ตอนที่แล้วบทที่ 18 ความยากลำบากของหนิงชิงเชวี่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 คำเชิญ

บทที่ 19 หญิงสาวหน้าห้องเรียน


“ชิงเชวี่ย... เธอนี่จริงๆ เลย!  ตระกูลซ่งใหญ่ขนาดนี้ต้องรักชื่อเสียงหน้าตาอยู่แล้ว  ถ้าเธอแต่งกับเย่โม่แล้วมีเรื่องเกิดขึ้นกับเขาล่ะก็  ทุกคนต้องสงสัยตระกูลซ่งแน่นอน  ฉันว่าตระกูลซ่งไม่ทำอะไรเปลืองแรงแบบนั้นหรอก”  หลี่มู่เหมยวิเคราะห์ราวกับผู้มีประสบการณ์

หนิงชิงเชวี่ยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า  “เอาเถอะ!  ถือซะว่าฉันติดหนี้เขาครั้งหนึ่ง”

หลี่มู่เหมยกลับสายหน้า  “ชิงเชวี่ย... เธอเข้าใจผิดแล้ว  ครั้งนี้ไม่ใช่เธอติดหนี้เขา  เป็นเขาต่างหากที่ติดหนี้เธอ รับรองได้เลยว่าที่เย่โม่คิดต้องไม่เหมือนกับเธอแน่นอน  เขาต้องดีใจจนตัวสั่นแน่  งั้นเอาเป็นแบบนี้แล้วกัน  พรุ่งนี้เป็นวันเกิดจิ้งเหวิน  เราก็ใช้ข้ออ้างนี้ไปหนิงไห่ได้พอดี  หลังไปงานวันเกิดของจิ้งเหวินแล้ว  ฉันจะพาเธอไปหาเย่โม่ที่มหาลัยหนิงไห่ดีไหม?”

กับซูจิ้งเหวินคนนี้ถึงจะไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน  แต่ก็เคยได้ยินเรื่องราวมาบ้าง  ตอนที่ซูจิ้งเหวินเรียนอยู่ถือได้ว่าเธอเป็นสาวงามคนหนึ่งของปักกิ่ง  เพียงแต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนที่แม่ของเธอเกิดเรื่องขึ้นจึงได้ย้ายไปหนิงไห่  สำหรับหนิงชิงเชวี่ย...ซูจิ้งเหวินจึงไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า  แต่ก็เทียบไม่ได้กับหลี่มู่เหมยที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ

..........

นานๆ ครั้งเย่โม่ถึงจะมาเข้าชั้นเรียนแบบนี้  เพราะในเมื่อเขาเองก็ศึกษาพื้นฐานวิชาต่างๆ ในมหาวิทยาลัยนี้ด้วยตัวเองมาไม่น้อยแล้ว  ที่เขามาวันนี้ก็เพราะชือซิว... เพื่อนเพียงคนเดียวของเขาชวนมากินข้าว  หลักๆ ก็เพราะชือซิวได้บัตรอาหารฟรีที่ร้านอาหารจู่เว่ยของมหาวิทยาลัย  มีของกินฟรีแบบนี้ยังไงเขาก็ต้องชวนเย่โม่มากินด้วยกันอยู่แล้ว

หากจะบอกว่าเย่โม่ยังมีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยหนิงไห่สักคนล่ะก็  คนๆ นั้นจะต้องเป็นชือซิวแน่นอน  ปกติแล้วขอแค่เย่โม่เข้าชั้นเรียน  ไม่ว่าคาบเรียนใหญ่หรือเล็กเขาก็จะนั่งข้างๆ เย่โม่เสมอ  ตามติดเขาราวกับเงาตามตัว  เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เย่โม่เข้ามหาวิทยาลัยหนิงไห่แล้ว  และการที่เย่โม่ถูกขับออกจากตระกูลก็ไม่ได้ทำให้เรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย

ครั้งแรกที่เย่โม่ตื่นขึ้นมาในร่างนี้ก็เป็นชือซิวที่เรียกเขา  ทั้งยังกังวลไม่ให้เขาพูดคุยกับเยี่ยนเยี่ยนอีกด้วย  หลังจากที่เขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลแล้วมีปัญหาเรื่องเงิน  ขอแค่ช่วยอะไรเย่โม่ได้ชือซิวก็จะช่วยเย่โม่อย่างสุดความสามารถ  พูดได้ว่าในมหาวิทยาลัยหนิงไห่คนที่ช่วยเขาเรื่องเงินก็มีแค่หวังอิ่งและชือซิว 2 คนเท่านั้น  ที่หวังอิ่งช่วยก็อาจเป็นเพราะเย่หลิง  แต่สำหรับชือซิวนั้นเขาคือเพื่อนแท้ของเย่โม่

“เย่โม่ นี่เป็นคาบของอาจารย์เย็นชาอีกแล้ว  นายเคยทำให้เธอไม่พอใจไปทีหนึ่งแล้ว  ความจริงถ้านายไม่มาก็คงดีหรอก  ตอนเรียนอย่าได้พูดอะไรเชียว  ถ้าเธอเห็นเข้าไม่แน่ว่าอาจจะโดนเธอหาเรื่องเอาอีกก็ได้”  ชือซิวเตือนเย่โม่อย่างระมัดระวัง

เย่โม่หัวเราะขึ้นแล้วตบไหล่ของชือซิว  “กับผู้หญิงใจแคบแบบนั้นฉันไม่ใส่ใจหรอก  วางใจเถอะ  ไม่ลำบากนายหรอก  ไม่ใช่แค่คาบเดียวเท่านั้น  ไม่พูดเป็นเดือนฉันก็ไม่มีปัญหา”

ชือซิวเองก็หัวเราะออกมา  เขาไม่เชื่อแน่นอนว่าเย่โม่จะไม่พูดไม่จาได้เป็นเดือน

“นายว่าใครจิตใจคับแคบ  เย่โม่  คนไร้ค่าอย่างนายยังมีหน้ามาพูดจาแบบนี้  กระทั่งยังกล้ามาเรียนอีกนะ”  เสียงใสๆ ของหญิงสาวดังขึ้นขัดจังหวะคำพูดของเย่โม่

“เยี่ยนเยี่ยน!  เธอหมายความว่ายังไง?  เย่โม่ยังไม่ได้พูดถึงเธอสักคำ  เธอเอาสิทธิอะไรมาพูดแบบนี้  หรือเธอคิดว่าเย่โม่เป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่ายๆ กัน!”  เพราะครั้งที่แล้วเย่โม่ถูกเยี่ยนเยี่ยนทำให้โกรธจนถึงขั้นหมดสติไป  ชือซิวจึงไม่พอใจเยี่ยนเยี่ยนมาก  ถ้าจะบอกว่าครั้งที่แล้วเป็นเย่โม่เองที่รนหาที่  ครั้งนี้ก็พูดได้เหมือนกันว่าเป็นเยี่ยนเยี่ยนเองที่จงใจมาหาเรื่อง

“โอ้...โย๋... นายไม่เลวเลยนี่ชือซิว  ถึงกับกล้าตะคอกใส่ฉันด้วย”  เยี่ยนเยี่ยนมองคนที่ปกติมักสุภาพเรียบร้อยเป็นคนดีมาตลอดอย่างชือซิวถึงกับกล้าตะคอกระเบิดอารมณ์ใส่เธอ  ทว่ากลับเป็นเย่โม่ที่ยื่นมือเข้ามาดึงชือซิว  “ทำไมต้องไปสนใจคนแบบนี้ด้วย  คิดซะว่าหมาเห่าก็แล้วกัน”

“เย่โม่!...”  เยี่ยนเยี่ยนชี้มาที่เย่โม่แล้วเตรียมจะด่าเขา  เย่โม่หัวเราะหยัน  ก่อนที่เยี่ยนเยี่ยนจะได้ด่าออกมาเขาก็พูดขึ้น  “เกิดมาอัปลักษณ์ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก  แต่เกิดมาอัปลักษณ์แล้วยังอยากโชว์ความอัปลักษณ์นี่สิผิด  อ่า... ไม่ใช่ว่าครั้งที่แล้วเธอพูดเอาไว้ว่า ‘ฉันกล้านอนกับเธอไหมเหรอ’ ต้องขอโทษด้วย  ฉันไม่สนใจไดโนเสาร์แบบเธอหรอก”

แน่นอนว่าที่เย่โม่พูดแบบนี้ก็เพื่อช่วยพูดในส่วนของเจ้าของร่างคนก่อน  ผู้หญิงอย่างเยี่ยนเยี่ยนจะหยิ่งยโสเกินไปแล้ว!

เยี่ยนเยี่ยนจากที่กำลังจะด่าเย่โม่ก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะอย่างกะทันหัน  เย่โม่บอกว่าเธอเกิดมาอัปลักษณ์  ถึงเธอจะไม่ใช่ดอกไม้งามแห่งมหาวิทยาลัย  แต่แค่ดอกไม้งามประจำชั้น...เธอเป็นได้สบายๆ  เธอจึงตอกกลับไปทันที  “ว่าฉันเกิดมาอัปลักษณ์!  เย่โม่  นายมันตาบอดแล้ว!  เบิกตามองให้ดี  นายรู้จักผู้หญิงที่สวยกว่าฉันไหมล่ะ?  มีไหม?  ถ้ามีล่ะก็...ฉันจะยอมรับก็ได้ว่าตัวเองเกิดมาอัปลักษณ์  ถ้าไม่มีล่ะก็...”

เวลานี้เองที่มีเสียงอันอ่อนโยนจากหน้าประตูห้องเรียนดังขึ้นขัดคำพูดของเยี่ยนเยี่ยน  “เย่โม่... นายออกมาหน่อยสิ ฉันมาหานายตั้งหลายรอบแล้วก็หาไม่เจอสักที”

ทุกคนในห้องหันไปทางต้นเสียงตรงหน้าประตู  ผู้ชายทุกคนในชั้นเรียนต่างจ้องมองเธอทันที  ที่หน้าประตูปรากฏสาวสวยไร้ที่เปรียบคนหนึ่งยืนอยู่  หากจะบอกว่าดาราทั้งหลายต้องผ่านเครื่องสำอางถึงจะออกกล้องสวยได้  แต่หญิงสาวคนนี้กลับคล้ายดอกชบาที่โผล่พ้นผิวน้ำอันใสกระจ่าง  ไม่มีร่องรอยเครื่องสำอางบนใบหน้าแม้แต่น้อย  คิ้วคมๆ และรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าสะสวย  ยังไม่ต้องไปมองรูปร่างอันโค้งเว้าของเธอก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นหญิงงามที่หาตัวจับยาก  ถ้าพูดว่าหญิงสาวคนนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยหนิงไห่ล่ะก็  ดอกไม้งามอันดับ 1 ก็คงไม่ใช่ซูเหมยแต่เป็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก

เยี่ยนเยี่ยนรู้สึกราวกับแม่ไก่ที่ถูกบีบคอเอาไว้... เสียงของเธอหยุดลงอย่างกะทันหัน  เมื่อกี้นี้เธอเพิ่งพูดไปว่าผู้หญิงทั้งหลายที่เย่โม่เคยรู้จักไม่มีทางดูดีแบบเธอได้  ทว่าตอนนี้กลับมีหญิงสาวที่ดีกว่าเธอแบบทาบไม่ติด  นี่ยังไม่ใช่ประเด็นหลัก เรื่องของเรื่องก็คือหญิงสาวคนนี้กำลังเรียกเย่โม่อยู่!

เย่โม่มองเยี่ยนเยี่ยนอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง  เขาไม่จำเป็นต้องสนใจผู้หญิงแบบนี้  ถึงยังไงสิ่งที่อยากพูดก็ได้พูดออกไปแล้ว  นับจากนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก

“จิ้งเหวิน... มาหาผมมีอะไรหรือเปล่า?”  เย่โม่คิดไม่ถึงว่าซูจิ้งเหวินจะมาหาถึงห้องเรียนจริงๆ  ฟังดูแล้วเธอคงไม่ได้มาหาเขาแค่ครั้งสองครั้งแน่นอน

เมื่อเห็นว่าเย่โม่ไม่ได้เรียกเธอว่าพี่จิ้งเหวิน  แต่กลับเรียกชื่อเธอตรงๆ ว่า ‘จิ้งเหวิน’ ซูจิ้งเหวินจึงกลอกตาให้เย่โม่ไปทีหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  เพราะพ่อของเธอทำให้ซูจิ้งเหวินมองผู้ชายแบบมีอคติอยู่บ้าง  แต่กับเย่โม่แล้วเธอกลับลดความระมัดระวังตัวไปไม่น้อย  ถึงแม้เย่โม่จะไม่ใช่คนที่เธอกำลังตามหาอยู่แต่ก็คล้ายคลึงกันมากทีเดียว  อีกทั้งเย่โม่ยังมองเธอด้วยแววตากระจ่างใสบริสุทธิ์  ไม่มีความคิดสกปรกๆ อยู่ในนั้นเลย  และเย่โม่เองก็ยังเป็นนักศึกษาอยู่  สิ่งเหล่านี้รวมๆ กันแล้วทำให้ซูจิ้งเหวินมองเย่โม่ในแง่ดีไม่ใช่น้อย

“หรือว่าถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็มาหานายไม่ได้หรือไง... ว่างไหม?  ถ้างั้นเราไปคุยกันข้างนอกเถอะ”  ซูจิ้งเหวินพูดยิ้มๆ

เย่โม่พยักหน้าอย่างจนปัญญา  เขารู้สึกว่าอาหารฟรีก็ไม่ได้อร่อยขนาดนั้น  คราวหน้าจะกินอะไรก็ต้องระมัดระวังหน่อยแล้ว  ไปกินข้าวของซู่เวยก็ต้องไปช่วยเธอเข้ากะดึกแทน  ไปกินข้าวกับซูจิ้งเหวินเธอก็มาหาเขาถึงที่  คิดไปคิดมาก็บอกลาชือซิว  ให้เขาไปกินข้าวเย็นคนเดียวโดยไม่ต้องรอเย่โม่

“ไปกันเถอะ”  เย่โม่ที่เพิ่งจะพูดกับซูจิ้งเหวินก็เห็นอาจารย์ภาษาอังกฤษหยุนปิง  เธอเดินมาพร้อมกับเอกสารการสอนในมือทั้งหลาย  เธอมองมายังเย่โม่ที่กำลังเดินออกจากชั้นเรียน  ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความรังเกียจทันที  แต่เมื่อมองไปที่ซูจิ้งเหวินใบหน้าของเธอก็ปรากฏร่องรอยประหลาดใจ  จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความสงสาร

แน่นอนว่าเย่โม่เองก็เห็นหยุนปิงแล้ว  แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องคะแนนการเรียนตั้งแต่แรกแล้ว  ผู้หญิงคนนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง  แล้วจะกลัวอะไรกับการที่เขาได้คะแนนศูนย์กัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด