ตอนที่แล้วบทที่ 11 การเข้างานแทนอันแสนซับซ้อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 ไม่ใช่พวก 18 มงกุฏ

บทที่ 12 อยากจะรักษาตามอาการหรือรักษาโรค?


เย่โม่มองไปยังชายแก่ที่นอนอยู่  ตอนที่เดินมาแรกๆ ก็คล้ายว่าจะพอเดินได้บ้าง  ทว่าตอนนี้กลับหมดสติไปเสียแล้ว ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างรวดเร็ว

เย่โม่มองไปยังพยาบาลและหญิงสาวที่กำลังร้อนใจ  ยังไม่ทันได้พูดอะไรหญิงสาวคนนี้ก็พูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้น   “คุณหมอ! ได้โปรดช่วยชีวิตคุณปู่ของฉันที  เป็นความผิดของฉันเอง  ไม่น่าปล่อยให้เขาแอบมาที่หนิงไห่เลย...”

เย่โม่ขมวดคิ้ว  มาพูดตอนนี้ว่าอะไรควรไม่ควรก็เปล่าประโยชน์แล้ว  เขาหยิบเข็มเงิน 2-3 เล่มออกมาจากกระเป๋าพยาบาลแล้วทิ่มไปยังชายแก่ 2-3 ครั้ง  ปราณของเย่โม่ไหลเวียนเข้าไปในร่างชายแก่ทันที

ชายแก่ไอเอาอากาศเสียออกมา  สีม่วงคล้ำบนใบหน้าเริ่มจางหายไป  เพียงพริบตาเดียวเขาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง  จากนั้นเขาจึงลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า  “ฉิงเอ๋อ... หลานไม่ต้องกังวลหรอก  นี่แค่โรคเก่าๆ เท่านั้น”

พยาบาลและหญิงสาวคนนั้นมองเย่โม่ด้วยอาการตกตะลึงอยู่เป็นเวลานาน  นี่คือวิชาแพทย์อะไรกัน  แค่เข็มไม่กี่เล่มก็ช่วยชีวิตชายแก่ใกล้ตายกลับมาได้แล้ว?  หญิงสาวในชุดพยาบาลได้สติกลับมาคนแรก  มองไปยังผ้าปิดปากของเย่โม่ด้วยความประหลาดใจ  คนที่มาแทนหมอชุยคนนี้เป็นใครกันฝีมือยอดเยี่ยมจริงๆ

หญิงสาวอีกคนไม่นานก็ได้สติคืนมา เธอรีบพุ่งไปยังเตียงของชายแก่  “คุณปู่!  ทำหนูกลัวแทบตาย  ครั้งหน้าหนูไม่กล้าพาปู่ออกมาโดยพลการแบบนี้แล้ว...”

พูดไม่ทันจบน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา

เย่โม่มองไปยังหญิงสาวคนนั้น  ชุดแบรนด์เนมของเธอจากดีไซด์เนอร์ชื่อดัง  ดอนนา  คาเรน  คาดว่าคงมีราคาสองสามหมื่นหยวน  รองเท้าที่สวมอยู่คู่นั้นก็คงเป็น CHANEL  สิ่งแรกที่เย่โม่คิดก็คือ  ผู้หญิงคนนี้รวย  เมื่อมองไปยังใบหน้าที่ยังมีคราบน้ำตาอยู่ก็พบว่าเธอเป็นคนที่สวยมาก  ให้อารมณ์ไม่ต่างจากหญิงสาวที่มาซื้อยันต์ของเย่โม่คนนั้นมากนัก  ด้วยความร้อนใจทำให้ใบหน้าของเธอออกเป็นสีชมพูจางๆ ตัดกับสีผิวขาวราวหิมะและลำคอยาวระหงขาวละเอียดเนียนของเธอ  ที่ทำให้เย่โม่ลดสายตาลงมองอย่างอดไม่อยู่  คือร่องอกลึกที่เข้ากันดีกับชุดสไตล์  ดอนนา  คาเรน  ยิ่งทำให้ผู้พบเห็นจินตนาการเตลิดไปไกล

“ฉิงเอ๋อ... ปู่ไม่เป็นอะไรหรอก  หลานช่วยประคองปู่นั่งหน่อย”  ชายแก่โบกไม้โบกมือพูด

“คุณเป็นหมอที่มหัศจรรย์มาก  ผมรู้จักโรคของตัวเองดี  ไม่เคยมีใครใช้เวลาสั้นๆ แค่นี้ปลุกผมจากโรคนี้มาก่อน....”  ยังไม่ทันที่ชายแก่คนนี้จะพูดจบหญิงสาวที่ชื่อฉิงเอ๋อคล้ายจะคิดอะไรได้  เธอหันมามองเย่โม่ด้วยความประหลาดใจ  “ครั้งนี้ขอบคุณมากจริงๆ  ไม่เคยคิดเลยว่าวิชาแพทย์ของคุณหมอจะดีขนาดนี้  คุณเป็นแพทย์แผนจีนใช่หรือเปล่า  ที่ใช้นั่นคือเข็มทองใช่ไหม  คุณรู้หรือเปล่าว่าปู่ของฉันป่วยเป็นอะไรกันแน่”

ดูเหมือนว่าหญิงสาวที่ชื่อฉิงเอ๋อเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าหมอคนนี้จะตอบอะไรกลับมา  สาเหตุก็เพราะโรคของปู่เธอเคยถูกหมอทั้งในและนอกประเทศที่มีชื่อเสียงหลายต่อหลายคนวินิจฉัยมาแล้ว  แต่ก็ไม่สามารถตัดสินได้ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่  แต่จากอวัยวะภายในที่แก่ตัวลงอย่างไร้สาเหตุทำให้คาดการณ์กันว่าปู่ของเธอเหลือเวลาเพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น

เธอถามออกไปแบบนั้นด้วยความเคยชิน  แต่ที่จริงคือเธอรู้สึกขอบคุณหมอคนนี้ที่ช่วยชีวิตปู่ของเธอไว้จากใจจริง โชคดีที่พวกเธออยู่ใกล้โรงพยาบาลลี่คังพอดี  หากเกิดเรื่องกับคุณปู่เข้า  ไม่เพียงแต่เธอจะรู้สึกเสียใจเท่านั้น  ผลที่ตามมาคงเกินกว่าเธอจะรับไหว  ถึงเธอจะเป็นหลานสาวที่คุณปู่รักมากที่สุดแต่คุณปู่ก็มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ และเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย

เย่โม่พยักหน้า  “ผมรู้ว่านี่คือโรคอะไร”

โรคนี้แน่นอนว่าเขาย่อมต้องรู้จัก  เขาเองยังรู้อีกว่าบนโลกนี้ยังไม่มีผลสรุปที่แน่ชัดต่อโรคชนิดนี้  เขาจึงคาดการณ์ได้ว่าโรคที่ชายแก่คนนี้เป็นยังไม่ถูกวินิจฉัยออกมา  สาเหตุก็เพราะโรคชนิดนี้พบเห็นได้ยาก  อาจกล่าวได้ว่าในหนึ่งร้อยล้านคนอาจหาไม่เจอเลยสักคนเดียวก็เป็นได้

ในโลกจอมยุทธ์มีแร่ชนิดหนึ่งเรียกว่า ‘ถ่านหินม่วง’ เป็นแร่ที่สามารถใช้ทำอุปกรณ์  เวทย์มนต์ขั้นกลางได้แต่ก็มีไม่เยอะนัก  ทว่า ‘ถ่านหินม่วง’ มีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง  นั่นคือหลังจากขุดแร่ชนิดนี้ขึ้นมาได้แล้วจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ในกล่องหยกไม่อย่างนั้นมันก็จะสูญเสียคุณค่าไป  หากนำ ‘ถ่านหินม่วง’ ไปใส่ในกระเป๋าเสื้อผ้าตรงๆ ล่ะก็ใช้เวลาเพียงแค่วันเดียวสสารอันตรายภายในนั้นก็แทรกซึมเข้าร่างกายคนได้แล้ว  อีกทั้ง ‘ถ่านหินม่วง’ ก็จะกลายเป็นแร่ไร้ค่าชิ้นหนึ่งไป

ตอนเขาฝังเข็มลงไปก็รู้ได้อย่างชัดเจนว่าชายแก่คนนี้ถูก ‘ถ่านหินม่วง’ ทำพิษเข้าแล้ว  คนที่ถูกพิษชนิดนี้เข้าไปจะมองอาการไม่ออก  หากสุขภาพร่างกายแข็งแรงหน่อยก็ใช้เวลา 10 ปี  หลังจากนั้นจึงจะเริ่มออกอาการ  ครั้นเมื่อเริ่มปรากฏอาการขึ้นแล้วหากรักษาไม่ถูกล่ะก็  มีแต่ต้องตายสถานเดียว

ผู้ที่มีอาการนี้ทั่วทั้งร่างจะกลายเป็นสีม่วง  อวัยวะภายในเองก็จะค่อยๆ กลายเป็นถ่านหิน  สุดท้ายก็จะหายใจไม่ออกจนตาย  หากไม่ใช่ผู้ฝึกปราณแล้วก็คงได้แต่ใช้สมุนไพรคอยกำจัดพิษออก  ทว่าเย่โม่เป็นถึงผู้ฝึกปราณด่านรวบรวมปราณระดับ 1 แค่เพียงใช้พลังปราณกำจัดก็ได้แล้ว

แต่ที่เย่โม่ประหลาดใจก็คือ  ที่โลกแห่งนี้กลับมีแร่ชนิดนี้อยู่  ประหลาดจริงๆ  หากเขาได้มาครอบครองก็คงไม่เลวเลย

“อะไรนะ? คุณบอกว่าคุณรู้เหรอว่าคุณปู่ของฉันเป็นโรคอะไร?  คุณหมอ  คุณรักษาได้มั้ย?  ขอแค่คุณรักษาให้หายไม่ว่าเงื่อนไขอะไรฉันก็ยอมทุกอย่าง”  ขณะพูดมือเธอเองก็เริ่มสั่น

ชายแก่เองก็มองเย่โม่อย่างคาดไม่ถึง  แค่หมอหนุ่มคนนี้ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาได้ก็สุดยอดมากแล้ว  ยังบอกอีกว่ารู้ว่าเขาเป็นโรคอะไร  นี่มันจะเว่อร์เกินไปหน่อยแล้ว  โรงพยาบาลลี่คังแห่งหนิงไห่มีมาตรฐานการรักษาสูงขนาดนี้เชียว?  กระทั่งหมอแผนกฉุกเฉินยังรู้จักโรคของเขา  เป็นไปได้อย่างไร?

ไม่ว่าเงื่อนไขอะไรก็ยอมทุกอย่าง?  เย่โม่ยิ้มบางๆ  คำพูดแบบนี้เป็นสาวเป็นแส้ไม่ควรพูดจริงๆ  แต่ก็ทำให้เข้าใจว่าบ้านของผู้หญิงคนนี้คงจะรวยไม่ใช่เล่น  ในเมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ไม่ต้องเกรงใจอะไรอีก  ช่วงนี้เขาขาดเงินพอดี  ทำเงินสักนิดสักหน่อยก็สมควรแล้ว

คิดถึงตรงนี้เย่โม่ก็หันไปหาพยาบาลสาวที่ยังอ้าปากค้างอยู่  “เธอออกไปก่อน  ผมจะพูดคุยกับครอบครัวผู้ป่วยสักหน่อย”

หลังจากพยาบาลคนนั้นเดินจากไป  เย่โม่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง  จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า  “โรคนี้ผมรักษาได้”

ปัง!  เสียงโทรศัพท์ของหญิงสาวที่ชื่อฉิงเอ๋อร่วงลงพื้นก็ดังขึ้น  แบตเตอรี่กระเด็นออกไปไกล  ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าโทรศัพท์ของเธอคงจะพังเสียแล้ว

“คุณหมอ!  คุณรักษาปู่ของฉันได้จริงๆ หรือ?”  ฉิงเอ๋อรีบพุ่งมาตรงหน้าเย่โม่  จับมือทั้งคู่ของเย่โม่ไว้แล้วถามด้วยความร้อนใจ

ชายแก่คนนั้นเองก็มองเย่โม่ด้วยอาการตกตะลึง  เขาไม่คิดว่าเย่โม่กำลังพูดโกหกอยู่  เพราะว่าสิ่งที่เย่โม่แสดงให้เห็นเมื่อครู่ก็การันตีได้ว่าเขาเป็นหมอที่มีฝีมือจริงๆ

“อืมม... ฉิงเอ๋อ  คุณไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นไป  นั่งลงก่อนแล้วค่อยพูดค่อยจากัน”  ถูกสาวสวยจับมือไว้แบบนี้เย่โม่ก็รู้สึกว่าได้กำไรอยู่มาก  เมื่อเทียบฉิงเอ๋อคนนี้กับซูเหมยแล้วยังถือว่าเธอคนนี้ยังมีสเน่ห์ดึงดูดมากกว่า  หากฉิงเอ๋อคนนี้ไปมหาวิทยาลัยหนิงไห่ล่ะก็ตำแหน่งสาวงามอันดับ 1 ของมหาวิทยาลัยคงต้องมอบให้กับเธอแล้ว  ที่สำคัญที่สุดก็คือเธอไม่ได้ทำให้คนอื่นรู้สึกแย่เหมือนซูเหมย

เมื่อเห็นหมอคนนี้เรียกเธอว่าฉิงเอ๋อเช่นกันใบหน้าของหญิงสาวก็แดงขึ้นเล็กน้อย  เธอรีบปล่อยมือของเย่โม่แล้วไปนั่งข้างๆ ปู่ของเธออย่างว่าง่าย  เธอเองก็ไม่แน่ใจนักว่าเย่โม่แค่ไม่รู้จักชื่อเธอ  เลยเรียกตามปู่ของเธอเท่านั้นหรือเปล่า

เมื่อเห็นหลานสาวของตนเขินอาย  ชายแก่ก็หัวเราะฮ่าฮ่า!  รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจไม่น้อย

“อยากรักษาตามอาการหรือรักษาโรค?”  เย่โม่ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“อะไรคือรักษาตามอาการหรือรักษาโรค?  แน่นอนว่าฉันอยากให้รักษาปู่จนหายขาด”  เมื่อเห็นว่าเย่โม่เริ่มพูดถึงการรักษาแล้วใบหน้าของเธอก็เริ่มกลับคืนเป็นปกติแล้วรีบถามขึ้นทันที  ในใจก็คิดไปถึงดวงตาอันส่องประกายของหมอหนุ่มคนนี้ เสียดายที่มองไม่เห็นใบหน้าของเขา...

เย่โม่กลับพูดขึ้น  “จากระดับฝีมือของผมตอนนี้... หากจะรักษาโรคเลยผมมีความมั่นใจแค่ 7 ส่วนเท่านั้น  อีก 3 ส่วนคือปู่ของคุณจะตายก่อนวัยอันควร  หากรักษาตามอาการผมก็มั่นใจ 10 ส่วนว่าจะทำให้ปู่ของคุณมีร่างกายแข็งแรงอยู่ต่อได้อีก 3 ปี  ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหนก็ตามแต่  ยานี้ผมทำขึ้นมาเอง ค่ารักษาต้องจ่ายให้ผมตรงนี้เลย  ไม่มีค้างจ่าย”

ถึงการพูดว่ามั่นใจ 7 ส่วนจะถือเป็นการหวาดระแวงไปนิด  แต่หากอิงจากระดับพลังของเขาตอนนี้นั้น  ถึงแม้ฝีมือทางด้านการรักษาของเขาจะไม่เลว  ทว่าเขาฝึกถึงแค่ด่านรวมปราณระดับ 1 เท่านั้น  หากถึงระดับ 2 ล่ะก็เขาจะมีความมั่นใจถึง 9 ส่วน  หากฝึกถึงระดับ 3 ก็มั่นใจเพิ่มเป็น 10 ส่วน

“เป็นอย่างนี้ได้ไงกัน?  คุณปู่...”  ชัดเจนว่าหญิงสาวที่ชื่อฉิงเอ๋อไม่อาจตัดสินใจได้  เธอมองไปยังปู่ของเธอด้วยความอึดอัดใจ  หวังว่าปู่ของเธอจะให้คำแนะนำอะไรดีๆ ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด