ตอนที่แล้วบทที่ 17 จำคนผิด?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 19 หญิงสาวหน้าห้องเรียน

บทที่ 18 ความยากลำบากของหนิงชิงเชวี่ย


ตระกูลหนิงแห่งปักกิ่ง... ถึงแม้จะนับได้ว่าเป็นตระกูลชนชั้นกลางตระกูลหนึ่งแต่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย  ทว่าตอนนี้กลับคล้ายดวงตะวันที่กำลังร่วงหล่น  ยิ่งรวมกับการที่ปีนี้ผู้เฒ่าหนิงก็มาป่วยอีก  ความถดถอยของตระกูลหนิงจึงยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก

บรรยากาศของบ้านตระกูลหนิงตอนนี้อึมครึมอย่างเห็นได้ชัด  ถึงแม้จะเป็นการประชุมรวมตัวกันของคนในตระกูล  แต่ก็ไม่มีบรรยากาศครื้นเครงยินดีให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

“เด็กชิงเชวี่ยนั่นยังไม่เลิกหัวแข็งอีกหรือ?”  หลังจากเงียบกันไปพักหนึ่ง  ชายวัยกลางคนอายุราวๆ 50 กว่าๆ ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะใช้มือเคาะโต๊ะเบาๆ  เขาคือหนิงจงเจ๋อ... พี่ใหญ่แห่งตระกูลหนิง  ผู้ถือได้ว่าเป็นหางเสือของตระกูลตอนนี้  เขาเป็นลูกชายคนโตของผู้เฒ่าหนิง  อีกทั้งยังเป็นถึงนายกเทศมนตรีของเขตเหอวานแห่งปักกิ่งอีกด้วย

ปักกิ่งถือได้ว่าเป็นมหานครอันยิ่งใหญ่ของจีน  แค่นายกเทศมนตรีคนหนึ่งก็ถือได้ว่าตำแหน่งสูงมากแล้ว  เมื่อเทียบกับรองผู้ว่าการของจังหวัดอื่นๆ เขายังได้รับความสนใจมากกว่า

แต่สำหรับที่ปักกิ่งแห่งนี้  เพียงอิฐก้อนเดียวที่ร่วงหล่นก็สามารถทุบทำลายตระกูลเล็กๆ ให้แหลกละเอียดได้  ที่จริงแล้วตำแหน่งนายกเทศมนตรีนี้ไม่นับว่ายิ่งใหญ่อะไรด้วยซ้ำ  อีกอย่างตอนนี้ผู้เฒ่าเย่ก็วางมือไปแล้ว  เขาเองก็อายุ 50 ปลายๆ แล้ว  หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นตำแหน่งนายกเทศมนตรีนี้ก็คงเป็นตำแหน่งสุดท้ายของเขาแล้ว

“พี่ใหญ่  เรื่องคราวนี้อยู่เหนือการตัดสินใจของชิงเชวี่ยไปแล้ว  ตอนนี้ธุรกิจสมุนไพรรักษาของเราก็เป็นน้องสามรับผิดชอบ  ปัญหาที่พวกเราเผชิญอยู่ตอนนี้ผมคิดว่าน้องสามก็คงเข้าใจดี  เดิมทีแล้วซัพพลายเออร์ที่ใหญ่ที่สุดคือบริษัทสการ์จากอเมริกา  ตอนนี้บริษัทสการ์กลับถูกผู้หญิงคนนั้นจากตระกูลซ่งถือครองไว้แล้ว  นี่ถือเป็นหมัดน๊อคตระกูลหนิงของพวกเราด้วยซ้ำ”

“เมื่อพ่อของพวกเราวางมือไป  หากตระกูลหนิงของเราอยากได้ดีในงานราชการก็ถือว่ายากแล้ว  ถ้าหากธุรกิจยังถูกโจมตีอีกล่ะก็... ผมคิดว่าตระกูลหนิงเราก็อาจถึงคราวตกต่ำแล้ว  ซ่งเฉ่าเหวินถึงจะยโสโอ้อวดและเสเพลไปบ้าง... แต่ยังไงซะตระกูลซ่งก็ยังเป็นตระกูลใหญ่อยู่ดี  หากแต่งงานสานสัมพันธ์กับตระกูลซ่งล่ะก็  ไม่เพียงแต่ธุรกิจตระกูลหนิงของเราจะพัฒนาเท่านั้น  แต่ตำแหน่งของพี่ใหญ่เองก็อาจไม่หยุดอยู่แค่ตรงนี้ก็เป็นได้!”  ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ทางขวามือของหนิงจงเจ๋อพูดขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่แฝงความตื่นเต้นยินดีเล็กๆ

หนิงจงเจ๋อถอนหายใจแล้วโบกมือ  “จงเหวย… ฉันเข้าใจความหมายของนายนะ  ถึงการแต่งงานกับตระกูลซ่งจะมีประโยชน์ต่อตระกูลเรามาก  แต่ซ่งเฉ่าเหวินคนนี้...เฮ้อ!  เรื่องนี้ยังต้องปรึกษากับน้องสามอีกที  ถึงยังไงชิงเชวี่ยก็เป็นลูกสาวของน้องสาม”

“พี่ใหญ่… แต่ผมกลับรู้สึกว่าน้องสี่พูดได้ถูกต้อง  ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นเวลาวิกฤตของตระกูลหนิงเราแล้ว  อีกอย่างก็แค่ให้ชิงเชวี่ยแต่งเข้าตระกูลซ่งเท่านั้นเอง  ไม่เห็นจะมีอะไรเลย  ผมว่าชิงเชวี่ยและน้องสามต้องเข้าใจแน่  แล้วชิงเชวี่ยเองก็เคยรับช่วงต่อหนึ่งในธุรกิจที่ปักกิ่งนี้มาแล้ว  ในใจเธอควรจะรู้เรื่องนี้ดี  หรือเธอจะไม่เห็นแก่ส่วนรวมอย่างนั้นหรือ?”  คนที่แสดงความเห็นด้วยออกมาครั้งนี้คือน้องสอง  หนิงจงโฉ่ว  ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของเขา

“พ่อ… ที่ลุงสองกับลุงสี่พูดมามีเหตุผล  ผมคิดว่าถึงเฉ่าเหวินจะเสเพลไปบ้าง  แต่ยุคนี้หากคนหนุ่มไม่เสเพลเสียบ้าง… แต่งงานไปก็มีแต่จะออกลายกันทั้งนั้น  แล้วนี่ก็เพื่อตัวชิงเชวี่ยเองด้วย  เทียบกับไอ้ขยะจากตระกูลเย่แล้วยังดีเสียกว่า อีกทั้งความรู้สึกของเฉ่าเหวินที่มีต่อชิงเชวี่ยยังรักใคร่ลึกซึ้ง  ไม่มีทางทำให้เธอเสียใจแน่นอน”  เมื่อเห็นลุงทั้งสองออกความเห็นเป็นเอกฉันท์เช่นนี้  หนิงซี  ลูกชายคนโตของหนิงจงเจ๋อ เองก็รีบเห็นด้วยทันที

หนิงจงเจ๋อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง  จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น  “เอาอย่างนี้… ฉันจะไปพูดกับจงเฟย…จงโฉ่วนายให้ฮุ่ยลี่มาทำงานแทนชิงเชวี่ย  อีกไม่นานก็ถึงวันที่ 1 ตุลาคมแล้ว  ใช้เวลานี้รีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเถอะ”

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังสุดอ้าปากเตรียมจะพูด  แต่เมื่อเห็นว่าหัวหน้าครอบครัวพูดแบบนี้แล้วเขาก็ได้แต่กลืนคำพูดกลับลงไป… เขาคือหนิงหยาง  ลูกชายคนรองของหนิงจงเจ๋อ  อีกทั้งยังเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ชิงเชวี่ยแต่งกับซ่งเฉ่าเหวิน

ดังนั้น  เมื่อการประชุมครั้งแรกนี้ได้ผลสรุปแล้ว  หนิงหยางก็รีบตรงไปหาหนิงชิงเชวี่ยทันที

หลังจากหนิงชิงเชวี่ยพูดต่อหน้าสาธารณะชนครั้งที่แล้ว  คนนอกต่างคิดว่าเธอถูกตระกูลหนิงกักบริเวณเสียแล้ว  กลายเป็นว่าตัวหนิงชิงเชวี่ยเองที่ไม่อยากออกไปข้างนอกก็เท่านั้น  เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยแยแสกับอะไร  ไม่ชอบออกไปข้างนอก  ตั้งแต่เธอถูกปลดจากตำแหน่งที่เธอทำอยู่ในธุรกิจสมุนไพรของตระกูลหนิงแล้ว  เวลาส่วนใหญ่ของเธอก็มักจะพักอยู่ในบ้าน  นอกจากเพื่อนสนิทของเธอเพียงคนเดียวหลี่มู่เหมยแล้วเธอก็มีเพื่อนไม่มากนัก

หลี่มู่เหมยไม่เพียงแต่เป็นผู้ช่วยของหนิงชิงเชวี่ยขณะที่ทำงานอยู่ที่ปักกิ่งเท่านั้น  เธอยังเป็นเพื่อนสนิทของหนิงชิงเชวี่ยรวมถึงเป็นญาติของเธอด้วย  หากจะบอกว่าตระกูลหนิงยังมีคนมาพูดคุยกับหนิงชิงเชวี่ยอีกคน  คนๆ นั้นก็คงเป็นญาติผู้พี่ของเธอหนิงหยางเท่านั้น  ปกติแล้วหนิงหยางจะยุ่งมากจนไม่ค่อยมีเวลามาหาเธอเท่าไหร่นัก  ทว่าวันนี้หนิงหยางมาหาเธอได้ นี่ทำให้หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกถึงลางไม่ดี

“พี่หยาง!  ไม่ได้เจอกันนานเลย”  หลี่มู่เหมยเมื่อเห็นหนิงหยางมาจึงรีบทักทายทันที  หนิงหยางมีสีหน้าไม่สู้ดีนักแต่ก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้จากหลี่มู่เหมย  มาถึงเขาก็เล่าเรื่องการตัดสินใจของตระกูลหนิงให้หนิงชิงเชวี่ยฟังทันที

“ชิงเชวี่ย… ความสุขอยู่ในมือของน้องเอง  ถ้าน้องอยากหนีออกนอกประเทศพี่ก็จะช่วย  อนาคตของครอบครัวเราไม่ควรมาจากการแลกเปลี่ยนผู้หญิงคนหนึ่ง”  จุดประสงค์ในการมาของหนิงหยางก็เพื่อช่วยหนิงชิงเชวี่ยหนี  เพราะมีเพียงเขาคนเดียวที่รู้ว่าซ่งเฉ่าเหวินเป็นคนยังไง

เมื่อฟังหนิงหยางพูดจบ  สีหน้าของหนิงชิงเชวี่ยก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที  รูปลักษณ์ราวกับภาพวาดของเธอปรากฏความเศร้าเสียใจและผิดหวังอยู่ในนั้น  ถึงแม้เธอจะพูดต่อสาธารณะชนยังไง  สุดท้ายก็หนีไม่พ้นถูกตระกูลขายอนาคตของเธอออกไปอยู่ดี

“ชิงเชวี่ย...”  หลี่มู่เหมยเรียกเธออย่างกังวลใจ

ภายในห้องเกิดความเงียบอันน่าอึดอัดขึ้น  หนิงหยางรู้ว่าการส่งน้องสาวออกนอกประเทศถือเป็นเรื่องยาก  แถมออกไปแล้วก็คงไม่มีประโยชน์อะไรด้วย

“น้องไม่ต้องกังวลไป  พี่จะไปจัดการเรื่องต่างๆ ให้ก่อน  เผื่อว่าพอถึงเวลาแล้วจะไม่ทันการ  มู่เหมย  เรื่องชิงเชวี่ยต้องรบกวนเธอแล้ว”  หนิงหยางยืนขึ้นแล้วรีบร้อนจากไปทันที  ถ้าหนิงชิงเชวี่ยอยากหนีออกนอกประเทศ  เรื่องพวกนี้ยิ่งจัดการเร็วยิ่งดี  หากลุงของเขารู้เรื่องนี้ล่ะก็...คงไม่ปล่อยเธอหนีไปแน่ๆ

เมื่อเห็นหนิงชิงเชวี่ยนิ่งแข็งราวกับท่อนไม้  หลี่มู่เหมยก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา  หนิงชิงเชวี่ยถือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ  เพียงเพราะเกิดมาสวยเกินไปก็เลยไม่มีอิสระ  ซ่งเฉ่าเหวินเป็นคนแบบไหนคนในแวดวงของเมืองปักกิ่งใครบ้างที่ไม่รู้ เขาเกลือกกลั้วอยู่กับหญิงสาวมากหน้าหลายตาอย่างเปิดเผย  ถูกคนถ่ายรูปประจานก็แล้ว  หากไม่ใช่เพราะอิทธิพลของตระกูลซ่งปกปิดเรื่องพวกนี้ไว้ล่ะก็... คาดว่าคนในใต้หล้านี้คงรู้กันหมด

อีกทั้งคนๆ นี้ยังมีงานอดิเรกที่น่ารังเกียจอยู่  นั่นคือเขาชอบเอาสาวๆ ที่เล่นจนเบื่อแล้วส่งให้คนอื่นเล่นต่อ  สาวๆ อายุน้อยในเมืองหลวงถูกเขาย่ำยีมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่  มีดาราสาวคนหนึ่งที่เพิ่งเข้าวงการ แต่เพราะไปต่อต้านซ่งเฉ่าเหวินจึงถูกเขาหักขาทั้งสองข้างแล้วทิ้งเธอไว้ในซ่อง... ท้ายที่สุดแล้วหญิงสาวคนนั้นก็ฆ่าตัวตาย  ดังนั้นวงในของเมืองปักกิ่งเขาจึงได้รับฉายาว่า ‘ปีศาจ’

“ชิงเชวี่ย  แต่ฉันมีวิธีหนึ่งนะ  ก็แค่...ก็แค่จะทำให้ชื่อเสียงเสียหายนิดหน่อย...”  หลี่มู่เหมยพูดขึ้นมาภายหลัง  ราวกับเธอเองก็รู้สึกว่าวิธีการนี้ก็ไม่ค่อยจะดีนัก  จึงพูดติดๆ ขัดๆ อยู่บ้าง

“อะไรล่ะ!”  หนิงชิงเชวี่ยจ้องมองหลี่มู่เหมย  ไม่ว่าจะเป็นแผนแบบไหน  ขอแค่เธอสลัดซ่งเฉ่าเหวินหลุดได้เท่านั้น เธอพร้อมจะทำทุกอย่าง

หลี่มู่เหมยถอนหายใจ  “ก็แค่ใช้ประโยชน์โล่ห์ของเธอคนนั้นไง  ถึงยังไงคนข้างนอกนั่นก็พูดกันไปแล้วว่าเธอเป็นคนของเย่โม่  ถึงจะรู้กันทั่วว่านี่ก็แค่ข้ออ้างของเธอเท่านั้น  แต่ถ้าเธอกับเย่โม่คนนั้นเปลี่ยนข้าวสารให้เป็นข้าวสุกจริงๆ ล่ะก็...”

เมื่อเห็นหนิงชิงเชวี่ยจ้องมองเธอด้วยอาการตกตะลึง  หลี่มู่เหมยก็รู้ว่าหนิงชิงเชวี่ยเข้าใจเธอผิดแล้ว  เธอจึงรีบอธิบาย  “ฉันไม่ได้จะหมายความแบบนั้น เธอก็รู้ว่าคนๆ นั้นเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ....ยังไงก็ตามเขาทำอะไรเธอไม่ได้แน่  ถ้าเธอแต่งงานแล้วไปอยู่กับเขา  จากนั้นก็ให้นักข่าวถ่ายรูปพวกเธอบนเตียงสักรูป  ถ้าเป็นแบบนั้นตัวเธอก็จะยังบริสุทธิ์อยู่ แล้วตระกูลซ่งเองก็ไม่สามารถแต่งเธอกลับไปได้อีกด้วย”

ดวงตาของหนิงชิงเชวี่ยสว่างวาบขึ้นทันที  แต่ก็กลับนิ่งงั้นไปอีกครั้ง

หลี่มู่เหมยใช้เวลาอยู่ร่วมกันกับเธอมากที่สุด  เธอเข้าใจความหมายของหนิงชิงเชวี่ยดีจึงพูดขึ้นอีกครั้ง  “คุณชายเย่โม่แสนสำรวยคนนั้น... เขาให้ความสำคัญกับหน้าตาชื่อเสียงอย่างมาก  จะตายยังต้องรักษาหน้าตา  ว่ากันว่าหลังจากถูกตระกูลของเธอถอนหมั้นไปก็ยังไปหาหญิงสาวในชั้นเรียนเดียวกันเพื่อเอาเธอเป็นแฟน  เพื่อปกปิดเรื่องที่ตัวเองเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ... แต่เธอรู้ไหมว่าหญิงสาวคนนั้นว่ายังไง  เธอตอบว่า  ‘นายกล้านอนกับฉันไหมล่ะ?’  ว่ากันว่าเย่โม่โกรธจนหมดสติไปเลย  เขาคงคิดไม่ถึงว่าเพื่อนรวมชั้นที่เคยเทิดทูนเขาจะทำกับเขาแบบนี้  ฉันว่าสมองเขาคงมีปัญหา  ถึงได้ไม่ยอมรับความจริงอีกว่าตัวเขาถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่แล้ว”

“คิดว่าตอนนี้เขาคงจะขาดเงิน  ครั้งที่แล้วเงินสองหมื่นหยวนฉันก็ให้คนเอาไปให้แล้ว ได้ข่าวว่าเขารับเงินไปโดยไม่ปฏิเสธสักคำ  ถ้าเธอให้เงินเขา 2-3 หมื่นล่ะก็เขาต้องเต็มใจทำแน่นอน  เรื่องที่ได้ทั้งเงินและหน้าตาชื่อเสียงแบบนี้น่ะ”

หนิงชิงเชวี่ยถอนหายใจ  “แต่ฉันไม่สนใจชื่อเสียงเลย  ถึงยังไงฉันก็ไม่มีชื่อเสียงอะไรแต่แรกแล้ว  ก็แค่...ก็แค่...ถ้าทำแบบนั้นแล้วเขาจะถูกตระกูลซ่งตามแก้แค้นไหม?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด