ตอนที่แล้วบทที่ 21 คนทรงเจ้าซูจิ้งเหวิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 23 ความประทับใจแรกของหนิงชิงเชวี่ย

บทที่ 22 หากเพียงชีวิตเป็นเช่นเดียวกับครั้งแรกที่พบเจอ


“พี่ก็มาแล้วนี่ไง  เจียเจียก็อยู่ด้วยนี่นา”  น้ำเสียงของชายหนุ่มใจเย็นนุ่มนวล  ไม่มีความใจร้อนหุนหันในน้ำเสียงเหมือนคนหนุ่มทั่วไปแม้แต่น้อย

“ฉันยังคิดอยู่เลยว่าพี่ซู่ลืมฉันไปซะแล้ว”  หญิงสาวผมทองแกล้งทำท่าทางโกรธเคือง

เย่โม่สังเกตได้ว่าถึงชายหนุ่มคนนี้จะมีท่าทางสุภาพเรียบร้อย  หน้าตาหล่อเหลาองอาจ  ทว่าเนื้อในกลับแฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม  มีแม้กระทั่งรังสีฆ่าฟันอยู่จางๆ

รังสีฆ่าฟันที่ว่านี้คนทั่วไปมองไม่ออก  แต่กับเย่โม่ที่ในชาติก่อนฆ่าคนและสัตว์อสูรมามากมาย  เขามองแค่ปราดเดียวก็รู้แล้ว  ชายหนุ่มคนนี้ต้องเคยฆ่าคนมาก่อนแน่  ทั้งยังเป็นการฆ่าคนอย่างเปิดเผยไร้ความหวาดกลัว  กระทั่งภูมิใจในการฆ่าเสียด้วยซ้ำ  ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจมีรังสีฆ่าฟันแบบนี้แน่

แต่ในเมื่อนี่ไม่ใช่เรื่องของเย่โม่  เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ  ขณะที่เย่โม่กำลังจะเดินจากไปชายหนุ่มคนนั้นกลับหันหน้ามาทางเย่โม่แล้วยื่นมือทักทาย  “ผมชื่อหวังซู่  นายคือ?”

เมื่อเย่โม่เห็นมือที่ยื่นออกมาและสีหน้าเยาะเย้ยของชายหนุ่มคนนี้  เย่โม่ก็รู้ทันทีว่าเขาคิดอะไรอยู่  เขายื่นมือออกไปช้าๆ แล้วกล่าว  “เย่โม่”

เมื่อเห็นมือของเย่โม่และหวังซู่จับกัน  คนที่รู้สึกยินดีที่สุดก็คือซูเหมย  เพราะเธอรู้ดีว่าหวังซู่มีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่ง นั้นคือครั้งแรกที่ทำความรู้จักกับผู้ชายคนไหนก็ตาม  เขามักจะทดสอบกำลังของคนผ่านการจับมือ  มีครั้งหนึ่งเพื่อนร่วมชั้นของเธอกับหวังซู่จับมือกัน  ระหว่างนั้นเพื่อนของเธอก็กรีดร้องออกมาเสียแล้ว  หลังจากนั้นเพื่อนร่วมชั้นชายคนนั้นก็ไม่มีหน้ามาหาเธออีกเลย  มาตอนนี้หวังซู่จับมือกับเย่โม่  ผลลัพธ์จะเป็นยังไงนะ?  เธอกระทั่งเฝ้ารอฟังเสียงร้องโหยหวนของเย่โม่เสียด้วยซ้ำ

เสียง  กร็อบ!  ดังขึ้น  หวังซู่สัมผัสได้ว่ามือของเย่โม่ที่จับอยู่ถูกเขาบดขยี้เสียแล้ว  ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระดูกหัก เขาไม่รู้ว่าเย่โม่ดึงมือออกไปตอนไหน  หวังซู่รู้สึกตกตะลึง  ในใจร่ำร้องว่าแย่แล้ว  เขาคิดในใจว่าเผลอใช้แรงเยอะไปไม่ควบคุมให้ดี  ดันไปหักมือคนอื่นเสียแล้ว

ซูเหมยและหญิงสาวผมทองที่ชื่อเจียเจียเองก็ตกใจเช่นกัน  พวกเธอเองก็คิดไม่ถึงว่าหวังซู่จะโหดร้ายถึงขนาดหักมือเย่โม่แบบนี้  เสียงของกระดูกที่หักนั้นพวกเธอได้ยินอย่างชัดเจน  เป็นเสียงกระดูกหักที่ดังมากจริงๆ

“อ๊ะ!  พี่หวังซู่  พี่ไปหักมือของเย่โม่ได้ยังไง?  พี่จิ้งเหวินเชิญเขามานะ นี่!...หือ แล้วเย่โม่ล่ะ?”  ซูเหมยพูดถึงตรงนี้เองก็เพิ่งสังเกตว่าเย่โม่หายไปแล้ว

หวังซู่เองก็รู้สึกว่าเรื่องราวชักจะเลยเถิดเกินไปหน่อย  เขาไม่คิดว่าเย่โม่จะเปราะขนาดนี้  ที่ตนจับเมื่อครู่ยังไม่ได้ใช้เต็มแรงด้วยซ้ำมือของเย่โม่ก็หักเสียแล้ว  นี่มันเรื่องอะไรกัน?

เมื่อได้ยินซูเหมยพูดเขาถึงจะสังเกตเห็นว่าเย่โม่หายไปแล้ว  เขาเดินจากไปตอนไหนกลับไม่มีใครมองทันแม้แต่คนเดียว

“ก็แค่นักศึกษาจนๆ คนหนึ่ง  คราวหน้าก็ให้เงินเขาไปหาหมอสักหน่อยก็สิ้นเรื่องแล้ว  เป็นคนไร้ประโยชน์จริงๆ”  เจียเจียพูดขึ้นทันที

ชายหนุ่มที่มีท่าทีองอาจคนนี้ยิ้มฝืดๆ  “จิ้งเหวินจะต้องว่าพี่แน่ๆ  เขาคงเข้าไปในงานแล้วแน่นอน  เดี๋ยวพี่จะไปดูเขาสักหน่อย  เฮ้อ!  คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ามือเขาจะเปราะบางขนาดนั้น”

ที่จริงแล้วเป็นเย่โม่ที่ไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับคนน่าเบื่อพวกนี้  เขาแค่มางานวันเกิดของซูจิ้งเหวินเท่านั้น  ถ้าไปขัดใจคนพวกนี้ก็อาจทำให้ซูจิ้งเหวินลำบากใจได้  แต่ตอนนี้เขารู้สึกพอใจกับทักษะหดกระดูกของเขามาก  ถึงแม้เขาจะฝึกปราณไปไม่ถึงไหน  แม้แต่ตอนนี้ก็ยังอยู่แค่ระดับ 1 แต่ว่าทักษะยุทธทั่วๆ ไปแบบนี้ฝีมือเขาก็ไม่ได้ตกลงแม้แต่น้อย

เขาไม่รู้เลยว่าคนที่เก่งที่สุดบนโลกนี้จะมีพลังถึงระดับไหน  จากความเห็นของเขาแล้วในเมื่อฝึกปราณแบบเดิมไม่ได้  ฝึกทักษะยุทธพวกนี้ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้น  แต่เขาก็รู้ดีว่าถึงแม้ตนจะฝึกทักษะยุทธพวกนี้จนถึงจุดสูงสุด  บนโลกนี้ก็ยังมีอาวุธร้อน (เช่น ปืน) อยู่อีกมากมายหลายแบบ  เขาเองก็จนปัญญากับเรื่องนี้เช่นกัน

ขณะที่ 3 คนนั้นกำลังพูดคุยกันเรื่องอาการบาดเจ็บของเย่โม่นั้นเอง  เขาก็ได้เดินเข้ามาแล้ว  หน้าประตูคลับมีบริกรคนหนึ่งยืนอยู่  แต่ก็แค่ตรวจบัตรเชิญของเย่โม่เท่านั้น  จากนั้นก็ปล่อยให้เขาเข้าไปข้างใน

ตอนนี้ผู้คนภายในคลับเยอะมาก  เห็นได้ว่าครั้งนี้ซูจิ้งเหวินจัดงานเสียยิ่งใหญ่อยู่บ้าง  คิดว่าคงถือโอกาสฉลองเรื่องที่แม่ของเธอหายดีแล้วไปด้วย  แล้วถือเป็นการพบปะสังสรรค์เพื่อนฝูงที่ไม่ได้เจอกันเสียนานไปในตัว

“ขอบคุณที่มางานวันเกิดฉันนะเย่โม่  มานั่งตรงนี้มา”  เย่โม่เพิ่งเดินเข้ามาซูจิ้งเหวินก็เห็นเสียแล้ว  เธอรีบพาเย่โม่มานั่งที่โต๊ะ

“แน่นอน  ผมบอกไว้ว่าจะมาก็ต้องมาสิ”  เย่โม่หัวเราะ  ขณะที่กำลังจะหยิบของขวัญที่เขาเตรียมไว้ออกมา  ก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น  “อา… จิ้งเหวิน  หนุ่มหล่อนี่เป็นใครกัน?  คงไม่ใช่แฟนเธอหรอกนะ...”  แต่เมื่อเขาเห็นว่าเย่โม่สวมรองเท้าผ้าใบธรรมดาๆ  ยิ่งมองไปยังเสื้อบนตัวของเย่โม่แล้วชายคนนั้นก็หยุดคำพูดไว้กลางคัน  เสียงของเขาเปลี่ยนเป็นกระตุกเล็กน้อย  นี่  เขาแต่งตัวไม่เหมือนใครจริงๆ...

ซูจิ้งเหวินกลัวว่าเย่โม่จะรู้สึกอับอายจึงรีบพูดขึ้น  “เขาเป็นเพื่อนของฉัน  เย่โม่...”  ซูจิ้งเหวินพูดถึงตรงนี้ก็พบว่าเย่โม่มองจ้องไปทางด้านหลังของเธอราวกับไม่ได้ฟังที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย  เธอรีบหันไปมอง  ก็ได้เห็นว่าเป็นหนิงชิงเชวี่ยกับหลี่มู่เหมยที่เดินเข้ามา  ซูจิ้งเหวินบ่นในใจอย่างอดไม่อยู่  ทำไมพวกเขาถึงมาเจอกันเร็วแบบนี้  เธอยังไม่ได้อธิบายอะไรกับเย่โม่เลย

เย่โม่มองหนิงชิงเชวี่ยที่สวยงามราวกับภาพวาดเดินเข้ามา  แต่งด้วยเสื้อกระโปรงสีเหลืองอ่อนซึ่งทำให้เย่โม่ถึงกับตะลึงลาน  ผมสีดำขลับราวกับน้ำหมึกยาวคลอเคลียบ่าของเธอ  ให้ความรู้สึกสวยละมุน  ดวงตากลมโต  อีกทั้งยังไม่มีเครื่องสำอางบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย  บนศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผมรูปกวาง  ปอยผมของเธอระขอบตาเล็กน้อย  การเดินของเธอแผ่วเบานุ่มนวลราวกับเทพธิดากำลังก้าวเท้าลงบนเมฆ  ทว่าข้างในดวงตาของเธอกลับมีความโศกเศร้าสับสนที่ยากจะอธิบายได้

แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาของเธอกัน?  ความโศกเศร้าสับสนแบบนั้น?  ลั่วอิ่ง?  ใช่แล้ว  แววตาของเธอคล้ายกับอาจารย์ลั่วอิ่งมาก  เย่โม่ถอนหายใจยาวๆ อย่างได้สติกลับมา  เขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ใช่อาจารย์ลั่วอิ่ง  เพียงแค่มีแววตาที่คล้ายกันก็เท่านั้นเอง

สีหน้าของเย่โม่กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง  เขาไม่รู้จักหนิงชิงเชวี่ย  แต่หนิงชิงเชวี่ยเองเห็นแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้มองมาที่ดวงตาของเธอ  ถึงเขาจะตะลึงในความงามของเธอไปครู่หนึ่ง  แต่ที่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไปก็คือ เขาสังเกตเธออย่างละเอียดแต่ก็กลับไปสงบนิ่งอีกครั้งหนึ่ง  ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ละสายตาจากเธออย่างยากลำบากแต่ก็ยังแอบมองเธอเรื่อยๆ

“ชิงเชวี่ย  มู่เหมย  พวกเธอมานี่สิ  ฉันจะแนะนำให้รู้จัก...”  ขณะที่ซูจิ้งเหวินกำลังจะแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน  หลี่มู่เหมยกลับเดินไปกระซิบข้างหูซูจิ้งเหวิน  ไม่ต้องแนะนำตรงนี้  ชิงเชวี่ยไม่เคยเจอเย่โม่มาก่อน

ซูจิ้งเหวินตอบรับทันที  ถ้าหนิงชิงเชวี่ยไม่รู้จักเย่โม่ล่ะก็  ที่นี่ก็ไม่เหมาะสมที่จะแนะนำให้สองคนนี้รู้จักกันจริงๆ

“พี่จิ้งเหวิน!  เมื่อครู่เกิดเรื่องนิดหน่อย  หวังซู่หักมือของเย่โม่อย่างไม่ตั้งใจ  ตอนนี้ไม่รู้ว่าเย่โม่ไปอยู่ที่ไหนแล้ว ฉัน...”  ซูเหมยวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน  พอมาถึงก็รีบพูดขึ้นทันที

แต่เมื่อเธอพูดได้แค่ครึ่งทางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง  สาเหตุก็เพราะมีหลายคนที่จ้องมองเธออย่างประหลาดใจ  ขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ซูเหมยก็หันไปเห็นเย่โม่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด