นิยาย ชาติที่แล้วผู้นําฉ้อโกง ชาตินี้ขอเป็นผู้นําที่ดีแทนบ้าง
ตอนที่ 1 จุดจบด้วยคําถามของอิสรภาพ (End with Question of Freedom)
จุดจบด้วยคําถามของอิสรภาพ
(End with Question of Freedom)
จุดจบและจุบเริ่มต้นของเรื่องราว
”
เผด็จการ?คำพูดติดปากของเสรีชนทั้งหลายที่เคยอยู่หรือเคยได้ยินในประเทศเสรีภาพ ที่ๆทุกคนมีอิสระทางความคิดเป็นของตน ผู้นำสามารถโดนไล่ออกได้เพียงเพราะคดโกงต่อประชาชน ผู้นำสามารถถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งได้เพียงเพราะไรความสามารถ ….แต่แล้วยุคสมัยมันเปลี่ยนไปคนเราก็เปลี่ยนไปเหมือนกาลเวลาที่ไม่เคยแม้แต่จะหยุดนิ่ง สิทธิที่มากมายของผู้นำ หรือแม้แต่โกงเลือกตั้ง ก็เกิดขึ้นบ่อย ไม่พอเพียงแค่นั้นแต่พวกเขาก็สามารถรับรูปถึงผิดปกติของระบบที่ค่อยๆเปลี่ยนไป
หลายประเทศเริ่มใช้คำว่า“ประชาธิปไตย” นำหน้าแต่เบื้องหลังกลับทำตัวเหมือนผู้มีอำนาจสูงสุดแทน ทั้งๆ ที่ ประชาธิปไตย หมายถึง อำนาจอธิปไตยของประชาชน แต่แต่ไฉนบ้างคนถึงมีอานาจมากกว่าส่วมรวมกัน? บ้างประเทศบ้างชาติกษัตริย์ก็เริ่มกลับมาคุมอำนาจอีกครั้ง ยังดีที่ในปัจจุบันไม่มีใครอยากจะเป็นแบบผู้นำจอมเผด็จการอย่างอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ผู้นำชื่อก้องโลกที่พยายามครองโลก
จะเผด็จหรืออะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้ ประเทศแถบนี้ พึ่งถูกรัฐประหารมาไม่นาน โดยการกล่าวว่ารัฐบาลที่กระสับกระส่ายบวกกับประชาชนในเวลานั้นถูกชักจูงได้ง่าย กลายเป็นว่าช่วยพวกเผด็จการขึ้นมามีอำนาจแทน รัฐบาลเสรี
ซึ่งเวลานี้..ปีนี้จะเป็นวันเลือกตั้งนายกใหม่กลับกันผู้นำรัฐประหารที่ขึ้นมาเป็นผู้นำในขณะนี้กลับได้เป็นผู้นำอีกรอบขณะที่ประชาชนหลายคนไม่ได้เลือก หลายฝ่ายเริ่มต่อต้านแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะกฎหมายใหม่ที่ผู้นำตั้งขึ้นมา
พ.ศ 2814 ณ รัฐสภาสูงสุด เวลา 1:30 น
…..ประเทศนี้น่ะ มันเน่าเฟะไปหมดแล้ว นักการเมืองคอรัปชั่น คนรวยชนคนตายแล้วรอด เศรษฐกิจตกตํ่า ผู้นำยึดอำนาจ ประชาชนแถบจะทำอะไรไม่ได้ มันเป็นอย่างนี้มา100กว่าปีแล้ว ต่อให้ประทวง ต่อให้คิดต่าง ก็เจอกับสิ่งที่เลวร้าย… มันถูกหรือที่อำนาจที่เป็นของเสรีชน กลับ เป็นได้แค่ ลมปากเท่านั้น
แต่ตอนนี้ฝ่ายที่ยังรักษาคําว่าอำนาจอธิปไตยของปวงชน กับ ฝ่ายที่ยึดอำนาจมานั้น กำลังโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
"ขอโทษนะครับท่านนายกที่เครารพ แต่นโยบายใหม่ของท่านมันจะขัดต่อความเป็นอยู่ของ ประชาชนนะครับ.." เสียงหวาน(?)ของผู้ชายคนหนึ่งพูดกับนายกโดยตรง
"แล้ว….. แกคิดว่า แกมีอำนาจมากพอจะมาหยุดฉันหรอ!! " นายกลุกขึ้นมาชี้หน้าและพูดเสียงดัง จนทำให้ฝ่ายค้านเงียบกันหมด
"แต่ว่าการที่ท่านไม่สนใจปวงประชาราช ท่านก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้นำหรอกครับ…"
สิ้นสุดเสียงก็เริ่มการโตเถียงกันอีกรอบ ไม่มีใครรู้ว่าฝ่ายค้านจะเป็นอย่างไรต่อไป เหล่าวุฒิสภาตต่างดโต้วาจามใส่กันจนเหมือนว่าสภานี้ใกล้มาถึงจุดจบแล้ว..
ช่วงเวลา 3:50 เป็นการสิ้นสุดการประชุมในรัฐสภาของวันใหม่นี้ และอาจจะเป็นวันสุดท้าย
.
.
.
.
.
.
….
ซ่าาา~
"บ้าจริง! ฝนดันมาตกเวลากลับเนี่ยนะ" หญิงสาว ไม่สิ ชายหนุมในชุดสูทบ่นออกมาก่อนจะวิ่งหาที่หลบฝนแถวนั้นอย่างเร่งรีบ ชายหนุมเข้าไปหลบหน้าร้านที่ดูปิดมานาน ก่อนที่ได้โทรเรียกให้รถมารับ จู่ๆก็มีชายฉกรรจ์3-4คนวิ่งออกมาจากข้างๆร้าน
ชายหนุมไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกหมัดต่อยเข้าไปที่ท้องอย่างจัง
อุก "พวกมิ---" อืออ ก่อนที่ชายหนุมจะได้พูดก็ถูกผ้ายัดปากสะก่อน ตามมาด้วยการลูกเตะจากชายอีกสองคนไปที่ร่างกายอันเบาะบาง
"ฮ่าๆๆ พวกเห็นต่างสมควรตาย เห้ยยเพื่อนยิงแม่งทิ้งเลย " หนึ่งในชายที่ใช้มือจับผ้าปิดปากพุดบอกเพื่อน " อยู่แล้ว~เขาจ่ายให้ตั้งเยอะแถมไม่โดนคดีอีก งานง่ายๆแบบนี่ไม่ทำไม่ได้แล้ว"
แกร๊ก!
แนวคิดแบบเสรีนิยมมันไม่มีอยู่ในโลกนี้หรอกนะ..
”
.
.
.
.
.
.
หึๆ ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะเห็นดินแดนในอุดมคติของเจ้า
”
ปัง!!
อีกฟากฝั่งหนึ่งที่ห่างไกล ไกลกว่าที่จะเอื้อมถึง...
ณ เมืองแห่งหนึ่ง ในเวลานี้เต็มไปด้วยเสียงของผู้คนที่เศร้าหมอง ตรงใจกลางของเมืองคือทหารที่ยืนเก็บภาษีสเหมือนวันปกติประจำวันของพวกเขา หลังเก็บภาษีเสร็จก็จะนำทรัพยากรของเมืองกลับขึ้นไปบนเรือ
"อะไรกันค่าน้ำชาทำไมเก็บภาษีแพงจัง!! " เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดเสียงดังจนมีคนเดินเข้ามานั่งคุยด้วยอีกคน
"เห็นเขาว่า ต้องใช้ค่าสิ้นสงครามครั้งนี้จำนวนมาก เลยเพิ่มภาษีอีก3เท่านะสิ เห้อออ.." พูดเสร็จก็ถอนหายใจ "เอาเถอะ.. ยังไงก็รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าชาวอาณานิคมอย่างเราจะโดนอะไรบ้าง"
การสนทนาเป็นไปอย่างหอมปากหอมคอชาวบ้านคุยกันโดยไม่ได้สนใจกลุ่มคนที่ใส้ผ้าคุมที่ยืนฟังอยู่ ก่อนกลุ่มคนเหล่านั้นเดินเข้าไปในซอก...
ตึกๆๆ เสียงร้องเท้ากระทบพื้นไม้ในคฤหาสน์หลังใหญ่สเหมือนคนเร่งรีบ ก่อนจะเดินไปหน้าประตูบานใหญ่แล้วเคาะประตู
ก็อกๆ
"เชิญ..." เสียงชายวัยทํางานจากหลังประตูเรียกให้เข้ามา"ปล่อยแบบนี้ดีแล้วหรอ ท่านพ่อ" ตามมาด้วยเสียงของหญิงสาวที่ดูไม่สบอารมณ์เท่าไร
"เจ้าจะไปห่วงพวกชั้นตํ่านั้นทำไมล่ะ กิริยาท่าทางเจ้าเริ่มแย่ลงทุกที ถ้าเจ้าไม่เลิ---" ผู้เป็นพ่อกําลังจะกล่าวว่าลูกสาวที่มีความห่วงประชาชนชั้นชาวบ้าน แต่โดนสวนกลับอย่างรวดเร็ว
"พวกเขาก็เป็นคนนะ! ท่านไม่เคยมองชีวิตจริงๆของพวกเขาเลยสักนิด เหมือนกับท่านแม่…." มันเป็นเรื่องปกติที่ชนชั้นสูงที่จะสามารถกดขี้และมองประชาชนตาดําๆเสมือนของไร้ค่า โดยเฉาะเพราะชาวอณานิคมที่กฎหมายของประเทศแม่ที่คุมไม่ทั่วถึง
ตึก! " หุบปากของแกสะ!! แล้วไสหัวออกไปจากที่นี้!! " คนเป็นพ่อกล่าวอย่างมีโทสะ ก็จะชี้ไปทางประตูเพื่อไล่ลูกสาวของตนให้ออกไปแต่บอกเป็นนัยๆว่าออกไปจากที่แห่งนี้ซะ
เด็กสาวกำหมัดแน่นก่อนจะถอนสายบัวแล้วเดินออกไปปล่อยให้ผู้เป็นพ่อนั่งระบายอารมณ์และทำงานต่อไป
" เหลือแค่ไปอยู่กับท่านลุงสินะ… เราพยายามจะทำอะไรกันแน่ ช่วยเหลือ? ปลดปล่อย? " เด็กสาวพึมพํากับตัวเองก่อนจะเดินออกจากคฤหาสน์ไปขึ้นรถม้าเพื่อออกเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง เด็กสาวนั่งพิงหน้าต่างรถก่อนจะพึมพำออกมา
ได้โปรดพระผู้เป็นเจ้าช่วยให้คําตอบแกลูกด้วย
”
__________________________________________________________