ตอนที่แล้วบทที่ 15 ค่ายกลมังกรทอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[GS] บทที่ 17 นรก

บทที่ 16 โลกแห่งหยินและหยาง


บทที่ 16 โลกแห่งหยินและหยาง

มังกรทองเก้าตัวโผล่ออกมาพร้อมด้วยแสงที่เปล่งประกาย มันดูคล้ายคลึงกับมังกรตามตำนานของโลกมนุษย์ ลำตัวยาวมากกว่า 10 ไมล์ของมันกำลังพุ่งทะยานเข้าใส่อสุรกายต้นไม้ยักษ์

เจ้าอสรุรกายเฒ่าที่เห็นภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันก็ได้แต่ร้องด้วยความหวาดกลัว แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดเจ้ามังกรตรงหน้าของเขาได้ ในท้ายที่สุดร่างของเขาก็แตกสลายไป กำแพงอากาศถูกใช้โดยยู่อิงในทันทีเพื่อปกป้องลู่หยุนและว่านเฟิงจากเศษดินเศษหิน

“ม มะ มันตายแล้วใช่ไหม?” ลู่หยุนล้มลงกับพื้นอย่างเต็มที่ พูดด้วยความยากลำบาก แม้แต่การยกนิ้วก็รู้สึกว่าไม่อาจทำได้

“วิญญาณของเจ้าอสุรกายต้นไม่นั่นตายไปแล้ว” ยู่อิงยกเลิกกำแพงอากาศและหันกลับไปช่วยลู่หยุนลุกขึ้น ใช้เวลาสักเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยืนขึ้นมาได้

“ข้าไม่คิดว่าค่ายกลจะทรงพลังได้ขนาดนี้ ขนาดฮวงจุ้ยเองก็ไม่ได้มีพลังทำลายล้างขนาดนั้นเลยนะ” ลู่หยุนถอนหายใจอย่างเฉื่อยชา สุดท้ายแล้วเค้าโครงฮวงจุ้ยของโลกแตกต่างจากค่ายกลของโลกเซียนแห่งนี้งั้นเหรอ?

ในสายตาของเจ้าเมืองหนุ่ม ค่ายกลมังกรทองนั่นคล้ายคลึงกับฮวงจุ้ยมังกรแบกโลงศพ ทว่าฮวงจุ้ยบนโลกเองก็ไม่มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทำให้ขนาดทั่วทั้งเมืองสั่นสะเทือนจากการที่มังกรกระแทกลงพื้น ถ้าเกิดว่าตำหนักของลู่หยุนไม่อยู่ในการคุ้มครอง ป่านนี้มันถล่มไปแล้ว

เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างแปลกไม่ปกติ! ทันทีที่ชายหนุ่มได้สติ ค่ายกลและฮวงจุ้ยก็คืออย่างเดียวกัน ค่ายกลคือด้านหยาง ฮวงจุ้ยคือด้านหยิน หากจะใช้ประสิทธิภาพของมันอย่างเต็มที่ นั่นก็ต้องผสานพลังของปราณสวรรค์กับผืนดิน อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่มีพลังปราณ นี่เองคือเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงได้มีพลังของฮวงจุ้ย แต่ไม่มีพลังของค่ายกลอยู่เลย

อะไรก็ตามสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ยก็ได้หายไปจากโลกแห่งเซียนแห่งนี้แล้ว และในขณะเดียวกัน พลังของค่ายกลก็ไม่ได้มีอำนาจบนโลกมนุษย์ด้วยเช่นกัน

ต้องขอบคุณประสบการณ์ของยู่อิงหลังจากที่นางได้เข้ามาเป็นข้ารับใช้ เพราะนางจึงทำให้ลู่หยุนกล้าที่จะท้าทายกฎของโลกเซียนด้วยการเรียกใช้ค่ายกลมังกรทองขึ้นมา

และเมื่อชายหนุ่มสามารถทำให้ค่ายกลมังกรทองกลายเป็นวิชาการต่อสู้เฉพาะของเขาได้ นั่นก็ทำให้เขาระลึกขึ้นได้ว่าตัวเขาเองนั่นสามารถควบคุมค่ายกลประจำเมืองได้เฉกเช่นเดียวกับวิชาต่อสู้ของเขา

มันเป็นเรื่องน่าละอายที่ยู่อิงเป็นเพียงนักปรุงยา ประสบการณ์ของหญิงสาวก็มีเพียงแค่ปรุงยาเท่านั้น นางแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับค่ายกลด้วยซ้ำ ลู่หยุนถอนหายใจ ดูเหมือนว่าเขาต้องศึกษาเรื่องพวกนี้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการฝึกฝนเสียแล้ว

ค่ายกลของโลกเซียนช่างเป็นอะไรที่น่าสนใจเสียจริง

“เจ้าเลิกคิดมากได้แล้วว่านเฟิง กลับไปนอนจนกว่าร่างกายเจ้าจะหายดีเถอะ” ลู่หยุนลูบหัวสาวใช้ตัวน้อยของเขาด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน

“นายท่าน” ว่านเฟิงกัดริมฝีปากของนาง “หากนายท่านต้องการรากพลังของข้าจริง ๆ ล่ะก็ ข้าน้อยยินดีมอบมันให้เจ้าคะ” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยท่าทางยินยอมพร้อมใจ

“เด็กโง่ ทำไมข้าต้องการรากพลังของเจ้าด้วยล่ะ?” ลู่หยุนหัวเราะและเสริมด้วยรอยยิ้ม“ข้าน่ะได้ยานพคุณจากในสุสานมาแล้ว ตอนนี้ข้าสามารถเป็นผู้ฝึกตนได้แล้ว อ้อใช่ ให้ข้าได้แนะนำนางก่อนดีกว่า ผู้หญิงคนนี้คือเซียน ยู่อิง แต่เรื่องนี้เจ้าต้องเก็บเป็นความลับห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด!”

ดวงตาของว่านเฟิงเบิกกว้างและนางอ้าปากค้างมองไปที่ยู่อิงอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงหญิงสาวตรงหน้านางจะดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่เพราะมีหลาย ๆ เรื่องเกิดขึ้น มันทำให้สาวใช้ตัวน้อยไม่มีเวลาคิดถึงมัน แท้จริงแล้ว สาวงามคนนี้ก็คือ ยู่อิง ในตำนานคนนั้นน่ะเหรอ?!

“ไม่ใช่ว่านางตายแล้วหรือ?” หญิงรับใช้ตัวน้อยยังไม่ได้หายตะลึง

“นางไม่ได้ตาย แต่แค่บาดเจ็บสาหัสและต้องพักฟื้นในสุสานเท่านั้น” ลู่หยุนไม่แน่ใจว่าเขาควรอธิบายอย่างไร ดังนั้นจึงโกหกออกไป

“อ้า อย่างงนี้นี่เองข้าเข้าใจแล้ว!” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของว่านเฟิง ก่อนที่หญิงสาวจะซึมเศร้าและเป็นลมอีกครั้ง

ยู่อิงเข้ามารับเธอไว้ “นายท่าน นายหญิง...”

“ไม่ใช่แบบนั้น!” ลู่หยุนแทรกเข้ามาอย่างเร่งรีบ “ว่านเฟิงไม่ใช่นายหญิง นางแค่อายุ 14 หรือ 15 เพียงเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงยังคงให้นางในบ้านของข้า อีกอย่างข้าก็ไม่ใช่พวกคนฉวยโอกาส ข้าน่ะเป็นสุภาพบุรุษ”

ยู่อิงเขิน “นายท่านเอง ก็พึ่งอายุแค่ 15 เองไม่ใช่หรือเจ้าคะ” หญิงสาวได้แต่พึมพำขณะพาว่านเฟิงกลับไปที่ห้อง

เมื่อเห็นเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นหมดแล้ว ลู่หยุนจึงเดินขึ้นไปบนหอดักจันทราและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ด้านบนนั้น มันยังคงเป็นภาพที่ชายหนุ่มคุ้นเคย มีก็เพียงแต่ความแตกต่างบางประการในการวางตำแหน่งและรูปลักษณ์ของดวงดาวเท่านั้น แต่อย่างอื่นมันก็เกือบจะเหมือนกับท้องฟ้ายามค่ำคืนของโลกมนุษย์

ข้าควรจะใช้ความรู้ฮวงจุ้ยกับดาราศาสตร์ด้วย ตอนนี้ข้ากลายเป็นผู้ฝึกตนพลังหยินแล้ว แต่ยังไงข้าก็ยังต้องจัดการฮวงจุ้ยของสถานที่แห่งนี้เสียก่อน ถึงจะไม่ใช่ตอนนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องทำภายใน 6 เดือนนี้ หลังจากที่ทำเสร็จ เขาก็จะลาออกจากตำแหน่งเจ้าเมือง นี่คือลู่หยุนวางแผนในอนาคต

กลางคืนมาเยือน เจ้าเมืองหนุ่มตอนนี้ก็กำลังนั่งสมาธิอยู่บนยอดหอคอย ปราณสีดำค่อย ๆ ไหลเข้ามาในร่างของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มเริ่มการฝึกฝน

วิถีแห่งชีวิตและความตาย!

แม้ชายหนุ่มจะพึ่งเริ่มต้นเส้นทางฝึกตนของเขา แต่ลู่หยุนก็ได้เอาพลังและประสบการณ์ของยู่อิงมาปรับใช้ด้วย ไม่นานนักเจ้าเมืองหนุ่มก็บรรลุระดับจิตวิญญาแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว พลังปราณนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาจากท้องฟ้าและผืนดินทุกทิศทาง เข้าสู่ร่างของเขาผ่านทางหัวและกระจายไปทั่วร่าง

แม้ว่าคัมภีร์เป็นตายจะทำให้สายเลือดที่ไร้ค่าของข้าตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ข้าก็ยังคงต้องการยานพคุณเพื่อเร่งการฝึกฝนอยู่ดี แม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำให้ยู่อิงปรุงยาขึ้นมาได้ก็ตาม แต่ยังไงเสีย เฟิงลี่ก็ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมีคนนำมันมาให้ข้าในอีกไม่กี่วัน ซึ่งก็น่าจะมาถึงในอีกไม่นานแล้ว คิดแล้วลู่หยุนส่ายหัว

เขาเป็นผู้ฝึกตนแท้ หากแต่ร่างกายของเขามันอ่อนแอเกินไป คืนนี้การทำงานหนักของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในด้านการพัฒนาการ เห็นได้ชัดว่าเขายังต้องการยานพคุณเพื่อปรับพลังของตัวเอง

โอ้? เขาตัวแข็งทื่อ นี่มันอะไรกัน? เขาหลับตาและพบว่าในจิตของเขามีอะไรแปลก ๆ

วิถีแห่งชีวิตและความตาย ภพของหยินและหยาง เชื่อมต่อหยินและหยางเข้าด้วยกันระหว่างทั้งสองโลก!

หวือ!

ลมกระโชกแรงพัดผ่านลู่หยุน ก่อนที่เขาจะหายไป..

ที่นี่คือนรกงั้นหรือ?

ลู่หยุนเงยหน้าขึ้นมอง และตรวจสอบสภาพแวดล้อมของเขา มันเป็นโลกที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังของดินและท้องฟ้าที่ไร้ชีวิตชีวา ข้าง ๆ ชายหนุ่มมีศิลาซึ่งจารึกคำไว้ 4 คำว่า ประตูสู่ห้วงนรก

ถ้างั้นสิ่งที่เรียกว่านรกก็มีจริงสินะ? ลู่หยุนหยุดอยู่ที่หลักจารึกนั่น ถ้าหากมันถูกทำลายแล้วเขาเกิดขึ้นมาได้ไงล่ะ? หยานลั่วสักคนงั้นเหรอ? หรือยมทูต? หรือว่าจะเป็นหัวกระทิงหัวม้า ผู้พิทักษ์โลกความตายกันล่ะ?

ชายหนุ่มพยายามไล่ตามตำนานที่เขารู้จัก สังเกตได้จากตอนนี้ เขาดูเหมือนจะมีพลังของหยานลั่วอยู่ในตัว

เซียนได้ผ่านทั้ง 3 ภพและ 5 ธาตุไปแล้ว ดังนั้นหยานลั่วจึงไม่มีอำนาจเหนือพวกเขา อย่างไรก็ตาม ถ้าหากลู่หยุนสามารถไปสู่ระดับสูงสุดของการฝึกได้และใช้คัมภีร์เป็นตายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วละก็ ต่อให้เป็นองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ก็ยังคงต้องตายด้วยน้ำมือของเขา

‘ข้าชักเริ่มไม่เข้าใจแล้วสิ อะไรคือวิถีแห่งทั้งสองภพนี้กัน?’ ลู่หยุนเกาหัว ด้วยความคิดวุ่นว่ายที่ตีกันอยูภายใน ก่อนที่พริบตาต่อมาเขาจะกลับมายังยอดหอดักจันทราอีกครั้ง ‘ไม่มีสิ่งไหนรอดจากประตูนั่นออกมาได้นอกจากยู่อิง’ เขาเริ่มครุ่นคิด