ตอนที่แล้วบทที่ 14 ไม่มีคนๆ นี้อยู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 ซูจิ้งเหวินโกรธจัด

บทที่ 15 เข้าโรงพัก


ยังไม่ทันถึงที่หมายเย่โม่ก็สั่งสอนหนึ่งในลูกสมุนเสียแล้ว...  สาเหตุก็เพราะเป็นฝ่ายนั้นที่เริ่มลงมือก่อน บนรถแลนด์โรเวอร์รวมคนขับแล้วมีไม่เกิน 5 คน  ไม่มีสักคนในนั้นที่ทนมือทนเท้าของเย่โม่ได้เลย  ผ่านไปไม่ทันไรนอกจากคบขับที่โดนตบไป 2 ทีแล้ว  คนที่เหลือถูกเย่โม่เหยียบไว้คาเท้า  สภาพไม่ขาหักก็แขนหัก

นี่ยังถือว่าเย่โม่เข้าใจดีว่าเขาไม่สามารถฆ่าคนตามอำเภอใจได้  ไม่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะฆ่าคนพวกนี้หรือไม่  ที่ทำให้เย่โม่ประหลาดใจก็คือ  ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังไม่ปล่อยให้คนพวกนี้หยิบโทรศัพท์เลยสักครั้ง... แล้วทำไมตำรวจถึงได้มาเร็วขนาดนี้?  เขาไม่คิดแน่ๆ ว่าเจิ้งเหวินเฉียวจะใจดีถึงขนาดช่วยเขาแจ้งตำรวจ  ไม่รู้ว่าใครกันที่ยุ่งไม่เข้าเรื่องแจ้งตำรวจมาถึงนี่... ทำเอาเขาหมดสนุกไปเยอะ

เห็นได้ชัดว่าคนที่แจ้งตำรวจให้รายละเอียดดีมาก  ไม่ทันไรรถตำรวจก็ตามมาทันแล้ว  อีกทั้งยังขับมาจอดขวางรถแลนด์โรเวอร์คันนี้อีกด้วย

เย่โม่มองเหล่าลูกกระจ๊อกที่นอนโอดโอยอยู่บนรถแล้วพูดเสียงเย็น  “กลับไปบอกคนแซ่เจิ้ง... เดี๋ยวฉันไปหาแน่”  พูดจบเขาก็ลงจากรถไป

“เกิดอะไรขึ้น!  คนที่แจ้งตำรวจมาเมื่อกี้คือนายใช่ไหม?”  ตำรวจ 2 นายเดินลงมากจากรถ  คนที่เอ่ยถามเย่โม่เป็นตำรวจวัยกลางคนหน้าตาดำคล้ำเพราะสูบบุหรี่  บนใบหน้าปรากฏความรำคาญใจอยู่ไม่น้อย

“ผมไม่ได้แจ้ง... คนพวกนี้ลักพาตัวผม  ผมป้องกันตัวผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็น  คิดว่าคงเป็นพลเมืองดีสักคนโทรไปแจ้งตำรวจล่ะมั้ง”  เย่โม่ชี้ไปทางลูกสมุนพวกนี้ขณะที่พูด

ลูกสมุนเพียงคนเดียวที่ยังเดินได้พอเห็นตำรวจหน้าดำก็ราวกับเห็นพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง  พูดไปด้วยใช้มือชี้เย่โม่ไปด้วย  “พี่ยู่!  ชายคนนี้ใช้กำลังขึ้นรถผมมาโดยพลการ  จากนั้นก็บังคับให้ผมขับมาที่เขตชานเมืองนี้  ทั้งยังเตะต่อยพวกผมด้วย”

ตำรวจหน้าดำหันกลับไปมองชายผมทองที่ขับรถ... จากนั้นก็ผงกหัวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า  เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักกัน

เย่โม่ยิ้มหยันในใจ  แค่ฟังคำเรียกก็รู้แล้วว่าสองคนนี้มีเรื่องไม่ชอบมาพากลอยู่  เขายังคิดไม่ทันจบนายตำรวจหน้าดำคนนั้นจ้องมาที่เย่โม่อย่างเย็นชา  หลังจากนั้นก็หันไปถามชายหนุ่มคนขับ  “นายบอกว่าเขาบุกขึ้นมาบนรถ  ซ้อมพวกนาย  ทั้งยังคิดจะยึดรถพวกนายกลางวันแสกๆ?”

“ใช่! ใช่! ใช่!  คนๆ นี้อยากยึดรถพวกผม  แถมยังอัดพวกผมอีก  ถ้าผ่านไปอีกสักพักเขาคงโยนพวกผมออกจากรถแน่  จากนั้นก็คงขับรถแลนด์โรเวอร์ของพวกผมหนีไป”  ชายคนขับที่ถูกเย่โม่ตบหน้าไป 2 ทีรีบฟ้องตำรวจทันที

เย่โม่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว  ความคิดที่จะฆ่าคนพวกนี้ให้หมดแล้วหนีผุดขึ้นมาในหัวทันที... แต่เขาเองก็รู้ดีว่าด้วยระดับพลังของตนตอนนี้  หากคิดจะหนีอำนาจการค้นหาของรัฐบาลนั้นถือว่าเป็นเรื่องโง่เง่ามากทีเดียว  ในใจเริ่มรู้สึกรำคาญคนที่แจ้งตำรวจขึ้นมา

“นายเป็นผู้ต้องสงสัยข้อหาจี้ชิงทรัพย์  ทำร้ายร่างกาย  รบกวนตามพวกเราไปโรงพักด้วย!”  ตำรวจหน้าดำขณะที่พูดมือก็วางบนกระบอกปืนข้างกาย  ชายหนุ่มคนนี้เพียงคนเดียวอัดหลายคนจนหมอบได้  คงจะเป็นพวกผู้ฝึกยุทธ์... ต้องระวังเอาไว้

นายตำรวจหนุ่มอีกคนขมวดคิ้ว  เขาทำท่าจะพูดบางอย่างแต่สุดท้ายก็ถอนหายใจ  ไม่พูดอะไรออกมา

ตอนนี้เย่โม่ไม่ต้องการจะฆ่าคนแล้วหนี... เขาจึงทำเพียงแค่ตามตำรวจคนนี้ขึ้นรถไป  เขาคิดในใจว่าหากที่สถานีตำรวจมีคนคิดเล่นงานเขาด้วยวิธีสกปรกล่ะก็  เขาจะรีบชิ่งหนีทันที รีบกลับไปขุดเอา ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ แล้วหนีไปก็พอแล้ว  วันหน้าค่อยกลับมาล้างแค้นก็ไม่สาย

ซูจิ้งเหวินที่มองด้วยกล้องส่องทางไกลมีท่าทีสับสนไม่น้อย  ตำรวจมาแล้วแต่กลับพาตัวนักศึกษาหนุ่มคนนั้นไป  อีกทั้งรถแลนด์โรเวอร์คันนั้นก็ขับออกไปแล้วอีก  เรื่องนี้จะประหลาดเกินไปแล้ว!  ตอนเธอแจ้งตำรวจก็อธิบายไปชัดเจนแล้วนะว่าคนบนรถแลนด์โรเวอร์ลักพาตัวนักศึกษาชายคนนั้น  แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?

นักศึกษาชายที่รูปร่างคุ้นตาคนนั้น  ในที่สุดซูจิ้งเหวินก็นึกออกว่าเคยเห็นรูปร่างแบบนี้ที่ไหน  ชายหนุ่มที่ขายยันต์ให้เธอคนนั้นนั่นเอง!  ถึงจะสวมหมวกและแว่นดำไว้ก็ตาม  รูปร่างของเขาคล้ายกับนักศึกษาชายที่ถูกตำรวจพาตัวไปคนนี้มาก หรือจะเป็นเขาจริงๆ?  ไม่ว่าอย่างไรก็ตามซูจิ้งเหวินต้องไปดูให้เห็นกับตาก่อนถึงจะบอกได้

เมื่อรถตำรวจขับมาถึงสถานี  ตำรวจหน้าดำส่งซิกทางสายตาให้กับตำรวจหนุ่มอีก 2 คน  “ให้ผู้ต้องหาคนนี้พักก่อน อีกเดี๋ยวค่อยบันทึกคำให้การ”

เย่โม่หรี่ตาลงทว่าไม่ได้พูดอะไร  แน่นอนเขารู้ดีว่าตำรวจหน้าดำคนนี้ไม่มีทางใจดีแบบนี้แน่  อีกอย่างข้อหาของเขายังเป็นการจี้ชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายแบบนี้ด้วย

ไม่เกินความคาดหมายของเย่โม่นัก... เมื่อเขาไม่ได้ถูกพาตัวไปยังห้องพักผ่อน  แต่กลับถูกดันตัวไปยังห้องคุมขังนักโทษชั่วคราว  ตอนที่เย่โม่เดินเข้ามาด้านในก็มีคนอื่นอยู่แล้ว 7-8 คน  ในนั้นมีชาย 4 คนที่ล้อมวงเข้าหากัน  อีกทั้ง 4 คนนี้ยังเป็นชายร่างกายกำยำแข็งแรง  จากรอยสักบนหลังมือก็ดูออกว่าพวกนี้เป็นคนโหดเหี้ยม  ส่วนคนที่เหลือก็นั่งขดอยู่ตามมุมห้อง  พวกเขามองมายังเย่โม่แวบหนึ่งแล้วก็ไม่สนใจอีก

เย่โม่สรุปเหตุการณ์ได้ในไม่ช้า  ห้องนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อคุมขังนักโทษโดยเฉพาะ  เป็นแค่ห้องขังชั่วคราวเท่านั้น คาดว่าเมื่อยืนยันความผิดได้แล้วคงมีสถานที่คุมขังแยกอีกที่หนึ่ง  เย่โม่มองไปยังชายร่างกำยำ 4 คนในนี้ก็รู้จุดประสงค์ของตำรวจหน้าดำที่พาตนมาขังที่นี่ทันที  คงอยากให้เขาถูกซ้อมในนี้ก่อนแล้วค่อยพูดคุยกันทีหลัง

เมื่อเห็นท่าทางสงบนิ่งของเย่โม่ที่เดินเข้ามา... ชาย 4 คนที่นั่งล้อมวงกันก็หันมาจ้องมองเย่โม่ทันที!  แต่ที่เหนือจากความคาดหมายของเย่โม่ก็คือ... เขานั่งรออยู่ครู่ใหญ่แล้ว แต่ 4 คนนั้นกลับถอนสายตาออกไป  น่าประหลาดที่ไม่มีใครสักคนเข้ามาพูดจาหาเรื่องเขา  หนึ่งในนั้นมีแผลเป็นจากรอยดาบอยู่ใต้คาง  เห็นได้ชัดว่าคนๆ นี้เป็นหัวหน้าของพวกเขา  เย่โม่สังเกตเห็นว่าชายคนนี้ส่งสายตาให้คนที่เหลือ  หลังจากนั้น 4 คนนี้ก็กลับไปพูดคุยกันตามปกติอีกครั้ง

เย่โม่กวาดสายตามองคนพวกนี้อีกแวบหนึ่งก็เลิกสนใจอีก  เขาสำรวจทางหนีทีไล่ภายในห้องขังเผื่อกรณีจำเป็น... ทว่าประสาทหูของเย่โม่ไวมาก 1 ใน 4 คนนั้นถึงจะพูดเสียงเบาแต่ก็ยังถูกเย่โม่ได้ยินอยู่ดี

“พี่เตา! (ดาบ)  ทำไมไม่สั่งสอนไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่สักหน่อย  ให้มันเคารพพวกเราล่ะ?”  คนพูดเป็นชายรูปร่างเตี้ย

“คนๆ นี้ไม่ธรรมดา อีกไม่กี่วันพวกเราก็ได้ออกไปแล้ว… ไม่จำเป็นต้องก่อเรื่อง  คนพวกนั้นคงอยากยืมมือพวกเราสั่งสอนหน้าขาวๆ นี่  แต่ข้าไม่อยากทำตามพวกมัน  แกไม่รู้อะไร  ตอนไอ้หนุ่มนี่เดินเข้ามา  ดวงตาของมันเย็นชาไร้ความหวาดกลัว  มันต้องเป็นพวกมีฝีมือแน่นอน  จำไว้ว่าอย่าไปหาเรื่องมัน”  ชายที่มีแผลเป็นจากรอยดาบใต้คางกล่าวเตือนขึ้นทันที

เย่โม่มองไปรอบๆ ห้อง หากเขาต้องการหนีล่ะก็ที่นี่ก็ขังเขาไว้ไม่อยู่  ในใจจึงเริ่มผ่อนคลายลง  หาที่นอนพักก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที  ทว่าเมื่อเย่โม่มองไปทั่วทั้งห้องแล้วเตียงเพียงหนึ่งเดียวที่สะอาดอยู่บ้างก็คือเตียงที่ชายที่มีรอยแผลเป็นคนนั้นนั่งอยู่  บรรยากาศตรงนั้นก็สดชื่นใช้ได้

“หลบไปหน่อย  ผมจะนอนพัก”  เย่โม่เดินมาหยุดตรงหน้าชายที่มีรอยแผลเป็น  คำพูดแค่ประโยคเดียวของเขาก็ทำเอาคนอื่นๆ ปากอ้าตาค้าง

“มึงว่าไงนะ!?”  ชายผู้มีรอยแผลเป็นผุดลุกขึ้นอย่างไม่เชื่อหู  เขาไม่ไปยุ่งวุ่นวายเย่โม่ก่อน  แต่เย่โม่กลับมาหาเรื่องเขาถึงที่

น้ำเสียงของเย่โม่เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที  “ผมบอกว่าหลบไป  จะนอน  ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด