ตอนที่แล้วบทที่ 8 เพื่อนร่วมบ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 อยากชวนไปกินข้าวจริงๆ นะ

บทที่ 9 รุ่นพี่มหาวิทยาลัยหนิงไห่


วันถัดมา เย่โม่ไม่ได้ไปฝึกฝนที่สวนริมทะเลสาบชิงตู้  แต่เขากลับตื่นแต่เช้าขึ้นมาฝึกวิชาหมัด 1 รอบภายในสวน จากนั้นเขาจึงออกไปข้างนอกเพื่อซื้อกล่องอุปกรณ์การแพทย์ขนาดเล็กและเข็มเงินชุดหนึ่ง  รวมถึงสมุนไพรจำนวนหนึ่งกลับมาด้วยเพื่อปรุงยาลูกกลอนและซุปสมุนไพรแบบง่ายๆ  แน่นอนว่าไม่อาจเทียบได้กับยาอายุวัฒนะขั้นธรรมดาด้วยซ้ำ  แต่ตามความเห็นของเย่โม่เท่านี้ก็เพียงพอให้เขานำมาตั้งแผงลอยแล้ว

เมื่อเป็นแบบนี้การเงินของเขาจึงเข้าขั้นวิกฤตอีกครั้ง  ช่วงเวลาที่เขาเตรียมความพร้อมอยู่นั้นมหาวิทยาลัยหนิงไห่ก็เปิดเทอมแล้ว  ตอนนี้เย่โม่ได้กลายเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ของมหาวิทยาลัยหนิงไห่แล้ว

ไม่เกินความคาดหมายของทุกคนมากนักเมื่อเย่โม่ไม่ผ่านเลยสักวิชาเดียว  ต้องสอบใหม่ทั้งหมด  ทว่าเย่โม่เองกลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย  ถ้าเป็นนักศึกษาทั่วไปหากต้องซ่อมเกิน 3 วิชาล่ะก็  อาจจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักหรือถึงขั้นพักการเรียน  กรณีของเย่โม่นับว่าเป็นกรณีแรก

ถึงเขาจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลเย่แล้ว... แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่อาจสร้างความไม่พอใจให้ตระกูลเย่เพราะเรื่องแบบนี้ได้  ใครจะรู้ว่าพวกตระกูลคนใหญ่คนโตเขาเล่นอะไรกันอยู่  ถึงยังไงพอเย่โม่เรียนจบปี 4 เขาก็ไปแล้ว  ทางมหาวิทยาลัยเองก็ไม่เสียหายอะไร  ตอนที่เย่โม่เข้ามหาวิทยาลัยหนิงไห่ปีนั้นเขาก็ไม่ได้สอบเข้ามาเช่นกัน

เย่โม่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องสอบซ่อมแม้แต่น้อย  เขายังต้องเตรียมแผงลอยเพื่อไปตั้งตอนกลางคืน  ตอนเช้าไปห้องสมุดมหาวิทยาลัย  ตอนเย็นไปตั้งแผงลอย

ทุกวันเย่โม่มามหาวิทยาลัยหนิงไห่ด้วยการวิ่ง  จุดประสงค์ก็เพื่อฝึกฝนวิชา ‘เท้าเงาเมฆา’ ตอนนี้การฝึกปราณของเขาถือว่าไร้หนทางพัฒนา  หากแม้แต่ทักษะยุทธทั่วไปยังฝึกไม่สำเร็จนั่นก็คงวิกฤตแล้วจริงๆ  ทว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เขาก็ไม่เคยรู้สึกถึงความอันตรายของการฆ่าฟันกันเหมือนกับที่ดินแดนลั่วเยว่  นั่นจึงทำให้เขาโล่งใจไม่น้อย

การเรียนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้ว  แม้เย่โม่จะยังเตรียมเปิดคลินิกแผงลอยไม่เสร็จดี  แต่เขาก็รู้สึกได้เลยว่า ‘เท้าเงาเมฆา’ พัฒนาไปมาก  ดูท่าว่าการไปกลับระยะทางกว่า 70 กิโลเมตรจะมีข้อดีเหมือนกัน

เช้าวันนี้เย่โม่ตื่นสายกว่าทุกวันถึง 1 ชั่วโมง  กว่าเขาจะวิ่งไปถึงมหาวิทยาลัยหนิงไห่ก็เป็นเวลา 7 โมงกว่าแล้ว  เขาเดินไปยังร้านอาหารว่างนอกมหาวิทยาลัยเพื่อซื้อซาลาเปา 2-3 ลูกและนมถั่วเหลือง 1 แก้ว  หลังกินเสร็จก็เกือบ 8 โมงแล้ว

“พี่ใหญ่... สนใจซื้อดอกไม้สักดอกไหม?”  ข้างนอกร้านของว่างมีเด็กหญิงคนหนึ่งถือดอกไม้ไว้ในมือเดินมาถามเย่โม่อย่างกล้าๆ กลัวๆ

เย่โม่มองเด็กหญิงรูปร่างผอมบาง  อากาศช่วงปลายเดือนกันยายนตอนเช้าๆ นั้นยังหนาวอยู่บ้าง  เด็กน้อยคนนี้ออกมาขายดอกกุหลาบแต่เช้า  ดูท่าฐานะทางบ้านคงยากจน  เย่โม่หวนคิดไปถึงช่วงเวลาวัยเด็กของตนที่เป็นเด็กข้างถนนเช่นกัน จนกระทั่งอายุได้ 9 ขวบจึงได้นักพรตท่านหนึ่งพาไปยังสำนักของอาจารย์  จากนั้นไม่ถึงปีนักพรตท่านนั้นก็เสียชีวิตลง  หลังจากนั้นเขาก็ได้อาศัยอยู่กับอาจารย์ลั่วอิ่ง  ชีวิตจึงได้ดีขึ้นมา

“ทำไมไม่ไปโรงเรียน?”  เย่โม่ถามพลางคิดในใจว่าตอนนี้ก็ได้เวลาเข้าเรียนพอดี  ที่นี่ก็มีการศึกษาภาคบังคับถึง 9 ปี เด็กน้อยคนนี้ก็ควรจะเข้าเรียนไม่ใช่หรือ?

“วันนี้วันเสาร์... หนูมาช่วยพี่สาวขายดอกไม้น่ะ”  เด็กหญิงพูดเสียงเบาแต่เย่โม่ก็ยังฟังออกถึงความไม่สบายใจของเธอ  ถึงอย่างนั้นเย่โม่ก็ยังถามต่อ  “ได้สิ!  ฉันจะซื้อเสียหน่อย  ดอกละเท่าไหร่?”

เขาไม่นึกว่าวันนี้จะเป็นวันเสาร์  วิ่งไปวิ่งมาทุกวันจนลืมเวลาเสียแล้ว

“ห้าหยวน… ถ้าซื้อเยอะก็จะเหลือสามหยวน”  เมื่อเด็กหญิงได้ยินว่าเย่โม่จะซื้อดอกไม้น้ำเสียงของเธอก็แจ่มชัดขึ้นทันที  เห็นได้ชัดว่าถ้อยคำของเย่โม่ทำให้เด็กหญิงเชื่อใจเขาไม่น้อย

“ฉันอยากได้ดอกไม้ในมือหนูทั้งหมดเลย นี่เงิน”  เขามองๆ ดูแล้วในมือของเด็กหญิงมีดอกกุหลาบอยู่ประมาณ 20 ดอก  เขาหยิบแบงค์ร้อยหยวนส่งให้เด็กน้อยจากนั้นก็หยิบดอกไม้ในมือเธอมาแล้วเดินจากไป

“พี่ใหญ่ หนูยังต้องทอนพี่อยู่นะ!”  เด็กน้อยมองแบงค์ร้อยหยวนในมือ  เธอต้องขายดอกไม้ทั้งหมดดอกละห้าหยวนถึงจะได้ราคานี้

“ไม่ต้องแล้ว  ดอกไม้ที่ซื้อให้คนรักไม่ควรต่อราคา  แล้วเจอกัน”  ร่างของเย่โม่ที่ถือดอกไม้อยู่ได้หายเข้าประตูมหาวิทยาลัยไป

ถ้าตอนนี้เป็นเวลาหลังเลิกเรียนล่ะก็  ดอกไม้พวกนี้เย่โม่อาจจะยกให้กับซู่เวยไปแล้ว  แต่ตอนนี้อยู่ในมหาวิทยาลัย เห็นทีคงได้แต่หาถังขยะทิ้ง

“หืมม... คนที่เพิ่งซื้อดอกไม้คนนั้นใช่เด็กมหาลัยเราที่ชื่อเย่โม่หรือเปล่า?  เขามีแฟนแล้วเหรอ?  คำพูดของเขาดูปรัชญาใช้ได้เลยนี่  ‘ดอกไม้ที่ซื้อให้คนรักไม่ควรต่อราคา’  ใครกันช่างกล้าหาญจริงๆ  ถึงกับกล้าเป็นแฟนของเขาได้?”  หญิงสาวสองคนตรงหน้าประตูทางเข้ามองเห็นเย่โม่ถือดอกกุหลาบเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัย  หนึ่งในนั้นที่รู้จักเย่โม่กล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจ

“เขาคือเย่โม่เหรอ?”  หญิงสาวอีกคนถามขึ้นด้วยความประหลาดใจเช่นกัน  เธอคนนี้สวยกว่าคนพูดคนแรกมาก  เห็นได้ชัดจากคำพูดของเธอคนนี้ว่าเคยได้ยินเรื่องราวของเย่โม่มาก่อนแต่ก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว

“ซูเหมย  เธอเป็นถึงสาวงามอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยหนิงไห่  แน่นอนว่าเธอไม่รู้จักคนตกอับแบบนี้  ฉันเคยได้ยินเรื่องราวมาบ้าง  เราตามไปดูกันเถอะว่าแฟนสาวของเขาเป็นใครกันแน่!”  หญิงสาวอีกคนหัวเราะคิกคัก

“เยี่ยนจือ  ฉันรู้สึกนะว่าเขาไม่ได้ตั้งใจซื้อให้แฟนอย่างที่พูด  แต่กลับซื้อเพื่อช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้นต่างหาก”  หญิงสาวที่ชื่อซูเหมยขมวดคิ้วพลางกล่าวขึ้น

ยังไม่ทันที่เยี่ยนจือจะได้พูดอะไรต่อก็มีเสียงๆ หนึ่งดังมาทันที  “เสี่ยวเหมย  กำลังตามหาเธออยู่พอดี  ไม่นึกว่าจะมาเจอเธอหน้ามหาลัยแบบนี้  เห็นว่าวันนี้เธอว่างนี่  ไปกินข้าวกันเถอะ  เธอคงไม่พูดนะว่าไม่ว่างน่ะ”

รถ BMW X7 คันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ตรงหน้าประตูมหาวิทยาลัย  ผู้ที่เดินลงมาจากรถเป็นชายหนุ่มหุ่นดีทว่าสีผิวซีดขาวอย่างคนสุขภาพไม่ดี  พอเห็นซูเหมยใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความดีใจ

“นี่มันเจิ้งเหวินเฉียว!  คุณชายอันดับ 1 ของมหาลัยหนิงไห่นี่เอง  เหมยเหมย  เธอนี่เสน่ห์แรงจริงๆ  สาวงามอันดับ 1 กับคุณชายอันดับ 1 ฉันล่ะอิจฉาเธอจริงๆ....”  เยี่ยนจือมองไปยังซูเหมยด้วยความอิจฉา  ถ้าตัวเธอเป็นซูเหมยก็คงจะดี

สีหน้าของซูเหมยหนักอึ้ง  หันกลับไปมองคุณชายคนนี้แล้วพูดอย่างขอโทษขอโพยเล็กน้อย

“ขอโทษทีนะ… พอดีแฟนของฉันมาแล้วน่ะ”

พูดจบซูเหมยก็รีบวิ่งออกไปอยู่ข้างๆ เย่โม่แล้วยื่นมือไปจับแขนของเขาไว้  จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  “โม่ ทำไมเธอเพิ่งจะมาล่ะ  ฉันรอตั้งนาน… ดอกไม้พวกนี้ซื้อให้ฉันเหรอ  สวยจริงๆ”

เย่โม่รู้สึกงุนงงเมื่อถูกสาวสวยแปลกหน้ามาจับแขนเขา  อีกทั้งยังพูดอีกว่าดอกไม้ในมือเขาซื้อมาให้เธอ  ในใจก็คิดว่าเขาไปมีแฟนสวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ทำไมตัวเขาเองยังไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย

แต่เย่โม่เองก็ได้เห็นว่าไม่ไกลจากตรงนี้  เจิ้งเหวินเฉียวที่เพิ่งลงมาจากรถ BMW นั้นมีสีหน้าหมองคล้ำ  เห็นแบบนั้นก็รู้ทันทีว่าตัวเองถูกนำไปเป็นโล่ห์แล้ว  เมื่อมองไปยังสาวสวยที่กอดแขนเขาไว้อยู่ด้วยรอยยิ้ม  เย่โม่ยิ้มหยันในใจ  ความรังเกียจรูปแบบหนึ่งพุ่งขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ

หญิงสาวคนนี้คิดว่าตัวเองเกิดมาหน้าตาสะสวย  จึงไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา  จากมุมมองของเธอการเอาเขาเป็นโล่ห์ถือเป็นเรื่องปกติ  พอจบเรื่องแล้วก็สะบัดก้นเดินจากไป  แต่ขี้ก็จะมาตกอยู่ที่เขา  ราวกับว่าที่เธอเลือกเขาเป็นโล่ห์นั้นถือเป็นเกียรติของเขา  ผู้หญิงถือดีแบบนี้จะคิดว่าตัวเองดีเลิศเกินไปแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด