ตอนที่แล้วบทที่ 12 อยากจะรักษาตามอาการหรือรักษาโรค?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 ไม่มีคนๆ นี้อยู่

บทที่ 13 ไม่ใช่พวก 18 มงกุฏ


เมื่อได้ฟังคำพูดของเย่โม่ดวงตาของชายแก่ก็ปรากฏแววประหลาดใจออกมา  ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเย่โม่เป็นคนมีฝีมือ  แต่การบอกว่าสามารถรักษาเขาให้หายขาดได้ก็ยังยากที่จะเชื่ออยู่ดี  อีกทั้งยังพูดถึงเรื่องเงินอีก คนๆ นี้ไร้จรรยาบรรณแพทย์โดยสิ้นเชิง

ในการแพทย์นั้นหากบอกว่ามีโอกาส 7 ส่วนนั้นความหมายก็คือมีความมั่นใจมากแล้ว  แต่คนๆ นี้กลับพูดออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย  นี่ทำให้ชายแก่ที่เชื่อใจเย่โม่อยู่แล้วยิ่งวางใจ  ทว่าเมื่อมาคิดดูแล้วหากเขาไม่รักษาตอนนี้เขาก็มีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น  แต่หากรักษาไม่หายก็จะกลายเป็นว่าถูกหลอกเอาเงินอีก

จะหลอกเงินจากเขาล่ะก็ไม่ง่ายขนาดนั้นแน่  คิดถึงตรงนี้ชายแก่ก็พูดขึ้น  “คุณบอกว่าตอนนี้คุณไม่มั่นใจว่าจะรักษาผมให้หายขาดได้  ถ้าอย่างนั้นตอนไหนคุณถึงจะมั่นใจล่ะ?”

“3 ปี”  เย่โม่พูดยิ้มๆ

เย่โม่คิดในใจว่าต้องรอ ‘หญ้าหัวใจสีเงิน’ ของเขาใช้ประโยชน์ได้ก่อน  ถึงเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่ชายแก่คนนี้ต้องการสื่อแต่ก็รู้ว่าคงสงสัยตัวเขาอยู่บ้าง  แต่จะก็ช่างเถอะ  ถึงยังไงโอกาสทำเงินแบบนี้ก็ทำได้แค่ครั้งนี้เท่านั้น

เย่โม่เองก็ไม่โง่พอจะบอกข้อมูลของตัวเองให้คนอื่นฟัง  ถึงจะกลัวพลาดเงินครั้งนี้ไปบ้างแต่ก็ไม่อาจบอกเรื่องของเขาให้ใครรู้ได้  โลกนี้เป็นแบบไหนตัวเย่โม่รู้ดี  เมื่อคนอื่นค้นพบว่าเขามีความสามารถแปลกๆ ที่แม้แต่วิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้ล่ะก็  เขาแน่ใจได้เลยว่าหนทางข้างหน้าต้องลำบากแน่ๆ

ด้วยพลังของเย่โม่ตอนนี้หากจะหนีก็ลำบาก  รัฐบาลมีอำนาจเข้มแข็งขนาดไหนเขารู้ดี  เพราะอย่างนั้นเขาจึงทำได้แค่แอบหาเงินเงียบๆ แบบนี้  ที่ไม่สามารถแสดงฝีมือได้อย่างสมภาคภูมิก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นหนูทดลองถูกแยกชิ้นส่วนไป

“งั้นก็รักษาตามอาการเถอะ!  นายต้องการเงินเท่าไหร่ล่ะ  แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินติดตัวเลย รอรักษาเสร็จก่อนผมจะให้คนโอนเงินให้  หรือไม่คุณก็ไปถอนเงินกับพวกเรา”  ชายแก่พูดขึ้นอย่างหมดความสนใจในตัวเย่โม่แล้ว  ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าชายคนนี้เป็นแค่คนหลอกลวงคนหนึ่งเท่านั้น  สาเหตุก็เพราะเขาบอกว่ารักษาให้หายขาดตอนนี้ไม่ได้  ต้องเป็นอีก 3 ปีให้หลัง  ใครเชื่อก็แปลกแล้ว

เหตุผลที่เขาอยากให้เย่โม่ลองรักษาก็เพราะเข็มเงินเหล่านั้นที่ช่วยปลุกเขาขึ้นมา  อีกทั้งเขายังอยากรู้ว่าหมอหนุ่มคนนี้จะเตรียมการหลอกลวงได้อย่างไร  เขาทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลลี่คัง  แล้วอย่างนี้จะหนีไปไหนได้

ทว่าเย่โม่กลับส่ายหัวแล้วพูดว่า  “ถ้าไม่มีเงินก็ไม่รักษา  ผมรักษาโรคก็เพื่อหาเงิน  แล้วเงินที่ผมอยากได้ก็ต้องจ่ายตอนนี้เท่านั้น  ส่วนเรื่องให้ไปกับพวกคุณนั้นผมไม่สนใจแม้แต่น้อย”

ที่เย่โม่ปฏิเสธข้อเสนอของชายแก่นั้นแท้จริงแล้วไม่มีน้ำหนักเท่าใดนัก  เรื่องก็คือเขาไม่อาจถูกเปิดโปงต่อหน้าสาธารณะได้  จิตใจคนเราโหดร้ายขนาดไหนเขารู้ตั้งนานแล้ว  พูดได้ว่านอกจากอาจารย์ลั่วอิ่งของเขาแล้วเย่โม่ก็ไม่อาจเชื่อใจใครได้อีก  อีกทั้งเดิมทีเขาก็ไม่เชื่อแน่ว่าหญิงสาวคนนี้จะไม่มีเงินติดตัวเลย  ดูท่าทางรวยขนาดนี้จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มีเงินติดตัวสักหยวนเดียว

ใบหน้าของชายแก่เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูทันที  ยังมีหมอแบบนี้อยู่อีก  ไม่ว่าเขาจะเป็นพวกต้มตุ๋นหรือไม่  ขนาดยังไม่ได้รักษาเลยแม้แต่น้อยก็ถามหาเงินค่ารักษาราวกับบัญชีเทพยามะ (ราชานรก) เสียแล้ว!  นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องขาดจรรยาบรรณแพทย์แล้ว  นี่มันไม่มีตั้งแต่แรกเลยต่างหาก

“ปู่คะ... ดูท่าหมอสมัยนี้จะเป็นแบบนี้เสียหมด  ไม่มีเงินก็ไม่รักษาให้  ปู่อย่าโกรธไปเลย”  เพราะปู่ของเธอปลอดภัยแล้ว  ในใจของฉิงเอ๋อจึงรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง  เธอหันไปปลอบปู่ของเธอให้เย็นลง

“รักษาตามอาการคุณคิดเท่าไหร่?”  ฉิงเอ๋อไม่ใช่คนโง่  ถึงเธอจะดูออกว่าเย่โม่พอมีฝีมือ  แต่ก็มีนิสัยโอ้อวดอยู่บ้าง แต่เพื่อโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่อาจรักษาปู่ของเธอได้  เธอเองก็ไม่อยากพลาดมันไปเช่นกัน

“สองแสนหยวน”  เย่โม่คาดว่าเสื้อผ้าบนตัวของหญิงสาวคนนี้รวมกันน่าจะประมาณสองแสนหยวน  ดังนั้นเงินจำนวนนี้สำหรับเธอแล้วคงถือว่าธรรมดาๆ

ทว่าหญิงสาวกลับรู้สึกโกรธขึ้นมา  เงินของเธอตอนนี้รวมแล้วมีอยู่แค่ห้าหมื่น  ชายคนนี้กลับขอเธอถึงสองแสนหยวน  หรือว่าเขามองว่าเสื้อผ้าของเธอแพงมากถึงเอ่ยปากอย่างนี้  แต่เสื้อผ้าบนตัวนั้นเธอไม่ได้เป็นคนซื้อเองแล้วก็ไม่มีเงินจะซื้อด้วย  เสื้อพวกนี้เป็นป้าของเธอที่ส่งมาให้

“ฉันมีแค่ห้าหมื่นหยวนอยู่ในนี้หมดแล้ว  รหัสคือ 880521”  พูดจบเธอก็หยิบบัตรธนาคารเพียงใบเดียวที่เธอพกไว้ส่งให้เย่โม่

เย่โม่รับบัตรไปพลางมองหญิงสาว  ในใจคิดว่างกจริงๆ ‘ยาปกป้องหัวใจ’ ของเขาแค่เม็ดเดียวก็เกินห้าหมื่นหยวนไปแล้ว  แต่ห้าหมื่นก็ห้าหมื่น... มีห้าหมื่นนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินไปสักระยะหนึ่ง

เขารับบัตรไปแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก  เย่โม่เปิดกระเป๋าหยิบเอายาสีดำเม็ดหนึ่งส่งให้ชายแก่  “กินยาปกป้องหัวใจเม็ดนี้ก่อน  เดี๋ยวผมจะช่วยฝังเข็มให้”

“นี่คือยาอะไร?  ปกป้องหัวใจ?  ทำไมรูปร่างน่าเกลียดขนาดนี้  นายคงไม่ใช่เจียงหูหลางจง(คำใช้เรียกแพทย์จีนโบราณเร่ร่อนสมัยก่อน อาจแฝงความหมายถึงพวกหลอกลวง)ใช่ไหมเนี่ย?  แต่ที่นี่คือโรงพยาบาลลี่คังนะ”  ฉิงเอ๋อหยุดมือของเย่โม่ไว้แล้วถามด้วยความเป็นกังวล

“ถ้าไม่เต็มใจให้รักษาผมจะคืนบัตรให้ทันที”  เย่โม่พูดอย่างไม่พอใจเล็กๆ

ชายแก่มองไปยังแววตาของเย่โม่แล้วโบกมือ  “ฉิงเอ๋อ... หลานหลีกทางเถอะ  เอายาเม็ดนั้นมาให้ปู่กินทีสิ”

ชายแก่รับยาไปแล้วก็กลืนลงโดยไม่ได้พูดอะไรอีก  เขาไม่ได้กลัวตาย  แต่หากเขามีเวลาอีก 3 ปีจริงๆ เรื่องราวค้างคามากมายเขาก็คงจะจัดการได้อย่างเหมาะสม  หากเขาจากไปอย่างกะทันหันล่ะก็ครอบครัวก็คงเกิดความสับสนอลหม่านแน่  อาจกระทั่งเริ่มเดินไปสู่ความล่มจม  นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการจะเห็น

ดังนั้นถึงแม้โอกาสที่เย่โม่จะเป็นพวกต้มตุ๋นจะมีถึง 90 %  แต่ขอแค่มีความหวังสัก 10 % เขาก็ยังอยากจะลองเชื่อดู!

เมื่อเห็นชายแก่คนนี้กลืนยาเข้าไปเย่โม่ก็พยักหน้า  เขาปล่อยให้ชายแก่นอนลงแล้วจึงเริ่มฝังเข็มทันที

เดิมทีฉิงเอ๋อก็สงสัยในตัวเย่โม่อยู่แล้ว  ยิ่งพอเขาหยิบยาสีดำนั่นออกมายิ่งแล้วใหญ่  ทว่าเมื่อได้เห็นความเร็วในการฝังเข็มของเย่โม่และสีหน้าที่ผ่อนคลายของปู่  นั่นทำให้เธอเริ่มรู้สึกคาดหวังในตัวเย่โม่ขึ้นมา

ถึงจะไม่เคยเห็นการรักษาด้วยการฝังเข็มของแพทย์จีนจริงๆ มาก่อน  แต่เธอก็เคยเห็นทางทีวีมาบ้าง  การฝังเข็มของแพทย์แผนจีนโดยทั่วไปไม่มีทางเคลื่อนไหวได้ไหลลื่นราวสายน้ำแบบนี้  อีกทั้งเวลาหมอหนุ่มคนนี้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก็ราวกับจะเห็นได้เพียงภาพติดตาเท่านั้น  นี่เองที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เธอเกิดความเชื่อมั่นในตัวเขาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง  แล้วความกังวลใจก็หายไปจนหมดสิ้นเมื่อเธอเห็นใบหน้าของเย่โม่ปรากฏเหงื่อผุดปรายขึ้นเต็มไปทั่ว

แต่ทันใดนั้นเองหญิงสาวก็เริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาอีกครั้ง  เมื่อเห็นสีหน้าอันทุกข์ทรมานของปู่  ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยถามอยู่นั้นเองเย่โม่ก็จับร่างของชายแก่พลิกแล้วทาบฝ่ามือไปบนหลังทันที!

ชายแก่ไอเอาน้ำสีดำข้นหนืดเหนียวออกมา

เย่โม่ถอนหายใจอย่างโล่งอก  เขาหันไปบอกกับหญิงสาว  “ปู่ของคุณอาการดีขึ้นแล้ว  ภายใน 3 ปีนี้ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน... ตอนนี้ให้พยาบาลมาทำความสะอาดเสียหน่อย  ผมไปล่ะ”

โดยไม่รอให้หญิงสาวตอบกลับ  เขาสะพายกระเป๋าพยาบาลเดินจากไปทันที  พอฉิงเอ๋อได้สติรีบวิ่งตามไป  แต่เย่โม่ก็ได้หายไปเสียแล้ว

“ปู่...”  ฉิงเอ๋อวิ่งกลับไปที่ห้องฉุกเฉินอีกครั้งพร้อมร้องเรียกอย่างเป็นกังวลอยู่บ้าง  เธอสงสัยว่าเย่โม่อาจจะเป็นพวกต้มตุ๋นเลยรีบชิ่งหนีก็เป็นได้  ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่แพทย์ของโรงพยาบาลลี่คังนี้ด้วยซ้ำ  ตอนที่เดินเข้ามาครั้งแรกพยาบาลก็บอกว่าเขาไม่ใช่หมอชุย  ถึงตอนนี้เธอเพิ่งจะนึกได้แต่จะวิ่งตามไปก็ไม่ทันเสียแล้ว

ชายแก่ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดปาก  ดวงตาของเขาฉายแววประหลาดใจออกมา  มองไปยังหลานสาวแล้วพูดขึ้น  “หมอคนนี้ไม่ใช่พวกต้มตุ๋น... ปู่รู้สึกได้เลยว่าทั่วร่างกายเบาลง  ไม่รู้สึกหนักแบบแต่ก่อนแล้ว  คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ายังมีหมอเทวดาแบบนี้อยู่อีก  อีกเดี๋ยวหลานไปถามพยาบาลให้หน่อยว่าหมอคนนี้แท้จริงแล้วชื่ออะไรกันแน่  บุคคลระดับนี้เราต้องทำความรู้จักเอาไว้บ้าง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด