ตอนที่แล้วคาถาที่ 22 : ตัวหมากที่มองไม่เห็น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคาถาที่ 24 : คนทรยศ

คาถาที่ 23 : สงกรานต์


           

อุณหภูมิอากาศกลางเดือนเมษาช่างแสนจะร้อนอบอ้าวซะเหลือเกิน

ผมออกไปหาซื้ออะไรกินด้านนอกโรงพยาบาลเพียงแป๊บเดียวก่อนจะกลับเข้ามาก็แทบจะละลายแล้ว ขนาดเวลานี้เพิ่งจะเก้าโมงเช้านิด ๆ เอง แต่กลับรู้สึกราวกับตอนนี้คือเวลาเที่ยงวัน

เมื่อคืนผมนอนค้างที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนไหม ไม่รู้ว่าพวกนั้นมันโปะยาสลบอะไรลงไป ถึงได้ออกฤทธิ์แรงขนาดนี้ แต่หมอก็บอกว่าไหมปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนไอ้อิฐกับไอ้คีย์ก็กลับไปนอนที่หอตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อกี้ผมลองโทรไปถามไอ้คีย์เรื่องไอ้อิฐ มันก็บอกว่าไอ้อิฐดีขึ้นแล้ว ตื่นมาด่าผมยกใหญ่ ว่าเล่นใหญ่รัชดาลัยเกินไป แม้แต่เพื่อนก็ไม่เว้น เอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าเมื่อคืนผมบ้าดีเดือดขนาดนั้นได้ยังไง สงสัยคงเป็นเพราะห่วงไหมมากเกินไป บวกกับโมโหไอ้พวกนั้นด้วย

ผมลากเก้าอี้เข้าไปใกล้เตียงคนไข้ก่อนนั่งลง มองไปยังใบหน้าของใยไหม ที่เจ้าตัวยังคงหลับตาพริ้ม พวงแก้มขาว ๆ ซีดเล็กน้อยดูเหมือนคนไม่สบาย ก็แหงล่ะเนอะไม่สบายจริง ๆ นี่นา เส้นผมสีดำไหลเลื่อนลงมาปิดใบหน้าสวยหวานนั่นยามเมื่อเจ้าตัวขยับตัว ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบเส้นผมนั้นออกให้เข้าที่เข้าทาง คิดแล้วก็เจ็บใจไม่หาย ถ้าไหมเป็นอะไรไปผมคงไม่ยอมให้อภัยตัวเอง

ระหว่างที่ผมนั่งมองหน้าไหมไปเพลิน ๆ เจ้าตัวก็เหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาทั้งคู่ค่อย ๆ ลืมขึ้นมา ก่อนกะพริบตาให้เข้ากับแสงสว่างรอบห้อง ใบหน้าไหมเหมือนพยายามเรียบเรียงความทรงจำของตัวเองก่อนจะเริ่มตัวสั่นด้วยความตกใจกลัว เห็นท่าทางแบบนั้นแล้วผมก็ยิ่งเจ็บ อยากกลับไปกระทืบพวกนั้นอีกรอบ

“ไหม ไหม เป็นไงบ้าง” ผมถามออกไปเมื่อเจ้าตัวยังนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ เจ้าตัวค่อย ๆ ยันตัวเองขึ้นมานั่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ชา พวกมัน ! มัน ฮึก ฮื่อ”

ไหมร้องไห้ออกมา ...

ผมแทบไม่เคยเห็นไหมร้องไห้เลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ไหมเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองสูง ไม่ยอมใครง่าย ๆ แต่วันนี้กลับกลายเป็นอีกคนที่ผมไม่เคยเห็น ผมรีบเข้าไปกอดไหม เจ้าตัวก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไร กอดผมกลับแน่นร้องไห้โฮ จนน้ำตาเปียกเสื้อผมไปหมด

“ไม่เป็นไรนะ ไม่มีอะไรแล้ว พวกมันไม่ได้ทำอะไรไหมทั้งนั้นนะ ไม่ต้องกลัว”

“ใจเย็นนะครับ ไหมปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องร้องไห้”

ผมพูดปลอบไหมไปอยู่พักหนึ่งจนเจ้าตัวพอจะสงบและเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผมว่าผู้หญิงที่เจอประสบการณ์แบบนี้เข้า คงมีอาการไม่ต่างอะไรไปจากไหม ผู้ชายสามคนรังแกผู้หญิงคนเดียวได้ลงคอ ถ้าผมไม่โชคดีตามไปช่วยไหมได้ทัน เรื่องมันคงจะเลวร้ายไปมากยิ่งกว่านี้

“ขอบใจนะชา ที่เมื่อคืนแกไปช่วยฉันไว้อะ” ไหมพูดกับผม ใบหน้าของเจ้าตัวดูดีขึ้นกว่าตอนแรกที่ฟื้นขึ้นมา ทำให้ผมพอจะสบายใจขึ้นมาได้บ้าง คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ

ผมยิ้ม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เจ้าตัว ทำเหมือนพระเอกเกาหลีตามซีรีย์ชื่อดังที่ไหมชอบดู ก่อนจะพูดจาอะไรเลี่ยน ๆ อย่างที่คนเป็นแฟนกันพูดออกมา

“ก็เค้าเป็นแฟนเตงนี่คะ มีแฟนหล่อ ๆ เทคแคร์ขนาดนี้ เตงต้องรักเค้ามาก ๆ นะคะรู้ไหม”

คนฟังดูอึ้ง ๆ ที่ผมพูดอะไรแบบนั้นออกไป แหงล่ะ เมื่อก่อนผมเคยใช้มารยาชายล้านเล่มเกวียนแบบนี้จนสาวติดไปทั่ว เอามาลองใช้กับไหมบ้างจะเป็นไร ไหน ๆ ตอนนี้เราก็เป็นแฟนกันละ

“อย่ามาพูดคะ ขา เตง อะไรแบบนี้นะ ขนลุกไปหมดละ” ไหมพูด พร้อมยื่นแขนมาโชว์ประกอบให้ผมดูว่าขนลุกจริง ๆ แต่ผมก็แอบเห็นไหมดูอารมณ์ดีขึ้น แถมยังยิ้มอีกต่างหาก แม้ว่าประโยคที่เจ้าตัวพูดมันดูจะย้อนแย้งกับสีหน้าและอารมณ์ก็ตามเถอะ

“แน่ะ ยิ้มแล้ว เตงต้องยิ้มเยอะ ๆ รู้ไหม เตงชอบทำหน้าเหวี่ยงใส่เค้าอะ หน้าหวาน ๆ แบบนี้ต้องไม่เหวี่ยงนะคะ”

ต่อ ๆ เหยื่อติดเบ็ดแล้วต้องต่อ เมื่อก่อนสกิลปากแบบนี้ผมเก็บได้ทุกรายอะพูดเลย

“เขาว่ากันว่า ผู้ชายพูดคะขากับผู้หญิงเป็นผู้ชายตอแหล” ไหมพูดออกมาพร้อมดึงแก้มผมหนึ่งที จุกเลย เจอตอกกลับแบบนี้จุกเลย ไหมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แบบนี้เขาเรียกผู้ชายอบอุ่น อ่อนโยนครับ

“โห ฮ่าฮ่า ปากแบบนี้คืออารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหมคะเตง” ผมพูดพร้อมลอยหน้าลอยตาตอบไหมกลับไป

“ค่ะ รบกวนช่วยเอาระนาดออกมาจากปาก แล้วพูดปกติได้แล้วค่ะ”

จี๊ดเลย ... ไหมก็ยังคงเป็นไหมอยู่วันยังค่ำ

“เตงจะหวานกับเค้าบ้างไม่ได้เลยหรือไง หืม”

ผมพูดออกไปพร้อมทำแก้มป่องเหมือนงอนไหม ในใจก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก ชินแล้ว ผมชอบไหมที่ไหมเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไรและตอนไหน เราสองคนเริ่มจากการเป็นเพื่อนกัน แหย่กันเล่น ชวนทะเลาะบ้าง ผมกวนตีนไหมบ้าง ไหมด่าผมกลับบ้าง ซึ่งมันก็ตลกดี ที่ผลสุดท้ายในวันนี้ผมกับไหมกลายมาเป็นแฟนกันซะได้

ขณะที่ผมกำลังทำแก้มป่องลอยไปลอยมาอยู่แถวหน้าไหม อยู่ดี ๆ ไม่รู้เจ้าตัวนึกอะไรขึ้นมา ริมฝีปากชมพู ๆ นั่นพร้อมกับใบหน้าของไหมก็ชะโงกเข้ามาขโมยหอมแก้มผม

เฮ้ย ... เอาจริงดิ ไหมหอมแก้มผม ผมยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองเหวอ ๆ

“หวานพอยั้งเตง ทำไมต้องอึ้งคะ” เจ้าตัวพูดออกมา ทำท่าทาง สีหน้าเลียนแบบที่ผมทำ ดูก็รู้ว่ากำลังกวนตีนผมกลับอยู่ ... หึ ๆ ไหม ... เธอกำลังเล่นกับไฟอยู่ ไม่รู้เหรอ ...

“อย่ามาท้านะ”

“เปล่าท้านะคะ” ไหมพูดพร้อมทำเสียงแอ๊บแบ๊วแบบโคตรน่ามันเขี้ยวเอามาก ๆ

ไม่ไหวแล้วโว้ย ... ผมจะไม่ทน

ผมดึงร่างของไหมเข้ามา ก่อนประกบจูบเข้าที่ริมฝีปากของเจ้าตัว ไหมตัวแข็งทื่อ คงไม่คิดว่าผมจะกล้าทำอะไรแบบนี้ ริมฝีปากของไหมนิ่มมาก มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของลิปมันด้วย ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้อาบน้ำแปรงฟันมาตั้งแต่เมื่อคืนก็เถอะ ไหมเริ่มตัวอ่อน ปล่อยร่างกายไปตามอารมณ์ที่ผมสร้างมันขึ้นมา เป็นไงล่ะ แบบนี้ซิ ถึงเรียกว่าหวานของจริง

เชื่อเถอะ ผมเชี่ยวชาญกว่าไหมเยอะ ...

อยากเลื่อนไปฉากตัดจัง แต่ ...

“เชรด ! เหม็นความรัก โรงพยาบาลครับเพื่อน โรงพยาบาล” เสียงดังลอยออกมาจากประตูทางเข้าที่ถูกเปิดออกมา พร้อมกับไอ้อิฐที่เดินเข้ามากับไอ้คีย์ ทำเอาไหมได้สติ รีบผลักผมออกมาจนเกือบกระเด็นล้มไปกองอยู่ที่พื้น ใบหน้าของเจ้าตัวตอนนี้เรียกได้ว่าแดงจัดไม่ได้ซีดเหมือนตอนแรกแล้ว คงจะแอบเขินด้วยแหละ ไอ้สองตัวนั้นก็เป็นเพื่อนที่แสนดีเหลือเกิน มาได้จังหวะอีกละ

“นี่กูกับไอ้อิฐมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า” ไอ้คีย์พูดต่อจากไอ้อิฐด้วยสีหน้านิ่ง ๆ แต่สายตามันดูขำซะเหลือเกิน โธ่ ไอ้ยมทูตหน้านิ่ง ... ยังมีหน้ามาถาม

“ถามแบบนี้มึงถอดรองเท้ามาขยี้หน้ากูเลยดีกว่าไอ้คีย์” ผมพูดตอบมันไป ซึ่งไอ้คีย์ก็ทำท่าจะถอดรองเท้ามาขยี้หน้าผมจริง ๆ ทำเอาไหมกับไอ้อิฐหัวเราะออกมา

“ไหม เป็นไงบ้างเนี่ย ดีขึ้นแล้วใช่ปะ” ไอ้อิฐเข้าไปทักไหม พร้อมกับวางชาเขียวคาราเมลของโปรดไหมที่มันซื้อมาฝากไว้ที่โต๊ะอาหารข้างเตียง

“ขอบใจคีย์กับอิฐด้วยนะที่ตามไปช่วยฉันเมื่อคืน” ไหมตอบไอ้อิฐกลับไป พร้อมกับหันหน้าไปมองไอ้คีย์เป็นเชิงขอบใจ

“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก พวกเราเพื่อนกัน ทีหลังก็ระวังตัวด้วย ไหมเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม คราวหน้าจะไปไหนมาไหนก็ให้ไอ้ชาตามไปด้วย แล้วนี่โทรบอกแม่หรือยังว่าอยู่โรงพยาบาล ถ้าเขารู้เข้าคงตกใจแย่ ให้บอกให้ไหม” ไอ้คีย์พูด

“ไม่เป็นไรหรอกคีย์ เดี๋ยวสาย ๆ ก็กลับได้แล้วล่ะ”

“ไหว้พ่อซิไหม” ผมพูดออกไปขำ ๆ ไอ้คีย์นี่เหมาะจะเป็นคุณพ่อของกลุ่มที่สุดแล้ว มันทำตัวเป็นเหมือนพ่อจริง ๆ ทั้งนิสัย การกระทำ มันห่วงพวกเราทุกคนเลย แถมคอยแก้ปัญหาให้ด้วยเวลามีอะไร

ว่าแล้วผมก็โดนมันโบกหัวไปหนึ่งที โทษฐานล้อเลียน ...

สองสามวันถัดมาเป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่สำคัญของคนไทย นั่นคือวันสงกรานต์นั่นเอง ถ้าถามว่าโตมาขนาดนี้แล้วเล่นสงกรานต์กันจนเบื่อหรือยัง ผมตอบได้เลยว่ายัง มันเป็นเทศกาลที่สามชายหนุ่มอย่างพวกผม ไอ้คีย์ ไอ้อิฐ จะกระดี๊กระด๊ากันเป็นพิเศษ ได้สาดน้ำสาว ๆ ได้ปะแป้ง ได้ทำนู่นนี่นั่น สนุกจะตาย ปีนี้เราได้เพื่อนร่วมก๊วนมาเพิ่มอีกหนึ่งคนคือไอ้แมท ซึ่งผมไปลากมันมากับมือ เดี๋ยวจะเฉาตายคาคอนโดเอาซะเปล่า ๆ

ผมกับเพื่อน ๆ นัดกันออกไปเล่นน้ำประมาณสี่โมงเย็นของวัน เพื่อให้แดดเบาบางลงก่อน ใคร ๆ ก็รู้ว่าแดดเมืองไทยมันร้อนแรงแค่ไหน นี่ขนาดออกมาช่วงเย็นแล้วยังรู้สึกถึงการแผดเผาบนผิวหนังอยู่เลย

“โอ๊ย ! ฉีด ๆ ฉีดพี่ตรงนี้เลยครับน้อง” ไอ้แมทพูดพร้อมชี้ไปที่อกข้างซ้ายของตัวเอง

“ไอ้แมท มึงดูนั่น งานดีเว่อร์” ตามมาด้วยไอ้อิฐ

“ขาว ... เอ้ยหนาวจังเลยครับน้อง”

เสียงพูดคุยอย่างอารมณ์ดีของสองหนุ่มคือไอ้แมท กับไอ้อิฐดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ด้านหน้าของผมกับไอ้คีย์ ซึ่งเราทั้งคู่เดินถือปืนฉีดน้ำอันน้อยตามมันทั้งสองคนอยู่ ถ้าเป็นปีก่อน ๆ ผมคงไปร่วมวงแซว เดินนำหน้าไปฉีดน้ำใส่สาว ๆ แล้วล่ะ

แต่โชคร้ายเหลือเกิน ที่ปีนี้เรามีคนมาคุมถึงสองคน ... ใยไหมและพี่ฟอง เดินขนาบข้างผมกับไอ้คีย์มาเลย

ผมกับไอ้คีย์ต่างหันมามองหน้ากันอย่างเข้าใจ ... ถึงมึงจะทำหน้านิ่งแค่ไหน กูก็เข้าใจมึงนะไอ้คีย์ ... เรามันหัวอกเดียวกันเว้ยเพื่อน

“นึกไงมาเล่นน้ำด้วยกันเนี่ยไหม” ผมหันไปถามคนข้าง ๆ เพื่อชวนคุย ทั้ง ๆ ที่ปกติวันสงกรานต์ทีไร เคยชวนออกมา ก็บอกอยากอยู่แต่บ้าน แต่ปีนี้ดันอยากออกมาเล่นน้ำด้วยซะงั้น

“ทำไม มาเล่นด้วยไม่ได้เหรอ อยากทำแบบสองคนข้างหน้าก็เอาเลย ไม่ว่านะ” ไหมพูด

... ไม่ว่านะ แต่เสียงเขียวแบบโคตรเหวี่ยงใครมันจะไปกล้าวะ

“เฮ้ย ๆ เปล่า ไหมก็ พูดไปเรื่อย เค้าเป็นคนดีแล้วไงคะเตง เค้ามีเตงเป็นแฟนแล้วไง เค้าฉีดน้ำเล่นกับเตงก็ได้ นี่ไง ๆ” ผมพูดพลางหยิบปืนฉีดน้ำที่ถือมาฉีดใส่หน้าไหม

“ข้างหลังสนุกไหมครับ ข้างหน้าสนุกจังเลย”

ไอ้อิฐโว้ย ! ไอ้เพื่อนเวร !

ช่วงเย็นของวัน พวกเราพากันไปต่อที่คอนเสิร์ตกลางเมืองที่จัดขึ้นในวันสงกรานต์ เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว พวกเราเลยกะจัดเต็มอยู่ยาวจนดึก ภายในงานคึกคักมาก เสียงเพลงมัน ๆ ดังกระหึ่มไปทั่วทั้งงาน ผมกับเพื่อน ๆ พากันไปซื้อบัตรเข้างาน ก่อนเดินเข้าไปในงานที่ตอนนี้แทบจะไม่มีทางเดิน เต็มไปด้วยมวลมหาประชาชนที่กำลังสลัดแขนเหวี่ยงขาเต้นกันอย่างเมามัน ว่าแล้วก็เปิดโต๊ะมาวางขวดแอลกอฮอล์สักหน่อยดีกว่า ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งสนุกสนานมากขึ้นเรื่อย  ๆ พร้อมกับจำนวนคนที่เริ่มหนาแน่นยิ่งขึ้น

สายน้ำถูกฉีดขึ้นไปบนฟ้า ก่อนตกลงมาเหมือนเม็ดฝนให้ความเย็นกับผู้คนที่อยู่ภายในงาน  ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดร้องให้กับนักร้องที่มาร้องเพลงในคอนเสิร์ต

ผมหันไปเรียกไหม ต้องเอามือป้องหูไหมด้วยเพราะเสียงเพลงตอนนี้ดังมาก

“หืม ว่าไงนะ ไม่ได้ยินเลย” ไหมหันมายกมือป้องหูผมเพื่อตอบ

ผมเลยพูดไปอีกครั้ง

“ไม่ได้ยินเลยอะชา เสียงดังมาก ขออีกที”

ผมก็ต้องพูดซ้ำครั้งที่สาม

จังหวะเดียวกันกับเสียงเพลงจบลงไปพอดี แต่ผมดันตะโกนจนดังสุดเสียง

“รัก นะ คะ!”

ฮิ้ว ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องแซวจากรอบข้างที่บังเอิญได้ยินผมบอกรักไหมเข้าให้พอดี ไหมหน้าแดง หยิบแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นมาดื่มอึก ๆ จนผมขำแล้วรีบไปแย่งแก้วในมือไหมมาดื่มแทน เดี๋ยวจะเมาเอาซะก่อน ทำตัวแบบนี้ก็น่ารักดีนะเออ โก๊ะ ๆ หน่อยก็ได้

เวลาผ่านไปจนเกือบตีหนึ่ง พอแอลกอฮอล์เข้าปาก จากคนที่เต้นไม่เป็นอย่างไอ้คีย์และไอ้อิฐก็เริ่มวาดลวดลายออกมา ส่วนไอ้แมทอย่าให้พูดถึงเลย สลบตั้งแต่แก้วที่ 3 แล้ว คออ่อนชะมัด ตอนนี้พี่ฟองรีบเข้าไปช่วยเตือนสติไอ้คีย์กับไอ้อิฐที่เริ่มเลื้อยไปจอยกับสาวโต๊ะอื่นแล้ว ผมหันไปมองไหมที่เจ้าตัวก็สลบไปไม่ต่างอะไรจากไอ้แมทหลังจากกระดกของเหลวในแก้วไปเมื่อไม่นาน ผมเห็นแล้วก็ขำ นาน ๆ ที มีโมเม้นต์แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ได้อยู่ทั้งกับเพื่อนและกับแฟนในเวลาเดียวกัน

ผมว่ามันโคตรจะเจ๋งเลย ...

ขอบคุณสรวงสวรรค์ให้เราได้เจอกัน

ขอบคุณคนบนนั้นที่ทำให้ฉันได้พบเธอ

ขอบคุณทุกเรื่องราว

ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ

เธอสุดที่รัก*

*เธอทั้งนั้น (สุดที่รัก) - Groove Riders

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด