไม้ดอกไม้เอาไว้จำนวนหนึ่ง  เดิมทีเธอคิดว่าซู่เวยเป็นคนปลูก  แต่มองดูแล้วดอกไม้พวกนี้เหมือนจะปลูกไปทางด้านห้องของเย่โม่มากกว่า

หนิงชิงเชวี่ยเดินชมดอกไม้เหล่านั้น  ท่ามกลางดอกไม้เหล่านั้นมีอยู่ต้นหนึ่งที่มีใบสีเงิน  คล้ายกับว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี  มันถูกปลูกอย่างโดดเดี่ยวในพื้นที่กว้างขวางห่างจากต้นอื่นๆ

หลังจากเดินชมไปรอบๆ สวน  หนิงชิงเชวี่ยก็เดินกลับมาที่ห้อง  ห้องนอนของเย่โม๋นั้นเรียบง่ายเป็นอย่างมาก  นอกจากเตียง 1 หลังแล้วก็มีโต๊ะอีก 1 ตัวเท่านั้น  ที่น่าสงสัยก็คือภายในห้องมีกล่องเล็กๆ อยู่กล่องหนึ่ง  แล้วยังมีหม้อที่คล้ายกับเอาไว้ใช้ต้มยาอยู่อีกหม้อหนึ่ง  ถึงหนิงชิงเชวี่ยจะไม่รู้ว่าของภายในกล่องคืออะไรแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะเปิดออกมาดู  เธอไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของคนอื่น  ส่วนหม้อต้มยาหนิงชิงเชวี่ยยิ่งไม่อยากจะยุ่ง

เธอรู้สึกขึ้นตอนนั้นเองว่าเย่โม่ที่เธอพบเจอกับเย่โม่ที่มู่เหมยเล่าให้ฟังดูจะแตกต่างกันพอสมควร  แต่ในเวลาเดียวกันก็มีส่วนคล้ายกับที่มู่เหมยว่าไว้เช่นกัน  เรื่องนี้เองที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาดภายในใจ

หนิงชิงเชวี่ยไม่รู้ว่าเขารู้จักกับซูจิ้งเหวินได้ยังไง  อีกอย่างดูเหมือนซูจิ้งเหวินจะมองเย่โม่ในแง่ดีเสียด้วย  เธอหวนคิดไปถึงครั้งแรกที่เธอได้พบเย่โม่  ได้เห็นเขาเต้นรำอย่างเข้าขากับซูจิ้งเหวิน  รวมถึงตอนที่เขาส่งของขวัญให้กับซูจิ้งเหวินด้วย  เธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างจนเธอยังอดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้

ตอนนี้เธอได้เห็นกับตาตัวเองว่าเย่โม๋อยู่อาศัยกับเพื่อนร่วมบ้านของเขา  ใจเธอกลับสงบนิ่ง  คิดถึงภาพที่เย่โม๋รับบัตรเงินห้าหมื่นหยวนของเธอไปโดยไม่ลังเลแล้ว  นั่นเหมือนกับที่มู่เหมยเคยพูดไว้เลย  ความรู้สึกผิดของเธอที่มีต่อเย่โม่ก็ได้จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ตอนนี้เธอทำได้แค่รอเย่โม่กลับมาเท่านั้น  เพื่อจะได้ไปจดทะเบียนสมรสด้วยกัน  ให้หลี่มู่เหมยถ่ายสำเนาเอาไว้  จากนั้นก็ให้เผยแพร่รูปที่เธออยู่ร่วมกันกับเย่โม่ออกไป  ถ้าทำแบบนี้แล้วยังสลัดซ่งเฉ่าเหวินไม่หลุดล่ะก็  เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีเหมือนกัน

..........

เมื่อเย่โม่กลับมาถึงสวนบริเวณห้องพักของตัวเอง  ซู่เวยและหนิงชิงเชวี่ยก็เข้านอนแล้ว  เย่โม่เห็นทั้ง 2 ห้องปิดไฟแล้วเขาก็ไม่ได้เข้าไปแต่อย่างใด  เขาเดินไปยังต้นไม้ใหญ่บริเวณสวนด้านหลังเพื่อฝึกฝนต่อ

หนิงชิงเชวี่ยที่ได้ยินเสียงดังมาจากประตูข้างหน้าสวน  เธอก็รู้ทันทีว่าเย่โม่กลับมาแล้ว  ไม่รู้ว่าเขากลับมาค่ำมืดแบบนี้ทุกวันหรือเปล่า  ผ่านไปครู่หนึ่งเธอก็รู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงจากห้องของซู่เวย

เวลาฝึกฝนของเย่โม่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  พอถึงเช้าแล้วเย่โม่ก็ลุกขึ้นมาฝึกวิชาหมัดต่อรอบหนึ่ง   หลังจากที่เขาล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วซู่เวยก็เดินออกมาจากห้องพอดี  เธอทักทายเย่โม่ด้วยสีหน้าอันแปลกประหลาดแต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว  เธอรีบเตรียมตัวเพื่อออกไปทำงานทันที

หนิงชิงเชวี่ยที่ตื่นแต่เช้านั้นเมื่อได้ยินเสียงของซู่เวยกับเย่โม่ภายในสวน  เธอจึงห้ามตัวเองไม่ให้ออกไปข้างนอก  จนกระทั่งซู่เวยจากไปเธอถึงได้เดินออกมาจากห้อง

หนิงชิงเชวี่ยเห็นเย่โม่ดูแลต้นไม้ใบหญ้าเหล่านั้น  เธอก็แน่ใจว่าเป็นเขาเองที่ปลูกดอกไม้เหล่านี้   ผู้ชายตัวใหญ่ๆ อย่างเขากลับชอบเรื่องแบบนี้เสียได้  ไม่รู้ว่ามีจิตใจละเอียดอ่อนหรือเขามีปัญหาที่เพศวิถีกันแน่

“อ้อ!  เธอตื่นแล้วนี่...”  เย่โม่หันกลับมามองหนิงชิงเชวี่ย  คำพูดของเขาหยุดลงกลางคัน  ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดต่อ  “ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ?  หรือว่าเมื่อวานไม่ได้กินข้าว?”

เย่โม่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อึดอัด  ดังนั้นจึงเริ่มหาสักเรื่องมาพูดคุยกับเธอก่อน  แต่เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าหนิงชิงเชวี่ยจะส่ายหัวไปมาจริงๆ  “พอดีไม่รู้สึกหิวน่ะ  เมื่อวานเลยไม่กินอะไรสักอย่าง”

ไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน?  เย่โม่รู้สึกหมดคำพูด  ถ้าหากเป็นเขาที่ไม่ได้กินข้าวทั้งวันก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไร  แต่กับหนิงชิงเชวี่ยแล้วไม่เหมือนกัน  เธอไม่ใช่ผู้ฝึกตนเช่นเขา  สภาพของเธอถึงได้ดูแย่แบบนี้

“เธอไปล้างหน้าล้างตาก่อน  อีกเดี๋ยวพวกเราออกไปหาอะไรกินกัน”  พูดจบเย่โม่กลับไปดูแล  ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’  อันเป็นสมบัติของเขา

หลังรอหนิงชิงเชวี่ยจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย  เย่โม่พาหนิงชิงเชวี่ยไปร้านอาหารใกล้ๆ  เย่โม่สั่งโจ๊กมาชามหนึ่งพร้อมด้วยหมั่นโถวจำนวนหนึ่ง

ถึงเมื่อวานหนิงชิงเชวี่ยจะไม่ได้กินอะไรเลย  แต่เมื่อเธอเห็นเย่โม่กินโจ๊กไป 2 ชาม  ตามด้วยหมั่นโถวอีก 5 ลูก  หนิงชิงเชวี่ยก็รู้สึกอิ่มขึ้นมาทันทีหลังจากที่กินโจ๊กและหมั่นโถวไปอย่างละครึ่งเท่านั้น

“ทำไมเธอถึงอยากแต่งงานกับฉันนัก  เธอรู้ใช่ไหมว่า...”  เย่โม่ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกหนิงชิงเชวี่ยตัดบท

“นายไม่ต้องถามอะไรมากหรอก  แค่รู้ไว้ว่านี่ก็เป็นแค่ข้อตกลงระหว่างพวกเราเท่านั้น”  ตั้งแต่ตอนที่เย่โม่รับเงินของเธอไปโดยไม่ลังเลในครั้งนั้น  รวมถึงหลังจากได้รู้เรื่องของเขากับซู่เวยแล้ว  ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกแย่แบบนี้  สงสัยคงเป็นเพราะเธอได้รู้ว่าเย่โม่ผู้ให้อารมณ์สงบนิ่งผ่อนคลายคนนั้นแท้จริงแล้วก็เป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น

หากว่าเขาถามเรื่องนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน  บางทีหนิงชิงเชวี่ยก็คงจะตอบเขาไปแล้วว่าเธอแค่อยากสลัดตระกูลซ่งให้หลุดเท่านั้น  แต่มาตอนนี้เธอไม่อยากแม้แต่จะพูดกับเย่โม่  เธอจ่ายเงิน  เย่โม่ก็ทำหน้าที่ของเขาไป  เป็นแค่ข้อตกลงง่ายๆ ระหว่างกันก็เท่านั้น  เมื่อจบเรื่องก็ต่างคนต่างอยู่  ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

ราวกับรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของหนิงชิงเชวี่ย  เย่โม่ยิ้มบางๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก  การโต้เถียงกับผู้หญิงถือเป็นสิ่งที่เย่โม่ไม่สนใจที่จะทำ  อีกอย่างต่อให้แต่งงานกันแล้วอย่างไรเล่า?  การแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาแม้แต่น้อย

การจดทะเบียนสมรสนั้นง่ายมาก  ขอแค่มีบัตรประชาชนแล้วถ่ายรูปด้วยกันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว  เย่โม่ได้แต่แอบถอนใจ  โลกก่อนของเขาการจะแต่งงานสักครั้งถือว่าเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างมาก  มาตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะง่ายดายขนาดนี้

แต่เขาก็ได้รู้ว่าการจะหย่ากันนั้นง่ายยิ่งกว่า  ง่ายถึงขนาดที่ว่าคนจะหย่ากันนั้นไม่จำเป็นต้องมาทำเรื่องที่นี่เสียด้วยซ้ำ

เย่โม่ไม่มีเวลาแม้จะถอนหายใจ  หลังจากจดทะเบียนสมรสเสร็จหลี่มู่เหมยก็มาหาทันที  เธอต้องการจะช่วยถ่ายรูปกิจวัตรประจำวันของเย่โม่และหนิงชิงเชวี่ย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด