ตอนที่แล้วตอนที่ 2 สถานที่ที่ไม่รู้จัก (Unknow Place)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 ถนนสู่ยุคใหม่ (Road to New Era)

ตอนที่ 3 โลกใหม่ (New World)


โลกใหม่

(New World)

สายลมพัดผ่าน นำพาอากาศที่อบอุ่นและบริสุทธิ์ปราศจากมลพิษ อากาศเช่นนี้หาได้ยากในดินแดนบ้านเกิดที่ดักลาสจากมา ลมที่กระทบสัมผัสใบหน้าของชายหนุ่มเย็นพอที่จะต้องนำมือขึ้นมาจับที่ใบหน้า เส้นผมที่ปลิวไปตามแรงลมทำให้ดูเหมือนหญิงงามอย่างมาก หากแต่ตัวเขาหาใช่สตรีไม่

ทิวทัศน์บ้านน้อยใหญ่กับทุ่งฝ้ายสีขาวพร้อมเหล่าคนงาน ชาวไร่ชาวนาทำงานกันอย่างขยัน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แต่พอมองห่างออกไปก็จะเป็นป่าสนทึบ ที่หาไม่ได้ในยุคสมัยใหม่ มันช่างเป็นภาพที่เข้ากันได้อย่างลงตัวเสียจริง

ดักลาสมีใบหน้านิ่งดูเย็นชา หากแต่จริงๆแล้วภายในนั้น กำลังตื่นตาตื่นใจกับภาพทิวทัศน์ที่สวยงามตรงหน้าซะมากกว่า ในตอนนี้ทำเอาซะอยากจะหยิบกล้องถ่ายรูปเก็บไว้อย่างยิ่ง ขัดตรงที่ไม่มีกล้องเก็บภาพเนี่ยล่ะ

“จะชื่นชมอะไรกันนักกันหนา? ตามมาได้แล้วอย่ามัวแต่ชักช้า ระหว่างเดินก็ค่อยชมดูก็ได้…” ไวท์เดินนำอยู่ข้างหน้า จิ้งจอกสาวพูดโดยที่ไม่จำเป็นต้องหันไปมองคนข้างหลัง นํ้าเสียงขอเธอดูไม่สบอารมณ์มากนัก

แน่นอนว่ามันทำให้ลาสรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ทำได้แค่พึมพําตามนํ้าออกไป แม้สุดท้ายเขาเองก็เป็นคนยอมเดินตามไปด้วยแต่โดยดี ระหว่างทางที่เดินตามไวท์อยู่นั้น ก็เริ่มใกล้เข้าเขตที่เป็นหมู่บ้านจริงๆที่ไม่ใช่บ้านที่แยกห่างกันหลายกิโล

แต่ว่า.. จะให้คนเจ็บมาเดินสองสามกิโลมันก็ดูจะโหดร้ายเกินไปแล้วนะ! ถ้าเกิดว่ามีบาดเจ็บที่ขา เขาคงจะได้ล้มลงไปนอนบนพื้นดินไปนานแล้ว !! จริงอยู่ที่บาดแผลของดักลาสจะไม่มีแล้ว แต่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้าจากอดีตแผลที่เกินขึ้น บาดแผลหายแต่ไม่มีแรงแทนเสียได้…

ขณะที่ภาพของทุ่งฝ้ายเริ่มน้อยลง บ้านไม้ของมนุษย์ก็เริ่มเยอะขึ้น วิวสวยงามของเมืองสมัยก่อนเผยให้เห็นกับตาทั้งสองข้างของลาส มันช่างสวยและดูเก่าแก่อย่างกับในหนังการแสดงในยุโรปไม่น้อยเลย ลาสที่กําลังมองไปรอบๆดันสะดุดที่แผ่นหลังคนด้านหน้าเข้าอย่างจัง

อ๊ะ!?

“คุณพี่จะหยุดเดินทำไมกันครับ?” กล่าวไปก็ได้รับแต่เสียงเงียบกลับมา หญิงสาวจิ้งจอกด้านหน้าจะยื่นผ้าคลุมยาวสีน้ำตาลเข้มมาไว้บนมือของเขาและกล่าวอย่างเร้งรีบ

“สวมมันเสีย ปกปิดใบหน้าเจ้าไว้ …แล้วก็อย่าได้เอ่ยกล่าวอะไรที่จำเป็น…” แม้ว่าลาสจะงุนงงแต่ก็ทำตามแต่โดยดี พาดหัวปกปิดใบหน้าเหลือแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถ้าให้พูดแล้วละก็ ตอนนี้ลาสดูไม่เหมือนคนแถวนี้อย่างมากโข แถมมันดูแย่กว่าเดิมอีกตั้งหาก หากลาสอยู่ในโลกเดิมของเขาคงโดนหาว่าเป็นคนบ้าแน่ๆ ใครมันจะไปใส่เสื้อฝ้ายเขตหนาวพร้อมกับผ้าปิดหน้าของพวกเขตร้อนกัน?

หญิงสาวปริศนาที่แต่งตัวเหมือนชนชั้นสูงในสมัยอดีต ชุดเดรสสีขาวถูกตัดออกมาอย่างประนีประนอม เธอเดินเข้ามาทักทายทักจิ้งจอกสาว โดยมีผู้คุ้มกันเดินตามมาติดๆ สีหน้าผู้คุ้มกันของขุนนางหญิงดูจะจ้องมองลาสด้วยความไม่ไว้วางใจอย่างมาก ทำเอาเจ้าตัวรู้สึกไม่ค่อยดี หญิงสาวผู้มีเส้นผมสีบลอนด์ทองกล่าว

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ ท่านไวท์” สายตาของขุนนางยังคงมองยังดักลาสด้วยความสงสัย

มันก็น่าสงสัยอยู่แล้ว ใครมันจะแต่งเครื่องแบบที่ไม่ลงตัวแบบนี้กัน!?

“สวัสดีเจ้าค่ะ…. แต่บุตรสาวท่านผู้ว่าราชการอาณานิคมเขต 6 ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาทักทาย ดิฉันหรอกค่ะ คุณหนู เฟลิเซีย สกาเล็ต” ไวท์ก้มหัวเคารพหญิงตรงหน้าก่อนจะยิ้มแต่ถ้าเป็นลาสหรือคนที่มองคนเก่งก็จะรู้ได้ว่า รอยยิ้มของจิ้งจอกสาวมันเป็นเพียงแค่การฝืนยิ้มเท่านั้น ดูท่าแล้วทั้งสองคงจะไม่ถูกกันหรืออาจจะเป็นเพราะฐานะที่แตกต่าง

คุณหนูแห่งตระกูลสกาเล็ตได้ยินไวส์พูดกัดจิกเล็กหน่อยก็ทำหน้าเสียใจเล็กน้อยอย่างมาก ก่อนที่เธอกลับมายิ้มแย้มได้อย่างรวดเร็ว และตอบกลับ

“ยังไงทางข้าเองก็ต้องให้เกียรติท่านไวท์ผู้เป็นถึงลูกศิษย์ นักเวทย์แห่งแสง เพียงคนเดียวอยู่แล้วค่ะ” เฟลิเซียไม่ก็ไม่น้อยหน้าพูดถึงจิ้งจอกสาวด้วยตำแหน่งสำคัญเหมือนกัน กล่าวจบก็หันไปมองลาสและถามโดยที่ไม่มองสีหน้าของไวท์ที่มีสีหน้าที่โกรธและอายอยู่

“ไม่ทราบว่าท่านคือ?” ลาสที่ถูกถามก็เหงื่อไหลเป็นสายนํ้าทันที ในใจชายหนุ่มเริ่มกลัวจนลนลานทำอะไรไม่ถูก  ซึ่งในภาพที่กลัวของลาส ในสายตาของคุณหนูและคนคุ้มกันของเธอกลับมองชายแปลกๆว่าเป็นคนที่สุขุมและดูลึกลับ มันทำให้คุณหนูแห่งอาณานิคมสนใจอย่างมาก

“เขามาจากโดส สเลเลน ชายผู้นี้เป็นเพื่อนของอาจารย์ตอนที่ท่านไปอาณานิคมแถบนั้น ข้าหวังว่าจะไม่ว่าอะไรหากข้าจะพาเขาไปชมเมืองให้เสร็จก่อนมืด…  โดยเร็ว-” ไวท์พูดตัดบทช่วยชีวิตลาสได้ทันท่วงที ไม่รีรอให้คุณหนูกล่าวเพิ่มเติม จิ้งจอกรีบก้มหัวอีกครั้งแล้วแขนของลาสเดินตามเธอไปโดนเร็ว

หลังจากทั้งสองได้เดินหายไปกับผู้คนในเมืองแล้ว เฟลิเซียก็คิดไตร่ตรองอยู่นิ่งกับที่อยู่ราวสองสามนาที เธอคิด ‘นักเวทย์แห่งแสงมีเพื่อนเป็นชาวอาณานิคมงั้นหรือ?’ สุดท้ายก็ได้แต่ส่ายหัวสะบัดให้ความคิดหลุดออกไป ก่อนที่เฟลิเซียจะสั่งหนึ่งในคนคุ้มกันด้วยเสียงที่เย็นชาต่างจากเมื่อกี้

" เจ้า… ไปบอกผู้เจรจาให้มารอข้าที่บ้านพักท่านหญิงหลี่ ” ท้ายที่สุดคุณหนูเฟลิเซียก็เดินจากไปพร้อมกับใบหน้าที่จริงจัง ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าคุณหนูที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ต้องการอะไรกันแน่..

……

.

.

.

.

.

.

ชายจากต่างโลกและมนุษย์ครึ่งจิ้งจอกเดินโดยที่ไม่หยุด หลังจากที่ดักลาสถูกดึงแขนให้ตามจิ้งจอกสาวไป ชายหนุ่มก็ได้แต่คิดเรื่องคุณไวท์ที่แสดงอาการที่ไม่ชอบหน้าคุณหนู เสียจนเจ้าตัวอยากจะถามไปตรงๆ แต่ตัวเขาก็พึงรู้จักจิ้งจอกสาวได้ไม่นานมากนัก แถมเธอก็ยังเป็นคนช่วยชีวิตเขาอีกด้วย ได้แต่ถอนหายใจออกแบบเบาๆ สุดท้ายลาสก็ไม่กล้าพอที่จะถาม เพราะอาจจะไปกระทบกับเรื่องราวในอดีตของเธอก็ได้ แต่ว่านะคุณไวท์

“เมื่อไรจะถึงกันครับ เดินจนขาอ่อนแรงไปหมดแล้วนะ!”

“โทษทีๆ เดินอีกไม่นานก็จะถึงแล้วล่ะ เจ้านี่ชอบบ่นเสียจริง…” ตรงหน้าทั้งสองเป็นร้านที่มีผู้คนกำลังกินอาหารกันอยู่ หากมองดูเผินๆมันก็คือร้านจำหน่ายสุราในหนังแนวอเมริกันฟรอนเทียร์? น่าจะเรียกได้ว่าโรงเตี๊ยมเล็กๆ แต่ไม่ค่อยจะมีคนในร้าน อาจจะเป็นเพราะแถวนี้เป็นที่ลับตาคนก็เป็นได้

โครก!! เสียงท้องร้องเรียกความสนใจให้ไวท์และคนในร้านไม่กี่คน แต่เพราะเสียงที่ดังมากๆ เลยทำให้ลาสอายจนอยากจะมุดดินหนีไปต่างประเทศแล้ว! จิ้งจอกสาวอมยิ้มให้กับชายหนุ่ม ดูเหมือนว่าเธออยากจะหัวเราะออกมา… ก่อนจะดึงผ้าคลุมหัวจากลาสออก แล้วพาเข้าไปนั่งด้านหน้าของเคาน์เตอร์บาร์

“ข้าขอแบบเดิม! อ๊ะ ส่วนเจ้า คงจะนอนเหนื่อย แล้วหิวมากๆ เพราะงั้นเดียวข้าเลี้ยงให้ก่อนเอง  ” ไม่ว่าจะเป็นใครก็รู้สึกดีใจเป็นธรรมดาถ้ามีคนมาบอกว่าจะเลี้ยงข้าว หนึ่งในนั้นก็คือลาส ไวท์ที่เห็นว่าชายหนุ่มมีสายตาที่เป็นประกาย ถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูออกได้ยากก็ตาม

แต่ถึงจะบอกว่าเลี้ยงเองก็เถอะแต่ยังไงก็ต้องเกรงใจกันบ้าง ลาสที่พึ่งคิดว่าต้องเกรงใจเธอบ้าง ก่อนจะก้มหัวลงไปมองและอ่านเมนูของร้านเพื่อที่จะได้สั่งอาหารมากินเสียที…

นี่มันภาษาต่างดาวหรือไงกัน! ไม่สิ…

ตอนนี้ก็ฉันก็อยู่ต่างดาวแล้ว

ตัวอักษรต่างดาวบ้าบอคอแตกอะไรเนี่ย อาจจะคําเป็นนิยามสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของลาสตอนนี้ก็เป็นได้ เหงื่อเล็กๆของลาสผุดขึ้นมาบนใบหน้างาม แสดงอาการที่บ่งบอกว่าชายหนุ่มได้เจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว ลาสรีบหันไปหาโวท์ ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะสั่ง ซุปเนื้อปลาบางอย่างกินห้อมจนเขาต้องกลืนนํ้าลาย

ไวท์ที่กําลังจะกินอาหารของตนก็ได้เหลือบไปเห็นท่าทางของชายหนุ่มข้างๆ “…” เธอนิ่งอยู่ชั่วขณะจิ้งจอกสาวเอะใจได้สักพัก เพราะดูเหมือนว่าจิ้งจอกสาวจะเข้าใจเหตุผลของชายหนุ่มแล้ว

“เจ้า... อ่านไม่ออกหรือ?” สิ้นเสียงของจิ้งจอกสาว ชายหนุ่มผู้ได้ยินก็มีสีหน้าที่อับอาย ใบหน้าแดงรีบหลับหลบสายตาจากโวท์โดยเร็ว หวังว่าจิ้งจอกสาวจะมองไม่เห็น แน่นอนว่าเห็นเต็มๆ ไวท์ที่เห็นว่าลาสพยายามหลบหน้าก็คิดนึกสนุก แต่ก็หักห้ามใจเอาไว ในตอนนี้…

“ค..ครับ” ‘น่าอายชะมัด!’

จิ้งจอกสาวสั่งเจ้าของร้านแทนดักลาส จานถูกยกมาวางด้านหน้า อาหารที่ไวท์สั่งให้เป็นขนมปังกับเนื้อ แต่ที่แน่ๆ ขนมปังที่ลาสได้รับมานั้น มันโคตรจะแข็ง แข็งพอที่จะฟาดหัวคนแตกได้อย่างแน่นอน คนสมัยก่อนเขากินกันอย่างนี้จริงๆนะหรือ? เพียงแค่กัดแป้งฟันของเขาก็คงจะหลุดอย่างไม่ต้องสงสัย… แต่เหนือสิ่งอื่นใด ‘ ไอ้เจ้าก้อนเนื้อสีม่วงนี่มันอะไร… ใครจะอยากไปกัดของที่น่ากลัวแบบนี้กัน !? ’ ลาสกล่าวตะโกนในใจ แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้

เนื้อสีม่วงรูปร่างเหมือนสเต๊กเนื้อ ผสมนํ้าสี หากเป็นโลกเก่าก็คงไม่วายเป็นเนื้อตกถังสีแน่นอน มันไม่แม้แต่จะน่ากินตรงไหนเลย และมันก็ไม่ควรที่จะอยู่ในจานอาหารอีกด้วย…

“มันจะกินได้จริงๆแน่เหรอครับ!?” ชายหนุ่มถามผู้เลี้ยงจานอาหารอย่างเต็มอกใจเต็มใจ แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือใบหน้าที่โคตรจะยิ้มแย้มระรื่นดูมีความสุขต่างกับผู้ที่กำลังจะได้กินเจ้าสิ่งตรงหน้า

“กินได้แน่นอน เจ้าไม่เคยกินเนื้ออสูรหรือไง?” ลาสที่ได้ยินก็อยากจะตะโกนออกไปว่า ‘ก็เออสิโว้ย!’ ตั้งแต่เกิดมาก็ยังไม่เคยกินเนื้อสีโคตรจะแปลกตาแบบนี้เลย! ปกติสีม่วงมันบ่งบอกว่าเป็นพิษไม่ใช่เหรอ! แบบนี้มีหวังเขาได้ตายกันพอดี

ท้ายที่สุดแล้ว ความหิวกระหายที่ก่อตัวมากมายก็สัมฤทธิผล ความหิวนั้นสามารถทำให้คนต้องเลือกเส้นทางของตัวเองว่าจะอดตายหรือจะอยู่เพื่อที่จะมีชีวิตต่อไปอีก ลาสที่ทนความหิวมานานก็ไม่สามารถหักห้ามใจได้ ใช้มือจับมีดตัดเนื้อแล้วเอาเข้าปากอย่างไม่กลัวตาย

 “!?” เป็นที่อีกที่ชายหนุ่มได้เบิกตากว้าง เสียงในหัวดังก้องพร้อมกับมือที่จับมีดตัดเนื้อตรงหน้าอีกชิ้นคนมาเข้าปาก ‘อร่อยเว้ยเฮ้ย’  นิยามชิ้นเนื้อสีม่วงที่แปลก แต่ดันอร่อยเสียซะงั้น ไอ้เจ้าเนื้อเน่าสีม่วงดูเป็นพิษตรงหน้ามันอร่อยยิ่งนัก เหมือนกินเนื้อ เกรด A ถ้ามีเครื่องเทศใส่นิดหน่อยน่าจะเข้าระดับสุดยอดอร่อย ที่หากินได้ไม่กี่ที่เท่านั้น!

ใช้เวลาสวาปามของกินทั้งหมดด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะกินน้ำตามเพราะเกือบติดคอ การกินด้วยความเร็วนั้นเป็นผลเสียอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้!

ไวท์ที่มองดักลาสกินข้าวเสร็จก็สั่ง น้ำชาอันเป็นของขึ้นชื่อและนำเข้าของเมืองแห่งนี้ ทั้งสองนั่งรอให้อยู่สักครู่ ก่อนที่เจ้าของร้านที่ยกแก้วน้ำชาและบิสกิตให้กับลาสโดยไม่รับของตอบแทนใดๆ ไม่รู้เพราะอะไรโดนใจเจ้าของร้าน เขาถึงได้ทำเช่นนั้น… แต่ในหัวของไวท์รู้ว่าเจ้าของร้านแห่งนี้กำลังคิดอะไรอยู่

ลาสกล่าวขอบคุณไวท์เป็นการส่วนตัวเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเขาได้ขอบคุณเธอที่ช่วยชีวิตน้อยจากหมาป่ายักษ์ที่ดุร้าย ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยถามแบบลวกๆ เจ้าตัวคิดไว้ว่าจิ้งจอกสาวคงไม่ได้มาเลี้ยงอาหารอย่างเดียวแต่อย่างไร เขาคิดว่าเธอยังคงมีเรื่องที่ต้องการเป็นการตอบแทน

“คือว่าขอเข้าเรื่องเลยได้ไหมครับ คุณไวท์” ลาสกล่าวขึ้น

กลับกันจิ้งจอกสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธดักลาส ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนจ่ายเงินค่าอาหารและเรียกให้ลาสเดินตามเธอมา แน่นอนว่าชายหนุ่มก็รีบเดินตามอย่างว่าง่าย เธอคุยอะไรสักอย่างกับเจ้าของร้าน ก่อนจะกวักมือเรียกไปอีกห้อง

เดินตามแผ่นหลังของหญิงสาว มันเป็นทางลงไปยังชั้นใต้ดินที่ไม่ลึกมาก ไวท์หยิบตะเกียงตรงกำแพงขึ้นมาก่อนจะเดินนํา ทั้งสองได้เดินเข้าไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงห้องขนาดเล็ก ชายหญิงสองคนไม่รีรอ ต่างพากันเข้าไปข้างใน มันเป็นห้องที่เรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่ใยแมงมุม

ไวท์หยุดอยู่กับที่ก่อนที่เธอจะหันกลับมามองลาสด้วยหน้าตาจริงจังแบบสุดๆ เธอค่อยเดินเข้าใกล้ จนลาสเผลอเดินถอยหลังชิดประต พร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไป ดวงตาสีแดงมองมาตรงมายังใบหน้าของลาส สีหน้าแบบนั้นมันทำให้ลาสขนลุกกลัว

“เจ้าน่ะ… ไม่สิ…”

เรารู้ว่า นายไม่ใช่คนบนอองโทราลแห่งนี้… นายเป็นมนุษย์จริงใช่ไหม?

คำพูดของจิ้งจอกสาวตรงหน้า กลับทำให้หัวใจสั่นไหวและลังเลอย่างมาก ไม่ใช่เพราะดักลาสอายเรื่องถูกดันกำแพงแต่เพราะว่าความตกใจในสิ่งที่เธอกล่าวว่ามา เธอรู้ได้อย่างไรว่าตนไม่ใช่คนโลกนี้? แถมยังไม่มีเรื่องทฤษฎีเกี่ยวกับต่างโลกเลยด้วยซํ่า มันไม่น่าเชื่อเลยซักกะนิด... เป็นไปได้ยังไงที่หญิงสาวอมนุษย์ตรงหน้าจะรู้มากเช่นนี้

ไวท์มองเห็นใบหน้าของลาสกำลังขมวดคิ้วสงสัยในคำพูดของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะตอบคำถามด้วยความภูมิใจก็ได้ตอบชายหนุ่มแทน

“Vérifier เวทมนตร์ตรวจจับคลื่นอณูเวท เผ่าพันธุ์ของเรามีพรสวรรค์ที่พิเศษตรงที่สามารถจับการก่อตัวของอณูเวทได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ก่อนที่เราจะได้พบกับตัวเจ้า เราสัมผัสสิ่งแปลกปลอมที่ก่อตัวในป่านอกชายแดนได้” ไวท์เลิกผละออกห่างจากตัวชายหนุ่มแล้วพูดต่อ

“ไม่มีการก่อตัวของอณูเวทเว้นเสียแต่ว่า จะเป็นการร่ายเวทขนาดใหญ่ แน่นอน... อณูเวทที่เราจับได้มันใหญ่พอๆกับการร่ายเวทระดับสูง พอไปตรวจสอบมันกลับกลายเป็นนายแทน... จริงๆแค่จะไปฝึกสังหารอสูรที่ห่างจากชายแดนแต่กลับไปเจอนายแทนเสียได้”

ไวท์อธิบายสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์ซึ่งก็ไม่ทำให้ลาสเข้าใจแม่แต่น้อย เขาไม่ได้เคยรู้จักเวทมนตร์ด้วยซํ่า รู้แค่มายากรเท่านั้น… อย่างไรก็ตามลาสเป็นคนที่หัวไว้ เขาจับใจความได้อยู่เล็กน้อย การที่ไวท์สามารถรู้ว่าตัวเขาไม่ใช่คนของโลกนี้ก็เพราะความพิเศษของเผ่าพันธุ์จิ้งจอกของเธอ ด้วยความคิดเช่นนี้ลาสด็นึกสงสัยแล้วมนุษย์จะสามารถใช้เวทมนตร์ได้หรือไม่?

สุดท้ายก็ต้องหยุดความคิดแปลกๆออกไปก่อน ดักลาสถอนหายใจพร้อมเริ่มที่จะพูด

“ผมจะสามารถเชื่อใจคุณไวท์ได้ไหม? มันอาจจะฟังดูแปลก แต่มาจากต่างดินแดน ไม่แน่อาจจะต่างดาว” ประโยคคำถามง่ายๆได้หลุดออกจากปากของชายหนุ่มไป แต่อันหลังกลายเป็นระเบิดลงบทสนทนาของทั้งสอง แม้ในใจจะรู้ว่ามันความคิดที่โง่เง่าและน่าขำสิ้นดี แต่ก็ยังจะอยากเอ่ยออกไป แต่สิ่งที่ได้กลับต่างจากที่คิดเอาไว้

“ไม่ต้องห่วงไปหรอก เราคิดว่าเราเคยอ่านเจอเหตุการณ์เช่นนี้อยู่บ้าง” ไม่สามารถที่จะอ่านความคิดของจิ้งจอกตรงหน้าได้แม้แต่น้อย ปากบอกไม่ต้องห่วงแต่ดวงตาสีแดงเป็นประกายระยิบระยับแบบนั้น ดูแล้วเหมือนเด็กน้อยที่สนอกสนใจกับของเล่นเสียมากกว่า ชายหนุ่มนิ่งคิดอยู่สักพัก

อาจจะมีจริงก็เป็นได้… ผู้ใดเหมือนเขา ผู้ใดที่หลงมาอยู่ในโลกแห่งนี้ เขาอาจจะได้ข้อมูลจากเธอได้มากไม่น้อย อาจจะหาทางกลับโลกเดิมของตัวเขาก็ได้

เสียงสูดลมหายใจเข้าดังขึ้นพร้อมเสียงลมหายใจออก ดักลาสมองหน้าหญิงสาวตรงหน้า โดยที่คิดแล้วว่า เขาจำเป็นต้องลองเสี่ยงหน่อยบ้าง จิ้งจอกสาวคนนี้อุตส่าห์ช่วยชีวิตเขามาแล้ว มันคงจะไม่เป็นไรหากเขาจะบอกความจริงทุกอย่างเดียวกับตัวเอง…

" ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องเอง เรื่องราวชีวิตบนบ้านเกิดที่ผมรักและเกลียดชัง… "


(แก้ไข 6/12/22)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด