ตอนที่แล้วบทที่ 22 หากเพียงชีวิตเป็นเช่นเดียวกับครั้งแรกที่พบเจอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 24 ของขวัญราคาถูก

บทที่ 23 ความประทับใจแรกของหนิงชิงเชวี่ย


“มือนาย?”  ซูเหมยจ้องมองเย่โม่ที่ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เธอชี้ไปที่มือของเย่โม่ด้วยอาการตกตะลึง

เมื่อเย่โม่เห็นซูเหมยเขาก็ขมวดคิ้ว  “จิ้งเหวิน  ผมจะไปพักสักหน่อย”  พูดจบเขาก็เดินไปอีกด้านเพื่อเปลี่ยนไปนั่งโต๊ะตัวอื่น

“เย่โม่?”  หนิงชิงเชวี่ยมองหลี่มู่เหมยแปลกๆ  ในใจคิดว่าเย่โม่คนนี้เป็นใครกัน?

หลี่มู่เหมยยิ้มเจื่อนๆ  เธอรีบลากหนิงชิงเชวี่ยมาอีกด้านหนึ่ง  “ที่จริงแล้วเขาก็คือเย่โม่  คนที่หมั้นกับเธอไง  เพียงแต่เขาตอนนี้ต่างจากเมื่อก่อนอยู่บ้าง  ไม่เพียงรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยน  กระทั่งบุคลิกก็ต่างจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง  ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา  ฉันเองก็ไม่ได้เจอเขานานแล้ว  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจิ้งเหวินถึงได้เชิญเขามา”

“เขาคือเย่โม่เองหรือ?”  หนิงชิงเชวี่ยหันไปมองเย่โม่อีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว  เย่โม่ตรงหน้าเธอคนนี้ทั้งคำพูดและการกระทำของเขาทั้งไม่อวดดีและไม่ถ่อมตัว  ถึงเสื้อผ้าของเขาจะเก่าโทรมอย่างมาก  ทว่ากิริยาท่าทางของเขาดูเป็นธรรมชาติ  ทั้งผ่อนคลายและมั่นใจ  กระทั่งบนร่างของเขายังมีกลิ่นอายชายชาตรีอยู่จางๆ  ตัวเธอที่อยู่ไกลๆ ยังรู้สึกได้

คนแบบนี้จะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ยังไง?  ถ้าหากเขาไม่เสื่อมสมรรถภาพแล้วเธอต้องไปอยู่กับเขาจริงๆ นี่ก็... หนิงชิงเชวี่ยเริ่มรู้สึกลังเล  แต่แล้วเธอก็หัวเราะเยาะตัวเองทันที  ถ้าคนตรงหน้าเธอคือเย่โม่จริงๆ เช่นนั้นท้ายที่สุดแล้วก็ยังยากที่จะบอกว่าเขาจะเห็นด้วยกับแผนการของเธอ

“ชิงเชวี่ย… ฉันว่าเขาเปลี่ยนไปมากนะ  เดี๋ยวฉันจะไปหาข้อมูลจากเขาก่อน  เธอนั่งอยู่นี่แหละ”   เมื่อหลี่มู่เหมยที่ได้พบเย่โม่ก็เกิดรู้สึกสงสัยในแผนการของตัวเองขึ้นมาทันที  เย่โม่ตรงหน้ากับคนไร้ค่าที่เขาลือกันดูจะไม่มีอะไรเหมือนกันแม้แต่น้อย  หากจะต้องเลือกจริงๆ ว่าเขาไม่ดีตรงไหนล่ะก็  คงจะเป็นเส้นผมอันยุ่งเหยิงของเขาที่ไม่เคยผ่านการจัดผมจากช่างมืออาชีพเลย

หนิงชิงเชวี่ยดึงมือของหลี่มู่เหมยไว้  “มู่เหมย  เรื่องแบบนี้ให้ฉันไปเองเถอะ”

เย่โม่สังเกตเห็นว่าคนที่มาที่นี่ล้วนร่ำรวยมีฐานะ  เสื้อผ้าล้วนดูดีมีราคา  เมื่อเทียบกันแล้วเสื้อผ้าของเขาถือว่าซอมซ่ออย่างมาก  แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าแต่อย่างใด  เขากลับรู้สึกเฉยชา  เมื่อจุดสูงสุดในชีวิตไม่เหมือนกันความคิดของคนเราจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ยังไม่พูดถึงเรื่องที่เย่โม่ไม่มีเสื้อผ้าดูดีแบบนั้น  หรือต่อให้มี  เขาก็ยังจะยึดมั่นในวิถีชีวิตของตัวเองอยู่ดี สิ่งที่เขาตามหาไม่ได้อยู่ตรงนี้ หากเป้าหมายของเขาอยู่ตรงนี้ล่ะก็  ตัวเย่โม่เองก็คงอิจฉาคนรวยเหล่านี้ไปแล้ว  แต่แค่นี้จะนับเป็นอะไรได้กัน?  ชีวิตคนเราสั้นแค่ไม่กี่สิบปีเท่านั้น  ตายแล้วก็เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้  ตัวเขาตามหาชีวิตอมตะตั้งแต่แรกแล้ว  ถึงตอนนี้การฝึกของเขาจะช้าลงมากแต่เป้าหมายชีวิตของเขาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

เช่นเดียวกันกับความดูแลเอาใจใส่ที่อาจารย์ลั่วอิ่งมีต่อเขา  หากคนที่มีชีวิตมา 2 ชาติเช่นเขายังไม่เข้าใจความรู้สึกของอาจารย์อีกเขาก็สมควรตายอีกรอบแล้ว  เมื่อเทียบกันแล้วเย่โม่มองว่าสิ่งอื่นๆ ล้วนไม่สำคัญ

“เย่โม่...”  หนิงชิงเชวี่ยเดินมาหยุดข้างๆ โต๊ะของเย่โม่  เธอพูดขึ้นด้วยอารมณ์ซับซ้อน

“มาแล้วหรือ?  นั่งสิ”  เย่โม่ยิ้มบางๆ ต้อนรับราวกับเป็นเพื่อนบ้าน  ถึงเธอจะรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน  ถึงจะรู้ว่าเธอไม่เคยอยากพบเจอคนๆ นี้เลย  หนิงชิงเชวี่ยกลับเกิดความรู้สึกราวกับได้พบคนคุ้นเคยที่ไม่ได้เจอกันแสนนาน

“ขอบคุณ”  หนิงชิงเชวี่ยนั่งลงพร้อมกับรู้สึกโล่งอกขึ้นมา  เย่โม่เป็นเหมือนกับทะเลสาปอันสงบนิ่งที่ทำให้ใจของเธอสงบลง

“คิ้วเธอขมวดมุ่น  แววตาแฝงความเหนื่อยล้า  มีอะไรในใจหรือเปล่า?  ถ้าช่วยได้ผมก็ยินดี”  เย่โม่รู้ดีว่าผู้หญิงอย่างหนิงชิงเชวี่ยไม่มีทางมาพูดคุยกับผู้ชายที่เธอถอนหมั้นแล้วอย่างไร้สาเหตุแน่นอน  ที่เธอมาถึงนี่คงเพราะมีเรื่อง  ถ้าอย่างนั้นสู้ให้เขาเอ่ยปากก่อนจะดีกว่า  อีกอย่างถึงแม้เสียงที่เธอพูดกับหลี่มู่เหมยจะเบา  แต่เย่โม่ก็ยังได้ยินอยู่  ที่เขานึกไม่ถึงก็คือคู่หมั้นของเขาจะเป็นหญิงงามขนาดนี้  เทียบกันแล้วถือว่าไม่น้อยไปกว่าอาจารย์ลั่วอิ่งของเขาเลย

เขาไม่ได้รู้สึกเกลียดหนิงชิงเชวี่ย  หรือพูดอีกอย่างคือไม่รู้สึกอะไรกับเธอเลย  เพียงแต่เมื่อเย่โม่ได้เห็นแววตาอันโศกเศร้าสับสนของเธอแล้ว  มันทำให้เขาหวนนึกถึงอาจารย์ลั่วอิ่งก็เท่านั้น

หนิงชิงเชวี่ยมองเย่โม่ด้วยความประหลาดใจในความสามารถการสังเกตรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่งแบบนี้  ความคิดและคำพูดอันชัดเจนของเขา  คนแบบนี้น่ะหรือคือคุณชายไร้ค่าที่ถูกทอดทิ้ง?

“คือฉัน...”  หนิงชิงเชวี่ยคิดอยู่นานแต่ก็ไม่กล้าพูด  ได้แต่แอบถอนใจ  คิดในใจว่าให้หลี่มู่เหมยมาพูดแต่แรกก็ดีหรอก

เย่โม่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอไม่ได้ให้ความรู้สึกกดดันแม้แต่น้อย  กลับทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความสงบภายในใจ  ในที่สุดหนิงชิงเชวี่ยก็ตัดสินใจพูดขึ้น  “เพราะการแต่งงานของฉัน...”

เย่โม่ที่นั่งอยู่อย่างผ่อนคลายเริ่มย่นคิ้ว  สุดท้ายในใจเขาก็เริ่มเกิดระลอกคลื่นขึ้น  เป็นครั้งแรกที่เขาพูดตัดบทหนิงชิงเชวี่ย  “ตระกูลหนิงของเธอยกเลิกการหมั้นหมายของพวกเราไปแล้ว  อีกอย่างตอนนี้ผมก็ไม่ใช่คนตระกูลเย่จากเมืองหลวงอีกแล้ว...”

เย่โม่ไม่ได้พูดต่อแต่ความหมายของเขาชัดเจน  นั่นคือเรื่องอื่นเขาช่วยได้  ทว่าในเมื่อตระกูลหนิงของเธอยกเลิกการหมั้นไปแล้ว  การที่ยังดั้นด้นมาหาเขาอีกก็ดูจะเกินไปหน่อยแล้ว  ถึงเขาจะรู้สึกดีต่อหนิงชิงเชวี่ยอยู่บ้าง  แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าหนิงชิงเชวี่ยจะมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้ได้

“ขอโทษนะ”  หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกหมดแรงขึ้นมาทันที  เย่โม่ยิ้มบางๆ  “ไม่ต้องขอโทษหรอก  ผมเป็นแค่คนไร้ค่าที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่  ไม่เหมาะสมกับตระกูลหนิงของเธอ  ตามความเห็นผมการยกเลิกหมั้นครั้งนี้ก็เหมือนกับการได้รับอิสระครั้งใหญ่  ผมไม่มีความคิดจะโทษเธอ ก็แค่ไม่อยากพูดเรื่องนี้เท่านั้นเอง”

หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกอึดอัดภายในใจขึ้นมา  หากเธอได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเย่โม่ก่อนที่จะเจอเขาล่ะก็  เธอคงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน  แต่เมื่อได้เจอกับเย่โม่แล้วแบบนี้เธอกลับรู้สึกว่าความคิดดูถูกเย่โม่และเรื่องที่ว่าเขาไม่เหมาะสมกับเธอกลายเป็นเรื่องตลกไปเลย

เย่โม่ตรงหน้าเธอเป็นแค่ผู้ชายไร้ค่าไม่มีอะไรสักอย่างเดียว  แต่เขากลับแสดงออกมาถึงความมั่นใจ  ทั้งไม่หยิ่งทะนงหรือถ่อมตน  ต่างจากเย่โม่ที่เธอจินตนาการไว้มาก  ราวกับว่าเขาไม่ใช่เย่โม่คนที่ไม่มีค่าอะไรเลย  แต่กลับเป็นเย่โม่ผู้ดูหมิ่นโลกหล้า  ชายผู้เหยียบย่ำเมฆ ณ จุดสูงสุด  ความรู้สึกนี้เองทำให้หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกอึดอัดภายในใจ

เย่โม่ถอนหายใจ  เขารู้ว่าหนิงชิงเชวี่ยรู้สึกลำบากใจ  แต่ในเมื่อมันไม่เรื่องที่เขาจะช่วยได้  ถ้าอย่างนั้นเขาก็จนปัญญาแล้ว  คิดถึงตรงนี้เขาก็พูดขึ้น  “ในเมื่อ...”

เหมือนหนิงชิงเชวี่ยรู้ว่าเย่โม่จะพูดว่าอะไร  เธอกัดริมฝีปากแล้วขัดจังหวะเย่โม่  “คืนนี้ฉันอยากไปที่...”

เธอรู้สึกได้ในเวลานั้นเองว่าขณะที่เธอกำลังพูดตัดบทเย่โม่นั้น  ในใจเธอรู้สึกสงบผ่อนคลาย  คล้ายว่าความไม่พอใจที่ถูกเย่โม่ตัดบทตอนนั้นได้จางหายไปแล้ว

แต่หนิงชิงเชวี่ยเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าเธอจะถูกคนอื่นเข้ามาขัดจังหวะ

เสียงของหนิงชิงเชวี่ยยังพูดไม่ทันจบก็ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินมาหยุดข้างโต๊ะของเย่โม่พร้อมไวน์แดงครึ่งแก้วในมือขัดจังหวะ  “ชิงเชวี่ย… ใช่เธอจริงๆ ด้วย!  คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะได้เจอเธอในงานวันเกิดจิ้งเหวิน  นี่ทำให้ผมประหลาดใจมากเลยนะ”

หนิงชิงเชวี่ยขมวดคิ้ว  แต่เธอไม่ได้พูดอะไรอีก

ชายหนุ่มคนนี้รูปร่างหน้าตาดึงดูดทว่าดวงตากลับอยู่ไม่สุข  เมื่อเขาเห็นเย่โม่ครั้งแรกแล้วก็เลิกสนใจทันที  สาเหตุก็เพราะเย่โม่ดูไม่เหมือนแขกหรือกระทั่งบริกรด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่โม่แล้วพูดขึ้น  “นายหลบไปหน่อย  ผมไม่ได้เจอหนิงชิงเชวี่ยนานแล้ว”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด