ตอนที่แล้วบาทที่ 49
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบาทที่ 51

บาทที่ 50


บาทที่ 50

เวลาผ่านไปนานนับเดือนหลังจากที่หญิงสาวทั้งห้ามาถึงทวีปมาร ขณะนี้พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังปราสาทที่เห็นไกลลิบๆด้วยก้าวอนุภาค

“พวกเจ้าเป็นใครกันกล้าบุกรุกถิ่นของข้า” มีเสียงดังมาจากปราสาทก่อนที่พวกเขาจะไปถึง

วุ่บ ร่างมารสิบกว่าร่างพลันปรากฏขึ้นขวางพวกหงเซียวทั้งหกคน ทุกร่างต่างก็สูงใหญ่กว่าสามเมตร มีร่างหนึ่งในนั้นที่สูงใหญ่ถึงห้าเมตร อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่เข้าสู่ระดับมัชฌิมเซียนของเหล่ามาร

พวกหงเซียวเองก็อยู่ในร่างภูตวิญญาณที่คล้ายกับลูกบอลยักษ์หมอกเมฆฝน ขนาดใหญ่ประมาณสามเมตร กลุ่มร่างมารต่างก็แผ่ไอเย็นยะเยือกออกมาไปไกลนับร้อยเมตร โดยร่างมารนั้นจะแผ่ไอสีดำออกไปปกคลุมทั่วทั้งบรรยากาศ ในขณะที่กลุ่มของหงเซียวนั้นกลับเป็นกลุ่มหมอกที่ไม่สม่ำเสมอเหมือนเมฆหมอกฝนแผ่ออกไปไกลกว่ากิโลเมตร

“ข้าต้องการปราสาทของเจ้า” หงเซียวกล่าว

เป็นเรื่องปกติที่บรรดามารทั้งหลายจะพากันแย่งชิงกันทั่วทั้งทวีปมาร หากว่าใครมีพลังอำนาจแข็งแกร่งมากพอ พวกเขาก็จะขยายอาณาเขตหรือไม่ก็ย้ายไปยังที่ใหม่ที่คิดว่าอีกฝ่ายอ่อนด้อยกว่าตน ดังนั้นมารเหล่านี้เมื่อเห็นพวกหงเซียวกล่าวเช่นนั้นก็ย่อมไม่แปลกใจแม้แต่น้อย

มารที่พ่ายแพ้ส่วนใหญ่ก็มีทางเลือกอยู่เพียงสามทางหรือน้อยกว่านั้น ยอมเป็นสมุน หนีไป หรือไม่ก็ตาย

“เจ้าพวกไม่เจียมตัว พลังของเจ้ายังไม่ถึงระดับห้าด้วยซ้ำกลับกล้ามาท้าทายจอมมารแมงป่องอย่างข้าผู้นี้” มารร่างสูงห้าเมตรกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ แม้ว่าจะค่อนข้างแปลกใจที่พวกหงเซียวมีระดับต่ำแต่ก็ไม่กล้าประมาท เพราะว่าพวกมันพบว่า ในพื้นที่นี้มีวิญญาณจำนวนมากล่องลอยไปมา แม้ว่าจะเป็นวิญญาณระดับต่ำ แต่ก็มากผิดปกติเกินในสภาพแวดล้อมทั่วไป

อีกอย่างหนึ่งก็คือในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ สมุนของพวกมันจำนวนมากสูญหายไประหว่างที่ออกไปเก็บเกี่ยววิญญาณชาวบ้านในพื้นที่ในอาณาเขต ทำให้มันสงสัยว่านี่จะเป็นฝีมือของพวกหงเซียว

“ฮ่าฮ่าฮ่า น่าขำ ถึงกลับตั้งตัวเป็นถึงจอมมารเลยเหรอ ถ้าแพ้ข้าขึ้นมาพวกเจ้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” หงเซียวกล่าวพร้อมกับหัวเราะเยาะเย้ย

“ข้าเห็นว่า พวกเจ้าควรยอมรับจอมมารผู้นี้เป--”

ก่อนที่พวกมารจะทันได้พูดจบ พลันปรากฏร่างภูตยักษ์ผุดโผล่ขึ้นจากพื้นข้างกายพวกมารนับสิบตน พร้อมกับกระบี่เพลิงอันร้อนแรงจ้วงแทงพวกมารโดยไม่บอกกล่าว

ฉึก ฉึก ฉึก มีมารสามตนในนั้นพลันถูกแทงเข้าไปเพราะไม่ทันระวังตัว ส่วนที่เหลือสามารถป้องกันตัวได้ในเมื่อร่างภูตนั้นมีระดับต่ำกว่าตน

“ลอบกัด พวกมันมาจากไหนกัน” พวกมารพากันปั่นป่วนวุ่นวาย แต่ก็ทำการต่อสู้ได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ พวกมันมีการต่อสู้กันแทบจะทุกอาทิตย์ ดังนั้นจึงเคยผ่านพบอันตรายมามากมายหลายรูปแบบ ทำให้ฝีมือการต่อสู้ของพวกมันค่อนข้างดี อีกทั้งมารพวกนี้มีระดับที่สูงกว่ามารในเขตกันดารที่มารระดับสูงไม่คิดไปอยู่ ในเมื่อที่เหล่านั้นไม่มีวิญญาณมนุษย์ให้เก็บเกี่ยว

ร่างภูตที่เกิดขึ้นมาจากวิญญาณเหล่านี้จะมีความสามารถในการคิดและต่อสู้ได้ด้วยตนเอง ยิ่งต่อสู้มากครั้งเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีประสบการณ์และชำนาญมากขึ้นเท่านั้นซึ่งจะถูกบันทึกไว้ในวิญญาณ พวกเหล่านี้ไม่ใช่ผึ้งเซียนแต่เป็นร่างจำแลงที่เกิดขึ้นมาจากคาถา พวกมันสามารถสร้างขึ้นมาได้ภายในพริบตาภายในอาณาเขตของวิชาเซียนภูตวิญญาณและมีตัวตนอยู่ได้ภายในขอบเขตนี้เท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถคงรูปอยู่ได้นานนัก อาจจะถือได้ว่าสิบวินาทีนับเป็นขีดจำกัดของการคงอยู่ของพวกมัน พวกมันยังแตกต่างจากผึ้งเซียนอีกอย่างหนึ่งก็คือพวกมันสามารถใช้ได้แต่พลังปราณ ในขณะที่ผึ้งเซียนนั้นใช้พลังเซียน

วูบ วูบ มารสองตนกระแทกมือเข้าไปในร่างของภูตวิญญาณ ซึ่งสลายตัวเป็นเปลวไฟในทันทีแต่ก็ไม่ส่งผลให้กับพวกมารมากนักเมื่อพวกมันมีระดับสูงกว่าภูตวิญญาณมากนัก เพราะว่าพวกมารเหล่านี้ต่างมีระดับสูงถึงหกขึ้นไป เนื่องจากเป็นคนสนิทของเจ้าของปราสาท

“ระวัง พวกนี้ฝึกวิชาแปลก สามารถฝึกวิชาเพลิงได้ด้วย และดูเหมือนพวกมันเป็นเพียงแค่ร่างจำแลง” พวกมันพากันกล่าวเตือนกันเอง แม้ว่าจะไม่เคยเห็นร่างจำแลง แต่ว่าเมื่อโจมตีแล้วไม่โดนศัตรู นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายมีความสามารถในการสร้างร่างปลอมทิ้งไว้ หรือไม่ก็นี่เป็นเพียงวิชาของอีกฝ่ายเท่านั้น

“อย่ามัวแต่สู้พัวพันตรงนี้ บุกไปโจมตีหกคนนั่น” จอมมารกล่าว ขณะที่ต่อยหมัดขนาดยักษ์บดขยี้ร่างภูตหลายร่างทิ้งไปอย่างง่ายดาย แล้วพุ่งทะยานต่อยหมัดอีกหมัดเข้าใส่กลุ่มหงเซียว

ตึง หมัดยักษ์ของมันปะทะชนเข้ากับสิ่งหนึ่งอย่างรุนแรง เมื่อดูให้ถ้วนถี่ก็พบว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีหกแขนมีร่างกายท่อนล่างเป็นงูที่มีขนาดสูงใหญ่สามเมตร สิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นกำลังยื่นฝ่ามือออกยันกับหมัดของมันไว้

มันหน้าแปรเปลี่ยนไป ผู้ที่สามารถรับหมัดของมารในชั้นของมัชฌิมเซียนได้อย่างตรงๆนั้นจะต้องแข็งแกร่งไม่แพ้กัน

แม้ว่าระดับของภูษาเซียนภูตวิญญาณจะยังอยู่ที่ระดับสี่ แต่ว่าในช่วงหนึ่งเดือนนี้หงเซียวและหญิงสาวทั้งหมดล้วนก้าวเข้าถึงระดับเก้าชั้นปฐมเซียนแล้วจากการต่อสู้ แย่งชิงทรัพยากร รวมถึงการฝึกฝนวิชาอย่างหนัก และบรรดาภูษาเซียนนาคาทั้งหลายก็มีระดับถึงระดับเจ็ดชั้นปฐมเซียนแล้ว แต่ระดับของภูษาเซียนนาคานั้นไม่อาจวัดได้ด้วยสามัญสำนึกทั่วไป ทุกระดับที่เพิ่มขึ้นมาทำให้พวกมันมีพลังในการทำลายล้างเหนือกว่ามนุษย์มากนัก

ขณะที่มารกำลังตะลึงไปชั่วขณะนั้น มืออีกสองข้างของนาคินินทร์ก็น้าวคันศรในมือแล้วปล่อยลูกศรพลังงานเข้าใส่มารเขตมัชฌิมเซียนระดับต้นนี้ทันที

แต่มารตนนี้ก็ไวทายาท มันต่อยหมัดอีกหมัดสวนออกมาพร้อมกับฉากหลบไปด้านข้าง หมัดขนาดยักษ์ที่พุ่งเข้าชนกับลูกศรพลังงานนั้นทำให้เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่ว บรึม ถึงแม้ว่าหมัดนั้นจะทนอำนาจของศรไม่ได้ แต่ว่าทิศทางของศรก็เฉไป

มันหยิบป้ายขึ้นมาจากแหวนมิติและกล่าวว่า “ระดมกำลังทั้งหมดมาที่ด้านหน้า” แล้วหยิบหอกออกมาจากแหวนมิติด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

นาคินินทร์กำลังจะยิงศรลูกใหม่ออกมา แต่ว่ามารตนนี้ก็พลันแทงหอกออกมา เกิดเป็นแท่งหมอกสีดำยาวพุ่งข้ามระยะสิบเมตรเข้ามาทันที

นาคินินทร์ยกสังข์ในมืออีกข้างขึ้น เกิดเป็นเกราะพลังล้อมตัวเธอไว้

กึงงง เสียงของพลังสองรูปแบบปะทะกัน แต่เสียงนั้นกลับเหมือนกับเป็นการปะทะกันของของแข็งสองชนิด

ภูตสองร่างพลันปรากฏขึ้นข้างกายของมารตนนั้น หนึ่งทิ่มแทงเข้าใส่ด้วยกระบี่เพลิงสังหาร อีกหนึ่งตวัดกรงเล็บที่เล็กเรียวราวกิ่งไผ่ฟาดฟันด้วยปราณเกราะสายฟ้า

“บัดซบ” มารซึ่งกำลังจะโจมตีนาคินินทร์ต่อนั้นพลันเสียจังหวะเมื่อต้องรับมือภูตสองร่าง ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาด้วยหงเซียวในจังหวะที่เหมาะที่สุด

ฟุบ ศรในมือของนาคินินทร์ที่น้าวไว้ตั้งแต่ก่อนถูกโจมตีด้วยหอกนั้นถูกปล่อยออกไป

มารตนนั้นถอยออกไปขณะที่กวัดแกว่งหอกเป็นวงด้านหน้าต้านรับลูกศรพลังงานที่พุ่งเข้าหาพร้อมกับฟาดใส่ภูตสองร่างที่กำลังโจมตีจนสลายตัวไป

“มารตนนี้ตึงมือกว่ายันต์มารที่แดนเซียนปลามังกรแฮะ” เขากล่าว

แม้จะกล่าวเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้หยุดมือ สร้างภูตอีกสองร่างด้านหลังที่มารกำลังถอยไป ขณะเดียวกัน เพชรา นาคาของซีชี่ก็น้าวคันศรขึ้นมาบ้าง และโลหิตา นาคาของเหมยเหมย ก็ยกคทาขึ้นซึ่งก็พลันมีลูกบอลเพลิงก่อตัวขึ้นที่ปลายคทาทันที

มารนั้นเก่งในการใช้หอกเหลือเชื่อ ทันทีที่ลูกศรพลังจากนาคินินทร์กระทบเข้ากับหอกที่กวัดแกว่งอยู่ หอกนั้นก็บิดหมุนรอบตัวแล้วทำลายภูตสองร่างด้านหลังได้ก่อนที่พวกมันจะทำอะไรกับมารตนนั้นได้

ในเวลานั้นที่ปราสาทที่อยู่ไกลออกไป มารจำนวนมากก็เริ่มแสดงตัวขึ้นมา และเพียงไม่ถึงห้าวินาที มารกว่าห้าสิบตนก็พุ่งเข้ามาร่วมการต่อสู้ในสมรภูมิ

หงเซียวและบรรดาหญิงสาวก็ไม่ออมรั้งอีกต่อไป ภูษาเซียนแทบทั้งหมดต่างพากันปรับเปลี่ยนผึ้งเซียนและเพิ่มความสามารถให้กับพวกมัน

การต่อสู้รุนแรงขึ้นทุกขณะกินพื้นที่กว้างขึ้น พวกมารต่างพากันล้มตายลง ขณะเดียวกันผึ้งเซียนหลายตัวก็สูญสลายไปเช่นเดียวกับร่างจำแลง

แต่อย่างไรก็ตาม พวกมารที่ตกตายนั้นไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ ขณะที่ผึ้งเซียนและร่างจำแลงนั้นสามารถสร้างกลับคืนมาได้ แม้ว่าการสร้างผึ้งเซียนนั้นจะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง

ภูษาเซียนวิถีไร้ลักษณ์นั้นสร้างผึ้งเซียนที่ใช้เชือกเซียน พวกมันพยายามใช้เชือกเซียนเพื่อรั้งแขนขาศัตรูเอาไว้ทำให้อีกฝ่ายเกิดความติดขัดในการทำสิ่งต่างๆและพลาดถูกกระบี่เพลิงสังหารทะลวงเข้าไปในร่างกาย

แต่วิธีนี้ใช้กับพวกมารไม่ได้ เพราะที่ปรากฏให้เห็นก็คือหมอกดำที่รายล้อมรอบร่างของมัน ไม่มีเนื้อหนังให้เชือกเซียนได้ยึดเกาะ หงเซียวจึงได้ทดลองส่งร่างจำแลงที่ใช้ปราณคงกระพันเข้าไปพัวพัน

ตึง ร่างจำแลงกระเด็นออกไป แต่มันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย

ในที่สุดหงเซียวก็ยิ้มออกมาได้

PS: ต้องขอบอกว่าอาทิตย์นี้ผมอยู่ต่างจังหวัด พยายามที่จะเขียนตอนใหม่ แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะว่ามีหลายอย่างต้องทำ ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใข้ก็อยู่ที่บ้าน(คอมฯตั้งโต๊ะ) ดังนั้นจึงขออภัยเพื่อนๆทุกคนที่ต้องเลื่อนการลงตอนต่อไปเป็นวันจันทร์หน้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด