ตอนที่แล้วบทที่ 2 ตระกูลหนิงอยากถอนหมั้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 ลูกค้ารายแรก

บทที่ 3 คนขายยันต์...นายมันบ้าไปแล้ว


หลังจากขอบคุณหวางอิ่ง  เย่โม่ก็กลับไปที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งเพราะนอกจากที่นี่เขาก็ไม่มีที่ไปอื่นแล้ว  เขายังรู้สึกไม่คุ้นเคยกับโลกแห่งนี้  อย่างน้อยที่นี่ก็ยังใช้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้  อีกทั้งในตรอกนี้พลังฟ้าดินยังเบาบางกว่าในมหาวิทยาลัยเสียอีก

หลังจากเรียนจบคาบนั้น  เขาก็ไม่ได้ไปหาอาจารย์ภาษาอังกฤษ  เขาคิดว่าคะแนนจะได้ศูนย์หรือเต็มก็ไม่ต่างกัน  ไม่จำเป็นต้องไปฟังคำบ่นยืดยาวของเธอ  ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ฝึกปราณ  ทว่าความทรงจำกลับเป็นเลิศ  ถ้าอยากเรียนรู้อะไรสักอย่างไปห้องสมุดก็ได้

วันถัดๆ มา  หากเย่โม่ไม่ฝึกปราณเขาก็ไปห้องสมุด  บางครั้งก็ไปห้องเรียนเพื่อฟังเฉพาะวิชาที่เขาสนใจ  ส่วนเรื่องที่ว่าโดดเรียนมากๆ จนไม่ได้ใบประกาศเรียนจบนั้นเขาไม่ใส่ใจมาตั้งแต่แรกแล้ว

แต่เดิมหอพักห้องหนึ่งจะมี 4 คน  แต่รุ่นพี่คนหนึ่งมักจะอยู่ที่ร้านเกมส์ทุกวัน  อีกคนก็ไปอยู่ห้องเช่ากับแฟนข้างนอกใช้ชีวิตตามประสาคู่รัก  ส่วนอีกคนก็ไปอาศัยอยู่ในเมือง  เย่โม่เองก็มักจะไปฝึกปราณที่ป่าแต่ละครั้งกินเวลาทั้งคืน  พูดได้ว่าปกติในห้องพักแห่งนี้จะว่างเปล่าเสมอ มีเพียงเย่โม่ที่ทุกๆ 3 วันจะกลับมานอนที่นี่  เวลาที่เหลือก็ใช้ไปกับการฝึกปราณ

แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าแบบนี้ฝึกไปก็ไม่ได้ผลอะไร  ฝึกให้ตายก็อาจไปไม่ถึงขั้นพื้นฐาน  ทว่านี่เป็นความเคยชินไปแล้ว นอกจากฝึกปราณเขาก็ไม่มีอย่างอื่นทำอีก  ความทรงจำของเขาดีมาก  อ่านเรื่องที่ชอบเพียงครั้งเดียวก็จำได้หมด  นับว่าประหยัดเวลาได้เยอะ

แต่ก่อนเย่โม่ก็ไม่ใช่คนอวดตัวอยู่แล้ว  เมื่อมาในที่แปลกถิ่นเขาก็ยิ่งระวังตัวมากขึ้น  แต่เพราะเรื่องจดหมายรักในครั้งนั้นทำให้เขาได้ฉายาว่า  ‘คนรักใต้เตียง'  ทว่ากับเรื่องนี้เย่โม่เองไม่ใส่ใจอยู่แล้ว

ตอนแรกๆ ยังมีหลายคนมองว่าเขาหน้าด้านมากที่เขายังกล้ามาโรงอาหารหรือห้องสมุดด้วยอาการเฉยชา  แต่พอเวลาผ่านไปคนเหล่านั้นก็เลิกสนใจไปเอง  คล้ายว่าตัวตนของเย่โม่ก็เหมือนกับน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร  ไม่แตกต่างจากคนอื่น

เวลาผ่านไป 2 เดือน  เย่โม่สามารถฝึกฝนได้ถึงด่านรวมปราณระดับ 1 อย่างยากเย็น  สาเหตุก็เพราะนอกจากเขาจะฝึกทั้งวันทั้งคืนไม่หยุดหย่อนแล้ว  ยังเป็นเพราะเขานำเงินสองหมื่นหยวนที่ได้มาจากหวางอิ่งไปซื้อสมุนไพรมาต้มเป็นซุปดื่มจนหมด

เขารู้ดีว่าถ้าไม่มีปัจจัยภายนอกช่วย  กว่าจะฝึกได้ถึงระดับ 1 ก็คงชาติหน้า

แม้ในการฝึกจะไม่มีพัฒนาการมากนัก  ทว่าเขากลับได้ความรู้จากห้องสมุดมาไม่น้อย  เวลาเพียง 2 สัปดาห์  เขาไม่เพียงแต่เรียนรู้จากระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมปลายจนหมดแล้ว  เขายังเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องยาและความรู้เหนือธรรมชาติต่างๆ อีกด้วย

ถึงเขาจะมองว่าความรู้ด้านนี้ของห้องสมุดจะยังตื้นเขินมากแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย  เพราะตอนนี้เขาเพิ่งอยู่แค่ระดับ 1 เท่านั้นเอง

ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน  ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยจะมีการปิดปรับปรุงทำให้เย่โม่ไม่มีที่จะไป  ซ้ำตอนนี้เขายังประสบปัญหาการเงินอย่างหนัก  เงินที่ติดตัวอยู่เริ่มไม่พอแล้ว  มีเหลือเพียงสองพันกว่าหยวนเท่านั้น  หากช่วงปิดเทอมนี้ไม่ไปทำงานหาเงินล่ะก็  อย่าว่าแต่เงินจะซื้อยามาฝึกฝนเลย  แค่เงินที่ใช้ซื้อข้าวกินก็เป็นปัญหาแล้ว

ถ้าหาแค่งานทั่วๆ ไปทำ  สำหรับคนอื่นคงไม่มีปัญหาอะไร  แต่กับเย่โม่นั้นไม่ใช่  เขายังต้องฝึกปราณอีก  มีเพียงการฝึกเท่านั้นที่ทำให้เขามองเห็นเส้นทางข้างหน้าของตนได้  ถ้าไม่มีเงินก็จบกัน  อีกทั้งเงินที่เขาได้มาตอนเข้าเรียนก็ยังขาดอยู่อีกมาก

ถึงเขาจะปรุงยาเป็น  แต่ตอนนี้เขาอยู่แค่ระดับ 1 ยังไม่อาจปรุงยาอะไรได้  หากเขาฝึกถึงระดับที่สามารถปรุงยาได้ แล้วอย่างไรเล่า?  ที่นี่จะมีหญ้าวิญญาณหรือ?  มีเตาหลอมยาไหมเล่า?

เย่โม่จึงยอมแพ้เรื่องปรุงยา  ดีที่เขายังทำยันต์ได้  ตอนนี้อยู่ระดับ 1 คงทำยันต์ชั้นสูงไม่ไหว  แต่พวกระดับล่างอย่าง ‘ยันต์ชำระวิญญาณ’  ‘ยันต์ไล่วิญญาณร้าย’  ‘ยันต์คุ้มกาย’  และของง่ายๆ อย่าง ‘ยันต์บอลเพลิง’ ของพวกนี้เขาสามารถทำได้

เขาซื้อกระดาษยันต์  ขนหมาป่า  ชาด (สีแดงที่ใช้ทาหรือย้อม) และอื่นๆ แม้ว่ายันต์ดีๆ มักจะถูกสร้างจากผิวหนังและเลือดของสัตว์อสูร  แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสัตว์อสูรในที่แบบนี้  ทำได้แค่เอาชาดและเลือดไก่มาทำแทน  หลังจากใช้ชาดและเลือดไก่ผสมกับสมุนไพรราคาถูก  แล้วนำมาปรุงจนกลายเป็นวัตถุดิบที่มีกลิ่นหอมจางๆ

เงินสองพันหยวนเอาจริงๆ แล้วถือว่าน้อยมาก  วัตถุดิบแค่นี้สามารถสร้างยันต์ได้เพียง 30 กว่าแผ่นเท่านั้น  นี่ยังไม่นับวัตถุดิบที่เสียไปจากการสร้างพลาดอีก

เดิมทีเขาเป็นถึงยอดฝีมือที่สามารถสร้างอุปกรณ์เวทย์พวกนี้ได้ถึงระดับ 5  แต่ตอนนี้เขาอยู่แค่ระดับ 1 และที่เขาสร้างอยู่ตอนนี้ยังไม่ถูกนับระดับด้วยซ้ำ

จากวัตถุดิบที่ทำได้ 30 แผ่น ถูกเขาสร้างออกมา 8 แผ่น  ‘ยันต์ชำระวิญญาณ’  ‘ยันต์ไล่วิญญาณร้าย’  ‘ยันต์คุ้มกาย’ ‘ยันต์บอลเพลิง’ อย่างละ 2 แผ่น  ถึงแม้จะสร้างได้เพียงแค่ 8 แผ่นเท่านั้น  ทว่าหนึ่งในจำนวนนั้น ‘ยันต์ชำระวิญญาณ’ ที่เย่โม่สร้างมีคุณภาพดีจนเกือบจะกลายเป็นยันต์ระดับ 1 อยู่แล้ว  นับว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและน่ายินดีจริงๆ

ยันต์ 8 แผ่นนี้เขาใช้เวลากว่าครึ่งเดือนทำขึ้นมา  โดยเฉลี่ยแล้ววันหนึ่งทำได้ไม่ถึงแผ่นด้วยซ้ำ  ขั้นตอนต่อไปก็ขายยันต์

แม้จะรู้ดีว่าการเอายันต์มาขายในที่แบบนี้จะถูกมองว่าเป็นเรื่องงมงายเหนือธรรมชาติ  แต่ทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้มีมาตราการห้ามปรามเด็ดขาด  ที่หนิงไห่มีตลาดขนาดใหญ่ที่ขายของพวกนี้เรียกว่า ‘ตลาดซื้อขายสมบัติโบราณ’ หรือที่เรียกกันว่า ‘สวนสมบัติ’  ที่แห่งนี้ไม่เพียงแต่จะมีสมบัติชนิดต่างๆ วางขายเท่านั้น  ยังมีทั้งสมบัติประหลาดๆ  รวมถึงคนขายยันต์แบบเย่โม่ด้วย

เย่โม่มองดูยันต์ที่คนเหล่านี้ขาย  ล้วนแล้วแต่เป็นกระดาษเปล่าธรรมดาๆ ไม่มีพลังวิญญาณแม้แต่น้อย  ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ยันต์พวกนี้ขายในราคาถูกเพียงสิบหยวนหรือหลายสิบหยวนต่อแผ่นเท่านั้น  มีน้อยมากที่ราคาจะเกินหนึ่งร้อยหยวน

แน่นอนว่ายันต์ของเย่โม่ไม่อาจขายในราคาถูกแบบนี้ได้  หากเขาขายถูกแบบนี้ล่ะก็สู้ไปหางานอื่นทำยังจะดีเสียกว่า

เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครจำเขาได้  จะได้ไม่ส่งผลต่อความสงบในชีวิตของเขา  เย่โม่จึงสวมแว่นดำขนาดใหญ่และหมวกทรงต่ำ  เขาหามุมตั้งแผงลอยคล้ายกับพวกหมอดู  วางยันต์ต่างๆ บนผ้าปูสีดำ

ธุรกิจเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

ถึงแม้ในหนิงไห่เองจะมีเจ้าหน้าที่ทางการเยอะ  ทว่าที่ ‘สวนสมบัติ’ แห่งนี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียว  ด้วยเหตุนี้เองจึงไม่มีใครมาว่ากล่าวอะไรเขา  ช่วยลดเรื่องยุ่งยากให้เย่โม่ได้เยอะ

หากบอกว่ายันต์ที่คนอื่นขายต้องพึ่งจำนวนเพื่อจะทำเงินได้

ยันต์ของเย่โม่กลับต้องขายให้กับคนที่รู้ค่าเท่านั้น!

“หืมม...  ‘ยันต์ไล่วิญญาณร้าย’ นี่คืออะไรเนี่ย  เฮ้!  เจ้าของร้าน ‘ยันต์ไล่วิญญาณร้าย’ นี่ขายแผ่นละเท่าไหร่”  ชายหญิงคู่หนึ่งเดินมาตรงหน้าของเย่โม่  เป็นผู้ชายที่เอ่ยถามออกมา

เย่โม่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งวางแผงขายได้ไม่ทันไรก็มีคนมาถามราคาแล้ว  รีบผุดลุกขึ้นตอบด้วยความยินดี

“ยันต์ทุกแบบขายแผ่นล่ะหนึ่งหมื่น...”

“ท่าจะบ้า!...”  เย่โม่ยังไม่ทันพูดจบก็โดนสวนกลับมาด้วย 3 คำนี้  แล้วสองคนนั้นก็เดินจากไปไกลทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด