ตอนที่แล้วตอนที่ 3 โลกใหม่ (New World)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 มาถึงพร้อมกับปัญหา (Arrival with problems)

ตอนที่ 4 ถนนสู่ยุคใหม่ (Road to New Era)


ถนนสู่ยุคใหม่

(Road to New Era)

ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย บ้านเมืองที่ไม่สงบสุข สงครามที่คร่าชีวิตของผู้คนไปมากมาย ความยุ่งเหยิงที่ไม่จบไม่สิ้น จากช่วงเวลาของอดีตสู่ปัจจุบัน ประเทศที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก แต่ยังคงสามารถรักษาอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ของตนให้คงอยู่ได้ ผู้อาศัยภายในธงที่ภาคภูมิใจกับบารมีทั้งแต่อดีต แม้ว่าผ่านไปนานหลายช่วงอายุคนแล้วก็ตาม เพียงทว่า การปฏิรูปที่ไม่ยอมไปให้สุดเส้นทางของมัน ในบางครั้งมักเป็นเหตุให้เกิดความไม่ลงรอยระหว่างกลุ่มคน รัฐชาตินั้นประสบความสำเร็จในการผสมผสานศาสนาเข้ากับการปกครอง และมันก็ยังคงอยู่เช่นนั้นไปอีกยาวนานจนกลายเป็นความเคยชิน

ความผูกมัดทางขนบธรรมเนียมที่สืบต่อกันมาเป็นรุ่นๆ มันได้สืบยาวจนถึงยุคสมัยใหม่ที่ก้าวกระโดดอย่างไรรอใคร

“มันก็ดีมิใช่หรือไงกัน การที่ส่วนปกครองสามารถคงรูปไว้ซึ่งความดีงามเอาไว้ได้ยาวนานแม้ว่าจะเปลี่ยนยุคสมัยไปแล้วก็ตาม?” เสียงขัดแทรกระหว่างที่ดักลาสกำลังเล่ามาตลอดหลายนาที จิ้งจอกสาวที่พิงกำแพงอยู่เธอกล่าวถามอย่างสงสัย

“การปฏิรูปที่ว่ามา ก็คือการเติบโตของรูปแบบตรงข้ามกัน มัน... เหมือนศัตรูตามธรรมชาติของการปกครองแบบเก่าที่คุณบอกว่าดีงาม ” ลาสตอบกลับด้วยนํ้าเสียงที่ไม่พอใจ แม้จิ้งจอกสาวจะทำสีหน้าสงสัยและงุนงง หญิงสาวจิ้งจอกยังคงไม่เข้าใจว่ามันมีการปกครองแบบไหนบ้างกันแน่ ความรู้ของชายหน้าสาวตรงหน้ามันช่างแปลกยิ่ง

“มิใช่ว่าส่วนใหญ่แล้ว อำนาจการปกครองจะอยู่กับส่วนบนอย่างเช่นขุนนาง หรือตระกูลใหญ่ ไม่ก็องค์กษัตริย์หรอกรึ? ” ไวท์ถามชายหนุ่มอีกครั้ง ผู้ใดคุมอำนาจ ผู้นั้นก็คือผู้ปกครอง

“ มันขึ้นอยู่กับ โครงสร้าง ต้นกำเนิด ภูมิศาสตร์ และสภาพแวดล้อม ก็อย่างที่ผมเล่าไปข้างต้น… ประเทศชาติ หรือดินแดนของผม ได้ทำการปฏิรูปหรือจะเรียกว่าปฏิวัติมาแล้วครั้งหนึ่ง กล่าวได้ว่าผู้นิยมสาธารณรัฐที่พยายามที่จะล้มระบอบเก่า ได้ทำการยึดอำนาจจากกลุ่มอำนาจเก่า อย่างไรก็ตาม… ก็เพราะว่ามันไม่สำเร็จ เลยมีปัญหาจนคนรุ่นหลังต้องมาเดือดร้อนกันแทน… ” ลาสบ่นออกมาอย่างปวดหัว แม้ว่าเจ้าตัวจิ้งจอกสาวที่อยู่ตรงกำแพงจะทำท่าทีไม่ค่อยชอบที่ลาสกล่าวมา แต่ตัวเขาก็รู้ดีกว่าการเปลี่ยนการปกครองแบบฉับพลันกะทันหัน โดยที่ยังคงมีบางคนไม่ได้มีความคิดแบบเดียวกัน มันมักจะทำให้เกิดช่องโหว่จุดอ่อนที่สำคัญที่ยากจะแก้ไขได้ในภายหลัง

ลาสที่อยู่ภายใต้ความคิดของตัวเองไม่ทัน สังเกตจิ้งจอกสาวที่เดินเข้ามาหาชายหนุ่ม

“ เจ้าเนี่ย… ช่างเหมือนกับนักปราชญ์คนนั้นเสียจริง” จิ้งจอกค่อยๆนำมือมาโอบกอดคอของชายหนุ่ม ทำเอาเจ้าตัวรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร ก่อนที่เธอจะกระซิบข้างๆหูเป็นการหยอกล้อ จนทำให้ดักลาสก็รีบผละออกห่าง

น่าเสียดาย ที่ท่านผู้นั้นดันปลิดชีพตัวเองไปเสียก่อน

“นักปราชญ์?” ลาสชะงัก “ไม่ๆ ผมไม่ได้มีความรู้ลึกซึ้งแม้แต่น้อย! ผมเป็น… เพียงแค่นักการเมืองคนหนึ่ง ที่ไม่แม้แต่จะมีอำนาจ… แล้วที่คุณบอกว่านักปราชญ์ฆ่าตัวตายหมายถึง อ่า… ทำไมเขาถึงได้ฆ่าตัวตาย?” ลาสเอ่ยถามเปลี่ยนเรื่อง จิ้งจอกสาวพยักหน้าขึ้นลงเป็นอันตกลง ดูเหมือนว่าลาสจะสนใจเรื่องนักปราชญ์ที่เธอกล่าวถึงอย่างเห็นได้ชัด

“ เราก็ค่อยรู้เรื่องฝั่งโลกเก่าหรอกนะ ถึงเราจะเรียนจากตาแก่เฒ่ามาแล้วบ้าง อย่างไรก็ตามแต่… นักปราชญ์ที่เรากล่าวถึง เป็นผู้ที่ผลักดันให้อองโทราลก้าวกระโดดจากยุคมืดสู่ยุคทองแห่งอำนาจ จวบจนปัจจุบัน

มันเป็นเรื่องราวของจุดเริ่มต้นของชาวเรา ในยุคแห่งการล่าอาณานิคม ทุกอย่างมันเริ่มต้นโดยนักปราชญ์ผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครทราบที่มาของผู้รอบรู้คนนั้น จู่ๆเขาก็โผล่มาพร้อมกับแนวคิดเรื่องการร่วมกลุ่มของผู้คนในดินแดนต่างๆ อุดมการณ์ความสามัคคี และการแผ่อาณาเขต หลายอาณาจักรและผู้คนจำนวนมากเชื่อในแนวคิดของนักปราชญ์ผู้นั้น จากกลุ่มชนชั้นล่าง ไปยังชนชั้นสูง และเชื้อพระวงศ์ จากอาณาจักรน้อยใหญ่สู่การรวมอำนาจใหม่ กลายมาเป็นสิ่งที่นักปราชญ์ผู้นั้นขานเรียก ประเทศ และ เชื้อชาติ

เป็นคำที่แปลกใช่หรือไม่? ผู้ใดก็คิดว่ายุคที่เกิดจากความคิดของนักปราชญ์นี้เป็นยุคที่ก้าวหน้าที่สุด ภาพวาดของชีวิตความเป็นอยู่ที่ก้าวกระโดด เกิดกว่าใครจะไปคาดถึง นายรู้ไหมว่าเมื่อก่อนพวกเรายังไม่เคยมีเรือข้ามทะเลเสียด้วยซํ่า

ความเจริญที่แทบจะหยุดไม่ได้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้แค่เจริญอย่างเดียว จากการขยายอาณาเขตกลายมาเป็นการแข่งขันกันที่รุนแรงระหว่างผู้ปกครอง อาณาจักร และจักรวรรดิน้อยใหญ่ สงครามที่เกิด ดินแดนที่ดับสูญและเกิดขึ้นมาใหม่จากเถ้าถ่าน ผู้คนเสียชีวิตล้มตายกันมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

การล่าดินแดน ล้างผลาญผู้อยู่อาศัยเดิม การสร้างอาณานิคมขึ้นมาใหม่เพื่อแสวงหาทรัพยากรที่จะนำเข้าสู่จักรวรรดิหรืออาณาจักรที่ยิ่งใหญ่นั้นๆ แนวคิดเช่นนี้มันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากขยายเขตแดนเล็กน้อย ไปเป็นการรวมอำนาจและผู้คนโดยกำลัง ผู้ที่ตั้งตัวสร้างสิ่งที่เรียกว่า รัฐชาติของตนขึ้นมาได้ในช่วงแรกนั้น ต่างพากันหันคมดาบมาสู้กันเอง

หนึ่งร่วม สองขยาย สามเจริญ สี่สูญสลาย วัฏจักรของยุคของพวกเรา คนเขาเล่าขานกันมาว่า ท่านปลิดชีวิตตนเองในห้องส่วนตัว แต่การที่นักปราชญ์ผู้นั้นได้จากโลกไป มันก็ทำให้หลายๆอย่าง เช่น วิทยาการ ความคิดใหม่ๆ กลับช้าลงไม่พัฒนาเฉกเช่นอดีตที่ยิ่งใหญ่ เราไม่ค่อยได้เรียนมากนัก แต่ว่า ไม่มีพัฒนาการอะไรอีกเลยเป็นเวลาหลายร้อยปีหรือมากกว่าสองร้อยปี? เราไม่แน่ใจเหมือนกัน

เรื่องที่นักปราชญ์ผู้นั้นทำเรื่องราวเอาไว้ก่อนจะหายไป บันทึกสุดท้ายของเขาคือ ภาพวาดของนักปราชญ์ผู้นั้น มันถูกตั้งใน จักรวรรดิแบร์นฮาร์ท บ้านเกิดของชายนักปราชญ์ที่ชาวแบร์นฮาร์ทอ้างท่าน นักปราชญ์ผู้นั้นได้ปลิดชีพตนเองที่แบร์นฮาร์ท ” ไวท์เล่ายาวจนเสร็จก็ถามความเห็นจากลาสผู้ที่ยังจมลึกไปกับความคิดในหัว

" แล้วนายคิดเห็นเช่นไร? " ลาสครุ่นคิดในใจ

‘แนวคิดแบบ อุดมการณ์รวมกลุ่มเยอรมัน กับ ลัทธิอาณานิคม เรากำลังอยู่ในอดีตบนโลกแฟนตาซี หรือยังไงก็แน่นะ? ’ ลาสที่นึกอะไรได้ก็คิดสักครู่ก่อนจะถามไวส์ออกมา

“ ผมคิดว่าเขาคนนั้นต้องเก่งเรื่องชักจูงผู้คนอย่างมาก ถึงทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนั้น… อย่างไรก็ตามนี่คือ อาณานิคมของใครสักคนใช่ไหมครับ?”

“ใช่แล้วล่ะ” ไวท์ชะงัก " เราคือชาวอาณานิคม และอาณานิคมแห่งนี้คืออาณานิคมเขตที่ 6 ของ สหจักรวรรดิแห่งลีโอเนีย มหาอำนาจแห่งแดนเหนือ ราชสีห์อหังการผู้ครอบครองดินแดนอันห่างไกลบนอองโทลาน ในตอนแรกเราคิดว่านายจะมาจากอัลชลาฟไวส์เสียอีก…“

‘ แต่ว่าชื่อของโลกใบนี้คืออองโทราล ลีโอเนีย? อัลชลาฟไวส์? แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าเราไม่ได้อยู่บนโลกเดิม ’ ไวท์ที่เห็นลาสเริ่มคิดมากก็ลุกยืนขึ้น ซึ่งมันทำให้ลาสหยุดเรื่องที่กำลังจะคิดพอดี

" เราไม่รู้หรอกนะ ว่าดินแดนที่นายจากมานั้นมันเป็นเช่นไร แต่ที่เราแน่ใจอย่างที่สุดจากที่เล่ามาก็คือ

ยังไม่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์แม้แต่น้อย

“มากับเราสิ อีกไม่นานเราก็จะไปยังเมืองหลวงของอาณานิคมเขต 11 แต่ต่อให้นายไม่อยากมาด้วย ยังไงมันก็เป็นหนทางเดียวที่นายจะอยู่บนดินแดนแห่งนี้โดยไม่ถูกจับ นายอยู่รอดเพียงคนเดียวไม่ได้หรอกนะ” ไวท์กล่าวแนะ ไม่ใช่เพราะเธอหวังดักลาส แต่เธอรู้ดีว่าคนที่มีการศึกษาในอาณานิคมแห่งนี้นั้นมีน้อย หากมีคนรู้ว่าลาสเป็นผู้มีการศึกษาเขาอาจจะไม่เจอโลกภายนอกอีกอย่างแน่นอน

“ผมหวังว่ามันจะไม่เหมือนเดินทางไกลนะครับ… พูดแล้วก็อยากได้รถยนต์จัง-” เป็นใครที่เจอกับสถานการณ์ย้อนยุค ย้อนเวลาแบบนี้ก็คงคิดแบบเดียวกัน ถ้าจะให้ไปขึ้นขี่ม้าเดินทางไกล หรือ จะนั่งรถม้าก็คงบอกได้ว่าเป็นเรื่องที่ลำบากเกินไป ไหนจะเรื่องห้องนํ้าที่แย่ยิ่งกว่าโดยไม่ต้องสงสัย

ทั้งสองเดินออกห้องใต้ดินก่อนจะออกไปยังข้างนอกของร้านอาหาร เดินลัดเส้นทางตัวเมืองไปยังแหล่งเสื่อมโทรมของตัวเมือง กลุ่มชาวเมืองในเขตนี้ล้วนอันตรายอย่างยิ่ง ผู้คนที่อดยากและยากจน ไม่ก็โจรปะปนเต็มไปหมด อย่างไรก็ตาม ทั้งสองก็ไม่ได้ถูกกลุ่มคนไม่ดีเหล่านั้นเข้าทักหาเรื่องระหว่างเดินผ่าน มีเพียงแค่สายตาเหลือบมองอยู่ห่างๆ

ถ้าชาติก่อนลาสก็จะไม่ค่อยกลัวพวกนักเลงเท่าไร เนื่องด้วยผู้บังคับใช้กฎหมายที่รุนแรง แต่เมื่อมาอยู่ในตอนนี้กฎหมายและผู้บังคับใช้ที่น่าจะได้คุ้มครองเขากลับไม่มีอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว เขาไม่ได้เป็นประชาชนที่นี่

ไม่พอแค่นั้นหากย้อนอดีต ในยุคสมัยก่อนมีแค่พวกนอกกฎหมายทั้งนั้นแหละ! ถ้าเกิดถูกดักปล้นขึ้นมาใครจะมาช่วยพวกเขาได้กัน!? ลาสคิดระแวงทุกส่วนของเขตสลัมทันที สายตามองอย่างระมัดระวัง

ทั้งสองเดินทางจนมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้หลังใหญ่ ก่อนจะมีคนเปิดประตูบ้านออกมาเจอหน้าทั้งสอง ชายวัยกลางคน ผมสีนํ้าตาลและในตาสีเหลือง เขามองตรวจสอบผู้มาใหม่สองคน ก่อนจะเอะใจกับหญิงสาวทั้งสอง

" สวัสดีตอนเที่ยงเจ้าจิ้งจอกน้อย และโอ้ว! แล้วผู้หญิงข้างๆเจ้าเป็นใครมาจากไหนกันเหรอ มาแนะนำตัวกับข้ากันหน่อยสิแม่หนูน้อย! " เขาพูดรัวพูดเร็วอย่างกับพวกชอบเหล่สาว ไม่แม้แต่มองดูหน้าตาของผู้ถูกเรียกว่าจิ้งจอกน้อย เขาสนใจดักลาสเสียมากกว่าหญิงข้างๆ

แน่นอนว่ามันได้สร้างความไม่พอใจให้กับจิ้งจอกสาว ผิดกับอีกคนถึงหน้าตาจะดูเย็นชาไม่มีอารมณ์แต่บรรยากาศแบบมืดมนเสียดูเหมือนว่าจะพร้อมฆาตกรรมใครสักคนแถวนี้

“ สายัณห์สวัสดิ์ ท่านแจ็ค ไม่ทราบว่าตาเฒ่ายังอยู่ในบ้านพักหรือไม่?” ไวท์หลีกเลี่ยงสายตาของชายผู้ที่ชื่อว่าแจ็ค

" อ๊ะ ฮ่าฮ่าๆ ท่านนั่งอยู่ข้างในบ้านน่ะ เชิญเข้ามาก่อนสิ เพื่อนสาวของเจ้าก็เช่นกัน "

ไวท์เดินนำลาสเข้าไปก่อนอย่างเร่งรีบ แต่ชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้าของแจ็คผู้ยังคงยิ้มแย้ม ยังไม่ได้ทันจะได้เอ่ยถาม มือซ้ายถูกกำเป็นมัดชกเข้าไปที่ท้องน้อยอย่างจัง ผู้ถูกกระทำล้มคุกเข่าด้านหน้าชายหนุ่ม ด้วยความจุกที่ท้องและตามัว

“อ๊ก!! … ข้าทำอะไรผิด!?” เสียงโอดครวญของแจ็คถูกเบ่งออกมา

“ต้องขอโทษจริงๆนะครับ แต่ในบางครั้ง สันติก็ไม่ใช่ทางเลือกของผม” สิ้นเสียงก็เดินเข้าข้างใน ทิ้งให้แจ็คผู้น่าสงสารพึมพำกับตัวเอง “เจ้าเป็นผู้ชาย…? ” เสียงร้องเจ็บปวดของแจ็ค ใครเห็นก็ว่าเสียสติไปแล้ว

ภายในตัวอาคารบ้านเรือนแห่งนี้ ประดับไปด้วยของใช้ที่ดูแปลกตา แต่ก็ไม่ไดูหรูจนเกินไป ไวท์และดักลาสที่เข้ามาก็ได้เดินเข้าไปนั่งในห้องรับแขก โดยมีโต๊ะกันระหว่างทั้งสองและตรงข้าม ซึ่งเป็นชายชราที่แต่งตัวเหมือนพ่อค้าชาวดัตช์แต่ใบหน้าของชายชราเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครื่องแบบสีดำทำให้ดักลาสรู้สึกแปลกใจและใบหน้าเคร่งขรึมเยือกเย็น ดูน่าเกรงขาม หากไม่… ก็คงเป็นพวกป่าเถื่อนที่ชอบใช้แต่กำลัง

“ฮืม.. เจ้าหนูเมื่อวานที่ถูกสัตว์อสูรป่าทำร้าย? ฮ่า ฟื้นเร็วเสียจริง หากเป็นคนทั่วไปแล้วก็คงตายเป็นส่วนมาก” เขาชะงัก “ส่วนเจ้าไวท์ ใกล้ถึงเวลาเดินทางแล้ว เจ้าเองก็รีบไปเก็บข้าวของให้พร้อมโดยเร็ว ข้าจะอยู่คุยกับเด็กนี้เสียหน่อย” ที่คิดว่าลุงแกน่าจะโหดกลับกลายเป็นว่าลุงแกคุยแบบเป็นกันเองซะงั้น? ส่วนไวท์ก็เดาะลิ้นออกมาอย่างไม่พอใจ พึ่งจะได้นั่งก็ต้องลุกขึ้นไปเก็บของ

เมื่อไม่มีจิ้งจอกสาวอยู่ในห้องแล้ว ชายชราก็หันกลับมาหาดักลาสและกล่าว

" ข้าจะไม่ถามอะไรมากให้มากเรื่องหรอกนะเจ้าหนู เพราะเจ้าไวท์มันบอกทุกอย่างแล้วเกี่ยวกับเจ้ามาพอสมควร เข้าเรื่องแรกเลย " ชายชรากำลังจะได้พูด ลาสก็รีบตัดเสียก่อน

“เดียวก่อน!! หยุด หยุดเลยลุง ผมยังไม่รู้ชื่อไม่รู้จักลุง แล้วจะเข้าเรื่องเลยเหรอครับ? ปกติต้องแนะนำตัวก่อนนะครับ!”

“อ๊ะ! ไอ้เจ้านี้ มันจำเป็นต้องรู้ก่อนด้วยหรือ? ฮาฮ่าๆ”

‘ ไม่ต้องมาหัวเราะแห้งๆเลยนะตาแก่บ้า ’ ลาสคิดในใจ ใครบ้าที่ไหนจะมาพูดเรื่องสำคัญ ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เรียกว่าเจอหน้ากันแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น

“ตัวข้านาม สมชาย ภูมิพิมลธร เกิดในโลกเก่า  ราชาธิปไตยแบบควบคู่แห่งอาณาจักร--”

“ขอแบบย่อก็ได้ครับ…” ดักลาสกล่าวตัด มันอาจจะเสียมารยาท แต่ชายตรหน้าคงจะเล่าทุกอย่างเป็นเวลาหลายชั่วโมงอย่างแน่นอน ไม่พอแค่นั้น ‘ ชื่อคล้ายกับคนสมัยก่อนของประเทศเราเลย… ’

“ อ่า.. ก็ได้ๆ เซ้าซี้จัง เจ้าลองอ่านพวกนี้ดูเสียก่อน”  ลุงสมชายหยิบนำแผ่นกระดาษสีเหลืองออกมา ก่อนที่จะยื่นมอบ ให้กับดักลาสได้ลองอ่านดู แต่พอได้อ่านแค่หน้าแรก ชายหนุ่มก็ต้องส่ายหน้าอย่างผิดหวัง เพราะตัวเขานั้นไม่สามารถที่จะอ่านหรือแปลภาษาสุดพิสดารพวกนี้ได้

“อย่าได้กังวลไป ระหว่างเดินทางข้าจะเป็นผู้สอนให้กับเจ้าเอง”ชายชราชะงัก “ความจริงแล้ว ข้าเพียงต้องการตรวจสอบว่า เจ้านั้นมีพื้นฐานภาษาอองโทราลหรือไม่… แน่นอนว่าตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าข้าต้องสอนเด็กน้อย ฮ่าฮาๆ” ลาสที่ได้ยินก็รู้สึกผิดพอสมควร การถูกเปรียบเทียบเหมือนเด็กนั้นอาจจะทำให้ตัวเขาเสียหน้าอยู่มาก อายุก็มากแล้วหากอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เขาจะไปทำงานอะไรได้?

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ควรที่จะคิดมาก ภาษาอองโทราลตรงหน้าก็ไม่ใช่ภาษาที่เขารู้จัก… ก็นะมันเป็นภาษาของที่ไหนก็ไม่รู้

ทั้งสองสนทนากันยาวเกือบครึ่งชั่วโมง แม้ว่าส่วนใหญ่ลาสเป็นคนที่ถามมากกว่า เพื่อเป็นการหาข้อมูลพื้นฐาน ชายหนุ่มจำเป็นต้องถามถึงเรื่องสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดินแดนที่เขาอยู่ อย่างไรก็ตามหลายคำตอบที่ชายหนุ่มได้รับมานั้น กลับทำให้ตัวเขารู้สึกถึงความเป็นยุคสมัยก่อนที่เขาไม่แน่ใจ แต่สิ่งสำคัญที่เขาได้รับมาจากปากของชายชราก็คงจะเป็นเรื่องการเก็บภาษี และคำบ่นถึงผู้ปกครอง

สุดท้ายก็คือ สหจักรวรรดิ เจ้าของดินแดน ผู้ปกครองอาณานิคมเขต 11 และเหล่าชาวอาณานิคมทั้งปวง

“ถ้าเกิดว่าถูกกดขี่มาขนาดนี้ ทำไมถึงไม่ต่อต้านกันครับ?” ลาสกล่าวถามขึ้นมาอย่างสงสัย โดยอย่างยิ่งเมื่อประชาชนถูกกดขี่มายาวนาน ต้องมีการประท้วงบ้างมิใช่หรือไง?

“หาข้าบอกว่า เมื่อใดที่มีการต่อต้าน อาณานิคมจะถูกกวาดล้าง…” ลุงสมชายกล่าวอย่างรวดเร็ว

เหตุใดที่คนเราถึงไม่ต่อต้านการปกครองแบบนี้ ? มันเป็นเพราะว่าเคยมีมาแล้ว แต่เหตุการณ์ต่อต้านและประท้วงของอาณานิคมบนทวีปที่ชื่อโดสสเลเลน ผลสรุปก็คืออาณานิคมปิดตาย ไม่มีใครรอดจากปากของผู้ปกครองสูงสุด หมายถึงการฆ่าล้างเพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กเด็กน้อย มันกลายเป็นแผลใจที่ยากจะรักษาได้ไปเสียแล้ว และมันจะคงเป็นเช่นนั้นต่อไปอีกหลายพันปี

การปกครองที่เผด็จการสุดโต่ง ไม่สิการปกครองโดยราชาธิปไตยในสมัยก่อน คือการปกครองทั่วไปของดาวดวงนี้ มันทำให้ชายหนุ่มใจสั่นกลัว หัวของเขาสามารถหลุดได้หากจ้องหน้าของราชวงศ์… นั้นคือสิ่งที่ดักลาสได้รับข้อมูลมาจากชายตรงหน้า

ขณะที่ดักลาสกำลังคิดและเคร่งเครียด เสียงดังของไวท์ตะโกนเรียกทั้งสองคนที่นั่งอยู่ให้ลุกขึ้น เธอตะโกนให้คนในห้องได้ยิน “เตรียมของเสร็จแล้วค่ะ! ไปกันเถอะ” ลาสที่กำลังจมอยู่ในความคิดของตนถูกดึงแขนให้ลุกขึ้นเดินตามโดยไวท์

ออกมาจากบ้านพัก ก็พบกับกลุ่มชายและหญิงเด็กและคนแก่ รถม้าและเกวียนขนของ ประมาณ 4 คันได้จอดเรียงรายอยู่ พึ่งตื่นจากการถูกหมาป่าตัวใหญ่กัดมาได้ไม่ได้ ก็ต้องออกเดินทางอีกครั้ง ลาสได้แต่ถอนหายใจเสียงดังและขึ้นไปบนเกวียนเดินทางของลุงสมชาย โดยมีแจ็คเป็นผู้นำทาง

เมื่อกลุ่มขบวนรถม้าเตรียมขนของเสร็จ  เสียงกล่าวของแจ็คผู้อยู่หน้าขบวนดังเป็นสัญญาณให้ออกเดินทาง ม้าหัวขบวนเริ่มเดินเท้าของมัน ก่อนที่ขบวนขนส่งของพวกเขาจะเริ่มเดินตามกันออกไปเมืองไปอย่างเชื่องช้า

ชายหนุ่มมองไปรอบข้างอีกครั้งเพื่อชมทิวทัศน์ ถนนดินเดินลากยาวออกจากตัวเมืองที่เขาไม่รู้จัก สายตาจับจ้องไปยังด้านหน้าของรถม้า โลกใบใหม่ของเขาเป็นเช่นไรเขาเองก็ยังไม่รู้ คำถามก็คือเหตใดที่ตัวเขาถึงได้ตื่นมายังโลกที่มีนามว่า อองโทราล แห่งนี้ แล้วเส้นทางที่เขาจะเลือกมันจะเส้นทางแบบไหนกันแน่ ชายหนุ่มจากยุคที่สงบสุข ไม่สามารถทราบได้…

……

.

.

.

.

.

.

ภายในห้องของคฤหาสน์สีขาว ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองท่าที่ยิ่งใหญ่

ข้างนอกคฤหาสน์เป็นเวลายามคืน มีเพียงแค่แสงไฟจากคริสตัลสีส้มเป็นแสงให้มองเห็นเท่านั้น และก็เป็นแสงที่สว่างเฉพาะจุดอีกด้วย หากมองไปยังคฤหาสน์สีขาว ก็จะพบแสงสว่างของห้องที่ยังคงมองได้ภายในความมืด ภายในห้องนั้นมีชายในเครื่องแบบขุนนางสีแดง บริเวณแขนเสื้อมีการตกแต่งลูกไม้ดูหรูหรา มือนั่งตัดเนื้อ เขารับประทานอาหารที่ดูหรูหราเกินกว่าที่สามัญชนจะหาได้ ทั้งๆที่มีผู้นั่งรับทานเพียงแค่เขาผู้เดียว เขาก็ยังคงรักษากิริยามารยาทการกินของชนชั้นสูงได้อย่างสวยงาม

“ได้เรื่องอะไรบ้าง?” เขากล่าวโดยไม่มองชายในมุมมืด

“ขออนุญาตขอรับ” เขาชะงัก “เขต 4 นั้น ได้มีการติดต่อกับอาณาจักรตอนใต้ เพื่อส่งสินค้าของตัวเอง… อาณาจักรตอนใต้อาจจะเป็นดินแดนที่สามารถสร้างเกียรติยศให้แก่เราได้ แต่ว่าก็เสี่ยงที่ผู้อยู่เบื้องหลังอาณาจักรจะเข้ามายุ่งด้วยขอรับ” ชายปริศนาในชุดผ้าคลุมที่ปิดมิดชิดเดินออกมาจากเงาและพูดคุยกับขุนนางหนุ่ม

“ฮืม...” ขุนนางวางมีดตัดเนื้อลงข้างๆ เขานิ่งอยู่สักพักก่อนจะกล่าวกับผู้ที่อยู่ในเงามือ “เตรียมจัดการประชุมกับเหล่าอัศวินและองค์จักรพรรดิ เราสามารถใช้ข้ออ้างของเขต 4 ในการประกาศสงครามชิงดินแดนเพิ่มได้ สภาสูงอาจจะไม่เห็นโอกาสที่ดีงามเช่นนี้ แต่กองทัพคงเห็นมานานแล้ว”

“ท่านพูดเหมือนพวกขุนนางในสภาสูงเข้าทุกทีแล้วนะครับ…” ชายในมุมมืดกล่าวขึ้นมา แต่ได้แต่เงียบหัวเราะในลำคอเป็นการตอบกลับมาเท่านั้น

ม่านการแสดงของสหจักรวรรดิ มันจะต้องเป็นการแสดงที่ยอมเยี่ยมอย่างแน่นอน


( แก้ไข 25/12/22 )

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด