ตอนที่แล้วบทที่ 15 เข้าโรงพัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 17 จำคนผิด?

บทที่ 16 ซูจิ้งเหวินโกรธจัด


“รนหาที่!!”  ชายที่มีแผลเป็นจากรอยดาบสบถขึ้น  ฝ่ามือของเขาตบไปยังใบหน้าของเย่โม่ทันที  ตอนแรกคิดว่าเย่โม่ก็ไม่ได้รกหูรกตาเท่าไหร่นัก  เพราะอีกไม่นานตัวเขาเองก็จะได้ออกไปจากที่นี่แล้วจึงไม่อยากมีเรื่องมาก  ตอนนี้เย่โม่มาหาเรื่องก่อนถึงที่ คนที่เคยชินกับการข่มเหงคนอื่นเช่นเขาไหนเลยจะทนไหว

คนอื่นๆ ในกลุ่มนั้นรู้สึกยินดีกับหายนะของเย่โม่  ส่วนพวกที่อยู่ตามมุมห้องก็อดที่จะส่ายศีรษะเงียบๆ ไม่ได้  คิดในใจว่าไอ้หนุ่มคนนี้คงจะเป็นพวกหนอนหนังสือ  ในเมื่อชายหน้าแผลเป็นไม่ได้ไปหาเรื่องเขาก็ยังแกว่งเท้าหาเสี้ยนก่อน  นี่มันหาเรื่องโดนกระทืบชัดๆ... ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับทำให้ทุกๆ คนในห้องอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา  เหตุก็เพราะทีแรกพวกเขาคิดว่าเย่โม่จะหาที่ตายเสียแล้ว  กลับเป็นเย่โม่ที่คว้าข้อมือของชายหน้าแผลเป็นเอาไว้  ส่วนมืออีกข้างหนึ่งตบหน้าไป 2-3 ที ยังไม่พอ เย่โม่ได้ถีบไปยังท้องของชายหน้าแผลเป็นอีกด้วย

ถึงร่างกายของชายหน้าแผลเป็นจะแข็งแรงกำยำแต่เขาก็ยังไร้หนทางจะตอบโต้  แถมยังถูกเย่โม่ถีบจนลอยไปกระแทกลูกกรง  เกิดเป็นเสียง ตึ้ง! ดังขึ้น

เมื่อตำรวจหน้าดำได้ยินเสียงจากในห้องดังออกมา  มุมปากของเขาก็ยกยิ้มหยันขึ้นม า รีบดึงโทรศัพท์ออกมาโทรออกทันที

“ใช่นายน้อยไหมครับ... นี่... นี่ผมเอง  ไอ้หนุ่มนั่นถูกจับได้แล้ว!  ตอนนี้มันถูกขังแล้วกำลังโดนชายหน้าแผลเป็นสั่งสอนอยู่  เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราทั้งนั้น  อ่า... ครับ... ครับ... ผมไม่มีวันปล่อยให้มันอยู่ดีแน่  ก่อนสั่งจำคุก  ผมยังอยากจะถลกหนังมันสักชั้น...”  เมื่อนายตำรวจหน้าดำได้ยินเสียงพูดคุยกันด้านนอกก็รีบวางโทรศัพท์  รีบทำท่าทำทีเดินไปที่ประตู

….......

ชายหน้าแผลเป็นถูกถีบจนลอย  เหตุการณ์แบบนี้ตัวเขาเองยังไม่อยากจะเชื่อ!  เขาคร่ำหวอดอยู่ในวงการมานานหลายปีจึงรู้ทันทีว่าเย่โม่เป็นพวกที่ไม่อาจจะไปตอแยด้วยได้  ถึงเขาจะโตมาแข็งแรงดุดันแต่ก็ไม่ใช่พวกไร้สมอง  หากทำให้เย่โม่โกรธล่ะก็เขาแย่แน่ๆ...

หนุ่มหน้าขาวเก่งขนาดนี้... ชายหน้าแผลเป็นแน่ใจแล้วว่าต่อให้พวกเขา 4 คนช่วยกันรุมก็ยังไม่ใช่คู่มือของชายตรงหน้า  ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาหาเรื่องก่อนแบบนี้หรอก

เย่โม่เดินเข้ามาหาชายหน้าแผลเป็นช้าๆ แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ  “ผมอยากนอนเตียงติดหน้าต่างตรงนั้น  นายมีความเห็นอะไรอีกไหม?”

เดิมทีเมื่อเห็นเย่โม่เดินเข้ามาหา  เขาก็กลัวว่าเย่โม่ยังคิดจะลงมืออีก  นึกไม่ถึงว่าเย่โม่แค่จะบอกว่าอยากนอนบนเตียงเท่านั้นเอง  เขาจึงรู้สึกเบาใจลงแล้วรีบตอบ  “ไม่มีความเห็น!  ไม่มีความเห็น!  เชิญนอนได้เลย!”

ชายหน้าแผลเป็นรู้สถานการณ์ดีจึงรีบปั้นหน้ายิ้มให้กับเย่โม่ทันที  กระทั่งลืมความเจ็บปวดที่กระแทกลูกกรงเหล็กเมื่อครู่  เมื่อได้เห็นชายหน้าแผลเป็นยิ้มด้วยความระแวดระวังแบบนี้ชายกำยำอีก 2-3 คนที่เหลือยิ่งไม่กล้าส่งเสียงดัง ล้อเล่นรึเปล่า!  ปกติแล้วชายหน้าแผลเป็นคนเดียวก็จัดการพวกเขาได้หมดแล้ว  มาตอนนี้กลับไม่มีแม้แรงต่อต้านคนตรงหน้านี้ด้วยซ้ำ  เวลานี้ไม่ว่าจะไปหาเรื่องเย่โม่ก่อนหรือไม่ก็คงไม่ต่างกันแล้ว

ขณะที่ซูจิ้งเหวินกำลังรีบตรงมายังโรงพัก  ยิ่งเธอคิดว่าชายที่ถูกตำรวจพาตัวไปเหมือนกับชายที่ขายยันต์ให้เธอเท่าไหร่... เธอก็ยิ่งตั้งใจว่าจะพาตัวเขาออกไปให้ได้มากเท่านั้น  แต่ที่ซูจิ้งเหวินคาดไม่ถึงก็คือ  คนในโรงพักปฏิเสธไม่ให้เธอเข้าพบเย่โม่

“เขาก็ไม่ใช่นักโทษนะ!  มีสิทธิอะไรมาห้ามไม่ให้ฉันพบเขา?  แล้วตำรวจอย่างพวกนายมีสิทธิอะไรมาขังเขาไว้?”  ถึงแม้ซูจิ้งเหวินจะไม่รู้เรื่องราวจริงๆ มากนัก  แต่เธอแน่ใจว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้นที่นี่แน่นอน  ไม่อย่างนั้นทำไมถึงพามาแค่เย่โม่  แต่คนบนรถแลนด์โรเวอร์นั้นกลับไม่โดนอะไรเลย  แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่รู้ว่ารถแลนด์โรเวอร์คันนั้นตอนนี้ได้ไปจอดอยู่หน้าโรงพยาบาลแล้ว

“เขาเป็นผู้ต้องหาคดีจี้ชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่น  ตอนนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวน... ถ้าอยากเจอเขาก็ค่อยมาใหม่พรุ่งนี้”  ตำรวจหน้าดำเห็นว่าซูจิ้งเหวินมีกลิ่นอายของคนชนชั้นสูงแถมยังสวยอีกด้วย  เขาจึงพูดตอบอย่างมีน้ำอดน้ำทน

ซูจิ้งเหวินหัวเราะเสียงเย็น  “งั้นเหรอ?  แต่ที่ฉันเห็นทำไมไม่ใช่แบบนั้นล่ะ?  ฉันเห็นชัดๆ ว่ารถแลนด์โรเวอร์คันนั้นลักพาตัวเพื่อนฉันไป  สุดท้ายคนบนรถนั่นก็ไม่ถูกดำเนินคดีแต่กลับพาเพื่อนฉันเข้าโรงพัก... นี่มันหมายความว่ายังไง?”

“ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าพูดซี้ซั้ว!  ที่นี่โรงพัก!  มีเรื่องอะไรก็ดูกันที่หลักฐาน  ถ้าคุณยังก่อความวุ่นวายอยู่แบบนี้ผมก็จะจับคุณข้อหาขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่!”  ตำรวจหน้าดำคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนี้จะเห็นเหตุการณ์ตอนที่รถแลนด์โรเวอร์พาตัวไอ้หนุ่มคนนั้นไป  เขาจึงทำหน้าตึงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

“ยิ่งใหญ่จริงๆ!  ฉันอยากรู้จริงๆ  ว่าคุณจะเอาอะไรมาจับฉัน”  สีหน้าของซูจิ้งเหวินเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที  ตำรวจคนนี้ไม่สนใจความจริงแม้แต่น้อยแล้วยังมาทำตัวยโสโอหังแบบนี้  แน่ใจได้เลยว่าตอนนี้สภาพของชายหนุ่มคนนั้นคงย่ำแย่แน่ๆ

“คุณไปบันทึกคำสารภาพกับผมซะดีๆ!  ผมสงสัยว่าคุณกับผู้ต้องหาคดีจี้ชิงทรัพย์คนนั้นร่วมมือกัน!”  ตำรวจหน้าดำชี้ซูจิ้งเหวินแล้วพูดขึ้นอย่างหยิ่งยโส  เสื้อผ้าของไอ้หนุ่มนั่นแค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่กี่หยวน  หญิงสาวคนนี้เกี่ยวข้องกับมันคงจะไม่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่อะไรนัก  ต้องโชว์ให้เห็นซะบ้างว่าที่นี่ใครใหญ่

“ตกลงคุณเป็นตำรวจหรือโจรกันแน่เนี่ย?”  ซูจิ้งเหวินโกรธจนหน้าตาไม่น่าดู  คนๆ นี้จะโอหังเกินไปแล้ว

“ประทานโทษนะ!  นี่คุณกล่าวหาผมงั้นเหรอ  ชื่อของผมคือหวงยู่  คุณจำไว้ให้ดี”  ตำรวจหน้าดำพูดอย่างดูถูก

“หัวหน้าหวง...”  ตำรวจหนุ่มอีกคนเริ่มทนดูไม่ได้จึงเดินเขามาเรียกเขา  เขารู้สึกว่าหัวหน้าหวงทำตัวเหมือนโจรอยู่บ้างจริงๆ แต่เขาเองก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

ยังไม่ทันที่หวงยู่จะได้พูดอะไรอีก  ประตูก็เปิดออกอีกครั้งพร้อมกับเสียงๆ หนึ่งพูดขึ้น  “ตำรวจอย่างพวกเรากลายเป็นโจรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

เสียงนี้ทั้งหนาและหนักแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจต่อต้านได้ง่ายๆ

“เกิ่งเสวีย...”  หวงยู่และตำรวจหนุ่มเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนพูดก็รีบร้องเรียกเขาทันที

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”  ชายวัยกลางคนผู้นี้กวาดตามองหวงยู่แล้วเอ่ยปากถาม

“อา... คุณคือ CEOซู  คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”  ชายวัยกลางคนสังเกตเห็นซูจิ้งเหวินตั้งแต่ครั้งแรกที่มอง  เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักซูจิ้งเหวินมาก่อน

“คุณมันเกิ่งเสวียปิน... คนขับรถนี่นา?  ทำไมถึงมาเป็นตำรวจได้ล่ะ?”  ซูจิ้งเหวินเองก็จำคนตรงหน้าได้เช่นกัน  ไม่กี่ปีก่อนเขาเป็นคนขับรถของพ่อเธอ  คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะกลายมาเป็นตำรวจ แล้วดูเหมือนจะเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจนี้ด้วย... ถือว่าไต่เต้าไวจริงๆ

“ใช่แล้ว... ผมทำตามการจัดการของเบื้องบน อ่า... แล้วนี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”  ชายวัยกลางคนผู้นี้คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที  CEOซูเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านนายกเทศมนตรีซู  หากทำให้เธอไม่พอใจในถิ่นของเขาเองล่ะก็  ต่อให้เขามีเป็นพันปากก็แก้ตัวไม่ได้

เฮอะ!... หากเกิ่งเสวียปินไม่พูดถึงก็แล้วไป  เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาใบหน้าของซูจิ้งเหวินก็ตึงขึ้นทันที  เธอหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดขึ้น  “มีคนลักพาตัวเพื่อนของฉัน  หลังจากนั้นก็มีตำรวจมาพาตัวเพื่อนของฉันไปขัง แถมคนลักพาตัวยังหายหัวไปอีก  พอฉันจะมาหาเพื่อนกลับมีคนบอกว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีจี้ชิงทรัพย์  กระทั่งสงสัยว่าฉันก็สมรู้ร่วมคิดด้วย... หรือตำรวจสมัยนี้ยโสโอหังแบบนี้กันหมดแล้ว?”

หวงยู่หน้าซีดแล้ว… กระทั่งหน้าดำๆ ของเขาก็ปกปิดไม่อยู่  คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนี้จะรู้จักกับผู้กำกับของพวกเขาด้วย  ถึงสุดท้ายคุณชายเฉียวอาจจะช่วยเขาได้  แต่เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการเลื่อนยศของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

“นายพูดแบบนี้จริงๆ หรือเปล่า?  นี่คือทัศนคติที่ตำรวจควรมีอย่างนั้นหรือ!?”  เขาเกลียดไอ้ตำรวจหน้าดำนี่อยู่แล้ว  เขาเองก็รู้มาว่ามันเป็นคนของเจิ้งเหวินเฉียว  จึงทำเรื่องชั่วช้าอย่างไม่เกรงกลัวใคร  แต่คราวนี้กลับไปหาเรื่องลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของนายกเทศมนตรีซู  คงได้แต่โทษดวงซวยๆ ของตัวเองแล้ว

“ใช่… แต่ผมก็แค่รู้สึกโกรธไปชั่วครู่เท่านั้นเอง!  ที่จริงผมไม่ได้คิดแบบนั้นเลย!”  หวงยู่ไม่กล้าโกหกเพราะมีคนได้ยินคำที่เขาพูดอยู่บ้าง  ปกติแล้วคงไม่มีใครเอาคำพูดของเขาไปป่าวประกาศ  แต่คราวนี้คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะได้พบคนที่รู้จักผู้กำกับของพวกเขาด้วย

“ปลดอาวุธเขาแล้วสืบสวนเรื่องนี้ทันที!  เฉินเจิ้น  เรื่องนี้ให้นายรับผิดชอบ  รีบสืบให้รู้ผลโดยเร็ว  ตำรวจคือเทพที่ปกป้องคุ้มครองประชาชน  ไม่ใช่โจรหรือพวกนักเลงที่ไหน”  ผู้กำกับคนนี้จัดการกับเรื่องราวได้รวดเร็วและเข้มงวด  ถึงกับปลดเครื่องแบบตำรวจของหัวหน้าหวงต่อหน้าเธอเลย

ซูจิ้งเหวินรู้ว่าเขาทำแบบนี้ก็เพื่อให้เธอเห็น  แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ผู้กำกับเกิ่ง!  คุณทำแบบนี้มันผิดกฏหมายนะ!  คุณก็แค่กล่าวหาผมเท่านั้น  ตอนนี้ยังไม่มีสิทธิมาทำกับผมแบบนี้!”  เมื่อมองหน้าอันเคร่งขรึมจริงจังของเกิ่งเสวียปินแล้วหัวหน้าหวงก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที  เขารู้ว่าเกิ่งเสวียปินรู้ว่าเขากับเจิ้งเหวินเฉียวรู้จักกัน  อย่างมากก็แค่แกล้งจับเขาเท่านั้น  ใครจะรู้ว่าเขากลับเอาจริงขึ้นมาแบบนี้

“CEO ซู... พวกเราไปดูเพื่อนของคุณกันก่อนเถอะ  ถือเป็นความอับอายของพวกเราจริงๆ ที่ในสถานีตำรวจมีคนเลวๆ แบบนี้อยู่  ผมจะต้องกลับไปพูดกับนายกเทศมนตรีซูด้วยตัวเองแน่”  เกิ่งเสวียปินราวกับไม่ได้ยินเสียงตะโกนของหวงยู่แม้แต่น้อย  เขารู้แน่แก่ใจดีว่าต่อให้ไม่มีเรื่องเพื่อนของซูจิ้งเหวิน  เรื่องสกปรกๆ ของนายตำรวจหน้าดำคนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะจับเขาเข้าคุก

อะไรนะ?  นายกเทศมนตรีซู?  หวงยู่นิ่งค้างไป  เมื่อเชื่อมโยงกับท่าทางที่เกิ่งเสวียปินปฏิบัติต่อหญิงสาวคนนี้แล้ว  แถมยังเรียกเธอว่า CEO ซูอีก  หากเขายังไม่รู้อีกว่าเธอคนนี้เกี่ยวข้องกับนายกเทศมนตรีล่ะก็เขาก็คงเป็นหมูแล้ว

ถ้าหากหญิงสาวคนนี้เป็นคนของนายกเทศมนตรีซูจริงๆ เจิ้งเหวินเฉียวเองก็คงไร้หนทางช่วยเขาแล้ว... หัวใจของหวงยู่เหมือนร่วงลงธารน้ำแข็ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด